ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทเรียนแห่งรักแรก

    ลำดับตอนที่ #13 : นัดติวครั้งที่สอง

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ย. 54


    “เป็นไงบ้างมาร์กกี้ นายอ่านหนังสือสอบบ้างรึยัง” ระหว่างที่มาร์กกี้เดินมาส่งฉันที่บ้าน ฉันก็ถือโอกาสถามเขาถึงเรื่องสอบซะเลย เพราะว่าช่วงนี้ ทั้งมาร์กกี้ พี่ป๊อป แล้วก็ไอริช ต่างก็มีงานแข่งขันวิชาการทั้งนั้น คงจะไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือเท่าไหร่

                    “อืม อ่านบ้างแล้วล่ะ” มาร์กกี้ก็ตอบมาด้วยน้ำเสียงที่ฉันไม่ค่อยจะได้ยินบ่อยนัก มันเป็นเสียงที่นุ่มนวล แต่ก็หนักแน่น เขาเอามือมาสางผมฉัน ก่อนเราจะบอกลากัน ระหว่างที่ฉันกำลังจะเดินเข้าบ้าน มาร์กกี้ก็ดึงฉันให้เขามาใกล้ แล้วบรรจงจูบลงที่หน้าผากของฉัน สัมผัสแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายรักหรอก ฉันจะได้มันมาตอนที่เขารู้สึกเหนื่อย และต้องการที่พึ่งพาเท่านั้น มาร์กกี้โบกมือส่งฉันเดินเข้าบ้านก่อนที่เขาจะกลับไป

                    วันนี้พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ที่บ้าน เพราะพวกท่านต้องไปงานเลี้ยงของสมาคม วันนี้พี่เครนเลยต้องอยู่เฝ้าบ้านทั้งวัน รอฉันกลับมาจากโรงเรียน

                    “พี่เครน กินไรยัง มาร์กกี้ซื้อของมาฝากเยอะแยะเลย” ฉันตะโกนเรียกพี่ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าหายไปไหน พลางมือก็เกะห่ออาหารที่มาร์กกี้ซื้อมาฝาก พอฉันไม่เอาก็อ้างว่าของมันเยอะกินไม่หมดซะงั้น

                    “แล้วมาร์กกี้เป็นไงบ้าง” พี่เครนที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน จู๋ๆก็มาถามฉันถึงเรื่องมาร์กกี้ซะอย่างนั้น

                    “ก็สบายดี” ฉันก็ตอบไปงั้นแหละ ยอมรับว่าไม่ค่อยจะได้ใส่ใจกับคำถามแล้วก็คำตอบสักเท่าใดนัก

                    “แต่เมื่อกี้ พี่ว่าเหมือนนายมาร์กกี้นั่น จะไม่สบายใจนะ เฟรม พี่อยากให้เฟรมฟังพี่พูดให้ดี” พี่เครนเริ่มมีน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น ทำให้ฉันต้องหยุดการกระทำทุกอย่าง แล้วหันมาฟังพี่พูดแทน

                    “พี่ว่ามาร์กกี้ดูเหนื่อยๆ แล้วก็แปลกๆไปนะ ปกติพี่เห็นมาร์กกี้อะไรนั่นกวนเฟรมจะตาย แต่วันนี้เขาดูเกรงใจเฟรมมากขึ้น ดูหวงเฟรมมากขึ้น พี่ว่าพี่รู้สึกเหมือนมาร์กกี้มีอะไรบางอย่าง วันนี้ก่อนที่มาร์กกี้จะกลับมากับเฟรม เขามาหาพี่ เอาเสื้อผ้ามาคืนพี่ แล้วก็คุยเรื่องเฟรม มาร์กกี้บอกว่าเขารู้เรื่องที่เมื่อก่อนเฟรมเคยชอบเบลล์ แล้ววันนี้เขาก็เห็นตอนที่เฟรมเล่นกีฬาอยู่ในสนาม มาร์กกี้บอกพี่ว่า เขากลัวว่าเฟรมจะกลับไปชอบทอมอีก เขากลัวว่าเฟรมจะชอบคนๆนั้น  คนที่อยู่ในสนามกับเฟรม” พี่เครนเล่ามาเสียยาวเหยียด แล้วพอบอกว่ามาร์กกี้กลัว ใจฉันมันก็เริ่มสั่น ยิ่งพอพี่บอกว่ามาร์กกี้กลัวว่าฉันจะชอบคนในสนามด้วยแล้ว ฉันก็ยิ่งลำบากใจ

                    “พี่ออม” ฉันเผลอพูดชื่อพี่ออมออกมา เป็นการเรียกความสนใจจากพี่เครนได้มากเลยทีเดียว เพราะพี่เครนถามฉันแทบจะในทันทีว่าพี่ออมที่ฉันพูดถึงนั่นเป็นใคร

                    “พี่เครน วันนี้ในสนาม ฉันเจอรุ่นพี่คนนึง เขาเป็นเพื่อนกับมาย แล้วก็ดูเหมือนเขาจะชอบฉัน ฉันไม่ได้คิดไปเองนะพี่ วันนี้มีคนพูดเรื่องนี้กับฉันหลายคนแล้ว แล้วยิ่งพี่เขาเหมือนพี่เบลล์ขนาดนั้น ฉัน...ฉัน..” ไม่รู้จะพูดยังไงดี ไม่กล้าบอกพี่เครนว่าฉันยังลืมพี่เบลล์ไม่ได้

    “เอาล่ะเฟรม พี่เข้าใจแล้ว พี่รู้ว่าเฟรมลืมเบลล์ไม่ได้ แต่เฟรมต้องพยายามนะ เพราะตอนนี้เฟรมกำลังคบอยู่กับมาร์กกี้ แล้วเขาก็รักเฟรมมากด้วย

    “แต่มาร์กกี้ก็เคยมีคนอื่น” ฉันพูดขึ้นมาที่นึกได้ แล้วก็เกิดน้อยใจเรื่องของมุกรดา

    “แล้วเฟรมคิดว่าถ้ามาร์กกี้กับเฟรมคิดแบบนี้เหมือนกัน เฟรมคิดว่ามาร์กกี้เคยมีคนอื่นเพื่อหาเหตุผลให้ตัวเองไม่รู้สึกผิดเวลาจะคบกับคนอื่น หรือรักคนอื่น แล้วมาร์กกี้ก็ทำแบบนั้น จะคบกันไปได้ยังไง เฟรมไม่ต้องมานั่งร้องไห้อีกหรอ คิดดูให้ดีนะ พี่คิดว่ามาร์กกี้เครียดกับเรื่องนี้มาก เขาคงรู้ว่าเมื่อก่อนเฟรมเคยรักเบลล์ขนาดไหน” พี่เครน.อธิบายมาเสียยาวเหยียด หวังจะให้ฉันเข้าใจ แต่มันกลับยิ่งเครียด

    “แต่กับพี่ออม...ฉันไม่ได้ชอบพี่ออมแบบนั้นเลยนะ” ฉันพูดตามความจริงในตอนนี้ และไม่นึกถึงวันข้างหน้าว่าถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันจะเปลี่ยนใจไปชอบพี่ออมรึเปล่า

    “แล้วต่อไปล่ะเฟรม ที่รู้ว่าคนอย่างเฟรม เป็นคนอ่อนไหว เฟรมอาจจะรักออมก็ได้ ถ้าได้อยู่ด้วยกันแบบใกล้ชิดแล้วก็สนิทสนม พี่เป็นห่วงเฟรมนะ แล้วก็มาร์กกี้ด้วย พี่ไม่อยากให้เราสองคนเลิกคบกัน พี่ไม่ห้าม ถ้ามาร์กกี้จะทำกับเฟรมแบบนั้นในเวลาแบบนี้” พี่เครนพูดเหมือนเห็นว่าตอนอยู่หน้าบ้าน มาร์กกี้กำลังทำอะไรฉัน

    “แต่ฉันรับปากพี่ออมไปแล้วว่าจะไปติวกับเขา” ทีนี้แหละปัญหาใหญ่ ฉันรับปากพี่ออมไปแล้ว แล้วฉันก็ไม่อยากกลับคำด้วย ฉันรู้ดีว่าคนที่ถูกปฏิเสธจากคำที่เคยตกลงกันไว้แล้วน่ะ มันเจ็บปวดแค่ไหน เจ็บ...เหมือนตอนที่พี่เบลล์ทำ

    “พี่รู้นะว่าเฟรมไม่อยากให้คนอื่นรู้สึกเหมือนตัวเองไม่อยากทำลายมิตรภาพระหว่างเฟรมกับออม เฟรมไม่อยากให้มันพังลงมาเร็วแบบนี้ ทั้งที่เฟรมกับออมาเพิ่งรู้จักกัน เฟรมไม่อยากให้เรื่องราวทุกอย่างมันซ้ำรอยเหมือนตอนที่เฟรมรู้จักกับเบลล์” ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าพี่เครนจะเข้าใจฉันทุกอย่าง แต่ฉันนี่สิที่ไม่เข้าใจตัวเองเลย

    “พี่อยากให้เฟรมชัวร์ ว่าเฟรมจะไม่ทำให้ทั้งมิตรภาพระหว่างเฟรมกับมาร์กกี้ต้องพังทลายไป แล้วก็ความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอนของเฟรมกับออม เพราะถ้าเกิดว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่จริงแล้วล่ะก็ เฟรมจะเป็นคนที่เสียใจนะ เฟรมจะเสียทั้งมาร์กกี้แล้วก็ออม ที่สำคัญ เฟรมจะไม่มีวันได้มาร์กกี้กลับมา เฟรมจะไม่มีวันย้อนเวลาที่มีมาร์กกี้ยืนอยู่ข้างเฟรมได้อีกเลยนะ” ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าพี่เครนย้ำเรื่องฉันกับมาร์กกี้มากๆเลยล่ะ

    “แล้วเรื่องติวล่ะพี่เครน เรื่องที่ฉันตกลงกับพี่ออมไว้ แล้วก็เรื่องพี่ออม พี่จะให้ฉันทำยังไง” พอฉันเริ่มทำความเข้าใจกับทุกอย่างได้ รวบรวมและเรียบเรียงความคิดทุกอย่างได้แล้ว ฉันจึงเริ่มถามถึงเรื่องที่เป็นปัญหาและคิดว่าเป็นข้อข้องใจข้อสุดท้ายของฉันกับพี่เครน เพื่อหวังจะให้พี่เครนช่วยหาทางออกให้

    “พี่ว่าเรื่องติว เฟรมจะไปติวก็ได้นะ ลองโทร.ถามออมดูว่าจะพาเพื่อนไปด้วยได้ไหม ถ้าได้ก็พาอุ๋งอิ๋งไปด้วย มีอะไรจะได้ช่วยกันคิด เฟรมจะได้เตือนสติตัวเอง”

    “แล้วถ้ามันไม่ได้ล่ะพี่เครน” ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ความคิดมันหายไปไหนหมด ฉันกลายเป็นคนที่คิดเองไม่เป็นต้องคอยถามคนอื่นตลอดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงได้เอาแต่ถามๆๆแบบนี้ ไม่มีการใช้ความคิดของตัวเองตัดสินใจเลยสักนิด

    “พี่ว่าถ้าออมชอบเฟรมจริง เขาก็ต้องยอม ส่วนเรื่องของออม พี่อยากบอกให้เฟรมเลิกยุ่งกับเขาซะ แต่พี่ก็รู้อยู่หรอกว่าเฟรมทำไม่ได้ เฟรมปฏิเสธความสัมพันธ์คนอื่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นพี่อยากให้เฟรมตัดสินใจเองว่าจะเอายังไงกับออมกันแน่ คิดหาทางออกว่าทางออกไหนจะดีที่สุดสำหรับเฟรม และคนที่รักเฟรม” รู้เลยว่าตอนท้ายนี่พี่เครนหมายถึงมาร์กกี้ มันเป็นคำพูดที่ทำให้ฉันรู้สึกกดดันมากขั้นกว่าเดิมหลายเท่าเลย

    “แล้วฉันจะทำยังไงล่ะพี่เครน ฉันคิดไม่ออกเลยพี่” พอพี่เครนเห็นฉันเริ่มน้ำตาคลอ เอามือทึงผมตัวเอง แล้วก็ร้องไห้ออกมา พี่เครนเลยต้องมาปลอบฉันอีก

    “เฟรมไม่ต้องร้อง พี่ว่าเรื่องนี้เฟรมมีเวลาคิดนะ คิดว่าทำแบบไหนมันถึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แล้วอีกอย่างที่พี่อยากจะบอกเฟรมคือว่า พี่ยังไม่อยากให้เฟรมสนิทสนมอะไรกับออมให้มากนัก พยายามรักษาระยะห่างระหว่างเรากับออมเอาไว้ให้ดีที่สุด อย่าเผลอแบบเรื่องเบลล์อีก พี่ไม่อยากเห็นน้องพี่มานั่งร้องไห้อีกแล้วนะ แล้วตอนนี้เรื่องเบลล์เป็นไงบ้าง” คราวนี้พี่เครนเปลี่ยนเรื่องมาถามถึงเรื่องพี่เบลล์บ้าง ถึงจะไม่อยากตอบแค่ไหน ฉันก็ต้องพูดออกไปว่าเหมือนเดิมอีกจนได้ พี่เครนเห็นฉันยิ่งร้องไห้หนักขึ้นก็ถอนหายใจ พี่รู้ดีว่าฉันไม่ใช่คนลืมง่าย ยิ่งทุกอย่างมันยังค้างคาอยู่แบบนี้ พี่เบลล์ไม่ยอมพูด ไม่ยอมอธิบายอะไรเลย ฉันก็ยิ่งคิดมาก

    “เอาล่ะ ไม่ต้องร้องไห้แล้วไปอาบน้ำนอนซะ แล้วไม่ต้องไปนอนร้องไห้อีกนะ” พี่เครนผลักฉันให้ไปอาบน้ำ แต่ว่าฉันก็ยังดื้อไม่ยอมไปอยู่ดี พอเห็นพี่เครนทำหน้าบึ้งเลยต้องพูดออกมา

    “ฉันยังไม่อยากนอน น่าเบื่อ” ฉันทำปากแบะ ซึ่งถ้าไม่ใช่เวลาแบบนี้พี่เครนคงดุแย่ แต่เพราะตอนนี้ฉันเป็นแบบนี้ไงล่ะ พี่เครนถึงไม่ได้ว่าอะไรสักคำ

     

    “เครน! โตแล้วนะ ยังจะให้น้องมานอนห้องตัวเองอีก แม่ล่ะกลุ้ม” เสียงแม่บ่นมาแต่ไกล เรียกได้ว่ามาก่อนตัวโข พี่เครนเลยได้แต่ยิ้มแหย แล้วก็หัวเราะแหะๆ ส่วนฉันก็รีบวิ่งกลับห้องตัวเอง เอาตัวรอดสุดชีวิต ปล่อยให้พี่เครนรับกรรม ฟังแม่บ่นไปคนเดียว เห็นแบบนี้แล้วไม่ต้องมาแอบว่าฉันในใจล่ะ ก็พี่เครนอยากไม่เตือนเองนี่หน่าช่วยไม่ได้^^

    ฉันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็รีบวิ่งมาขึ้นรถมาร์กกี้ที่มาจอดรออยู่หน้าบ้านโดยสวัสดิภาพ แม่ไม่เห็น แม่ก็ไม่บ่น ชีวิตและวิญญาณดวงน้อยๆของฉันก็ปลอดภัย วันนี้ฉันรู้สึกว่ามาร์กกี้จะดูสดใสมากขึ้น ถ้าเดาไม่ผิด พี่เครนคงโทร.ไปเล่าเรื่องเมื่อคืนที่ฉันคุยกับพี่เครนให้มาร์กกี้ฟังหมดแล้ว แล้วฉันก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าสองคนนี้ไปสนิมสนมกันตอนไหน เห็นพอเจอกันตอนแรกพี่เครนก็ทำแยกเขี้ยวใส่ หรือไม่รู้เป็นเพราะดีกับมาร์กกี้ เพราะอยากเจอมายรึเปล่า พอคิดมาถึงตอนนี้ฉันเลยลืมไปเลยว่าตัวเองก็ต้องช่วยพี่เครนเรื่องมายเหมือนกัน ดูท่าว่าเย็นนี้ฉันคนต้องกลับมาคุยกับพี่เครนเรื่องมายสักหน่อย เอาใจพี่เครนเข้าไว้ ถือซะว่าเป็นการขอบคุณที่พี่ช่วยเป็นพี่ปรึกษาให้เมื่อคืน และถือเป็นการขอบคุณอย่างสูงที่วันนี้พี่ยอมโดนแม่ด่าแทนฉัน ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องชีวิตน้อยๆของน้องสาวคนนี้ ขอบคุณพี่มากจริงๆ โอเค มันอาจจะเว่อร์ไปนิ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด นิดเดียวเอ๊ง!:D

    วันนี้ทั้งวันมาร์กกี้ก็ดูมีความสุขดี ดูเหมือนจะกวนประสาทฉันได้มากกว่าปกติเสียด้วยซ้ำ นี่แสดงว่าอาการเริ่มเข้าสู่โหมดปกติแล้วนะเนี่ย ปากแบบนี้

    ส่วนเรื่องพี่ออม ฉันก็พาอุ๋งอิ๋งไปติวด้วยกัน บางครั้งมันอาจจะไม่เข้าหัวไปบ้าง เพราะพี่เบลล์มาเล่นกีฬาตรงสนามพอดี แต่ถึงยังไงมันก็คงจะดีกว่าการที่ฉันจะเก็บเรื่องทั้งหมดไว้คนเดียว แล้วก็มานั่งเครียดอยู่คนเดียวหรอกนะ วันนี้พี่ออมบอกฉันว่าพี่ออมชอบฉัน มันเป็นเวลาที่เร็วมาก ฉันเลยใช้เหตุผลนี้บอกพี่ออมว่าขอดูก่อน ซึ่งพี่เขาก็โอเค ฉันสามารถรักษามิตรภาพครั้งนี้ไว้ได้ สำหรับฉันแล้วถือว่าดีมากเลยทีเดียว

    หลังจากวันนั้น มาร์กกี้กับฉันก็ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้น ดูจะรักกันมากขึ้น แต่บางครั้งฉันก็เบื่อเหมือนกันนะ เวลาที่มีมาร์กกี้ตัวยุ่งมาคอยกวนประสาท ทำให้ฉันกลายเป็นบ้าจนต้องเขาโรงพยาบาลบ้าไปเยี่ยมเยียนและทักทายเพื่อนๆที่ครั้งก่อนเคยผลัดพรากจากกันมานานแสนนาน อยากจะบอกว่าคิดถึงนะ

    เวลาฉันเจอพี่ออมฉันก็โบกมือทัก ยิ้มแย้มแจ่มใสให้กันดี แล้วพี่ออมก็ขยันส่งโพทอิทมาให้แทบทุกเวลา เช้า เที่ยง เย็น จริงๆก็แค่เกือบทุกวันนั่นแหละ บางครั้งก็ให้เอง ฝากมายกับอุ๋งอิ๋งมาบ้างในบางเวลา แล้วฉันก็ไปนั่งติวกับพี่ออมแทบทุกวัน นี่ก็ใกล้เวลาสอบเข้าไปทุกที ทีนี้ฉันก็จะได้ปิดภาคเรียนแล้วไปดูหนังซะที ถูกแม่ห้ามดูหนึ่งเดือนก่อนสอบ ฮือ~ มันช่างเป็นช่วงเวลาที่สุดแสนจะทรมาน เพราะช่วงนั้นมีหนังเรื่องที่ฉันกับพี่เครนอยากดูตั้งหลายเรื่อง แล้วพอฉันถูกห้ามดู พี่เครนก็ดูไม่ได้ เพราะมันจะเกินหน้าเกินตาฉัน ฉันเลยห้ามไม่ให้พี่เครนไปดูหนัง ต้องรอให้ฉันสอบให้เสร็จก่อน แล้วค่อยไปดูพร้อมกัน พอคิดไปถึงตอนนั้น ฉันก็มีความสุขแล้วล่ะ ตอนนี้ก็แค่รอให้สอบเสร็จก่อน ให้ผลสอบออกมาดีๆหน่อย ท่านแม่จะได้ปลาบปลื้ม และเพื่อเป็นความปลอดภัยในชีวิตของฉันด้วย ว่าถ้าเกรดออกขึ้นมาแล้วจริงๆล่ะก็ แม่จะไม่คลั่งจนวิ่งไปคว้ามีดมาไล่ฟันหัวฉันหรอกนะ แต่ถึงยังไงปีนี้ก็เป็นปีที่ดีพอสมควร เพราะถึงแม้ว่าฉันจะเรียนไม่รู้เรื่อง แต่ก็ยังดีที่มีพี่ออมช่วยติวให้ ก็เด็กวิทย์-คณิตนี่หน่า  จะไม่เก่งได้ยังไงกัน จริงไหม ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×