ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทเรียนแห่งรักแรก

    ลำดับตอนที่ #12 : เตรียมสอบ

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ย. 54


    “มาย ไปเล่นแชร์กันเถอะ” ฉันตะโกนข้ามฝั่งมาชวนมายที่เพิ่งหอบกระเป๋าเป๋ออกจากห้องเรียนมาหมาดๆ

                    “เออ รวยดีนะ” ยัยก็ตอบกลับมาแบบกวนประสาทเหมือนเดิม เรียกว่าเป็นกิจวัตรที่ฉันเริ่มเบื่อแล้วล่ะ ไอ้การที่ต้องมานั่งเถียงกับยัยมายต่อจากการฟังครูประจำชั้นบ่นจนหูชาเนี่ย

                    “พอเลย ฉันเซ็งย่ะ” ฉันเดินมาบอกมาย ซึ่งเพื่อนก็รู้ดีว่าเพราะอะไร

                    “แล้วอุ๋งอิ๋งล่ะ ไม่มาด้วยหรอ”

                    “ไม่หรอก เห็นบ่นว่าหิว จะขอไปกินข้าวก่อน” ฉันบอกก่อนชวนมายลงไปที่สนามด้วยกัน และแล้วพอก้าวเข้ามาในรัศมีของสนามกีฬา ความคิดที่ดีมากๆความคิดนึงก็ผุดขึ้นมาในหัวโดยทันทีว่าโรงเรียนของเราช่างมีความประหยัดอะไรเสียขนาดน้านนนนนนนนนนนน ก็เล่นรวมสนามแชร์บอล Volleyball Basketball และ Netball ไว้ในสนามเดียวกันขนาดนี้

                    ฉันเอากระเป๋านักเรียนไปวางไว้ข้างตึกเรียน แล้วจึงเดินเข้ามาในสนามบ้าง ยัยมายตัวดีก็เอาใหญ่ พอเห็นว่าฉันไม่รู้จักใครในสนามก็ยิ่งเอาใหญ่

                    “แทน ออม วันนี้มีน้องใหม่มาฝาก ว่างๆเรียกไปใช้งานได้นะ” มายแนะนำฉันด้วยวิธีที่ดีที่สุดในชีวิตกันเพื่อนๆ และรุ่นพี่ในสานามของเธอ

                    “ไหน? ใคร?” นั่นไง รู้สึกว่าคนที่ชื่อออมจะหันมามองหาฉัน แล้วยังตามาด้วยคนชื่อแทน และต่อมาก็ทั้งสนามเลย ให้มันได้อย่างนี้สิพระเจ้า!

                    “โอเค ไม่ต้องมองกันขนาดนั้นก็ได้ ฉันชื่อ เฟรมนะ แน่นอนว่าเป็นน้องพวกพี่ทุกคนแน่นอน และก็ไม่ต้องมาร่วมมือกันจิกหัวใช้ฉันหรอกนะ ใช้ยัยมายดีกว่ามันส์กว่าเยอะ” สีหน้าฉันดูดีมีความสุขมากเลยล่ะ เวลาที่ได้พูดถึงยัยมาย และได้ฝากฝังให้คุณพี่ทั้งหลายในสานามได้จิกหัวใช่เจ้าเพื่อนตัวดี ที่ปากไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่

                    “แล้วมานี่จะมาเล่นไร”

                    “หมากเก็บมั้ง ฉันมาเล่น Netball ย่ะ แล้วไม่ต้องมาทำหน้าโหด เสียดุใส่ฉันด้วยนะ บอกได้เลยว่าไม่กลัว” พอฉันพูดจบเท่านั้นแหละ ก็มีเสียงร้องอย่างชอบอกชอบใจจากคนในสนาม เรียกได้ว่าการได้หักหน้ายัยพี่ออมจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของทุกคน เหมือนกับว่าไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้มาก่อน คนทั้งสนามรวมทั้งยัยมายเลยส่งยิ้มมาให้ ประมาณว่า เยี่ยมมาก แล้วหลังจากนั้นหนึ่งวินาทีความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับคนในสนามก็ดูจะดีขึ้นเยอะแยะมากมาย ฉันเปลี่ยนให้คนในสนามมาเล่น Netball เหมือนกันหมด จากที่เคยแบ่งสัดแบ่งส่วน แยกกันเล่นมาก่อนโดยที่ใครจะไปคิดล่ะว่าฉันจะอยู่ทีมเดียวกับพี่ออมนักกีฬาโรงเรียน

                    “เฟรม!” ไอริชตะโกนเรียกฉันมาแต่ไกล พลางโบกมือไปมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

     “อุ๋งอิ๋งอยู่ไหนอ่ะเฟรม” นั่นไง นึกว่าจะมาเรียกกันเพราะอะไร ที่แท้ความกระตือรือร้นทั้งหมดก็มาจากยัยอุ๋งอิ๋งนี่เอง

                    “เห็นบอกว่าหิว น่าจะอยู่ที่โรงอาหารนะ” ฉันละจากสนามแล้วหันมาตะโกนคุยกับไอริชอยู่ริมสนาม

                    “อืม ขอบใจมาก” ไอริชบอกแล้วทำท่าเหมือนจะเดินจากไป แต่ทว่าเขาหันกลับมาเรียกฉันไว้อีกครั้ง “เฟรม”

                    “หะ มีอะไร”

                    “ใกล้สอบแล้ว อย่าลืมอ่านหนังสือนะ” ไอริชทำท่าทางมีความสุขราวกับว่าได้ตังเป็นพันล้าน

                    “จะบอกว่าให้ชวนอุ๋งอิ๋งมาติวด้วยใช่ไหมล่ะ” ฉันตอบกลับอย่างรู้ทัน ทีนี้ไอริชเลยได้แต่ยิ้มแหย ก็แต่ไหนแต่ไรฉันเป็นคนติวหนังสือให้อุ๋งอิ๋งมาตลอดเลยนี่หน่า แล้วถ้าเกิดว่ามีการสอบครั้งไหนที่ฉันไม่ได้ติวให้ แล้วอุ๋งอิ๋งสอบผ่าน หรือจะกลับบ้านไปอ่านหนังสือสอบเองนั้น นับได้เลยว่าเท่ากับศูนย์ ไม่มีเลยสักครั้งเท่าที่ฉันรู้จักอุ๋งอิ๋งมา  แล้วเรื่องนี้ไอริชก็น่าจะรู้อยู่เหมือกัน เพราะถ้ามีเวลาว่างเขาจะไม่ขอให้ฉันช่วยขนาดนี้ บางครั้งอาจจะมาแย่งฉันติวให้อุ๋งอิ๋งเสียเองด้วยซ้ำ แต่ว่าครั้งนี้รู้สึกว่าไอริชต้องไปแข่งขันตอบปัญหาวิชาการอะไรสักอย่าง ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน เขาเลยต้องเตรียมตัวไปสอบแข่ง แล้วก็สอบปิดภาคด้วย ไหนจะจิตอาสาอีกล่ะ เรียกได้ว่าทุกอย่างต้องดีที่สุดเพื่อการสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย และบางทีอาจจะได้ไปขอทุนเรียนต่อที่ต่างประเทศ แล้วที่มาขอให้ฉันช่วยเพราะถ้าเกิดได้ทุนขึ้นมาจริงๆ เขาก็อยากให้อุ๋งอิ๋งได้ไปด้วยกัน สำหรับฉันแล้ว ฉันคิดว่าผู้ชายคนนี้ดีมากเลยทีเดียว กี่ปีแล้วที่เขาคบกับอุ๋งอิ๋งมาก็ไม่เคยทำให้เพื่อนฉันเสียใจเลยสักครั้ง แถมยังคอยเป็นห่วงเป็นใยในทุกๆเรื่องอีกต่างหาก แล้วถ้าเกิดว่าอุ๋งอิ๋งจะคบกับไอริชต่อไปละก็ ฉันเชียร์รุ่นพี่คนนี้เต็มที่เลยล่ะ^_^

                    “ยังไงก็ฝากด้วยแล้วกันนะ” ไอริชพูดทั้งท้ายไว้แค่นั้น แต่ถ้าตาฉันไม่ฝาด ฉันรู้สึกว่าเขาดูเหนื่อยๆยังไงไม่รู้

                    “เฟรม!” เสียงมายตะโกนเรียกมา ทำให้ฉันต้องหันไปทางต้นเสียง ก็ได้จ๊ะเอ๋เข้ากับลูกบอลก้อนกลมๆที่กำลังจะลอยมาทักทายหน้ากับหัวของฉัน พอเจอแบบนี้ก็บอกได้คำเดียวว่าอึ้งสิคะ อึ้งค่ะ ทึ่งค่ะ ชาเลยค่ะ ทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะ

                    แต่แล้วก็เหมือนสวรรค์โปรดเมื่อพี่ออม คนที่เปรียบเสมือนคู่ปรับกับฉันอาสาเข้ามารับบอลไห้แทน ฉันคิดว่าเวลาแบบนี้เขาก็คงทำได้ดีที่สุดแค่นั้น ทำได้แค่เอาตัวเองเข้ามาขวางแล้วยอมเจ็บตัวแทนฉัน สติมีแค่นั้น-_-

                    “พี่ออม” ฉันเรียกชื่อพี่ออมออกไปเหมือนคนรู้สึกผิดอย่างไรอย่างนั้นT_T

                    “เจ็บมากไหมพี่” ฉันเห็นพี่ออมเอามือไปลูบคลำอยู่แถวๆหัวอ่ะนะ ดูท่าจะเจ็บน่าดู เพราะงั้นฉันเลยตัดสินในไม่ถามดีกว่าว่าพี่เขาว่าเจ็บไหม กลัวว่าเขาจะโกรธขึ้นมาน่ะสิไม่ว่าT/\T

                    “ไม่เท่าไหร่ แล้วเราเถอะ เป็นอะไรรึเปล่า” นั่นไง ขนาดนี้แล้วยังจะมีหน้ามาถามอีก ก็ตัวเองเป็นคนเข้ามารับบอลแทนเขาเองนะ แล้วยังจะมาถามว่าเป็นอะไรไหมอีก คนมันรู้สึกผิดนะยะTTOTT

                    “ยังจะถามอีก ก็พี่อุตส่าห์มารับบอลแทนขนาดนี้ถ้ายังเป็นไรอีกก็แย่เล่า@_@” ฉันจะน้ำตาคลอ เพราะรู้สึกผิดและซาบซึ้งในตัวพี่อยู่แล้วนะ แล้วพี่ออมก็ลุกขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไม่มีระนาดด้วยเอ้า!-_-;

                    “เล่นต่อเหอะ” หะ! ว่าไงนะ เจ็บตัวแล้วนี่ยังจะเล่นต่ออีกเรอะ คิดได้ไงยะเนี่ย งานนี้ฉันเล่นอึ้ง ทึ่ง นั่งอยู่อย่างนั้นไม่ยอมลุกตามเขาสักที จนพี่ออมต้องออกแรงฉุดพลางบ่นว่าจะนั่งขวางสนามไปถึงไหนกัน ดีไม่ดีเดี๋ยวมีลูกบอลลอยมาอีก พี่เขาจะไม่ออกรับแทนให้แล้วนะ เฮ้อ! ทำไมชอบพูดจี้ใจกันแบบนี้นะ ก็บอกแล้วไงว่าคนมันรู้สึกผิดเหมือนกันนะโว้ย! -/\-

                    “แก ฉันว่าออมชอบแกแน่เลยว่ะ” แล้วพอเราเล่นกันไปอีกสักพัก ยัยมายก็เดินมากระซิบกระซาบเรื่องไม่เป็นเรื่องกับฉันอีกจนได้

                    “แกจะบ้าหรอ พี่เขาไม่มาชอบฉันหรอกน่า แกก็รู้นี่ เห็นๆกันอยู่ว่าเขาเป็นผู้หญิง” ใช่! เขาเป็นผู้หญิงนี่หว่า แล้วจะมาชอบเราได้ไง ยัยมายนี่ท่าจะบ้า

                    “โห! แก ถ้าขนาดนั้นดูไม่ออกว่าไอ้ออมมันเป็นทอมฉันว่าแกไล่ให้มันไปตายแล้วเกิดใหม่มาเป็นผู้ชายเลยดีกว่า หรือไม่แกก็ไปเกิดใหม่ซะเอง นี่ขนาดเด็กอนุบาลยังรู้เลยว่าอย่างออมเนี่ย แมนๆเนี่ย เท่ๆ แบบนี้เนี่ยเป็นทอม”  เออว่ะ เท่มาก หล่อมาก ยังไงเขาก็ไม่ชอบฉันหรอก ก็เราเพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียวเองนะ ก็ครั้งนี้แหละครั้งแรก

                    “มาย แกคิดดูนะ เขาเพิ่งเจอฉันครั้งแรกนะแก” โอเค เหตุผลนี้แหละเข้าท่าที่สุด

                    “ก็ไม่จำเป็นนี่หว่า รักแรกพบอ่ะ แกไม่เคยเจอรึไง”

                    “ไม่เคยย่ะ เพราะกว่าฉันจะคบกับพี่แกได้เนี่ย สามปีกับอีกห้าเดือนเลยนะแก” และฉันก็เถียงมันด้วยเหตุการณ์อันน่าร้าวรานระหว่างฉันกับมาร์กกี้

                    “ดูท่าแกจะจำแม่นนะเนี่ย สามปีกับอีกห้าเดือน” แล้วก็ไม่พ้นโดนยัยมายล้ออีกจนได้

                    “เออ แล้วไงล่ะ แกก็รู้ว่าพี่แกมันกวนประสาทฉันขนาดไหน แล้วไหนจะชอบมาพูดโน่น นี่ นั่น พูดแต่ละอย่างไม่น่าฟังเลยสักนิด”

                    “นั่นมันเหตุผลของแก แต่กับไอ้ออม แกก็เห็นว่ามันเป็นห่วงแกขนาดไหน มันอุตส่าห์มารับบอลแทนแกเลยนะ แทนที่จะปล่อยให้แกโดยบอลอัดตาย จะได้ไม่ต้องมากวนประสาทมันอีก” แล้วก็มีทางออกเสมอสำหรับยัยมาย พูดอะไรก็ถูกไปซะหมด

                    “อ้าวง่ายจะตาย นี่แกไม่รู้หรอว่าเพราะพี่ออมเขามีจิตใจที่งดงาม” และก็มีทางตันเสมอสำหรับฉัน ชีวิตนี้มีแต่การเถียงข้างๆคูๆ ฮือ~ เขาน้อยใจนะT_T

                    “แล้วอีกอย่างนะแก เห็นๆกันอยู่ว่าพี่ออมเขาใส่กระโปรง แกจะว่าเขาเป็นทอมได้ไง” มันเป็นการเถียงที่มีเหตุผลที่ทุเรศที่สุดในรอบปีเลยนะเนี่ย แล้วพอฉันพูดจบ ยัยมายกับฉันก็หัวเราะหึๆออกมาพร้อมกัน มันเป็นการเย้ยหยันตัวเองชัดๆ

                    “จะให้เขาไปบอกป๊าไหมว่าให้คนที่เป็นทอมใส่กางเกงมาโรงเรียน”

                    “แกกล้าหรอ” ฉันพูดยิ้มๆ ก่อนยัยมายจะส่ายหัว เท่านั้นแหละพวกเราก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที ช่างไม่รู้จักการดูสภาพแวดล้อมบ้างเลยว่าเหมาะรึเปล่า

                    “กลับเหอะมาย แขนฉันระบบหมดแล้วเนี่ย แกดูดิ แดงหมดเลย” ฉันบ่นกระปดอกระแปดก่อนยกแขนขึ้นมาโชว์ต่างหน้า ทั้งที่ตอนแรกก็เป็นคนบอกเองว่าจะเปลี่ยนไปเล่นวอลเล่ร์บอล

                    “เออ ดีเหมือนกันจะได้ไปหาอะไรกิน หิวแล้วอ่ะ” มายออกความเห็นหลังจากที่เราเดินออกมาจากสนามกีฬาเรียบร้อยแล้ว

                    “เออ มาย พูดถึงเรื่องหิว แล้วนี่อุ๋งอิ๋งหายไปไหนเนี่ย ตั้งนานแล้วนะยังไม่ยอมมาสักที” ฉันบ่นๆอย่างคนเป็นห่วงเพื่อน

                    “ช่างเหอะ ป่านนี้ไปกับไอริชแล้วมั้ง” ยัยมายช่างเป็นคนที่มีเซนต์จริงๆ อย่างน้อยๆมันก็มากกว่าฉันน่ะนะ ก็ขนาดไอริชเป็นคนมาถามหาอุ๋งอิ๋งกับฉันเอง แถมมันยังเป็นต้นเหตุให้พี่ออมต้องเจ็บตัวอีก ฉันก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย โอ้แม่เจ้า!

                    “น้องๆ” และแล้วเสียงเรียกที่ไม่คุ้นเคยเลย ไม่คุ้นเลยจริงๆนะ ก็ดังมาจากข้างหลังพลางเจ้าตัวก็เดินมาสะกิดฉันอีกต่างหาก เพราะงั้นถึงเสียงจะไม่คุ้น แต่ก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเขาเรียกฉัน

                    “คะ?” หน้าตาฉันตอนนี้คงดูไม่ได้ หน้าตาแบบคนไม่รู้เรื่องรู้ราว เอ๋อขั้นเทพแน่เลยเรา

                    “นิสัยน้องอ่ะ ตรงสเปกออมเลยรู้ป่ะ?” หะ! เอาอีกแล้วหรอ เรื่องพี่ออมอีกแล้วหรอเนี่ย วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย ทำไมมีแต่คนมาทักฉันเรื่องพี่ออมเต็มไปหมด อย่างน้อยก็สองคนแล้วล่ะ

                    “ฉันเนี่ยนะ?!

                    “อืม ออมมันชอบคนดื้อ แต่ต้องดื้อแบบไม่ไร้สาระนะ แบบว่ามีเหตุผล ไม่เอาแต่ใจ แล้วก็ยอมรับความจริงได้น่ะ”  แล้วพี่แกก็เล่นสาธยายมาเต็มที่ ฉันไม่ได้อยากเป็นแฟนพี่ออมเลยนะขอบอก

                    “เออ... แต่เขาอาจจะไม่ชอบฉันก็ได้นะ” แบบนี้แหละดี รู้ได้ไงว่าพี่ออมชอบฉัน ฉันยังไม่เห็นเขาพูดเรื่องนี้เลย อย่างว่าแต่เรื่องนี้เลยนะ ฉันยังไม่เห็นเขาปริปากพูดเลยด้วยซ้ำ เสียงที่ออกมาก็มีแต่ตอนที่แหกปากร้องว่าโอ๊ยๆๆๆ เท่านั้นแหละ แล้วนี่เขาจะเอาเวลาที่ไหนไปคุยกับใครล่ะว่าชอบฉัน เพราะงั้น หลักการนี้พิสูจน์ได้ว่าการที่พี่ออมจะชอบฉันเนี่ย เท่ากับศูนย์นะยะ มั่วมากๆ

                    “ยังไงก็เหอะ ว่างๆมาเล่นด้วยกันใหม่นะ” อ้าว! เล่นเปลี่ยนเรื่องได้เร็วขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย ฉันตามอารมณ์พี่แกไม่ทันแล้วนะ

                    “ค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้กะว่าจะมาเล่นอีก” ฉันฉีกยิ้มให้พี่คนที่มาจิ้มๆที่ไหล่ฉัน แต่ว่ามันก็เป็นยิ้มที่จริงใจนะ :D

                    แล้วพอฉันพูดจบ พี่เขาก็ยิ้มตอบกลับมา ก่อนจะหันไปทางยัยมายส่งสายตาที่รู้กันว่าชอบไม่ชอบเดี๋ยวก็รู้ ก่อนจะหันมามองทางฉันด้วยสายตาแบบเดียวกัน ซึ่งฉันก็ทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่า การฉีกยิ้มรับอย่างเดิม ก่อนจะหันไปชวนมายเดินไปโรงอาหารด้วยกัน กินข้าวให้เสร็จแล้วก็เดินมาอ่านหนังสือต่อที่ห้องสมุดโรงเรียน ที่ๆฉันคิดว่ามันน่าจะเงียบที่สุดแล้วอ่ะนะ แต่ว่าไม่เลย ฉันกลับได้ยินเสียงวงดุริยางค์ดังเข้ามาอย่างชัดเจน เหตุเพราะมันซ้อมอยู่ข้างห้องสมุดไง ใครเป็นคนคิดให้ดุริยางค์มาซ้อมกันตรงนี้เนี่ย โอ๊ย! อยากจะบ้าตาย ห้องดนตรีสากลก็มีนะยะ ทำไมไม่ไปซ้อมกันในนั้น ถึงห้องมันจะเล็กไปหน่อย แต่มันก็ดีกว่าการที่จะมาซ้อมข้างห้องสมุดนะ มันรบกวนสมาธิฉัน แต่ถึงอย่างไร ความสามารถของฉันก็ทำได้เพียง คิดในใจ เพราะฉันไม่สิทธิ์ไปว่าอะไรพวกนั้นได้ และไม่มีทางที่พวกนั้นจะเข้าไปอักกันเป็นปลากระป๋องอยู่ในห้องดนตรีสากล ดีไม่ดีจะตายกันซะเปล่าๆ ทุกอย่างในโรงเรียนเรานี่ดูท่ามันจะเล็กไปหมดเลยนะ

                    และเพราะมีมารมาผจญการอ่านหนังสือของฉัน ฉันเลยตัดสินใจโยนหนังสือทิ้ง แล้วลากมายออกมาจากห้องสมุด

                    “อะไรก็ไม่รู้ แกดูดิ เสียงดังไปหมดเลย ทำไมไม่ไปซ้อมให้มันไกลๆจากห้องสมุดหน่อยก็ไม่รู้ หนวกหูจัง ฉันอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย ไม่น่าล่ะ ถึงว่าทำไมวันนี้ห้องสมุดถึงไม่ค่อยมีคน” ฉันบ่นซะยาวเหยียดขณะที่กำลังใส่รองเท้าอยู่

                    “เออ นั่นดิ น่าเบื่ออ่ะ กลับบ้านกันเหอะเฟรม” ดูท่าว่ามายก็จะรำคาญไม่ต่างจากฉันนักหรอก แต่เพราะมายเป็นคนร่าเริง(เกินเหตุ) เธอเลยหงุดหงิดได้แค่แป๊บเดียวชวนฉันคุยโน่น คุยนี่ จนหายหงุดหงิดไปด้วย

                    “เฟรม จะกลับแล้วหรอ” แล้วเสียงพี่ออมก็ดังขึ้น ทำให้ฉันหันไปทางต้นเสียงพลางตอบตกลง แล้วชวนพี่ออมเดินไปด้วยกัน ปากก็พล่ามๆๆ คุยไปเรื่อยจนมาถึงเรื่องสอบ ฉันก็บ่นๆๆ ว่าปีนี้สอบเร็ว ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย ฉันก็บ่นอีกว่าเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ กลัวว่าเกรดจะตก แล้วเดี๋ยวงานนี้เลยได้ฟังแม่บ่นยาว พี่ออมเลยอาสาจะติวให้ พี่เขาบอกว่าพรุ่งนี้มีติวพอดี

                    “อ้าว! แล้วก็ต้องมีเพื่อนพี่ด้วยสิ” นี่แหละคือสิ่งที่ฉันเกลียด ฉันเกลียดการที่จะต้องมานั่งกับคนที่ไม่รู้จัก มีหวังหงุดหงิดตายพอดี

                    “ก็มีเพื่อนพี่อีกสองคนน่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะไปรึเปล่า” ชัดเลย ทีนี้แหละ ฉันเลยเผลอทำหน้าเหยเกใส่พี่ออมเข้าจนได้

                    “เฟรมมันเคยผิดหวังเรื่องนี้มาก่อนน่ะ” แล้วยัยเพื่อนตัวแสบก็ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับชีวิตฉันซะหมดเลยว่า ตอนม.1 เคยมีรุ่นพี่ที่ฉันปลื้มๆอยู่ โทร.มาคุยซึ่งมันก็มาจากการที่ฉันขอให้พี่เขาโทร.มาหาก่อนนั่นเอง แล้วทีนี้คุยไปคุยมา ตอนนั้นก็ใกล้สอบแล้ว พี่เขาเลยชวนให้มาติวด้วยกัน มีเพื่อนพี่มาด้วยสองคน แต่พี่เขาบอกว่าขอเล่นก่อน ยัยเฟรมก็ดีใจเพราะตัวโดนทำโทษให้ทำเวรทั้งอาทิตย์กับเพื่อนอีกสองคน โทษฐานที่ลืมทำเวร ซึ่งมันก็มาจากการที่ฉันรีบวิ่งลงไปหาพี่เขาที่ชั้นสาม (ตัวเองอยู่ชั้นสี่) แล้วฉันก็ปลาบปลื้มเมื่อพี่เขาชวนให้ไปนั่งด้วยกับที่โต๊ะขาวหน้าสนามกีฬา ที่ที่พี่เขาชอบไปบ่อย ส่วนฉันก็คอยเกาะขอบระเบียงดูตอนพี่เขาเล่นกีฬาอยู่บ่อยๆ ฉันเลยตอบตกลง อุตส่าห์ขอแม่กลับช้าครึ่งชั่วโมง แต่พอถึงเวลาจริง พี่เขาก็ไม่ยอมเลิกเล่น พอเล่นเสร็จก็มานั่งเล่นอูคูเลเล่ต่อ ฉันเลยน้อยอกน้อยใจพอกลับบ้านก็โทร.ไปหาพี่เขา แล้วพูดคำเดียวว่าให้โทร.กลับมา  พี่เขาก็โทร.กลับมาทันที ช่างเป็นอะไรที่น่าประทับใจ ยัยเฟรมเลยบอกไปว่ามันเสียความรู้สึก และหลังจากนั้น มันก็มีเรื่อง มาทำให้ฉันกับพี่คนนั้นไม่คุยกันเลย จนป่านนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่าพี่เขาโกรธเรื่องอะไร ทำตัวเหินห่าง เย็นชา จากที่เคยทักก็ไม่ทัก โทร.ไปถามก็บอกว่าไม่มีอะไร มันเลยเจ็บฝังใจมาถึงทุกวันนี้ไง

                    พอเล่าจบ พี่ออมก็ร้องอ๋อ พลางถามต่อว่ารุ่นพี่คนนั้นชื่ออะไร ยัยอุ๋งอิ๋งก็ทำท่าจะบอก ฉันเลยต้องรีบขัดไว้ซะก่อน เพราะพี่เขารู้จักทุกคนที่ลงมาเล่นในสนามนั่นแหละ ตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว แล้ววันนี้ที่ลงมาเล่นก็เพราะพี่เขาไม่อยู่เนี่ยแหละ ไม่งั้นฉันไม่ลงมาหรอก ไม่กล้าสู้หน้าเขา

                    “บอกแค่ว่าเขาเรียนม.6 ศิลป์-คำนวณ พี่ก็รู้จัก” ฉันบอกพี่ออมไปแบบนี้ บอกได้เลยว่าฝืนยิ้มเต็มทน มันเซ็งแล้วก็หดหู่ทุกครั้งเลยที่มีคนพูดถึงเขาคนนั้น

                    “แล้วตกลงจะไปติวกับพี่ไหม” พี่ออมถามซ้ำอีกครั้ง เพื่อความมั่นใจว่าฉันจะไปหรือไม่ไปกับเขากันแน่

                    ไปก็ได้ แต่พี่อย่าผิดนัดก็แล้วกัน” ฉันตอบไปทั้งๆที่ยังไงก็ดูออกว่าเศร้าสุดๆ

                    “ไม่หรอก พี่ไม่เหมือนพี่คนนั้นหรอกเฟรม”

                    “ทำไมจะไม่เหมือน” ฉันพูดออกอะไรออกไปอีกแล้วเนี่ย พี่ออมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ทำไมต้องไปพูดกับเขาแบบนั้นด้วย ทีนี้พี่ออมเลยหันไปทางยัยมายแทน เหมือนกับว่าจะขอความช่วยเหลือ แต่มายก็ทำได้แค่ปฏิเสธ แล้วโบ้ยให้มาถามฉันเอง

                    “เค เขาเป็นทอมเหมือนพี่ ตอนนั้นเรียนม.4 เหมือนกัน ชอบเล่นกีฬาด้วย คบกับรุ่นพี่รุ่นน้องเต็มไปหมด แล้วตอนแรก เราก็คุยกันแบบนี้แหละ เขาเป็นพี่ของเพื่อนฉันที่ไปแล้ว” ประโยคสุดท้ายนี้แทบจะเป็นตัวเฉลยทุกอย่าง ถ้าพี่ออมเข้าใจคำว่าเพื่อนนะ ว่าหมายถึง เพื่อนผู้ชายที่ออกไปแล้ว

                    “ไปก่อนนะพี่ออม ยัยมายมาร์กกี้มารับแล้ว” ฉันหันไปบอกลาพี่ออม ก่อนจะชวนยัยมายไปหามาร์กกี้ด้วยกัน ก่อนไปก็ไม่ลืมหันมาโบกมือให้พี่ออมหรอกนะ

                    “เห็นไหน ฉันบอกแล้วว่าออมมันชอบแก” ทีนี้ทุกอย่างก็จริงอย่างที่มายพูด พี่ออมชอบฉัน

                    “ แต่ฉันชอบทอมไม่ได้ว่ะแก” คำตอบที่ฉันชอบพี่ออมไม่ได้ ไม่ได้มีส่วนที่ฉันคบกับมาร์กกี้อยู่เลยสักนิด ตอนนี้ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องมาร์กกี้เลย

                    “แกยังลืมพี่เบลล์ไม่ได้อีกหรอ” พอคำถามนี้หลุดออกมา ฉันก็ถอนหายใจออกมาทันทีเช่นกัน พลางตอนเดินไปก็เจอหน้าพี่เบลล์ที่เดินมากับแฟนของเขาพี่เคยเป็นเพื่อนของฉัน ตอนแรกสีหน้าพี่เบลล์ก็ดีๆอยู่หรอก แต่พอเห็นหน้าฉัน ยิ่งบึ้งๆแบบนี้ด้วยแล้ว พี่เบลล์เลยทำหน้านิ่งๆ เฉยๆเสียแทน อยากจะบอกอยู่หรอก...ว่าเจ็บ;(

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×