ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทเรียนแห่งรักแรก

    ลำดับตอนที่ #14 : ปิดเทอม

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ย. 54


    และแล้ววันที่แสนรอคอยก็มาถึง เมื่อฉันสอบเสร็จแล้ว งานนี้ก็เลยรีบออกไปเที่ยวกัน มีฉัน อุ๋งอิ๋ง มาย มาร์กกี้ ไอริช พี่ป๊ฮป แล้วก็พี่เครน ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าพี่เครนแก่สุด เพราะฉะนั้นก็เลยได้รับหน้าที่ดูแลน้องๆที่สุดแสนจะน่าหมั่นไส้ทุกคน และต้องดูแลอย่างดีด้วยนะ พี่เครนต้องเลี้ยงข้าว ฉันก็ต้องบอกว่ากินกันน้อยๆพอ พี่เครนต้องเลี้ยงไอติม ฉันก็บอกว่าเอาแค่ไอติมโคนพอ พี่เครนต้องพาไปดูหนัง ฉันก็บอกว่า เอาแถวที่ถูกที่สุด จนสุดท้าย เรื่องการดูหนังเนี่ยแหละ ที่เพื่อนทั้งหลายต่างรับกันไม่ได้ งานนี้ตอนแรกมาร์กกี้เลยบอกว่าจะออกให้เอง แต่พอดีฉันกับมายเป็นเพื่อนกัน มายก็ขัดมาร์กกี้เหมือนที่ฉันขัดพี่เครน เพราะงั้น งานนี้เลยได้จ่ายเงินกันถ้วนหน้า ที่ใครที่มัน แต่ก็ต้องไปดูด้วยกันอยู่ พอจ่ายเงินเสร็จเท่านั้นแหละ ก็มีเสียงบ่นเล็ดลอดออกมาให้เข้าหูอีกจนได้

    “เฮ้อ~ กว่าจะจ่ายเงินได้ นี่เล่นเอาหนังหมดไปรอบนึงแล้วมั้งเนี่ย” แล้วเสียงบ่นนี้ก็มาจากมาร์กกี้เจ้าเก่านั่นเอง งานนี้ฉันเลยได้เปิดศึกเถียงกับมาร์กกี้ก่อนเข้าไปดูหนังอีกซักยกสองยก

    “แล้วมันหนักอะไรใครไม่ทราบ นี่แล้วบ่นขนาดนี้ทำไมตอนแรกไม่ยอมจ่ายเงินให้ทุกคนเองซะเลยล่ะ มันจะได้เร็วๆไง” แล้วฉันก็รู้อยู่หรอกว่าถ้ามารกกี้จ่ายเงินคนเดียวนั้นน่ะ มันช่างเป็นอะไรที่หนักหนาเอามากๆ

    “แล้วทำไมตอนแรกเธอไม่ยอมให้พี่เธอจ่ายซะเองล่ะ มาโยนให้ฉันทำไม” มาร์กกี้ก็เถียงกลับมาเหมือนกัน ใครๆคงไม่รู้หรอกว่ามาร์กกี้มีความเย่อหยิ่งอยู่ในตัวมากน้อยแค่ไหน แต่ฉันเนี่ยสิ รู้ดีที่สุดว่าผู้ชายคนนี้หยิ่งขนาดไหน ใครจะไปดูถูกเขาไม่ได้หรอก ไม่งั้นเจอดีแน่ แม้แต่ฉันก็เถอะ ถ้าเกิดว่าฉันพลาดไปสะกิดถูกความเย่อหยิ่งนั้นเข้าล่ะก็ เป็นเรื่อง! มาร์กกี้ก็จะเถียงกลับมาทันที เถียงแบบแรงๆด้วยนะ งานนี้ฉันก็เป็นคนไม่ยอมใครเหมือนกัน เลยได้เถียงกันไปเถียงกันมา เลยกลายเป็นโกรธกันไปเลย ต้องไม่เจอหน้ากันวักอาทิตย์รอให้ลืมก่อน แล้วค่อยมาคุยกันใหม่

    “ก็พี่เครนไม่ได้บ่นนิ่ อีกอย่างนะ ฉันไม่ได้ไปบังคับคู่เข็ญให้นายออกเงินเองเลย แต่นายนั่นแหละมาร์กกี้ ที่เสนอตัวเอง เพราะงั้น นายจะมาว่าฉันกับพี่ไม่ได้” แต่พอฉันเถียงอย่างมีเหตุผลแบบนี้มันก็ดูเหมือนจะดีนะ ถึงแม้ว่ามันจะออกไปแนวๆ เย็นชา แล้วก็จืดๆ ไปเลยก็เถอะ แต่ถึงฉันจะมีเหตุผลขนาดไหน และเป็นความจริงเพียงใด มาร์กกี้เจ้าชายผู้เย่อหยิ่งก็ยังไม่มีวันที่จะยอมทำความเข้าใจ และยอมรับอยู่ดี เรียกได้ว่าเหมาะกับฉายาที่ฉันอุตส่าห์คิดให้แบบสดๆ และเรียบๆ เสียนี่กระไร และแล้วระยะเวลาระหว่างการทำศึกของฉันกับมาร์กกี้ก็ต้องสะดุดลง เมื่อมีใครบางคนเดินเข้ามาทักฉัน และใครอีกบางคนที่เดินมาเหมือนกัน แต่เมินฉันไปเลย

    “เฟรม มาดูหนังหรอ” โอเคค่ะ มาที่บุคคลแรก ที่เดินมาทักดิฉันเลยดีกว่า ท่านผู้นั้นคือ ท่านพี่ออม ผู้ที่ยอมสละเวลาอันมีค่าของตัวเองมานั่งติวให้ฉันนั่นแหละ

    “ใช่พี่ออม ดูด้วยกันไหม ฉันว่ามันน่าจะยังมีที่ว่างเหลืออยู่นะ” ฉันพูดกับพี่ออมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส อย่างน้อยๆมันก็มากกว่าตอนที่ฉันยืนเถียงกับมาร์กกี้อยู่เมื่อกี้น่ะนะ

    และแล้วค่ะ ก็ได้เวลาเปิดเผยตัวของบุคคลที่เดินผ่านฉันไปแบบไม่สนใจไยดีกันเลย เขาคนนั้นก็คือ พี่เบลล์ บุคคลที่เมื่อครั้งก่อน ฉันเคยชอบเขา และเราก็เคยสนิทกัน พี่เบลล์เกือบจะชอบฉันอยู่แล้ว...ถ้าไม่มีวันนั้น...

    “อืม เฟรม พี่ลืมบอกไปน่ะ วันนี้พี่มากับรุ่นพี่นะ มีแทนมาด้วย” พี่ออมแนะนำพี่เบลล์ให้ฉันรู้จัก พี่เขาคงนึกไม่ถึงหรอกว่าฉันจะรู้จักกับพี่เบลล์ รู้จักกัน ตั้งแต่สองปีที่แล้ว ซึ่งงานนี้ฉันก็ไม่คิดจะบอกพี่ออมหรอกว่า ฉันรู้จักพี่เบลล์ พี่ออมยืนคุยอยู่กับฉันขณะที่พี่เบลล์ก็ใจสั่น เดินผ่านฉันไปซื้อตั๋ว แล้วก็บังเอิญเป็นเรื่องเดียวกัน ตอนแรก ฉันก็พยายามจะไม่เดินไปใกล้พี่เบลล์ พยายามออกห่างเขาให้มากที่สุดเท่าที่ฉันจะสามารถทำได้... แต่พอฉันจะหันไปคุยกับมาร์กกี้เรื่องขอเปลี่ยนที่นั่ง ฉันก็ดันได้ยินเสียงเรียกชื่อพี่เบลล์พอดี ฉันรู้ดีหรอกว่าพี่เบลล์รู้จักคนอื่นเยอะแยะไปหมด แต่ยังไงก็ตาม ฉันยอมรับเลยว่าตอนนั้นใจสั่น... พอฉันหันกลับไป เห็นพี่เบลล์โบกมือให้คนๆนั้น แล้วเขาก็หันมาเจอฉัน พี่เบลล์เผลอโบกมือทักฉัน แต่สุดท้ายก็เหมือนกันว่าเขาจะนึกขึ้นได้ พี่เบลล์เลยหยุดชะงักไป แล้วเดินผ่านไปทางพี่ออม ทำเป็นไม่สนใจฉัน ฉันเลยได้แต่มองตามเขา แต่ถึงยังไงมันก็ไม่ถึงกับว่าหันไปดูอะไรนักหรอก ฉันกลับมาคุยกับมาร์กกี้เรื่องที่นั่นต่อ ฉันบอกว่าจะนั่งข้างเขาแล้วขอนั่งริมข้างกับพี่ออม ให้พี่ป๊อปกับไอริชนั่งถัดจากมาร์กกี้ อุ๋งอิ๋งก็นั่งข้างไอริช ตามมาด้วยยัยมาย แล้วก็ปิดท้ายด้วยพี่เครน ส่วนฝั่งพี่ออมนั้น ตอนแรกก็มีพวกเพื่อนพี่เบลล์ กับกลุ่มพี่ออม แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามีกลุ่มของเป้ แฟนพี่เบลล์เพิ่มมาอีกหนึ่ง งานนี้อาการฉันมันคงจะออกชัดมาก เรียกได้ว่ามาร์กกี้ก็รู้เรื่องทุกอย่างได้หมดเลยล่ะ ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีใครพูดออกมาก็ตาม ฝั่งพี่ออม เลยมีพี่เบลล์นั่งติดกับพี่ออม ฉันเพิ่งรู้ว่าสองคนนี้สนิทกันมาก จริงๆแล้ว เมื่อก่อนฉันก็พอรู้ว่าพี่เบลล์สนิทกับกลุ่มม.2 ในปีนั้น เพราะเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าพี่เขา แต่ฉันก็ไม่นึกว่ามันจะเป็นพี่ออม เป้ตามมานั่งข้างๆพี่เบลล์ กลุ่มเพื่อนของเป้ แยกไปอีกทาง มันเป็นแถวหน้าฉัน ต่อจากเป้ก็สุดแถวแล้ว เพื่อนพี่เบลล์กับพี่ออมก็ไปนั่งกับแถวอื่น ห่างออกไปจากที่กลุ่มเพื่อนเป้นั่ง ตอนนี้ฉันจะไม่ปิดบังเลยว่าที่ฉันนั่งกับพี่ออมเป็นเพราะอยากอยู่ใกล้พี่เบลล์ อยากดูว่าเวลาพี่เบลล์อยู่กับเป้ มันต่างจากตอนอยู่กับฉันมากแค่ไหน แล้วก็บังเอิญอีกจนได้ เมื่อเพื่อนฉัน ที่ชื่อเฟรมเหมือนกันมาเจอฉันพอดี รายนี้ไม่ต้องพูดถึง  เพราะเจ้าหล่อนเป็นคนรู้เรื่องฉันกับพี่เบลล์ตั้งแต่แรกจนจบ แถมยัยนี่ยังสนิทกับพี่เบลล์เสียยิ่งกว่าอะไรดี ฉันจำได้ว่าเฟรมยังเคยเชียร์ให้ฉันคบกับพี่เบลล์เลย แต่หลังจากนั้นวันเดียว พี่เบลล์ก็เปลี่ยนไป แล้วก็พอดีอีกเหมือนกัน ที่เฟรมดันเลือกที่นั่งติดที่พี่เครนนั่ง ฉันเลยย้ายเฟรมมานั่งข้างฉันแทน ต้องง้อมาร์กกี้อยู่ตั้งนาน สุดท้ายเฟรมรำคาญเลยบอกว่ามันเป็นผู้หญิงไม่ใช่ทอม ยิ่งผู้ชายยิ่งไม่ใช่ใหญ่ อีกอย่างมันจะคอยดูฉันให้ มาร์กกี้เลยต้องถอยออกไปนั่งเก้าอี้ตัวถัดไป เรียกได้ว่าย้ายกันไปทั้งแถบ แล้วพอเรื่องที่นั่งลงตัว พวกเราก็รีบวิ่งเข้าโรงหนังทันที เพราะนี่ก็เลยเวลาหนังเข้ามายี่สิบนาทีแล้ว

    ในโรงหนังฉันก็นั่งเอียงไปทางพี่ออม จะได้เห็นพี่เบลล์ชัดๆ แต่พอเขาสวีทกันทีไรเป็นต้องย้ายข้างมาหายัยเฟรม ที่ปกติก็ย้ายตามฉันมอยู่แล้ว งานนี้เลยได้ตกใจร้องกันถ้วนหน้า นี่ดีนะว่าหนังที่พวกเราเลือกดูเป็นหนังผี ถ้าจะมีใครสักคนเกิดขวัญอ่อนกรี๊ดขึ้นมาก็คงไม่แปลก แต่ที่แปลกนี่คือ ไม่เจอกันตั้งหลายปี ยัยเฟรมมือหนักขึ้นเยอะเลย อู๊ยยยยยยยย~ เจ็บ! TOT

    ฉันรู้สึกว่าตัวเองดูหนังไม่คุ้มเลย เหมือนเข้าในโรงเพราะอยากมาดูพี่เบลล์สวีทกับเป้ให้บาดใจเล่นๆมากกว่า เฟรมก็เลยมัวแต่ลุ้นไปตามฉัน หนังไม่ได้ดูเหมือนกัน พี่ออมก็ด้วย ฉันก็เป็นต้นเหตุให้พี่เขาไม่ได้ดูหนังเหมือนกัน หรือถ้าเกิดได้ดูขึ้นมาฉันก็เดาได้เลยว่าพี่ออมดูได้ไม่เกิดสี่สิบเปอร์เซ็นหรอก

    ออกจากโรงหนังครั้งนั้น ฉันก็เป็นโรคกลัวโรงหนังไปเลย ถึงมีเรื่องที่อยากดูแค่ไหน แต่ก็ต้องอดใจรอไว้ซื้อแผ่นมาดู ฉันเริ่มแกะตัวเองออกจากพี่เครน เวลาไปเที่ยวก็ชวนเฟรมไป ไม่ค่อยได้ไปกับมาร์กกี้หรอก เรียกได้ว่าปิดเทอมนี้ฉันปรับเปลี่ยนวิธีการเที่ยวของตัวเองไปมากเลย เพราะฉันมักจะไปเที่ยวแบบหาความรู้ใส่หัว หัดเที่ยวแบบภาคสนาม แล้วการที่ฉันได้เจอกับพี่เบลล์ครั้งล่าสุดที่โรงภาพยนตร์นั้น มันก็เหมือนทำให้เรื่องราวระหว่างฉันกับพี่เบลล์หวนกลับมาอีกครั้ง เวลาทำอะไร ฉันก็มักจะนึกถึงเรื่องพี่เบลล์เสมอ ยังดีที่ว่าฉันยังเตือนสติตัวเองได้บ้างว่า เขาเกลียดเราแล้ว แล้วถ้าไม่อยากเจ็บ ก็อยู่ห่างเขาเอาไว้ ฉันเลยทำใจไม่อยู่ในทีที่คิดว่าพี่เบลล์จะอยู่ เลี่ยงทุกอย่าง ที่คิดว่ามันจะทำให้ฉันเจอพี่เบลล์ แต่แล้วก็หนีไม่พ้น เมื่อที่ๆฉันคิดว่าไม่น่าเจอที่สุด มันกลับทำให้ฉันเจอเขา พี่เบลล์ก็เห็นฉัน แต่เป็นเพราะพี่เขามากับเป้ แล้วก็กลุ่มเพื่อนของเป้ ฉันรู้สึกว่าพี่เบลล์เริ่มห่างจากเพื่อนตัวเองเข้ามาทุกที แต่ก็ดีเหมือนกัน ต่อไปจะได้ไม่มีใครคบ แบร่!

     

    หลายอาทิตย์เหมือนกันนะที่ฉันใช้เวลาไปกับการปรับตัวเพื่อให้เข้าสู่โหมดปกติ แต่พอทำได้แล้ว มันก็รู้สึกดีเหมือนกัน ฉันเลยโทร.ชวนมาร์กกี้ พี่ป๊ฮป ไอริช อุ๋งอิ๋ง มาย แล้วก็พี่ออม อ๋อ! เกือบลืม ยังมียัยเฟรมอีกคน ถือเป็นการขอบคุณแล้วกันที่ยัยเพื่อนคนนี้อยู่เป็นเพื่อนฉันตอนที่สภาพจิตกำลังย่ำแย่ ฉันชวนคนทั้งหมด รวมทั้งพี่เครนไปเป็นนักร้องอาสาที่บ้านพักคนชรา ทำกับข้าวไปเลี้ยงบ้างอะไรบ้าง ซึ่งงานนี้ต้องอาศัยฝีมือแม่กับพี่เครน แล้วก็มีฉันเป็นลูกมือตัวป่วนจนโดนดุบ่อยๆ ฉันเลยงอนเข้าให้ เดินปึงปังขึ้นห้องไป แม่เลยต้องให้พี่เครนขึ้นไปตาม ซึ่งฉันก็ทำเป็นว่าจะไม่ไปแล้ว เล่นเอางานเกือบล่ม จนแม่ต้องขึ้นมาดุเอง ฉันถึงจะยอมเดินหน้าบึ้งออกมาจากห้องได้ แต่พอมาเห็นหน้าเพื่อนฉันก็ทิ้งพี่เครนแล้วไปกับเพื่อนทันที ตอนนี้แหละที่ฉันเพิ่งรู้ว่ายัยมายกับพี่เครนสนิทกันมากขึ้นแล้ว ส่วนฉันก็เดินหน้าบึ้งไปควงเฟรมที่ตอนนี้กำลังงงสุดขีดว่ามีอะไรเกิดขึ้น งงมากจนถามโน่น นี่ นั้นไม่หยุด สุดท้ายมันก็กลับทำให้ฉันหงุดหงิดหนักกว่า สะบัดมือยัยเฟรมทิ้งแล้วไปเกาะแขนมาร์กกี้แทน ยัยเฟรมก็ตามถามอยู่ได้ ฉันเลยได้ด่าไปตั้งนึง แล้วอย่างยัยเฟรมหรอจะยอม ฉันทำได้มันก็ทำได้ ได้เหมือนกันหมด พอเห็นอย่างนั้นพี่ป๊อปก็หลุดหัวเราะออกมาจนได้ ฉันเลยเกาะแขนมาร์กกี้ลากไปที่รถทันที เพราะเริ่มเบื่อแล้ว

    แต่สุดท้ายงานก็ไม่ล่มหรอกนะ เพราะฉันยังไม่บ้าพอ ยังไม่ได้ทำงานล่มหรอก เรียกได้ว่าผลงานของพวกเราก็ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี หลังจากที่ทุกคนต้องตามง้อฉันก่อนเข้างาน โดนเฉพาะพี่ป๊อปกับพี่เครน โทษฐานที่หัวเราะเยาะ แล้วก็เป็นต้นเหตุทำให้ฉันโกรธ

     

    แต่แล้ว ช่วงเวลาที่สุดแสนจะมีความสุขก็หมดลง เมื่อวันเปิดเทอมใกล้มาถึง ฉันกับกลุ่มเพื่อนก็นั่งซึมเป็นหมาหงอยอยู่ที่คอนโดของมาร์กกี้ ไม่มีกะจิตกะใจจะเที่ยวเล่า ก็อีกไม่ถึงอาทิตย์แล้วนี่หน่า พวกฉันกับอุ๋งอิ๋งแล้วก็เฟรม ที่เพิ่งจะโผล่มาจากไหนไม่รู้ก็มานั่งคิวหนังสือ ก่อนเริ่มเรียนจริงกัน พวกมาร์กกี้ก็ทำเหมือนกันฉัน แต่ความจริงแล้วควรจะบอกว่าฉันทำเหมือนพวกมาร์กกี้มากกว่า เพราะเมื่อเห็นเขาติวกันก็ติวตาม แต่พวกเราสองกลุ่มก็มีสามคนเหมือนกัน จะมีก็แต่มายเนี่ยแหละ ที่ต้องโทร.ชวนพี่แทนกับพี่ออมมานั่งติวเป็นเพื่อน ทั้งที่ชาวบ้านเขาเริ่มติวกันไปชาติเศษแล้ว แต่ยัยมายยังต้องมานั่งชะเง้อเป็นยีราฟคอยาวมองหาเพื่อนอยู่หน้าบ้าน พอพี่แทนมา ก็กลับต้องมานั่งรอพี่ออมกันอีก บอกว่ากลุ่มอื่นเขามีสามคน ถ้าเราติวกันอยู่สองคนเดี๋ยวมันจะเกิดความไม่เสมอภาค เพราะงั้นก็เลยต้องนั่งรอกันต่อไป แล้วพอพี่ออมมาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะพี่ออมสะพานเป้คู่ใจกับกีต้าร์ตัวโปรดมาด้วย เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮาได้มากทีเดียว แล้วอีกอย่างก็คือ วันนี้พี่ออมแต่งตัวมาหล่อมาก จนฉันอดแซวไม่ได้ มาร์กกี้ได้ยินก็รีบเดินมาข้างๆฉัน แสดงความเป็นเจ้าของเต็มพี่ แต่สุดท้ายก็ต้องแซวเขาเหมือนกันนั่นแหละ โธ่เอ๊ย! วันนั้นรวมไปทั้งอาทิตย์ก็เป็นแบบนี้มาติวกันที่คอนโดมาร์กกี้ โดยปลอดพี่เครน เพราะแม่เริ่มดุว่าจะตัวติดกันไปถึงไหน สงสัยกลัวพี่เครนจับฉันไปขายมั๊ง แต่ก็คงยากอ่ะนะ-_-; พวกเรานั่งติวกันไป เบื่อก็มานั่งเล่นกีต้าร์กันบ้าง ร้องเพลงกันไปตามประสา จนในที่สุดวันเปิดเทอมก็มาถึง ฉันล่ะเซ็ง!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×