คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : #วซดล : บทที่ 5 100 Percentage
O………….N………….E…………..S……….I………….D…………..E…………D
FIVE
เมื่อพวกเรามาถึงหอพัก พวกพี่เหลือก็ออกกันต่อทันทีเหลือแค่ผมกับพี่มาร์คสองคนที่นั่งเฝ้าหอ สงสัยจะเฝ้ากันสองคนจนกว่าจะค่ำ
“แบม พี่หิวน้ำ”
“ครับ ครับ” ผมรีบวิ่งไปหยิบน้ำมาให้พี่มาร์คทันที
“พี่อยากดื่มน้ำแร่ ไม่ใช่น้ำเปล่า” โอเคผมวิ่งกลับไปตู้เย็นอีกครั้ง
“ไม่ใช่ยี่ห้อนี่อ่ะ เป็นอีกยี่ห้อหนึ่งสีเหลือง”
“ครับ” แล้วทำไมไม่บอกตูให้ครบๆ ฟ่ะ ตั้งใจจะกวนประสาทกันรึไง แต่ทำไงได้พี่มาร์คเป็นคนเจ็บ ผมเป็นคนสบายดี ผมเลยต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้ ผมยื่นน้ำไปให้คนตรงหน้า
“คงไม่ผิดยี่ห้อแล้วนะครับ” ผมยิ้มแบบอยากให้รู้ว่า ถ้าคราวนี้พี่มาร์คไม่ดื่มๆไปซะ พี่มาร์คได้เจ็บมากกว่าเจ็บขาแน่
พี่มาร์ครับน้ำดื่มจากผมไปดื่มส่วนผมก็เปิดโทรทัศน์กะจะดูหนัง หรือ วาไรตี้อะไรก็ได้แก้เซ็ง
“แบมพี่ไม่อยากดูช่องหนัง พี่อยากกดูช่องข่าว” พอผมเปลี่ยนไปช่องข่าว ไม่ทันถึง 5 นาที
“พี่อยากดูข่าวบันเทิงไม่ใช่ข่าวฟุตบอล”
“ทำไมผมต้องเชื่อพี่ฟ่ะ”
“แบมไม่เชื่อพี่ก็ได้ พี่เป็นคนเจ็บ พี่อยากจะดูอะไรที่พี่อยากดูแต่แบมไม่ให้พี่ดู เฮ้อออออทำไหมการเป็นคนเจ็บมันแย่ยังงี้ เจ็บขาไม่พอ ยังเจ็บใจอีกตั้งหาก”
“เจ็บมากไหมฮะที่ ใจเนี่ย แค่ไม่ได้ดูข่าวแค่นี้พี่เจ็บมากไหมฮะ” ผมเริ่มกัดฟัน อยากจะเอารีโมทเขวี้ยงไปที่ไอ้คนที่ไม่รู้ทำไมวันนี้ พี่แกเรื่องมากและหาเรื่องกวนประสาทได้ขนาดนี้ -*-
“ค่อนข้างนะ” ผมเลยตัดสินใจปารีโมทไปให้พี่แก อยากดูหนังเอาไปดูเลยป่ะ แบมแบมไม่ดูก็ได้เฟ้ย
“ฮาฮาฮา งอนแก้มป่องเลย คิดว่าทำท่านี้ตัวเองน่ารักมากสินะ” ไม่ได้คิดโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
“พี่ไม่แกล้งแบมแล้วก็ได้ มาดีกันมะ มาดีกันมะ” คนตัวโตขยับตัวเข้ามาใกล้ผมแล้วยื่นนิ้วก้อยให้กับผม เมื่อเขาทำแบบนี้นั่นหมายความว่าเขากำลังง้อผมจริงๆ เพราะพี่มาร์คเคยถามผมตอนเราโกรธกันครั้งแรกว่าถ้าจะง้อแบบสไตล์คนที่เมืองไทยเขาง้อกันยังไง ผมเลยบอกว่ายื่นนิ้วก้อยให้กัน
ผมเลยยื่นไปเกี่ยวแบบเสียไม่ได้ ก็คนเขาอุตส่าห์ง้อขนาดนี้แล้วถ้าผมยังโกรธอยู่ก็ดูเป็นคนไม่มีเหตุผลเท่าไหร่
“ทำไมพี่ต้องกวนผมด้วยวันนี้ เป็นอะไรก็ไม่รู้ตอนเช้าก็ไม่พูดกับผม ตอนบ่ายยังกวนตีนอีกตั้งหาก”
“ก็แบมไม่สนใจพี่ นี่พี่มาร์คนะ พี่คนแรกของแบม พี่ต้องสำคัญที่สุดสิ ไหงให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าพี่ฟ่ะ เคืองนะเว้ย”
“โคตรตุ๊ดเลยพี่มาร์ค ดูทำท่า” ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งล้อเรื่องผมทำแก้มป่อง พี่มาร์คกลับทำหน้าได้หน้าอ้วกไม่แพ้ผมหรอกว่ะ
“ตุ๊ดตรงไหนฟ่ะ สาวติดให้เพียบอย่างงี้” ทำไมผมถึงรู้สึก จุกขึ้นมาแปลก
“ครับๆ คนดังของสาว ไม่ตุ๊ดครับไม่ตุ๊ด”
“พี่หิวแล้วแบม” คือการพูดแบบนี้ต้องการอะไรจากสังคมเหรอครับมาร์คต้วน
“ผมใช่ คนใช้พี่ป่ะ” =[]=
“ตอนนี้มีใครอยู่น้องจากแบมป่ะ ?” ^o^
“เอ่อ ทีใครทีมันนะเว้ย” ยอมให้แค่วันนี้แหละ ได้คืบจะเอาศอกจริงๆ ไอ้พี่มาร์ค
O………….N………….E…………..S……….I………….D…………..E…………D
ผมตัดสินใจทำข้าวห่อไข่ โดยที่ผัดข้าวข้างในให้เสร็จหลังจากนั้นก็หันไปทำไข่ที่ใช้ห่อ ข้าวห่อไข่ถือว่าเป็นเมนูเด็ดที่มาร์คชอบทานจากฝีมือของผม ครั้งแรกที่พี่มาร์คได้กินถึงกับชมผมไม่ขาดปาก ทั้งที่มีเมนูเป็นร้อยให้ทำแต่ผมก็มักจะทำเมนูนี้ให้พี่มาร์คกินเสมอๆ ไม่รู้เพราะดีใจกับคำชมในครั้งแรกครั้งนั้น หรือ ชอบทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มของพี่มาร์คหลังกินเสร็จกันแน่
พี่มาร์คคนเจ็บค่อยๆ เดินมานั่งรอที่ห้องกินข้าว พร้อมกับหยิบกิมจิที่มีติดตู้เย็นออกมาว่างไว้เป็นเครื่องเขียนในการกิน ข้าวห่อไข่
ผมเอาอาหารมาเสริฟให้ถึงโต๊ะ พี่มาร์คยิ้มทันทีที่เห็นอาหารที่ผมทำให้ เพราะรอยยิ้มแบบนี้แหละที่ทำให้ผมอยากทำเมนูนี้ให้ผู้ชายคนนี้กิน
“ข้าวห่อไข่สูตรเฉพาะแบมแบม มาแล้วครับ”
“พี่คิดอยู่ว่าอยากจะให้แบมทำให้กิน แต่ไม่อยากกวนแล้วก็ไม่รู้ว่าด้วยว่ามีของทำครบรึเปล่า เรานี่รู้ใจพี่จริงๆ”
“แน่นอน แบมอ่ะรู้ทุกอย่างที่พี่มาร์คคิดแหละ”
“ขนาดนั้น เวอร์ว่ะสั้น”
“ใครสั้นไม่ทราบ”
“ก็ใครละที่เตี้ยที่สุดในวง”
“จะกินไหมข้าว ถ้าไม่กินจะช่วยทิ้งให้”
“แซวแค่นี้ทำเป็นโกรธเดี๋ยวเหอะสั้น เดี๋ยวจะโดนไม่รู้แล้วว่าใครพี่ใครน้อง”
“ครับๆ ทราบครับพี่มาร์ค”
“แบมแม่จะมาหาไหมวันที่เดบิวตต์อ่ะ”
“แม่กับครอบครัวผมคงยังไม่มาอ่ะพี่ แค่เราได้คุยกันทุกวันมันก็โอเคแล้ว” จริงๆ การคุยกันทุกวันมันทำให้ผมมีความสุขนะครับ แต่ก็ยังอยากให้ครอบครัวมาหาผมในวันที่ผมเดบิวต์อยู่ดี แต่ผมก็เข้าใจเหตุผมของที่บ้าน ผมไม่โกรธแต่ก็อยากให้พวกเขามา
“พ่อพี่น่าจะมานะ ไว้เราไปกินข้าวด้วยกันนะแบม” เพราะพี่มาร์คเป็นห่วงความรู้สึกของผมแบบนี้แหละ ผมถึงได้ตัดใจจากเขาไม่ลง ทั้งที่หลายๆครั้งเขาทำร้ายจิตใจผมอย่างไม่รู้ตัว แต่หลายๆครั้งเขาก็เป็นห่วงผมอย่างไม่รู้ว่าเขารู้ตัวรึเปล่าแบบนี้เสมอๆ
“พี่มาร์คขอบคุณนะครับ”
O………….N………….E…………..S……….I………….D…………..E…………D
40%
เรากินไอติมตบท้ายเป็นของหวาน ที่หอเรามีครบทุกอย่างแหละครับ ตั้งแต่อาหารไทย อาหารจีน อาหารฝรั่ง อาหารเกาหลี ขนม ไอติม มีครบแบบจัดเต็ม แหมก็พวกเราเป็นวัยกำลังโตก็ต้องครบนิ๊ดหนึ่ง
บรรยากาศสบายๆ แบบที่ ถึงเราไม่ต้องพูดกันแต่เราก็เข้าใจ บรรยากาศสบายๆ ที่มักจะเกิดกับคนที่เราสนิทและไว้ใจได้เท่านั้น บรรยากาศแบบนี้ที่หายไปนานระหว่างผมกับพี่มาร์ค ผมไม่รู้ว่ามันหายไปตอนไหน หรือ ไปตกหล่นอยู่ที่ใด แต่ผมจำได้ว่านานมากแล้วที่เราไม่มีบรรยากาศแบบนี้ให้กันและกัน
อาจจะตั้งแต่ก่อนที่เราจะเตรียมตัวเป็น GOT 7 ด้วยซ้ำ ทั้งที่เราก็อยู่ด้วยกันทุกวัน เห็นหน้ากันทุกวัน คุยกันทุกวัน แต่ความรู้สึกสบายใจแบบนี้ กลับหายไปมันตลกจริงๆ
พี่มาร์คที่จู่ๆเล่นไอแพด แล้วมองหน้าผมแบบแปลกๆ
“มีอะไรเหรอพี่”
“แบมลงไปเอาของแทนพี่หน่อยดิ”
“ของอะไรอ่ะ”
“เอ่อนะ ของอะไรก็ช่างมันเถอะ แบมจำน้องที่ชื่อ ซอนจี ได้ใช่ไหม”
“คัง ซอนจี ที่เป็นเด็กเทรน..?” เด็กในสังกัดพี่มาร์คนั่นเอง
“เอ่อ นั่นแหละ เขารออยู่ข้างล่าง แบมช่วยไปเอาของแทนพี่หน่อย”
“อืมได้” ของอะไรที่สำคัญขนาดต้องเอามาให้กันถึงที่นี่ ที่หน้าหอ
เมื่อผมลงมา ผมเห็นพี่ซอนจีรออยู่ข้างหน้าหอพัก ผมรู้จักกับพี่ซอนจีรู้แค่ว่าพี่เขาเป็นเด็กเทรนรู้แค่นั้นนอกนั้นก็แค่รู้ว่าเป็นเด็กในสังกัดพี่มาร์ค เราไม่เคยคุยกันด้วยซ้ำ
“ซอนจีนูน่าครับ”
“อ้าว แบมแบม นี่ของมาร์คจ้ะ เขาลืมของไว้ที่ห้องพี่” ผมไม่รู้ทำไมคำว่าห้องพี่ของพี่ซอนจีดูก้องไปมาในหัวผมแบบนี้ มันหมายความว่ายังไง
“ห้องพี่เหรอครับ” ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำสีหน้าแบบไหนออกไป แต่.........หน้าของนูน่าที่อยู่ตรงหน้าผมดูเขินอายและหน้าแดงอย่างที่ผมไม่อยากจะเข้าใจมันสักนิด
ผมเปิดดูของที่อยู่ข้างในมันเป็นเสื้อกับกางเกงของพี่มาร์ค ทำไมเสื้อกับกางเกงของพี่มาร์คถึงไปอยู่กับผู้หญิงคนนี้ได้ ไม่ใช่ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมอาจจะแค่ไม่อยากยอมรับความจริงเท่านั้น
“เมื่ออาทิตย์ก่อนที่ฝนตกหนักมากๆ มาร์คเขาก็เลยไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องพี่แล้วก็เลยลืมเอาไว้ ฝากให้มาร์คเขาด้วยนะจ้ะ พี่ไปแหละ”
ผมจำได้ว่าวันนั้นพี่มาร์คโดดซ้อมตอนบ่ายทั้งบ่าย พอพี่มาร์คกลับมาพร้อมเสื้อและกางเกงตัวใหม่พวกเราถามเขาว่าพี่ไปไหน พี่มาร์คบอกว่าพอดีออกไปข้างนอกแล้วติดฝนอยู่ก็เลยไปเปลี่ยนเสื้อที่บ้านเพื่อนเลยทำให้กลับเข้ามาฝึกไม่ทัน
เนี่ยอ่ะนะ เหตุผลของพี่ เหตุผลที่ผมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนตบหน้าอย่างแรง ผมหน้าจะเขวี้ยงถุงใส่หน้าพี่มาร์ค อยากจะด่า อยากจะทำอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งที่พวกเรากำลังจะได้เดบิวต์แล้ว แต่นี่คือสิ่งที่พี่กำลังทำในขณะที่พวกเราพยายามแทบตายเนี่ยอ่ะนะ
ผมตัดสินใจเดินออกไปข้างนอกหอพักอย่างคนที่อยากสงบสติอารมณ์ เพราะถ้าผมขึ้นไปตอนนี้คงไม่พ้นทะเลาะกับพี่มาร์คยกใหญ่ จริงๆ มันก็คือเรื่องส่วนตัวของพี่มาร์ค การที่มาร์คจะทำตัวยังไง ทำแบบไหนนมันก็เป็นเหตุผลของเขา ผมไม่ควรมีสิทธไปโกรธหรืออะไรพี่มาร์คทั้งนั้น
แต่ทำไมผมเจ็บจังว่ะ ไม่รู้ว่าเจ็บมากกว่า หรือ ผิดหวังมากกว่ากัน พี่ชายที่ผมเคยรักและเคารพ พี่ชายที่พยายามทำทุกอย่างอย่างเต็มที่เขาหายไปไหน ทำไมเขาทำแบบนี้ผมมองยังไงก็ไม่เข้าใจจริงๆ
เมื่อผมสงบอารมณ์ได้ ผมก็บอกตัวเองว่า คนเรามีเหตุผลของตัวเองพี่มาร์คก็ต้องมีเหตุผลของพี่มาร์คที่ผมไม่เข้าใจ เราต่างคนต่างจุดยืนอย่าไปคิดแทนเขา เพราะฉะนั้นผมเลยพยายามไม่โกรธพี่มาร์คถึงแม้ผมจะเสียใจและผิดหวังแต่ผมก็จะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครหรือพูดให้ใครฟัง
เพราะยังไงพี่มาร์คเขาก็ยังเป็นพี่ชายที่ดีของผม
แบมแบหยุดอารมณ์หึงหวงอิจฉาบ้าบอคอแตกของนายซะ หยุดมันซะ มันจะทำให้ทะเลาะกับพี่มาร์คเปล่าๆ
แล้วนายมีสิทธอะไรที่จะทำแบบนั้น
นายไม่มีสิทธที่จะทำแบบนั้น
นายเป็นใคร นายเป็นแค่น้องชายนะเว้ย
ไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่น้องจริงๆ ด้วยซ้ำ อย่าเอาความรู้สึกของตัวเองไปผูกกับพี่มาร์คนักเลย
เพราะยิ่งเราเอาความรู้สึกของตัวเองไปผูกที่คนอื่นมากเท่าไหร่
เราก็จะยิ่งเจ็บเท่านั้น
เพราะฉะนั้นได้โปรดอย่าเลย
อย่าเอาความรู้สึกของเราไปผูกกับคนที่เขาไม่เห็นค่าเลย
O………….N………….E…………..S……….I………….D…………..E…………D
#วซดล มาต่อให้แล้วค่ะ
ต้องขออภัยที่มาต่อช้ามาก T^T
ดิทเพิ่ม
ช่วงนี้เราเพลียๆ คือ เบื่อๆ เซ็งๆ
เด็กที่ยังไม่ทำงานเก็บเกี่ยวเวลาแห่งความสุขกันเอาไว้เยอะๆนะคะ
พอมาทำงานแล้วมัน เหนื่อย เบื่อ และเซ็งจริงๆๆๆ
ความคิดเห็น