ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทเรียนแห่งรักแรก

    ลำดับตอนที่ #11 : โรงเรียนของเราน่าอยู่

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ย. 54


    พวกเราฝ่าด้านฝูงรถมรณะมาถึงโรงเรียนตอนเจ็ดโมงห้าสิบห้านาที เรียกได้ว่ามาร์กกี้ต้องจอดรถไว้นอกโรงเรียนเพราะกลัวพวกคนอื่นๆจะแตกตื่นกันหมด

                    เราวิ่งเข้าโรงเรียนกันมาอย่างยากลำบากเมื่อคุณพี่ยามหน้าประตูเกิดทักมาร์กกี้กับเพื่อนเรื่องเสื้อผ้าที่ใส่มาโรงเรียนซะนี่

                    “โธ่! พี่ครับ ปล่อยผมเข้าโรงเรียนไปก่อนเถอะ” มาร์กกี้พูดอย่างคนไม่มีทางจะไป กลืนไม่เข้า คายไม่ออก และสุดท้ายมันก็เลยพูดได้อยู่แค่นี้

                    “ไม่ได้หรอกครับคุณหนู ถ้าเกิดท่านผู้อำนวยการรู้ขึ้นมาพวกผมจะซวยเอาได้นะครับ”

                    หลังจากที่พยายามยื้อยุดหันอยู่นาน แต่ดูคุณพี่ยามจะมีความพยายามอันเด็ดเดี่ยวในการขัดขวางการเข้าโรงเรียนของเราด้วยอุดมการณ์อันสูงส่ง มาร์กกี้เลยเลิกพูด แล้วหันมาขอความช่วยเหลือจากพี่ยามอีกคน ซึ่งคำตอบที่ได้ก็เหมือนๆกัน  

                    “เฮ้ย! พี่ ถ้าพ่อมาร์กกับมายรู้ว่าลูกเขาไม่ได้เข้าเรียน หรือเข้าเรียนไม่ทัน พวกพี่ไม่ซวยกว่าหรอ” พี่ป๊อปพูดขึ้นมาบ้างอย่างเหลืออด แต่มันก็เป็นความจริงอย่างถึงที่สุด เพราะดูท่าคุณพี่ยามทั้งสอง ยังไม่เห็นหัวยัยมาย ที่ถูกฉันกับอุ๋งอิ๋งยืนบังอยู่ซะแล้ว :D

                    “เออ...งั้นก็ได้ครับ พวกผมอนุญาตให้คุณหนูสองคนเข้าไปก่อนก็ได้ครับ แต่คนอื่นต้องอยู่กับผมก่อน รวมถึงสองคนนี้ด้วย” อ้าว! เฮ้ย! ไหงเวรกรรมมาตกที่ฉันกับอุ๋งอิ๋งได้ล่ะเนี่ย ก็อุตส่าห์แต่งชุดนักเรียนมาแล้วนะ ถูกระเบียบทุกอย่างเลยด้วย!

                    “ได้ไงล่ะ ฉันกับเพื่อนแต่งตัวมาถูกระเบียบโรงเรียนนะยะ” อุ๋งอิ๋งพูดขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาจากพี่ยามหน้าโหด ใจโหด ทุกอย่างโหดทั้งสองคนเลยสักนิด ไม่มีสักนิดเลยนะ -^-

                    “ไม่รู้นะเฮีย ถ้าเฟรมกับอุ๋งอิ๋ง พี่ป๊อป พี่ริชไม่ได้เข้า น้องมายก็จะไม่เข้า ให้มันรู้กันไปเลยว่าพ่อจะด่าใคร” ตอนท้ายมายหันมาตวัดสายตาใส่นายยามที่เริ่มหน้าเสียขึ้นมาบ้าง เวลาพูดถึง พ่อน่ะ

                    สุดท้าย...คุณพี่ยามเลยปล่อยให้พวกเรา(ทั้งโขลง) เข้ามาในโรงเรียนได้อย่างทุลักทุเล ต้องบอกมาร์กกี้ว่าอย่าบอกท่านผู้อำนวยการอย่างโน้น อย่างนี้ โอ้! สารพัด เล่นเอาเหนื่อยกันเลยทีเดียว เพราะพี่แกเล่นถามไม่เลิก ทั้งทำไมถึงได้ใส่ชุดนี้ ฉันกับอุ๋งอิ๋งเป็นใคร ทำไมมายต้องมาสนใจด้วย แล้วพี่ป๊อปกับไอริชล่ะ เป็นใคร ใช่แฟนฉันกับอุ๋งอิ๋งรึเปล่า หรือว่าฉันเป็นแฟนมาย แล้วอุ๋งอิ๋งเป็นด้วยรึเปล่า แล้วป๊อปใช่คนที่มาร์กกี้คบอยู่รึเปล่า ทำไมมาร์กกี้ต้องออกรับแทนขนาดนั้น ถามๆๆๆ ถามแต่เรื่องน่าเบื่อ ถามแต่เรื่องไร้สาระ ถามจนมาร์กกี้เริ่มเบื่อ ลากแขนมายบอกว่าจะไปบอกพ่อให้ไล่ยามสองคนนี้ออก แล้วหาคนที่ปากดีๆกว่านี้มาเป็นยามแทน และทั้งหมดนี้แล ที่เป็นต้นเหตุให้พี่แกขอโทษขอโพย และขอไม่ให้มาร์กกี้ไปบอกพ่อของเขา

                    อารมณ์มาร์กกี้ที่กะว่าพอมาถึงจะรีบเปลี่ยนเสื้อนักเรียนที่มีอยู่ในห้องพักส่วนตัว รวมถึงเสื้อเพื่อนที่ฝากไว้ในห้อง เผื่อเวลาฉุกเฉิน แล้วรีบออกมาเข้าแถวให้ทันเพลงชาติ กลายเป็นว่าพังหมด! มาร์กกี้ พี่ป๊อป ไอริชไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อ แถมยังไม่สนที่จะไปเข้าแถวอีก ยัยมายก็เอาด้วย มัวแต่นอนแช่อยู่ในห้องมาร์กกี้อยู่ได้ อุ๋งอิ๋งหรอ พอไอริชชวนเข้าหน่อยก็อยู่กับเขาด้วย  บอกว่าไม่มีอารมณ์ พอเหลือฉันคนเดียว ฮึๆ คิดหรอว่าจะกล้าออกไปคนเดียวน่ะ งานนี้เลยได้หมกกันต่อในห้องมาร์กกี้ กลายเป็นศพเป็นรอบที่สอง บ้างก็นอน ฟังเพลง อ่านหนังสือบ้างล่ะ เวลาเรียนก็ไม่เข้าเรียน หยิบยกงานกรรมการนักเรียนแสนสำคัญมาทำกันต่อ ช่างเป็นคนที่รักการเรียนไรขนาดนี้เนี่ย! ฉันรอจนถึงคาบเลขจึงขอลุกไปก่อน ตามมาด้วยมาร์กกี้ที่จะรีบเข้าไปเรียนฟิสิกส์ พี่ป๊อปเรียนเคมีที่มีคาบต่อกัน ส่วนไอริชขออยู่ก่อน บอกว่าจะรอคาบชีวะ ยัยอุ๋งอิ๋งเลยได้ทีรีบบอกว่าจะอยู่ด้วย รอคาบภาษาอังกฤษที่ถนัดก่อนแล้วค่อยเข้า ส่วนมายบอกว่าจะรีบไปเรียนภาษาไทย เพราะคาบต่อไปไม่กล้าเสี่ยงตายเข้าคาบสังคมฯ ครูดุ อีกอย่างกลัวสอบไม่ได้ สังคมฯยากจะตาย

                    “กลัวครูพัชรีอ่ะดิน้องมาย” มาร์กกี้แซวน้องทันทีที่นึกได้ว่าตัวเองต้องเรียนวิชาสังคมฯ

                    “ก็เออดิเฮีย เฮียก็รู้ว่าครูพัชรีดุขนาดไหน” มายตอบพลางทำท่าทางเสียวๆ ซึ่งมาร์กกี้ก็ได้แต่หัวเราะพลางบอกกลับมาว่า โหดมากกกกกกก

                    “แต่พี่ว่านะน้องมาย น้องมายจะรีบไปเรียนกับครูพัชรีน่ะพี่ไม่สงสัยเลย แต่เฟรมนี่สิ คิดไงจะเข้าคาบครูเฉื่อย” มาร์กกี้พูดขำๆ แต่ก็โดนฉันเอ็ดเข้าจนได้

                    “นิ่! พอเลยนะ ไม่ต้องไปว่าครูเขาเลย ครูเขาเสียใจเป็นนะยะ” มาร์กกี้ทำท่าทางล้อเลียนฉันจนเริ่มโมโหขึ้นมาอีก

                    “นิ่! พอเลยนะ ที่นายได้เข้ามาเรียนวิทย์-คณิตฯเนี่ย ไม่ใช่เพราะครูเฉื่อยติวให้นายหรอกหรอ ยังจะมีหน้ามาว่าเขาอีก” พอใช้มุกนี้สิถึงเงียบ เหอะ!

                    “เฮีย” จู่ๆ ไม่รู้ผีที่ไหนมาเข้าสิงยัยมาย เจ้าหล่อนถึงได้ตะโกนออกมาโลกแตกขนาดนี้ ส่วนมาร์กกี้ก็ประสาทสัมผัสดีเกิ๊น...ตะโกนกลับมาดังพอกัน นี่ยังไม่ถึงวันโลกแตกนะยะ “อะไรอ่ะน้องมาย”

                    “แล้วเฮียกับเฮียป๊อปจะใส่ชุดนี้ไปเรียนหรอ” มายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เจือความตกใจ และเดซิเบลไม่ต่ำกว่าครั้งแรกเลยสักนิด

                    “ก็เอออ่ะดิ ไม่เปลี่ยนเล่า” มาร์กกี้ตอบกลับมาเพื่อตัดความรำคาญจากน้องสาวตัวดี

                    “แล้วพี่จะตอบอาจารย์ว่าไง” ฉันถามมาร์กกี้กับพี่ป๊อปบ้าง เพียงแต่ว่าครั้งนี้ฉันเรียกมาร์กกี้ว่าพี่เท่านั้นเอง

                    “ไม่ต้องห่วงหรอกเฟรม พี่รู้ว่าพี่จะเอาตัวรอดยังไง อย่าลืมสิ ว่าอาจารย์รักเด็กฉลาด” มาร์กกี้หันมาทำสีหน้ากวนๆใส่ฉัน ซึ่งมันก็ทำให้ยิ้มออกมาได้อยู่ดี ให้มันแน่เถอะย่ะ พ่อเด็กฉลาดดดดดดดด

                    “นี่! ที่ถามเนี่ย เพราะว่าเป็นห่วงนะยะ” ฉันเถียงกลับบ้าง มาร์กกี้ก็ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ท่าทางอิ่มอกอิ่มใจเสียอย่างกับอะไรดี

                    “ก็เดี๋ยวพี่ให้รางวัลเด็กดีไง” แถมยังตอบกวนประสาทฉันอีก มันทำให้ฉันเริ่มโมโหแล้วนะ รู้ไหม

                    “โอ๊ย! ไอ้มาร์ก พอเหอะ เดี๋ยวไม่ได้เรียนกันพอดี” คราวนี้พี่ป๊อปที่ห่างหายจากบทสนทนาไปนานเริ่มพูดขึ้นมาบ้าง ถึงมันจะเป็นการพูดตัดบทก็เหอะนะ -_-;

                    “เออ รู้แล้วน่า” มาร์กกี้ก็ตอบส่งๆไปเหมือนกัน ดูท่าทางน่าอึดอัดน่าดูเลยแฮะ สองคนนี้ นี่ไม่รู้ว่าคบกันไปได้ยังไง แล้วจะต่อยกันตายวันไหนก็ไม่รู้ โอ๊ย! เอาอีกแล้ว ตายอีกแล้ว วันนี้ฉันตายมาตั้งแต่เช้าแล้วนะ! อ้าว! เฮ้ย! ใครใช้ให้นายเล่นแบบนี้เนี่ยมาร์กกี้ ใครใช้ให้นายเล่นมาหอมแก้มฉันต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ หะ! อายนะยะ อายน่ะ สะกดเป็นมะ

                    “มาร์...”

                    “เรียนให้สนุกนะ” อ้าว! เอาอีกแล้ว นี่เล่นเดินหนีกันแบบนี้เลยใช่มะ? ไม่คิดรับผิดชอบอะไรเลยใช่มะ? ทำแบบนี้ฉันเสียหายนะยะ! -/\-  

                    แล้ววันนี้อากาศมันร้อนอบ อ้าวขนาดนั้นเลยรึไงกัน ฉันถึงได้อ้าวๆๆๆๆ แล้วก็อ้าวอยู่แบบนี้ทั้งวันเลย แล้วนี่อากาศมันร้อนจนสามารถทำให้คนตายได้เลยรึไง เพราะนอกจากมันจะอ้าวแล้ว มันยังตาย ตายๆๆๆๆๆ แล้วก็ตาย อีกต่างหาก ชีวิตฉันจะมีคำว่าโชคดีอยู่บ้างไหมเนี่ย!?T^T

                    “เฟรม รู้ไหมว่าฉันเพิ่งเคยเห็นมาร์กกี้หอมแก้มผู้หญิงก็วันนี้แหละ น่าบันทึกไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์จริงๆเลย หลักฐานชั้นต้นด้วยนะ” นั่นไง ยังไม่เท่าไหร่เลย ยัยมายก็มาแซวฉันซะแล้ว แล้วนี่ถ้าอุ๋งอิ๋งรู้เรื่องเข้าจะว่าไง ไม่เอาไปป่าวประกาศที่โรงอาหารให้คนทั้งโลกได้รับรู้จนเป็นข่าวดังอยู่หน้าหนังสือพิมพ์ หรือไม่ก็ดังไปถึงประเทศอเมริกา จนฉันอาจจะได้กลายเป็นดาราดังไปในชั่วข้ามคืน โอเค! ยอมรับว่าเว่อไป อะไรไป แต่มันก็น่ากลัวอยู่ดี เพราะถ้ายัยอุ๋งอิ๋งไม่ไปป่าวประกาศที่โรงอาหารทำให้ฉันกินข้าวกลางวันไม่ลงแล้ว ก็ไม่รู้ว่ายัยเพื่อนตัวดีจะล้อฉันไปถึงเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าจะนานไปถึงปีหน้าเลยรึเปล่าด้วยซ้ำอ่ะ แง~มาร์กกี้ นายไม่น่ามาทำแบบนี้กับฉันเล้ย...ไม่น่าเลยจริงๆนะ แง~TT^TT

                    “นิ่ พอเลยนะยัยมาย เลิกล้อกันได้แล้ว แล้วที่บอกว่าเพิ่งเคยเห็นมาร์กกี้หอมแก้มผู้หญิงเนี่ย ทำไมหรอ หรือว่าปกติมาร์กกี้หอมแก้มผู้ชาย” ฉันแกล้งเปลี่ยนเรื่องเอาเสียดื้อๆ รู้ทั้งรู้อ่ะนะว่ามันช่างเป็นอะไรที่ไม่มีความแนบเนียนเอาซะเลย เฮ้อ~ -_- ก็คนมันไม่มีทางเลือกนิ่! : (

                    “เออ แบบนั้นแหละเห็นบ่อย” และนี่แหละเจ้าค่ะ ลักษณะการตอบคำถามและการต่อล้อต่อเถียงของมาย

                    “นี่...ไม่ต้องมากวนฉันเลยนะ” ฉันตีแขนมายไปทีนึงให้รู้ซะบ้างว่าฉันไม่ชอบให้ใครมาล้อนะยะ

                    “เจ็บนะเนี่ย เดี๋ยวก็บอกอุ๋งอิ๋งซะเลยนี่” คราวนี้จากที่เคยตี มันจะกลายเป็นหยิกแล้วล่ะ

                    “อย่านะมาย” ฉันแกล้งผลักแขนเพื่อนออกห่าง แล้วรีบเดินหนีไปเรียน แต่ก็อดโดนยัยมายตะโกนไล่หลังไม่ได้ คราวนี้ถ้าใครหูดีก็ได้ยินกันหมดล่ะ เพราะงั้น ฉันเลยตักสินใจ...เลิกดีกว่า! เลิกเถียงกับมายดีกว่า  ฮะฮะฮ่า :)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×