คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : #วซดล : บทที่ 4 100 %
FOUR
จากวันที่เราซ้อมกันอย่างหนักหน่วงทุกวัน เต้นเพลง โปรโมตซ้ำไป ซ้ำมา เต้นจนมันพร้อม เต้นมันจนเข้าไปในสายเลือด เข้าห้องอัดวันเว้นวัน แก้ไขเพลงจนกว่ามันจะได้ที่ถูกใจของทุกคน ไม่ใช่แค่เราเหนื่อย แต่อาจารย์ทุกท่าน เมเนเจอร์ สไตลิส ผู้จัดการ และ ใครคนอื่นอีกมากหมายที่ให้ผมพูดก็คงพูดได้ไม่หมด ทุกคนต่างร่วมใจเพื่อที่จะทำให้การเดบิวต์ของพวกเราออกมาอย่างดีที่สุด
พวกเราผ่านช่วงความลำบากมาด้วยกัน มีการทะเลาะกัน หัวเราะด้วยกัน ร้องไห้ไปด้วยกัน ทุกวันมันเต็มไปด้วยเรื่องราวที่หากให้ผมพูดทั้งวันมันก็คงไม่หมด ผมไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ผมไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ทุกความทรงจำ ทุกหยาดหยดความเหนื่อยยาก ทุกหยดน้ำตาผมคงจะจำช่วงเวลานี้ไปตลอดชีวิต
อีกหนึ่งเดือนพวกเราก็จะได้เดบิวต์อย่างเป็นทางการ ยิ่งใกล้วันมากเท่าไหร่พวกเรายิ่งตื่นเต้น ยิ่งใกล้วัน พวกเรายิ่งซ้อมให้หนักกว่าเดิม ยิ่งใกล้วันผมยิ่งคิดถึงครอบครัวที่อยู่เมืองไทย ถึงแม้จะได้โทรคุยด้วยกันทุกวันแต่มันก็ยังคงคิดถึงอยู่ไม่เสื่อมคลาย
วันนี้เมเนเจอร์และครูฝึกทุกท่านปล่อยให้พวกเราพักได้หนึ่งวันเพื่อตอบแทนที่พวกเราฝึกกันอย่างหนักหน่วง แต่ทั้งที่เขาให้วันหยุดให้พักผ่อนแต่ผมก็ยังมาห้องซ้อมแต่เช้าเพื่อฝึกเต้นให้มันเข้าทีกว่านี้
“แบมก็มาเหรอ พี่คิดว่าจะมีแค่พี่ที่หนีมาฝึกนะเนี่ย”
“เจบีฮยอง ก็มาเหรอครับ” ผมหันไปยิ้มให้กับผู้ชายผมสีเทาตรงหน้า เนื่องจากใกล้วันเดบิวต์แล้วผมพวกเราเริ่มที่จะทำสีและสีโปรโมตของพี่เจบีก็คือสีเทา ผมแอบล้อไปหลายครั้งว่าเหมือนคนแก่ ตอนแรกที่เราเกร็งๆกัน ตอนนี้ผมสามารถคุยหรือเล่นกับเจบีฮยองได้อีกหนึ่งขั้นแล้วนะครับ
“ก็รู้สึกว่ามันยังไม่เป๊ะเท่าไหร่ อีกไม่กี่วันพวกเราก็จะเดบิวต์แล้วพี่ไม่อยากให้พลาด”
“ฮยองเคยเดบิวต์ไปแล้วยังตื่นเต้นอีกเหรอฮะ”
“อืม ครั้งแรกมันก็ตื่นเต้นนะ แต่ครั้งนี้มันกลับบตื่นเต้นมากกว่าเพราะต้องเป็นหัวหน้าวงด้วยมั้ง”
“หัวหน้าวงเป็นหน้าที่ไม่สนุกแต่ฮยอง ก็ยังเลือกที่จะเป็น ของคุณนะฮะที่เหนื่อยเพื่อพวกเรา มามะมานั่งตรงนี้”
ผมลากพี่เจบีลงมานั่งที่โซฟาเดี่ยวในห้องซ้อมแล้วเริ่มนวดไหล่ให้คนผมสีเทาที่ยังคงนั่งตัวแข็งเพราะคงงงว่าผมกำลังทำอะไร
“สบายไหมฮะ” พอผมนวดได้สักพัก ผมก็ยืนหน้าไปข้างหน้า ประจวบกับพี่เจบีเงยหน้าขึ้นมาพอดีตอนนี้เลยกลายเป็นภาพบรรยากาศที่ดูแปลกๆ สายตาของพี่เจบีดูสับสนแบบแปลกๆ ความสับสนที่ผมก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร
“สบายไหม” ผมถามย้ำคนตรงหน้าไปอีกครั้งเมื่อเกห็นว่าพี่เขาไม่ทำอะไรสักอย่างนอกจากจ้องผม
“อืม สบาย แบมพี่...................”
“มาสวีทอะไรกัน 2 คนอีกแล้วเนี่ย BBam” เสียงกวนประสาทแบบนี้มีคนเดียวคือไอ้พี่หวังแน่นอน ผมเลยหันกลับบไปมอง โอ้วววววววววววววววทั้งที่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันไม่ดี หรือ อะไรที่มันเป็นแบบที่ไอ้พี่หวังมันแซวเลยนะ แต่ทำไมตอนนี้ผมอยากหายตัวไปจากตรงนี้เลยว่ะ ยิ่งมองเห็นว่าทุกคนมาอยู่ตรงนี้ครบเลยแบบนี้ไม่ขาดแม้คนเดียว
“สวีทอะไรอ่ะพี่ ผมแค่มาซ้อมเต้นแล้วพี่เจบีเขาก็เข้ามา แล้วผมก็เลยนวดให้มันก็เท่านั้นเอง”
“แหมมมมม แต่หน้าเอ็งกับเฮียบีนี่ห่างกันไม่ถึงคืบด้วยซ้ำ” มึงต้องพูดย้ำซะขนาดนี้เลยเหรอเชี่ยยยยยูคคคค
“ก็ว่าทำไมวันนี้พี่บีไม่อยากปลุกผมที่แท้แอบมาขายหม้อ ขายไหให้น้องแบมนี่เอง” แม้แต่พี่ยองแจผู้แสนเป็นคนดีก็ไม่ละเว้นผม
“พอๆเลยไอ้แตงกวา ก็พี่เห็นว่าวันนี้วันหยุดพักผ่อนพี่ก็เลยไม่อยากจะปลุกกะจะให้เอ็งนอนไปนานๆ พักเยอะ อะไรนี่มาด่าพี่อีกเดี๋ยวเหอะ”
“ไอ้ยองแจแกอย่าไปรู้ทันไอ้บีมัน มันอุตส่าห์ตีเนียนขนาดนี้แล้ว มึงยังอุตส่าห์ไปจับไต๋มันได้อีก” หลังจากประโยคนี้ของพี่จูเนียร์ พี่เจบีก็โชว์นิ้วกกลางข้างขวาให้ซะงั้นนน
“โหหหหห เล่นแรงว่ะดี๋ยวนี้”
“พวกพี่กินข้าวกันแล้วเหรอฮะ”
“กินแล้วเรียบร้อยทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมไม่อยากพัก อยากมาซ้อม แล้วพอเปิดประตูมาก็เจอไอ้พวกนี้นั่งเสนอหน้ากันเต็มหอพัก มาร์คเลยเสนอให้พวกเรามาซ้อมกัน” คำตอบของพี่จูเนียร์ทำให้ผมเงยหน้าไปมองคนผมแดงที่ตอนนี้หนีไปนั่งอีกมุมห้องหนึ่งตั้งแต่เข้ามายังไม่ได้ยินเสียงพี่ท่านสักนิด ไปกินรังแตนที่ไหนมาละนั่น
พวกเราเลยมาซ้อมกันอีกหลายรอบ แต่พี่มาร์คก็ไม่เดินมาหาผม ทักผม หรือ คุยกับผมแม้แต่น้อย ทำเอาผมงงไม่น้อยว่าผมทำอะไรผิด ผมเลยแอบดึงพี่แจ็คสันมาข้างนอก
“พี่มาร์คแม่งขี้ไม่ออกเหรอพี่ ทำไมหน้าบูดแบบนั้นโกรธอะไรแบมไม่รู้อ่ะไม่คุยกับแบมเลย”
“ปล่อยๆ มันไปเหอะ วันนี้มันโดนผู้หญิงบอกเลิกนัดมามั้งอารมณ์เลยไม่คงที่”
“อะไรฟ่ะ ถูกผู้หญิงบอกปัดมาแล้วทำไมต้องมาลงที่ผมอ่ะ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“ผิดที่แกหายหัวออกมาจากห้องตั้งแต่เช้าพร้อมไอ้บีนะดิ ไอ้มาร์คตั้งใจจะชวนแบมออกไปหาอะไรกินด้วยกันพอเปิดไปที่ห้องไอ้ยูคบอกแบมไปแล้ว พอออกมาห้องนั่งเล่นไอ้ยองแจก็บอกว่าไอ้บีไปซ้อมเหมือนกันไอ้มาร์คมันก็เลยอารมณ์นอยด์ๆ แบบนี้แหละ”
“เอ่อ....คือผมไม่ได้มาพร้อมมพี่บี ผมมาซ้อมนานอยู่ แล้วพี่บีก็ค่อยตามออกมา แล้วจะมาโมโหแค่เพราะผมออกมาก่อนแบบนี้พี่มาร์คไม่เด็กไปเหรอไง”
“ประเด็นไม่ได้อยู่ที่มาพร้อมหรือไม่พร้อมไอ้บี ประเด็นมันอยู่ที่ว่าเอ็งมาไม่บอกมันตั้งหาก มันบ่นกับพี่อยู่บอกช่วงนี้แบมเปลี่ยนไป ไม่ค่อยบอกอะไรมันเหมือนเคยไปไหนก็ไม่มาชวน ยังไงแบมก็น้องรักมัน เมื่อก่อนแบมพึ่งมันอย่างกับอะไรดี เดี๋ยวนี้พอเอ็งทำอะไรได้ด้วยตัวเองไม่ต้องพึ่งมันเหมือนเคย มันก็คงน้อยใจตามประสาคนคิดมากอ่ะแหละ ง้อมันสักหน่อยเดี๋ยวมันก็หาย มันเคยโกรธเอ็งได้นานเหรอแบม...ก็ไม่หรอก”
ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากพึ่งพี่มาร์ค แต่พี่มาร์คอยู่ให้ผมพึ่งแบบเมื่อก่อนเหรอ...............?
เมื่อก่อนเวลาไปไหนผมก็มักจะนึกถึงพี่มาร์คกับพี่แจ็คสันเป็นสองบุคคลแรกๆเสมอ
แต่ช่วงหลังมาพวกพี่สองคนบางทีก็หนีหายไปไหนไม่รู้
ยิ่งกับพี่มาร์คพอผมจะโผล่หัวไปชวนทำอะไรด้วยกันที พอไปห้องพี่มาร์ค พี่มาร์คก็แทบจะไม่เคยอยู่ห้อง
พอคนเรามันผิดหวังซ้ำๆ มันก็เลิกตั้งความหวัง
ผมเลยหันไปคว้าไอ้ยูค กับไอ้ริโฮแทน ถ้าใครว่างผมก็คว้าคนนั้นแหละไป
ผมอยากถามพี่มาร์คเหมือนกันว่าใครกันแน่ที่เปลี่ยนไป
พี่..............หรือ.....................ผม?
ในเมื่อสำหรับผมพี่ยังคงเป็นคนแรกที่ผมนึกถึงเสมอ
มันเหมือนแสงปลายทางของอุโมงค์ที่ผมมักจะเห็นพี่ก่อนใครเสมอ
แต่พอทุกครั้งที่ผมเข้าใกล้แสงนั้น พอคาดหวังว่าจะเจอพี่แต่สุดท้ายมันก็คือความว่างเปล่า
ความว่างเปล่าที่ไม่มีจริง จับต้องไม่ได้
เป็นแค่ภาพลวงตาที่ทำให้ผมดีใจในตอนแรก
แต่สุดท้าย.....................มันก็ไม่ใช่ความจริง
อันดับหนึ่งของผมคือ พี่ แต่............อันดับหนึ่งของพี่คือใคร ..................?
60%
O………….N………….E…………..S……….I………….D…………..E…………D
อยากโกรธ เชิญโกรธเถอะครับ คิดว่าแบมแบมจะง้อเหรอ เชอะไม่มีทางอยากโกรธ โกรธไปเลยเว้ย แบมแบมจะไม่เง้อตามคำสั่งของไอ้พี่หวังเด็ดขาด
“ไอ้แบมเอ็งเต้นผิด นี่รอบที่สามแล้วนะเว้ย ผิดตรงที่เดิมเป๊ะเลย” เสียงไอ้ยูคตะโกนด่าผมออกมา คือ ผมเผลอเหม่อไปหน่อยครับ อย่าคิดมากแบมแบม อย่าไปคิดเรื่องไอ้พี่ต้วนก็เราจะไม่ง้อไม่ใช่รึไงอย่าฟุ้งซ่านดิ คนอื่นเขาพากันช้าเพราะเอ็งไปหมดแล้ว
“ขอโทษครับ แบมขอพักหน่อยละกัน สงสัยซ้อมแต่เช้าผมเลยเพลียๆ เหนื่อยๆ ไปหน่อย พวกพี่ซ้อมกันไปก่อนเลยครับ”
ผมเดินมาออกมาข้างนอกห้องซ้อมไปนั่งที่บันไดผมนั่งปล่อยความคิดไปสักพัก ผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีอะไรเย็นๆ ไม่รู้มาโดนแก้มของผม ผมหันไปเจอน้ำส้มขวดที่พี่เจบีเป็นคนถือ
“พี่เจบีอย่าแกล้งผมสิฮะ”
“แกล้งอะไรตั้งใจจะเอามาให้ เห็นเหนื่อยๆ เอ้าเอาไป น้ำส้มมีวิตามินซีสูงนะ กินแล้วจะได้แข็งแรงๆ”
“ขอบคุณฮะ พี่ไม่ซ้อมกันต่อเหรอ”
“พอเห็นแบมเดินเหนื่อยๆ เพลียๆ ออกมาทุกคนก็เลยตัดสินใจพักกันก่อน รอแบมด้วย”
“แบมเป็นคนสำคัญอ่ะดิ ทุกคนเลยต้องรอแบม”
“แบมสำคัญกับใครรึเปล่าไม่รู้ แต่แบมสำคัญกับพี่นะครับ เอ้าดื่มซะจะได้ไปซ้อมกันต่อ”
“ไอ้มาร์คเอ็งหยุดตรงนั้นทำอะไร ไม่เข้ามาซ้อม” เสียงพี่แจ็คสันทำให้ผมลุกยืนขึ้นแล้วหันไปมองเห็นพี่มาร์คยืนมองมาอยู่ในมือพี่มาร์คถือน้ำมะม่วงที่ผมจำได้ว่าเป็นยี่ห้อโปรดของผม
“กูไม่ซ้อมแหละ มึงเอาไปกูให้” พี่มาร์คเดินกลับไปทางพี่แจ็คสันแล้วยื่นน้ำมะม่วงให้พี่แจ็คสัน พร้อมกับปิดประตูห้องซ้อมอย่างดัง
“เฮ้ยๆ อย่าเพิ่งเลิกซ้อม ขออีกรอบก่อนไปพัก ไอ้แบม เฮียบีมาซ้อมเร็วไอ้มาร์คมันจะเลิกซ้อมแล้วนะพี่”
พวกผมเลยเดินตามพี่แจ็คสันเข้าห้องซ้อมพี่มาร์คดูอารมณ์ไม่ดีอย่างแรง พวกเราตัดสินใจซ้อมกันอีกหนึ่งรอบแล้วจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน เพราะยังไงวันนี้ก็เป็นวันหยุดที่หาได้ยากยิ่ง
เมื่อถึงท่าที่พี่มาร์คต้องตีหลังกา จู่ๆ พี่มาร์คก็ล้มลงอย่างที่ไม่ควรจะเป็น
“พี่มาร์ค” ผมมตะโกนลั่นแล้วรีบเข้าไปหาพี่มาร์คทันที
“เป็นอะไรรึเปล่า เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงลงแบบนี้” พี่แจ็คสันถามอาการพี่มาร์ค
“กูกะพลาดไปหน่อยว่ะ เลยสะดุดไปจังหวะหนึ่ง”
“อย่าเพิ่งพูดมากเลยครับรีบพาพี่มาร์คไปห้องพยาบาลก่อนเถอะ” ผมไม่รู้ว่าทำไมเสียงตัวเองสั่นขนาดนี้ ผมจับมือพี่มาร์คเอาไว้เหมือนที่เวลาที่ผมเจ็บแล้วพี่มาร์คชอบทำ
พี่มาร์คหันมาหาผมเขายิ้มออกมาแล้วลูบหัวผมอย่างต้องการจะปลอบ
“พี่ไม่เป็นไรหรอก แบมไม่ต้องห่วงพี่นะ”
“รีบพาไปห้องพยาบาลเถอะถ้าเป็นหนักจะได้รีบพาไปโรงพยาบาล ยูคแกพยุงด้านซ้าย แจ็คสันนายพยุงด้านขวา เดี๋ยวฉันรีบไปตามหมอที่อยู่ห้องพยาบาลก่อน” พี่เจบีสมกับเป็นหัวหน้าวงในขณะที่พวกเราไม่รู้จะทำยังไงพี่เจบีกลับรู้ว่าควรต้องทำอะไร
พวกเราเดินตามพี่มาร์คที่มีพี่แจ็คสันกับยูคพยุงไปห้องพยาบาล พอถึงห้องพยาบาลพวกผมก็รีบเดินเข้าไปกันจนเต็มห้อง หมอที่คอยรักษาที่นี่รีบเข้ามาดูทันที เขาจับขาพี่มาร์คไปมา สีหน้าพี่มาร์คดูเจ็บเล็กน้อย แต่เขาก็ยังส่งยิ้มมาที่ผมได้
“ไม่เป็นไรมากหรอกแค่ขอเท้าแพลง หยุดซ้อมสักวัน สองวัน แล้วก็ทานยาแก้อักเสบสักอาทิตย์ก็น่าจะดีขึ้น รับรองหายดีก่อนเดบิวต์แน่นอน”
“ขอบคุณคุณหมอมากครับ” พี่เจบีเป็นคนหันไปขอบคุณก่อนเป็นคนแรก แล้วพวกเราที่เหลือก็เลยกล่าวขอบคุณตามกันอีกครั้ง
“ยังไงก็ดูแลตัวเองกันดีๆ หน่อยเดี๋ยวก็จะเดบิวต์กันแล้วนะเด็กๆ”
ผมรีบเดินไปหาพี่มาร์คที่ข้างเตียงคนป่วย
“เป็นไงบ้าง เจ็บมากไหม” พี่มาร์คส่ายหัวอย่างบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก
“พี่มาร์คล้มได้ไงอ่ะครับ ปกติไม่ค่อยจะพลาดตรงนั้นเลย” พี่ยองแจถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“นั่นดิ นายพลาดได้ไง”
“ก็บอกแล้วว่ามันกะผิดจังหวะ ไปนิดหน่อยเลยล้มผิดท่าเลยที่นี้”
“วันนี้พวกเราก็ต่างคนต่างไปพักแล้วกันโดยเฉพาะนายนะมาร์ค รีบไปพักผ่อนเลยจะได้หายไวไว” พี่เจบีก็ยังทำหน้าที่ของหัวหน้าวงอย่างดีเยี่ยม
“แจบอม วันนี้ฉันกับยองแจจะไปซื้อเสื้อกันนายไปด้วยไหม”
“อืม ฉันไปด้วยก็ได้ กะว่าจะไปซื้อนาฬิกาข้อมืออันใหม่สักหน่อย แบมจะไปด้วยกันไหม” ใจผมก็อยากไปนะครับแต่ผมมั่นใจว่าพี่มาร์คไม่ไปชัวร์จากสภาพแบบนี้แล้ว ทั้งที่ควรตามใจตัวเองและไปอย่างที่ตัวเองอยากไปผมกลับเลือกที่จะไม่ไปแค่เพราะอยากอยู่เป็นเพื่อนคนที่เจ็บ
“ไม่ไปดีกว่าพี่”
“ถ้าไอ้แบมไม่ไปงั้นหวังไปแทน หวังอยากไป ฮิฮิฮิ ตอนแรกคิดว่าจะต้องอดเพราะต้องดูไอ้มาร์คซะแหละ ไอ้แบมแกดูมันดีๆ นะเว้ยอย่าปล่อยให้มันไปกัดใครที่ไหนเข้าละ”
“กูไม่ใช่หมานะเว้ย”
“อ้าวเหรอ เห็นบางทีเอ็งก็ชอบกัดคนอื่นไปทั่ว กัดไม่พอทิ้งรอยไว้ให้คนโดนกัดเจ็บกันระนาว”
“เสือก” คำเดียวจากพี่มาร์ค จบนะพี่หวัง !!!
O………….N………….E…………..S……….I………….D………..E…………D
TALK!!!!!
เรื่อยๆ มาเรียงๆ กีบเรื่องนี้
ค่อยๆ เป็น ค่อยไปนะเรื่องนี้
#วซดล
รักคนอ่านที่สุดดด THX Na KA
ความคิดเห็น