ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทเรียนแห่งรักแรก

    ลำดับตอนที่ #6 : ง้อ...เพื่อเธอ?

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 54


    เช้าวันอังคารที่อากาศสดใสเป็นพิเศษ และใจฉันก็หมองเป็นพิเศษเช่นกัน ฉันนั่งซบไหล่อุ๋งอิ๋งอย่างเบื่อหน่ายในอารมณ์ ฉันลองนั่งจิตนาการเล่นๆดูว่า ถ้ามาร์กกี้ถือช่อดอกกุหลาบสีแดงมาง้อฉัน มันจะดีแค่ไหน แล้วถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ฉันจะรีบยกโทษให้มาร์กกี้ทันทีเลยแหละ แต่อีกใจหนึ่งมันก็บอกว่า ถ้าฉันดีกับมาร์กกี้แล้ว เขาจะหลอกฉันรึเปล่า? แล้วเขาจะมาเยาะเย้ยฉันทีหลังรึเปล่า?

                    “เฮ้ย! เฟรม” การจินตนาการของฉันเป็นอันต้องยุติลงทันทีที่มายส่งเสียงห้าวๆของเธอมาปลุกฉัน ฉันยืดตัวตรงเตรียมรับฟังเต็มที่ “มาร์กกี้ถือช่อกุหลาบมาโรงเรียนแหละ” มายกล่าวอย่างสดใส  หากแต่มันก็ทำให้ฉันยิ่งเครียดหนักขึ้นกว่าเดิมเป็นหลายสิบเท่า และทั้งวันก็ได้แต่คิดว่ามาร์กกี้จะเดินเอาดอกกุหลาบมาให้เมื่อไหร่? แล้วจะบอกเขาว่าอย่างไร? และถ้าพูดไปแล้ว ต่อไปจะเป็นอย่างไร?

     

                    จนกระทั้งถึงตอนพักเที่ยง ฉันเดินลงมากินข้าวกับอุ๋งอิ๋งตามปกติ แต่ที่จะแปลกไปก็คือ...ไอริชไม่มายืนรอเธอที่บันได

                    “แปลก ทำไมวันนี้ไอริชถึงไม่มารับเธอล่ะ” ฉันถามอย่างงงๆ แต่อุ๋งอิ๋งกลับตอบเป็นทีเล่นทีจริงว่าไอริชไปมีกิ๊ก จนฉันต้องอุทานออกมาไม่เป็นภาษาเลยทีเดียว

                    “นี่! สติจ้ะ สติ วันนี้ไอริชไปนำทัวร์งานวิทยาศาสตร์เลยยังมาไม่ได้” อุ๋งอิ๋งอธิบายอย่างเป็นทางการ?

                    เอ๊ะ! แล้วนี่ถ้าไอริชไปนำทัวร์งานวิทย์ฯ แล้วมาร์กกี้จะไปด้วยรึเปล่านะ ถึงได้ไม่มาหาเธอแบบนี้

                    “งั้นไปกินข้าวกันเถอะ^^” ฉันว่าพลางส่งยิ้มหวาน แล้วกระชากแขนอุ๋งอิ๋งไปทางโรงอาหารในทันที แต่แล้วเสียงที่ดังจนแสบแก้วหูก็ดังขึ้น พร้อมๆกับแรงกระชากจนทำให้แขนฉันแทบหลุด!

                    “เฟรมๆๆๆ!!!!!!!” นี่เธอกะจะประกาศชื่อฉันให้โลกรับรู้รึไงกัน! “...นั่นมันดอกกุหลาบนี่!!

                    ประโยคหลังของเพื่อนซี้ ทำให้ฉันหันมามองแทบจะในทันที แต่ภาพที่ได้เห็นคือ ดอกกุหลาบสีขาวหนึ่งดอกที่วางแน่นิ่งอยู่ในถังขยะอย่างไม่ไยดี...ฉันแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้วนะ!

     

                    “เครน! น้องเป็นอะไรรึเปล่าลูก แม่เห็นพักนี้ชอบใจลอย ทำอะไรซุ่มซ่ามพิกล” แม่หน่อย คุณแม่สุดที่รักของฉันตะโกนถามพี่ชายที่ฉันเพิ่งกวัดมือเรียกให้ขึ้นมาหาฉันที่ชั้นสอง

                    “อ๋อ! ยายเฟรมนี่เอง โธ่! แม่ครับ น้องผมมันจะมีอะไรอีกล่ะครับ มันก็มัวแต่เครียดเรื่องเรียนน่ะสิครับ เห็นบ่นว่าอยากได้ทุนเลข แล้วยังปีหน้าต้องเลือกแผนการเรียนแล้วด้วยนะครับ เป็นใครก็ต้องเครียดเป็นธรรมดาแหละแม่ น้องมันเป็นคนรักเรียน” พี่เครนเดินลงมาหาแม่ที่บันไดขั้นที่สอง และก็แก้ต่างให้ฉันเสียยืดยาว แถมตอนท้ายยังทำเสียงสูง พร้อมๆกับหันมามองฉันด้วยสายตา และสีหน้ายียวนกวนประสาทของเขา

                    “นี่! เรียกน้องว่ามันเลยนะ” ฉันเดินเข้ามาควงแขนพี่ชาย พลางตีไหล่เขาแรงๆทีหนึ่ง ซึ่งพี่เครนก็แกล้งฉันกลับด้วยการกดหัวฉันลงกับแขนของตัวเอง จนหายใจไม่ออก ก็ไขมันของพี่ชายมันอุดทางหายใจไว้หมดเลยนี่หน่า(ทั้งที่ในความจริงไม่มี)

                   

                    ฉันต้องทั้งข้อร้อง และกราบกรานพี่เครนให้ช่วยเป็นคู่ซ้อมร้องเพลงให้ฉัน แต่จะว่าไปมันก็เป็นแบบนี้ตั้งนานแล้วล่ะ ก็พักหลังๆเนี่ย พี่ป๊อปไม่ค่อยจะมาหาฉันเลยนี่หน่า แทบไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำอ่ะ

                    ~ทั้งที่ความจริงไม่มี ก็แต่เพียงหลับตา ก็เห็นภาพเธออยู่อย่างนั้น ยังไม่มีสักคืนที่ฉันจะลืม ว่ายังคงรักใคร หากฉันใช้สมองจดจำเรื่องราว ก็ยังพอจะลืมเธอได้...แต่ฉันใช้หัวใจ...เก็บความทรงจำเรื่องของเรา...”

                    “เฮ้ย!!!! พอๆๆๆๆๆๆๆ พอเลยเฟรม พี่ให้แกร้องเพลงนะโว้ย! ไม่ใช่ร้องไห้!!!!! จู่ๆพี่เครนที่เงียบมานานก็โพล่งขึ้นมาทั้งอย่างนั้น ทั้งที่ฉันก็ร้องตะกุกตะกักมาตั้งแต่ตอนแรกแล้วแท้ๆ

                    “เฮ้อ~ บอกแม่น้องรักเรียน แต่น้องมันกลับมาเรียนรักงันแหละ” พี่เครนถอนหายใจออกมาพร้อมๆกับตอนที่ฉันโผเข้ากอดพอดิบพอดี พี่เครนกอดฉันตอบนะ แต่ที่แปลกไปก็คือครั้งนี้มันดูเหนื่อยยังไงไม่รู้สิ

                    ~หำไมแค่ลมเพียงแผ่วเบา ยังทำให้เหน็บหนาว แค่เพียงแววตาที่ว่างเปล่า ยังทำให้มีน้ำตา ทำไมมันช่างเปราะบางเหลือเกิน และชีวิตเมื่อไหร่จะเข้มแข็ง~” ถ้าฉันเดาไม่ผิดพี่เครนกำลังจะสอนอะไรบางอย่างให้ฉัน

                    “พอเหอะพี่เครน ทุกอย่างมันจบแล้ว” ฉันพูดเหมือนกับมั่นใจในสิ่งที่กล่าวออกไป แต่ทว่าคำพูดเหล่านั้น มันกลับทำให้ฉันอ่อนแอลง...มากกว่าเดิม...

                   

                    “มาร์กกี้ นายควรจะหยุดได้แล้วนะ” การสนทนาระหว่างคนสองคนได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ ป๊อปเอ่ยท้วงในการกระทำที่ทรมานของมาร์กกี้ ซึ่งชายหนุ่มเจ้าของการกระทำนั้นก็ได้แต่หัวเราะหึในลำคอ พลางเดินมาทางป๊อปอย่างเหนือชั้นกว่า

                    “หึ นายก็รู้ดีนี่ ว่าท้ายที่สุดแล้ว ตัวจริงของฉันคือใคร” เขาพูดพลางเอามือมาตบบ่าชายหนุ่มอีกคน แต่มาร์กกี้คงไม่รู้หรอกว่าคำพูด และการกระทำแบบนั้นน่ะ มันจะยิ่งทำให้ป๊อปหมดความอดทนเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว

                    “แล้วใครล่ะ เฟรมเด็กตัวเล็กที่ไร้เดียงสาที่ต้องมารับกรรมกับนายงั้นหรอ?...” ป๊อปถามค้างไว้แค่นั้นเมื่อเห็นสีหน้ามาร์กกี้ที่ดูเหมือนกับว่าเบื่อหน่ายเต็มทน กับการที่เขาพูดถึงเฟรม “หรือว่ามุก”

                    คำพูดประโยคนี้แหละที่ทำให้มาร์กกี้หันมามองตาขวางที่เขาพูดถึงมุก ผู้หญิงหน้าตาสวยคมที่เรียนอยู่ชั้นเดียวกันกับพวกเขา เพียงแต่ในขณะนี้มุกกำลังบินไปเมืองนอกเพื่อดูงานกับพ่อบุญธรรมของเขา และเมื่อไรที่เธอกลับมา ความสัมพันธ์ของเขาและเฟรมก็คงต้องหยุดชะงักไว้แค่นั้น หรือไม่มันก็อาจจะจบลงไปเลยก็ได้ หากคนตัวเล็กยังๆไม่ยอมพูดจากับเขาอยู่แบบนี้

                    “งั้นนายก็คงมีความสุขมากสินะ กับการที่ได้ควงผู้หญิงคนโน้นที คนนี้ที” ตอนนี้เหมือนกับว่าป๊อปได้เอาน้ำมันก๊าดไปราดลงตรงกองเพลิงในใจของมาร์กกี้ ทำให้มันยิ่งคงอานุภาพที่รุนแรงและน่ากลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก มาร์กกี้หันมาตวาดป๊อปดังลั่น จนคนถูกไล่ ถึงกับสะดุ้งสุดตัว เมื่อได้พบกับเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากคนตรงหน้า

                    “ออกไป!!!!!!!!” เพื่อนชายที่ใครๆนึกว่าสนิทกันที่สุดกำลังมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง เสียงทะเลาะกันดังลั่นไปทั่วสารทิศ ทำให้นักเรียนหญิงที่อยู่แถวนั้น เอาหูมาแนบกับห้องพักมาร์กกี้อย่างห้ามใจไม่อยู่ แต่เมื่อป๊อปเปิดประตูออกพร้อมกับรังสีพิฆาต ที่บอกพวกเธอว่าถ้ายังอยู่ตรงนี้อีก อาจจะไม่รอดก็ได้ ฉะนั้นวันนี้ทั้งวันเลยไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ป๊อปมากกว่าระสิบเมตรอีกเลย

                    และสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มมีอารมณ์ขุ่นเคืองมากขึ้นกว่าเดิมนั้น มันก็คือปฏิทินห้องที่บอกเวลาว่าอีกไม่กี่วันมุกก็จะกลับมาพร้องงานโรงเรียนที่จะจัดขึ้นพอดี วันนั้น...คงจะมีคนๆนึงที่ต้องเจ็บเจียงตายแน่ๆ

     

                    วันนี้เครนตั้งใจจะมารับน้องสาวและ มาดูหน้าคนทำให้น้องของเขาเป็นได้ถึงขนาดนี้ในเวลาเดียวกัน หึ เป็นไงล่ะยัยเฟรม งานนี้ ฉันจะได้รู้สักทีว่า มาร์กกี้ คนที่เธอพูดถึงนั้นน่ะ มีอะไรดีนักหนา

                    แต่ยืนชะเง้ออยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง สิ่งที่เครนพบก็มีแต่ความว่างเปล่า มีแต่น้องสาวสุดที่รักที่เดินคอตก ปนอาการชะเง้อมองหาใครอีกคนที่ไม่ใช้พี่ชายคนนี้ รู้ได้ยังไงน่ะหรอ ก็ตรงที่ทิศทางมันต่างกันลิบลับเลยยังไงล่ะ!

                    และความซุ่มซ่ามของน้องสาวก็บังเกิด เมื่อความเป็นยีราฟสิ้นสุดลงเธอก็เดินมาชนก็ใครคนหนึ่งเข้า ผู้ชายคนนั้นดูมีรัศมีที่น่ากลัว แต่ก็ดูดีและอบอุ่นจนน่าประหลาด

                    “เฟรม ซุ่มซ่าม มานี่ได้แล้ว” ผมตะโกนเรียกน้องมาแต่ไกล ก่อนที่เฟรมจะโดนฆ่าหมกท่อ

                    “พี่เครน พรุ่งนี้เฟรมจะลงแข่งคณิตฯม.3 พี่เครนช่วยติวให้เฟรมหน่อยสิ” ส่วนเฟรมที่เพิ่งเดินคอตกมาเมื่อครู่ กลับเอ่ยด้วยความยินดี สงสัยว่าโดนชนจนสมองเบลอ และที่หนักไปกว่านั้นคือ ตอนแรกเธอบอกว่าพรุ่งนี้จะร้องเพลงไม่ใช่รึไง

                    “พี่เครน!!!!” อุ๋งอิ๋งตะโกนเรียกผมมาแต่ไกล พร้อมกับการที่ยัดกระเป๋าใส่มือคนข้างๆ แล้ววิ่งเข้ากอดผม ขนาดน้องผมยังไม่ทำขนาดนี้เลยนะเนี่ย

                    เฟรมรีบวิ่งเข้ามากระชากแขนผมออกทำอย่างกับว่าเราเป็นแฟนกันงั้นแหละ

                    “นี่!! อุ๋งอิ๋ง ออกไปไกลๆเลยนะ เธอทำแบบนี้เหมือนไม่เห็นหัวไอริชเลยรู้ไหม” ฉันเดินเข้ามาโวยวายอุ๋งอิ๋ง พลางหาข้ออ้างที่ดีที่สุดเท่าที่จะคิดได้ในตอนนี้

                    “โอ๊ย!!! นี่ยายเฟรม จะบอกว่าหวงพี่ชายก็พูดมาเถอะ ไม่ต้องมาหาข้ออ้างให้เสียเวลาหรอกน่า”

                    “รู้แล้วก็ออกไปเลยนะ” ฉันยังคงไม่เลิกไล่อุ๋งอิ๋งง่ายๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียหน้าเด็ดขาด

                    “เฟรม!” มาร์กกี้โพล่งออกมาจากไหนไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆคือ เขากระชากฉันออกมาจากแขนของพี่เครนอย่างแรง จนฉันรู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าเจ็บที่แขน หรือที่ใจมากกว่ากัน

                    “มาร์กกี้ นั่นพี่ชายฉันนะ” ฉันพยายามข่มความตกใจเอาไว้ให้ได้มากที่สุด แล้วบอกออกไป

                    “ใครหน้าไหนฉันก็ไม่สนทั้งนั้นน่ะ ที่ฉันสนคือ เธอเป็นแฟนฉัน เฟรม!” ฉันรู้สึกว่ามาร์กกี้จะไม่ได้ฟังเนื้อหาที่ฉันพูดเลยแม้แต่น้อย พลันสายตาก็เหลือบมองไปทางป๊อปที่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา ฉันคิดว่าเขาคงไม่พอใจในการกระทำที่ไร้เหตุผลของเพื่อนคนนี้มากกว่า แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไร ฉันก็ต้องหันกลับมาหาเหตุการณ์วุ่นวายเบื้องหน้าซะก่อน และเมื่อหันมาสบเข้ากับแววตาวาวโรจน์ของป๊อปฉันกลับรู้สึกดีเวลาที่เขาบอกว่าฉันเป็นแฟนเขา และเขาหึง ฉัน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×