ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทเรียนแห่งรักแรก

    ลำดับตอนที่ #7 : คนที่เขารัก?

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 54


    วันนี้เป็นวันจัดนิทรรศการที่ฉันกับพี่ป๊อปต้องรับหน้าที่อันใหญ่หลวงที่ต้องทั้งแสดงโชว์ และลงแข่งขันไปในทีเดียวกัน อ้อ! ลืมบอกไป ตอนนี้ฉันกับมาร์กกี้ เรากลับมาคืนดีกันแล้วนะ เพราะฉะนั้นวันนี้ฉันเลยเดินเข้าโรงเรียนมาอย่างสบายอารมณ์

                    “แหม วันนี้เดินยิ้มหน้าบานมาเลยนะจ๊ะ” อุ๋งอ๋งวิ่งมาตบไหล่ฉันจากทางด้านหลัง พลางออกปากแซวไปพร้อมๆกัน

                    “ก็แน่นอนแหละ โกรธกันมาตั้งนาน ดีกันบ้างจะเป็นไรไป” ฉันตอบกลับเพื่อนรักด้วยสีหน้าระรื่น เตรียมพร้อมทั้งการร้องเพลง และการแข่งขันที่จะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

                   

                    มาร์กกี้ยืนรอนักเรียนที่จะกลับจากการไปดูงานกับผู้อำนวยการโรงเรียน หรือคุณพ่อบุญธรรมของเขานั่นเอง และทันทีที่หญิงสาวผมยาวสีดำสลวย ผู้เป็นเจ้าของใบหน้าหวาน และเรือนร่างที่ดูบอบบางและน่าทะนุถนอมเป็นอย่างมากก้าวท้าวลงจากรถบัส เธอก็เดินตรงมายังมาร์กกี้ทันที

                    “มาร์กคะ เป็นไงบ้าง” ผู้หญิงผมยาวนามว่ามุกรดา ก้าวเข้ามาจับมือมาร์กกี้ด้วยท่าทางสนิทชิดเชื้อเป็นพิเศษ ชนิดที่ว่าถ้าไม่สนิทกันจริวไม่มีทางทำแบบนี้ได้เลย

                    “ก็ดีครับ ระหว่างที่คุณไม่อยู่นะ คุณพ่อผมหางานให้ผมทำเยอะแยะเลย” มาร์กกี้จับมือเธอ แล้วพาเดินเข้าไปด้วยกัน แต่ด้วยท่าทางภายนอกที่ดูบอบบางนั้น ภายในกลับแฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราด

                    “ก็เพราะรู้ไงคะว่ามาร์กมีงานเยอะ มุกก็เลยเตรียมแพลนมาช่วยงานมาร์กที่นี่แล้วไงคะ” หญิงสาวกล่าวอย่างรู้ใจ ทว่าชายหนุ่มกลับชะงักฝีท้าวอย่างอัตโนมัติ เขาจับไหล่ของเธอทั้งสองข้างเข้าหาตัวอย่างเบามือ

                    “ฮึ คุณบอกว่าอะไรนะ ช่วยงานผมหรอ?” เขาเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ เพราะกลัวว่างานที่เธอเตรียมไว้นั้น จะชนกับงานที่เขาเตรียมไว้ให้เฟรม แล้วก็เป็นจริงดังคาดเมื่อมุกรดาจะลงแข่งขันคณิตศาสตร์ทั้งที่ตัวเองเรียนศิลป์-ญี่ปุ่น แต่ความจริงแล้วมันก็ไม่น่าแปลกเท่าไหร่หรอก เพราะถ้าเทียบจากระดับสมองของมุกรดาแล้วเข้าขั้นหัวกะทิเลยล่ะ ทั้งที่เขาเคยชวนเธอเข้าสายวิทย์-คณิตแล้วแท้ๆ แต่เธอก็ดันปฏิเสธเขาหน้าตาเฉยอย่างนั้นแหละ

                   

                    เงียบกันไปพักใหญ่ ก่อนที่มุกรดาจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบที่เธอเกลียดแสนเกลียดลงก่อน

                    “มาร์กคะ วันนี้หลังเลือกเรียน มุกจะไปหามาร์กที่ห้องนะคะ” เธอกล่างอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่มาร์กกี้ตอบอย่างติดๆขัดๆ

                    “เอ่อ...คะ...ครับ” ก่อนตอบเขาจะพยายามปั้นสีหน้ายิ้มเต็มที่ เธอโผเข้ามาหอมแก้มเขาก่อนจะเดินเข้าห้องเรียนไป

                    ตั้งแต่คบกับผู้หญิงมาเนี่ย คนนี้เนี่ยเหนื่อยสุด เหนื่อยกาย แถมเหนื่อยใจอีก ชอบทำตัวเหมือนเป็นเจ้าของเขาอย่างนั้นแหละ นี่ถ้าไม่ติดว่าสวยที่สุดนะ พ่อจะไม่ชายตามองเลย! แต่คบกับเฟรมก็เหนื่อย เหนื่อยใจ เหนื่อยที่ทำร้ายเธอ เหนื่อยที่ทำให้เธอเปลี่ยนจากเขาไปคบกับป๊อป ใช่! ป๊อป! ทำไม่เขาลืมคนๆนี้ไปเสียสนิทเลยนะ

     

                    มาร์กกี้เดินกลับมายังห้องรับแขกของเขา ที่มักจะให้เพื่อนทั้งสองเข้ามานั่งเล่นได้ตามสบาย แล้วยิ่งสำหรับป๊อปด้วยแล้ว รายนี้ไม่เคยพลาด เพราะถือว่าการนอนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นเขาเลยมั่นจำได้ว่าเขาจะสามารถเจอกับชายหนุ่มได้ไม่ยาก เขาเดินเข้ามาด้วยท่าทางเรียบนิ่ง แต่ภายในนั้นเต้นร่าไปหมดแล้ว

                    “เฮ้ย! ป๊อป เย็นนี้ฉันจะชวนนายไปที่ห้องว่ะ” มาร์กกี้ตะโกนออกมาทันทีที่เขากระชากประตูห้องเขามาโดยที่ไม่ได้สังเกตจำนวนประชากรในห้องให้ดีเสียก่อน

                    และเมื่อเปิดเข้ามาเขาก็แทบที่จะยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น เพราะในห้องนั้นนอกจากจะมี ไอริช อุ๋งอิ๋ง ป๊อปที่เขาต้องการมาเจอ และเฟรม!

                    “ห๊ะ! เมื่อกี้นายบอกว่าจะชวนป๊อปไปห้องใช่ไหม ฉันไปด้วยสิ” ไอริชเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พลางหันไปถามเฟรม กับอุ๋งอิ๋งที่นั่งทำหน้าระรื่นอยู่ด้วย นี่เขาลืมไปได้ยังไงเนี่ย ว่าเขาอนุญาตให้เฟรมเข้ามาในห้องได้ แถมยังให้กุญแจไว้อีก เท่านั้นยังไม่พอ ยังอนุญาตให้เธอพาใครก็ได้เข้ามาในห้องนี้ได้อีก

                    นั่น ยังนะ ยังไม่พอ น้องมายน้องสาวของผมที่เพิ่งเดินออกมาจากโซนของห้องครัวก็คงจะได้ยินประโยคเหล่านั้นเข้าเต็มสองรูหูเลยแหละ

                    แล้วก็ไม่พลาดครับ ท่านผู้ชม มายขอไปด้วย ฮึ่ม! ให้มันได้อย่างนี้สิ!

                    “โห พี่มาร์ก พอดีกับเฟรมแล้ว ก็พลอยดีกับพี่ป๊อปไปด้วยเลยน้า~” มายลากเสียงยาวล้อเลียนพี่ชายที่ตอนนี้ความรักกำลังหวานหยด แต่แทนที่ทุกครั้งเขาจะเข้ามากอดเฟรมไว้แนบกาย แต่ทว่าครั้งนี้พี่มาร์กของเธอกลับดูที่จะมีอาการเกร็งๆ เหมือนแคร์สายตาใครอยู่งั้นแหละ แต่คงเป็นเพราะตอนนี้มีคนอยู่เต็มห้องเลยล่ะมั๊ง

                    “แต่ว่านะพี่มาร์ก น้องมายว่าพี่มาร์กเตรียมตัวจองที่นั่งสอบวี.ไอ.พีมาให้น้องมายกับเฟรมดีกว่านะ อ๋อ! แล้วอย่าลืมเตรียมโหล่รางวัลพิเศษให้ด้วยล่ะ” มายพูดอย่างอารมณ์ดี ตามนิสัยของเธอ แต่ในขณะเดียวกันเฟรมก็ยังคงนั่งเงียบอยู่ตามเดินอยู่ดีนั่นแหละ

                    “เหอะน่าน้องมาย อย่ามาโม้เลยน่า เอาให้ผ่านรอบแรกก่อนเถอะ” มาร์กกี้พูประชดน้องสาวที่ทำท่าทีออกนอกหน้าจนน่าจับหัวโขกผนังซักทีสองที

                   

                    การแสดงรอบแรกเริ่มต้นขึ้นจากการแข่งขันของบุคคลที่มีอายุระหว่าง 15-18ปี ซึ่งเป็นการแข่งขันที่น้องสาวลงแข่งเล่นๆ ตามคำชวนของพี่ชาย พูดง่ายๆก็บังหน้านั่นแหละ แต่คนที่จะจริงจังจริงๆก็คือ เฟรม

                    ส่วนช่วงบ่ายจะมีการแสดงดนตรีของป๊อปและเฟรม ที่ห้องประชุมใหญ่ งานช่วงบ่ายนี้มาร์กกี้ฝากฝังให้ไอริชช่วยดูแลแทน เพราะเขาจะมาดูเฟรม และป๊อปร้องเพลงนั่นเอง

                   

                    ในที่สุดงานวันนี้ก็ผ่านไปด้วยดี ทุกอย่างเรียบร้อย พร้อมกับคำชมของคณะครูท่านต่างๆที่ส่งผ่านคุณพ่อบุญธรรมของมาย และมาร์กกี้ให้มาชื่นชมลูกชายที่สามารถจัดงานออกมาได้ดี และเป็นสัดส่วนขนาดนี้

                    พอมาถึงตอนนี้มาร์กกี้ชวนเพื่อนๆทุกคนมาอยู่กันพร้อมหน้า พลางถามถึงเรื่องที่เขาหลุดปากพูดไปเมื่อตอนเช้า แล้วก็เป็นเรื่องอีกจนได้ เมื่อทุกคนลืมมันไปหมดแล้ว แต่เขานี่สิ ที่เป็นคนไปพูดให้เพื่อนๆนึกขั้นมาได้อีกครั้งหนึ่งน่ะสิ เรื่องใหญ่อีกแล้วเรา มาร์กกี้ได้แต่นึกตัดพ้อตัวเองในใจ มาถึงตอนนี้เขาเริ่มอยากใจเอาหัวชนเสาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

                    แต่ก็ยังดีที่ไม่ค่อยมีใครอยากไปเหมือนเมื่อเช้า จะมีก็แต่เฟรมกับป๊อปเท่านั้น ซึ่งเขาก็ดีใจนะที่ทั้งสองมากับเขาครั้งนี้ เพราะมาร์กกี้คำนวณเวลาแล้วว่ากว่ามุกรดาจะสรุปเรื่องการเดินทางที่กลับจากต่างประเทศได้ก็คงจะค่ำๆแล้ว เพราะฉะนั้น เขาก็น่าจะส่งป๊อป และเฟรมกลับบ้านก่อนได้เหมือนกัน

     

                    รถออดี้คันหรูของมาร์กกี้แล่นมาจอดอยู่หน้าคอนโดของเขา ซึ่งมันก็ดูหรูไม่ผิดกับรถป้ายแดงที่ฉันนั่งอยู่นั่นแหละ ผู้ชายคนนี้เปลี่ยนรถเป็นว่าเล่นจริงๆแต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เงินของเขาก็ยังมีเหลือเฟืออยู่ดี

                    ฉันนั่งมองอาการนิ่งสนิทของป๊อป ที่ไม่พูดไม่จากับฉันเหมือนแต่ก่อน แต่จะว่าไปพี่เขาก็ดูเปลี่ยนๆไปได้ตั้งแต่สองสามวันที่แล้วน่าจะได้ และคราวนี้ก็ดูเหมือนมาร์กกี้จะไม่ชวนป๊อปคุยซะด้วยสิ

                    “เฟรม ถึงแล้วแหละ เพราะฉะนั้น...เชิญลงมาได้แล้วครับคุณผู้หญิง” มาร์กกี้พูดพร้อมเดินมาเปิดประตูให้ฉันท่ามกลางคำถากถางของป๊อป

                    “นี่! นายน่ะ เอาใจแต่เฟรมจริงๆเลยนะ แล้วเชอร์รี่ไปไหนซะแล้วล่ะ” ป๊อปตีหน้านิ่งไปชั้วขณะที่พูดมาถึงตอนนี้

                    “ช่างมันสิ ตอนนี้แค่ฉันมีเฟรมคนเดียวก็พอแล้วล่ะ จริงไหมเฟรม?” ตอนหลังเขาหันมาถามฉันที่ได้แต่ยืนฟังบทสนทนามาได้สักระยะ ซึ่งฉันก็ได้แต่ครางอือในลำคอเป็นเชิงว่าใช่ ปล่อยมันไปเถอะ

                    ฉันเดินเข้าไปควงแขนพี่ป๊อปพลางออดอ้อนเหมือนเด็กปัญญาอ่อนที่ชอบเรียกร้องความสนใจม๊าก...มาก

                    พอมาถึงห้องของมาร์กกี้ ซึ่งอยู่ห้องหัวมุมสุดชั้น 27 ที่ถือว่าเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดก็ว่าได้ แล้วพอมาถึงห้องที่แยกกันออกเป็นสัดเป็นส่วน ที่มีห้องน้ำ ห้องนอน ห้องครัว และห้องนั่งเล่นได้อย่างลงตัว และที่แรกที่ฉันกับพี่ป๊อปรีบเดินเข้าไปในทันที เออ...เรียกว่าแย่งน่าจะเหมาะกว่า-_-^ นั่นคือห้องนอน ขอความกรุณาอย่าคิดลึกนะคะ เพราะตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มเศษ ฉันเลยถือโอกาสนอนซะเลย อิ อิ

     

                    ฉันตื่นมาอีกทีตอนไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าพี่ป๊อปยังนอนน้ำลายยืดอยู่เลย อิ อิ พอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู นี่ก็ปาเข้าไปเวลา...สองทุ่มครึ่ง! อย่าบอกนะว่านาฬิกาของฉันมันตายคาที่ไปตั้งแต่ตอนนั้นน่ะ โอ้พระเจ้า! มองไปรอบๆก็ดันโชคดี เจอนาฬิกาปลุกรูปเป็ดสุดแสนน่ารักตั้งอยู่ที่หัวเตียง กะจะเอื้อมไปหยิบ แต่ว่ามันก็กระไรอยู่นะ เพราะเจ้านาฬิกานั่นน่ะ มันดันตั้งอยู่ข้างที่พี่ป๊อปนอนซะงั้น ฉันนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเอื้อมไปหยิบนาฬิกาเป็ดน้อยน่ารัก

                    “อือ~” ว้าย! แม่ตกแตก ตกหัก ถ้วย ถัง กะละมัง หม้อข้าว หม้อแกง แตกหมด หกแตก ฉันอุทานออกมาอย่างสุดจะบรรยาย เมื่อจู่ๆพี่ป๊อปก็ดันครางออกมางั้นแหละ แถมยังจะจับแขนฉันไว้อีกต่างหาก

    “แง~ ปล่อยหนูไปเถอะ หนูอยากเรียนให้จบ หาแฟนดีๆให้ได้สักคนก่อนตาย” ฉันหลับตาปี๋ ความปัญญาอ่อนเริ่มครอบงำจิตใจ สติหาย ปัญญาหดหมดแล้ว

    “นี่ เฟรม ฉันป๊อปนะ ไม่ใช่ผี ไม่ต้องมาแช่งกันให้ตายก็ได้น่า~” ป๊อปลากเสียงยาวซึ่งฉันก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ ให้เขาอย่างสวยงาม โครก~ โอ้O_O รุนแรง เสียงท้องร้องของคุณผู้ชายช่างรุนแรงเหลือเกินเจ้าค่ะ

    “หิวอ่ะ” เขาพูดพลางเอามือลูบท้อง ไม่บอกก็รู้ค่ะ ว่าท่านหิว ฟังจากหลักฐานแล้ว...ไม่น่ารอด!^_^

     

    หลังจากนั้นฉันกับพี่ป๊อปตัดสินใจออกจากรูหนูมาหาอะไรกินกัน แต่สิ่งที่พวกเราเจอกลับทำให้ฉันแทบช็อก ส่วนพี่ป๊อปนั้นทำเหมือนมันเป็นเรื่องปกติอย่างนั้นแหละ

    มันเป็นภาพที่...มาร์กกี้...จูบกับ...ผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง สวยขนาดทีฉันเทียบไม่ติดเลยทีเดียว! คิดแล้วก็น้อยใจ...น้ำตาจากที่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าจู่ๆมันก็พากันพลั่งพลูออกมา ตอนนี้ความรู้สึกของฉันมันไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เลย ทุกอย่างอยุดนิ่ง ขนาดจะกำมือยังทำไม่ได้เลย อยากวิ่งหนี แต่ทว่าร่างกายมันไม่ทำตามที่สั่ง ไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้อีก...ได้แต่มองฉากตรงหน้าที่กว่าจะจบ...มันก็ช่างยืดยาวเหลือเกิน...

    และพอหญิงสาวนิรนามเดินออกจากห้องไป เธอจึงพยายามรวบรวมคำพูดทุกอย่าง เค้นมันออกมาอย่างยากเย็น

    “มะ...มะ...มาร์ก” ฉันพูดทั้งน้ำตา หยาดน้ำใสๆไหลรินออกมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด จะมีก็แต่...ไหลเพิ่มขึ้นในทุกวินาที

    “เฟรม! เธอ...” ฉันรู้สึกว่ามาร์กกี้กำลังพยายามกลืนก้อนแข็งๆลงคออย่างยากลำบาก เขาคงตกใจอยู่ไม่น้อยที่รู้ว่าฉันเห็นภาพนั้นเข้าเต็มสองตา

    ฉันเมินหน้าไปทางอื่น พยายามเหลือเกินที่จะรวบรวมสติ แล้วเดินหน้าต่อไป

    “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?” ฉันถามเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ มาร์กกี้มองหน้าฉันกับป๊อปสลับกันไปมา  ท่าทางอึกอักไม่รู้จะพูดอะไร

    “เธอชื่อมุกรดา เรียนอยู่ชั้นเดียวกับฉัน...” ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องนั้นสักหน่อย แม้ว่าในใจจะอยากตะโกนออกไปดังๆ แต่ทว่ากลับนิ่งเงียบ เลือกที่จะกลืนคำพูดทุกอย่างลงคอไปให้หมด “...เธอเป็นแฟนพี่” น้ำตาที่เมื่อครู่เกือบจะหยุดไหล เป็นอันต้องร่วงหล่นลงมาอีกครั้งเมื่อได้รับรู้ถึงคำกล่าวเมื่อครู่

    และในเวลาเดียวกันนั้น เวลาที่ฉันนิ่งอึ้งอยู่นั้นเอง บุคคลที่เงียบมานานก็เดินมาจับข้อมือฉันให้จ้ำตามเขาไปอย่างไม่ไยดีความรู้สึกของคนเบื้องหลังเลนสักนิด

    “ป๊อป!!!!!!!!!” ฉันได้ยินเสียงมาร์กกี้ตะโกนลั่นออกมา อย่างหมดความอดทน ฉันเห็นอาการที่เขาทำแบบนี้กับป๊อปมาก็หลายครั้งแล้ว แต่คนถูกตวาดกลับเลือกที่จะหยุดนิ่งการกระทำทุกอย่าง เย็นชาจนน่าแปลกใจ จนบางทีก็มีข่าวหลุดออกมาว่ามาร์กกี้ชกหน้าป๊อปเมื่อเกินฟิวส์ขาดขึ้นมา สาเหตุมาจากการกระทำของเพื่อนชาย ซึ่งป๊อปเองก็เลือกที่จะสู้อย่างไม่ลดละ กว่าจะจบเรื่องได้ เล่นเอาเลือกอาบเป็นกะละมัง ทั้งที่นิสัยต่างกันคนละขั้ว ทะเลาะกับจนฝ่ายปกครองเรียกแทบทุกครั้ง แต่ก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกันได้ น่าแปลกจริงๆ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×