ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทเรียนแห่งรักแรก

    ลำดับตอนที่ #3 : การปรากฏตัว

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 54


    มาร์กกี้ อืม...นายว่าชื่อฉันเป็นไงมั่ง” หึ...เป็นบ้าอะไรของเขา ใช้ชื่อนี้มาตั้งนาน แต่คิดจะมาถามความเห็นเพื่อนเอาตอนนี้ ฉันล่ะศรัทธาในชีวิตอีตานี่จริงๆ

                    “ชื่อแกก็ฟังดูดี” นั่นไง คำตอบที่เห็นอยู่ชัดๆว่าเป็นการตอบปัดๆ ไปให้พ้นตัว

                    “แล้วเฟรมล่ะจ๊ะ ว่าไง...ชื่อพี่เท่ใช่ไหมล่ะ”

                    “ปัญญาอ่อนสิไม่ว่า” ใครก็ได้ช่วยบอกทีสิว่ามาร์กกี้จะไม่โกรธฉันน่ะ

                    “นี่ๆ พวกพี่ๆ เนี่ยเลิกพูดเรื่องชื่อ แล้วมาดูซิว่าพี่ป๊อปหายไปไหน” พวกฉันทั้งโต๊ะหันไปมองทางต้นเสียง ก็ได้พบกันเด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักคนหนึ่ง ซึ่งถ้าดูจากป้าบชื่อแล้ว...บอกได้ทันทีเลยว่าเพิ่งขึ้นมัธยมมาหมาดๆ หันมายิ้มหน้าบานให้แฟนของฉันกับอุ๋งอิ๋ง อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ขอย้ำว่าแฟนของฉัน!

                    “เออ หวัดดีครับ น้องเป็นใครหรอ?” มาร์กกี้! นี่นายถามเพราะมารยาท หรือเพราะน้องเขาสวยกันแน่ยะ

                    “หนูชื่อ เชอร์รี่ค่ะ อายุ 13 ปี เรียนอยู่ห้องหนึ่งทับสามค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะพี่มาร์กกี้” ยายเชอร์รี่ยื่นมือมาให้แฟนฉัน นี่เป็นเพราะหล่อนไม่เห็นฉัน หรือไม่เห็นหัวฉันกันแน่ยะ

                    “แล้วก็พี่ไอริชด้วยนะคะ หนูชอบพวกพี่มากๆ เลยค่ะ” ตอนนี้ฉันเริ่มรู้สึกถึงรังสีพิฆาตอันเนื่องมาจากความหึงหวงของอุ๋งอิ๋งแล้วล่ะ นี่ขนาดฉันว่าตัวเองขี้หึงแล้วนะ พอเจออุ๋งอิ๋งเนี่ยฉันยอมแพ้เลยแหละ

                    “เออ คุณน้องเชอร์รี่คะ พี่ว่าหน้าตาของน้องเนี่ยสวยดีนะคะ” นั่นไงอุ๋งอิ๋งเริ่มปฏิบัติการแล้ว แต่ดูเหมือนว่ายัยเชอร์รี่จะยังไม่รู้สึกตัวนะ

                    “ค่ะ ขอบคุณพี่มากนะคะ ที่ชมเชอร์รี่ เอ๊ะ! ว่าแต่พี่เป็นใครหรอคะ?” อุ๋งอิ๋งยิ้มหวานก่อนจะประกาศศักดาว่าเธอเป็นแฟนของไอริช ฉันว่าที่อุ๋งอิ๋งทำแบบนี้คงเป็นเพราะต้องการจะหักหน้าเชอร์รี่แน่ๆเลย

                    “พี่นี่โชคดีจังเลยนะคะ ได้มีแฟนดีๆอย่างพี่ไอริชด้วย” เชอร์รี่แสดงความยินดีที่ดูเหมือนว่าเป็นความจริงใจ แล้วหันมายิ้มให้ฉันก่อนจะเดินนอกไป ฉันว่าเชอร์รี่ก็เป็นคนดีมนระดับหนึ่งเหมือนกันนะ ^^ ส่วนอุ๋งอิ๋งที่ตอนแรกตั้งใจจะหักหน้าเขา กลายเป็นว่าตอนนี้หน้าเธอแยกเป็นสามท่อนไปเสียแล้ว เฮ้อ~ นี่แหละเพื่อนฉัน-_-;

                   

                    ฉันเดินขึ้นตึกเรียนมาพร้อมอุ๋งอิ๋งเพราะว่าตึกของม.ต้น กับม.ปลายอยู่คนละตึกกัน

                    “เฟรม! ฉันว่าเธอต้องระวังมาร์กกี้เอาไว้ให้ดีๆเถอะ ฉันว่ายัยเชอร์รี่นั่นน่ะ ต้องมีแผนแน่ๆ” อุ๋งอิ๋งดูมั่นใจมากเลยล่ะ มั่นใจกว่าตอนนี้ที่บอกว่าจะต้องตกท่ออีก-_-;

                    “นี่อุ๋งอิ๋ง เธอแน่ใจได้ไง ไม่เห็นตอนเชอร์รี่ยิ้มให้ฉันหรอ ฉันว่าน้องเขาอาจจะเป็นคนดีก็ได้นะ” ฉันฉีกยิ้มกว้างๆให้อุ๋งอิ๋งเพื่อว่าจะได้ลดความขี้ระแวงของตัวเองลงได้บ้าง

                    “โอ๊ย! ฉันล่ะอารมณ์เสีย เธอชอบไว้ใจคนอื่นง่ายแบบนี้ตลอดเลย ฉันเซ็ง!” พอบ่นเสร็จเพื่อนสุดที่รักฉันก็เดินสะบัดก้นหนีไปเลย แต่แล้วอีกไม่ถึงหนึ่งนาทีอุ๋งอิ๋งก็ต้องวิ่งหน้าตื่นออกกลับมาลากฉันไปเข้าห้องเรียน เพราะถ้าไม่มีฉันคอยแก้ตัวกับครูเลขให้ว่าทำไมถึงมาเรียนนอกเวลาสาย ยัยอุ๋งอิ๋งโดนตัดคะแนนความประพฤติแน่                                         

                    ~ความเดิมตอนที่แล้วจำได้เราเคยรักกัน~” เสียงร้องเพลงของป๊อป หัวหน้าวงดนตรีของม.ปลาย และอดีตประธานชมรมขับร้องของฉัน สรุปง่ายๆก็คือ เขาเป็นรุ่นพี่ในชมรมฉันนั่นเอง

                    “เฟรม~ ฉันมาฟังเธอร้องเพลงแหละ” อุ๋งอิ๋งผู้เป็นหนึ่งในกรรมการจัดกิจกรรมนิทรรศการ ซึ่งถูกแต่งตั้งโดยไอริช เดินโบกมือให้ฉันอย่างสบายอารมณ์ ซึ่งฉันก็ได้แต่พยักหน้าตอบเพราะมัวแต่ฟังป๊อปร้องเพลงอยู่

                    “ทำให้ดีๆนะจ๊ะ วันนี้จะมีน้องชมรมเต้นมาดูด้วยนะ^^” ฝากฝังไว้ดีเพราะกลัวหน้าแตกล่ะสิ ไม่น่าถึงรีบเข้ามาหาฉันก่อนไปหาไอริช

                    “อืม หวังพึ่งเพื่อนร้องเปอร์เซ็นเลยนะเธอ” ฉันพูดแขวะไปนิดนึง เพื่อว่าจะสำนึกได้บ้าง อิๆ

                    “โธ่! เฟรมจ๋า เธอทั้งเรียนเก่ง ร้องเพลงเก่ง เล่นดนตรีเก่ง เก่งไปหมดแบบนี้น่ะ ฉันก็ต้องชมสิจ๊ะ” อุ๋งอิ๋งเปลี่ยนมาทำเสียงหวานใส่ เป็นเด็กไร้เดียงสาให้ฉันแทน

                    “จะบอกว่าร้องเพลงไม่เป็นก็พูดมาเถอะ” ฉันอดไม่ได้หยิกเพื่อนไปทีหนึ่ง แต่ก่อนที่อุ๋งอิ๋งจะพูดอะไรกลับมาเสียงเรียกของอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมก็ดังขึ้นซะก่อน

                    “เฟรม! ชึ้นมาได้แล้วลูก” ฉันเตรียมเก็บโน้ตเพลงเข้าแฟ้มแล้วจะเดินขึ้นไปบนเวที แต่อุ๋งอิ๋งก็ดึงแขนไว้ซะก่อน

                    “ครูเขาเป็นแม่เธอตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ” ระหว่างที่อุ๋งอิ๋งหัวเราะคิกคักอยู่นั้น เสียงตำนิที่คุ้นเคยก็ลอยมากระทบโสตประสาทเข้าอย่างจัง

                    “อุ๋งอิ๋ง เธอนี่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเลยจริงๆ ปล่อยเพื่อนขึ้นมาบนเวทีได้แล้ว” อุ๋งอิ๋งได้แต่ยิ้มแห้งให้อาจารย์ที่ปรึกษาของฉัน แล้วจึงปล่อยฉันเป็นอิสระ ต่อไปนี้โชคดีนะอุ๋งอิ๋ง^_^

     

                    เวลาผ่านไปหลายชั่งโมง ฉันชักเริ่มจะเหนื่อยแล้วนะเนี่ย แต่ทำไงได้ในเมื่อการแสดงชุดที่ฉันจะนำเสนอเป็นชุดสุดท้ายกำลังจะมาถึง มันเป็นการแสดงที่อาศัยทักษะทางการร้องและดนตรีของฉันกับป๊อป โดยเริ่มจาก ป๊อปตีกลอง ฉันร้องเพลง ฉันเปียโน  ป๊อปแซกโซโฟน ป๊อปร้องเพลง ฉันไวโอลิน และทุดท้ายทั้งป๊อปและฉันเล่นกีตาร์กับร้องเพลงไปด้วย วันนี้ฉันขออนุญาตแม่กลับดึก เพราะจะอยู่ซ่อมดนตรีต่อ ซึ่งแม่ก็ไม่ว่าอะไร เพราะรู้ดีว่าลูกสาวตัวเองงานรัดตัดขนาดไหน และต้นเหตุของความเดือดร้อนทั้งหมด ก็เริ่มมาจาก...มาร์กกี้! ฉันอยากจะบ้าตายที่ตานั่นคิดจะมาเริ่มทำงานตอนที่เหลือเวลาอีกเพียงแค่ หนึ่งอาทิตย์

                    ฉันเฟรมน้อยคนนี้เลยต้องรับผิดชอบทั้งงานเพลง และงานแข่งขันวิชาการ ไม่รู้ว่ามาร์กกี้เห็นฉันเป็นแฟนหรือตัวอะไร ถึงได้จิกหัวใช้ได้ขนาดนี้ นี่ดีนะที่ฉันบอกแม่ว่ามาร์กกี้เป็นแค่เพื่อนในกลุ่มน่ะ ไม่งั้นมีแต่ตาย กับตาย ตายโดนไม่ต้องนับหนึ่ง หึ...ช่างโหดร้ายกันจริ๊งงงง

                    ฉันดินลงจากเวทีด้วยอาการเหนื่อยล้า ปานจะขาดใจตายเสียตรงนี้ นี่ถ้าไม่มีมาร์กกี้มายืนรอรับอยู่ที่ข้างเวที มีหวังฉันเดินตกเวทีตายแน่

                    “พี่เฟรมคะ หนูชอบพี่มากเลยนะคะ พี่ร้องเพลงเพราะมากเลยค่ะ” โอ้แม่เจ้า ดึกป่านนี้ยังจะมีคนมารอฉันร้องเพลงจนจบอีกหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ

                    “เออ...ค่ะ” ฉันตอบสั้นๆ อยากกลับบ้านเร็วๆจัง เอ๊ะ! แต่พอดูดีๆแล้วนี่มัน...เชอร์รี่! ฉันรีบหันไปมองมาร์กกี้ทันทีที่คิดได้ว่าคนตรงหน้านี้คือใคร

                    “อ๋อ! วันนี้ฉันอาสาจะไปส่งน้องเชอร์รี่เองแหละ พอดีว่าบ้านเราอยู่ทางเดียวกันน่ะ” ก่อนตอบเขายิ้มให้ฉันหน้าระรื่น ซึ่งมันก็ทำให้ฉันอดยิ้มตามไม่ได้ แต่เมื่อฉันได้ฟังแล้วก็ต้องเบิกตาโพล่งขึ้นมาทันทีเพื่อถามเขาแบบโทรจิตว่า แล้วฉันล่ะ?

                    “วันนี้ให้ป๊อปไปส่งเธอก่อนแล้วกันนะ” มาร์กกี้ยิ้มให้ฉัน เขาคงไม่รู้หรอกว่าฉันน้อยใจมากแค่ไหน ที่ปกติเขาจะไปส่งฉัน แต่วันนี้เขากลับสะลัดมันทิ้งเพียงเพราะเด็กผู้หญิงที่เจอกันเมื่อตอนกลางวัน ฉันแกะมือของเขาออกก่อนจะสะบัดมันแรงๆ เพื่อบอกว่าฉันไม่พอใจ แล้วเดินไปหาป๊อปแทน

                    ฉันเดินไปช่วยป๊อปเก็บของบนเวที แล้วค่อยมาเก็บเอกสารที่กองอยู่บนเก้าอี้ห้องประชุม การกระทำปึงปังทุกอย่างของฉันยังคงอยู่ในสายตาของมาร์กกี้ที่ยืนมองฉันอยู่ตั้งนานแล้ว ป๊อปช่วยถือกระเป๋าให้ฉัน ส่วนฉันช่วยถือกีตาร์ของเขาให้ เพราะยังไงกีตาร์ไฟฟ้ามันก็เบากว่าเอกสารของฉันอยู่ดี

                    ฉันตั้งใจควงแขนป๊อปออกไป แล้วเดินไปกระแทกไหล่มาร์กกี้แรงๆ ใครๆก็ว่าฉันนิสัยไม่ดีที่ทำกับแฟนแบบนี้ แต่ขอถามหน่อยเถอะ แฟนฉันนิสัยดีไหมล่ะ ที่ทำกับฉันแบบนี้ โดนซะบ้างก็เหมาะแล้วล่ะ

                    “หึงมาร์กหรอ?” ป๊อปถามขึ้นมาลอยๆ แต่มันก็ทำให้ฉันน้ำตาซึมเลยอ่ะ ทำไมต้องถามอะไรแทงใจดำกันขนาดนี้ด้วย

                    “เพื่อใจไว้บ้างก็ดีนะ” คำเตือนที่แฝงด้วยความเป็นห่วงของป๊อปทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นตนที่ฉันสามารถพึ่งพาได้คนนึงเลยทีเดียว ฉันร้องไห้ออกมาเมื่อมาถึงรถสปอร์ตคนหรูซึ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของได้เป็นอย่างดี

                    ป๊อปเข้ามากอดปลอบฉันเหมือนเด็กๆ ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามาร์กกี้จะรู้สึกยังไงกับเด็กผู้หญิงคนนั้น แต่ที่ฉันรู้แน่ๆตอนนี้คือ ฉันควรจะต้องนึกถึงคำเตือนของอุ๋งอิ๋งให้มากๆซะแล้วล่ะ!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×