คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : #วซดล : บทที่ 1
ONE
ผมไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกของผมมันค่อยๆ เปลี่ยนไป จากความรู้สึกชื่นชมที่มีต่อพี่ชายคนหนึ่ง เปลี่ยนเป็นความปลื้มต่อผู้ชายคนหนึ่ง และ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันเปลี่ยนไปเป็นชอบ หรือ บางทีอาจจะมากกว่านั้นมันเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ผมยังจำวันแรกที่เราเจอกันได้ ผมที่มาเป็นเด็กเทรนที่เกาหลีเป็นครั้งแรก มายังต่างบ้านต่างเมือง ภาษาก็ไม่ได้ เพื่อนคนไทยที่จะมาเทรนด้วยกันก็ไม่มี มีแต่แค่ตัวกับหัวใจเพื่อจะมาทำตามความฝันมีอยู่แค่นั้น
วันที่ผมรู้ว่าผมจะต้องมาเป็นเด็กเทรนที่นี่ หนึ่งดีใจ สองเสียใจ เสียใจต้องจากบ้านที่เราคุ้นเคย จากเมืองที่เราอยู่มาทั้งชีวิตมาอยู่ที่นี่เมืองที่ผมไม่รู้อะไรเลย จากครอบครัวที่มีคนรักผมมากมาย มาอยู่ที่นี่ด้วยตัวเองคนเดียว
วันที่ผมเข้าไปเทรนวันแรกเด็กใหม่ทุกคนต้องโชว์ความสามารถพิเศษให้แก่เด็กเทรนรุ่นพี่ดู ผมเต้นตามความสามารถที่ผมได้เข้ามาที่นี่ ผมแนะนำตัวด้วยภาษาอังกฤษที่ก็ไม่ค่อยแข็งแรง จู่ๆ ก็มีเด็กเทรนเกาหลีตะโกนพูดอะไรสักอย่างกับผมแต่ผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง แล้วทุกคนก็หัวเราะเยาะผม ผมไม่รู้ว่าผมทำอะไรผิด ผมเลยแต่ยืนหน้าเอ๋อแล้วก็ทำหน้างง จู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่า
“Shut Up please listen him” ผมพอแปลออกว่า เขาพูดว่าหุบปากซะแล้วฟังเด็กคนนี้ ผมเงยมองไปที่เขาแล้วเขาก็สบตาผม เขาพูดกับผมว่า “Please introducing your self again and make loud noise” เขาบอกให้ผมแนะนำตัวใหม่ และพูดให้เสียงดังมากขึ้น
ผมจึงตะโกนแนะนำตัวออกไปดังๆ ว่าผมชื่ออะไร นางสกุลอะไร มาจากที่ไหน แล้วทุกคนก็ปรมมือต้อนรับผม เมื่อผมพูดจบอาจารย์ก็พาผมเข้าไปหาพี่ผูเชายคนที่ช่วยผมไว้
พวกเขาคุยกันด้วยภาษาเกาหลีและภาษาอังกฤษซึ่งผมก็จับใจความได้บ้างไม่ได้บ้าง สรุปคือเหมือนว่าจะให้พี่คนนี้ดูแลผมใช่ไหม
เขาหันมามองผม มอบรอยยิ้มให้ผมและทักผม “Nice to meet you BamBam I am Mark let be my new brother” เขายื่นมือมาจับผม เขาคนที่เป็นเพื่อนคนแรกของผม เป็นพี่ชายคนแรกของผมในประเทศนี้ เขาที่ชื่อว่า มาร์ค ต้วน
เป็นเวลากว่า 6 เดือนที่ ผมแทบจะใช้ชีวิตและเวลาตัวติดกับพี่มาร์คตลอด ไม่ว่าจะกินข้าว ฝึกซ้อม หรือแม้แต่คลาสเรียนเกาหลี พวกเราเริ่มคุยกันได้มากขึ้น เขาคอยสอนทั้งภาษาอังกฤษและเกาหลีให้ผม ผมรู้ว่าพี่มาร์คมีพี่สาว 2 คน มีน้องชาย 1 คน พี่มาร์คบอกว่าเขาเอ็นดูผมมากๆ เพราะผมเหมือนน้องชายของพี่เขา ผมรู้สึกดีที่พี่มาร์คยื่นความเป็นพี่น้องให้ ผมรู้สึกดีที่ได้มีพี่มาร์คคอยช่วยผมเสมอ พี่ชายที่ฮาไหนฮานั่น พี่ชายที่คอยปลอบผมเวลาที่ผมคิดถึงบ้าน พี่ชายที่เข้ามาทำให้ผมอบอุ่นเหมือนได้กลับไปเจอพี่ชายที่อยู่ประเทศไทยอีกครั้ง
ผมโคตรรักพี่ชายคนนี้
หลังจาก 6 เดือนแรกที่ผมมา อาจารย์ก็เริ่มมีการแบ่งกลุ่มให้ใหม่โดยที่ผมต้องอยู่กับเด็กเทรนอีกกลุ่มที่ซึ่งมีคนเกาหลีด้วย ส่วนพี่ชายผมเขาก็ถูกแบ่งไปอีกกลุ่มซึ่งอีกกลุ่มมีพี่แจ็คสัน พี่ที่มาจากฮองกง แต่เป็นคนที่สนุก ตลกและ น่ารัก เขาเป็นคนที่สนิทกับคนง่าย ผมเลยสนิทกับพี่แจ็คสันไปด้วยอีกคน
แต่เมื่อมีการแบ่งกลุ่มกันฝึกมันก็ทำให้เวลาของผมกับพี่มาร์คไม่ตรงกันเท่าไหร่เลิกซ้อมไม่ตรงกัน เวลาที่ผมเคยตัวติดกับพี่มาร์คก็ลดลง เราจะเจอกันเฉพาะเวลาคลาสเรียนภาษาเกาหลีซึ่งเด็กเทรนต่างชาติต้องเข้าเรียน แต่ถึงเราจะไม่ตัวติดกันเหมือนเดิม แต่พี่มาร์คก็ยังคงเอ็นดูผมเสมอ แถมมีพี่แจ็คสันอีกคนที่เอ็นดูผมไม่แพ้พี่มาร์คผมชอบความรู้สึกของการได้เป็นน้องเล็กของพี่ชาย 2 คนจริงๆ ให้ตายเถอะ
การเป็นเด็กเทรนเป็นเรื่องยาก แต่สนุกทุกวันมีฝึกซ้อม ทุกวันมีเรียน ทุกวันคือความเหนื่อยแต่ทุกคนก็ต่างสู้ไปด้วยกัน สู้เพื่อความฝันที่พวกเราฝันเอาไว้ มีหลายครั้งที่หลายคนยอมแพ้ หรือ เจอในสิ่งอื่นที่เขาคิดว่าใช่มากกว่า พวกเขาก็จากเราไป มันน่าเศร้าที่เห็นพวกเขาจากไปแต่เราก็ต้องยินดีกับพวกเขาที่อาจจะได้เจอสิ่งอื่นที่มันใช่กว่า
สำหรับผม ผมไม่เคยคิดว่ามีอะไรที่ใช่มากกว่าการเป็นนักร้อง ผมร้องไห้หลายครั้งที่คิดถึงบ้าน มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พี่มาร์คมาเจอผมหลังจากร้องไห้อย่างหนักเพราะคิดถึงแม่ พี่มาร์ค เข้ามากอดผม ผมรู้สึกอบอุ่นแบบประหลาด เพราะปกติผู้ชายไทยเขาไม่กอดอะไรกันแบบนี้ แต่ผู้ชายเกาหลีไม่ มันจึงไม่แปลกที่พี่มาร์คจะได้รับอิทธิพลความเป็นผู้ชานของเกาหลีมา เขากอดผมและลูบหับผมบอกกับผมเป็นภาษาเกาหลีว่าไม่เป็นไรนะ พี่อยู่นี้แล้ว วันไหนที่แบมร้องไห้เพราะคิดถึงบ้านมาหาพี่ที่ห้องนะ พี่จะจับมือและปลอบแบมเอง
มันเลยกลายเป็นความเคยชินไป ทุกครั้งที่ผมร้องไห้เพราะคิดถึงบ้านผมก็มักจะไปเคาะห้องพี่มาร์คและนอนกับพี่มาร์คบนเตียงมันคือความอบอุ่นที่แปลกๆ แต่ผมกลับชอบมันเหลือเกินเพราะมันได้เข้ามาทดทนแทนความเหงาของผม
เมื่อผมเป็นเด็กเทรนครบ 3 ปี ผมก็เริ่มรับรู้ถึงข่าวลือเกี่ยวกับพี่มาร์ค ข่าวลือเรื่องผู้หญิง ข่าวลือที่ผมไม่เชื่อสักนิดว่าพี่ชายผมจะทำแบบนั้น แต่............ผมก็ต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อเช้ามืดวันหนึ่งผมได้เปิดประตูห้องน้ำรวมเพราะผมต้องเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ประตูแม่งดันล็อค คือร้อยวันพันปีไม่ล็อค มาล็อควันนี้ ผมที่กำลังคิดว่าจะออกไปตามอาจุมม่าแม่บ้านมาเปิด ก็ต้องตกใจแทนเมื่อมีน้องเด็กเทรนผู้หญิงที่จำได้ว่าน้องเพิ่งเข้ามาเมื่อ 2-3 เดือนก่อนเปิดประตูออกมา
น้องดูอายหน้าแดงมากแล้วรีบวิ่งออกไป คือ น้องเข้าห้องน้ำผิดห้องเหรอ แต่คือฝั่งนี้มีโถส้วมผู้ชายอยู่นะน้อง น้องเข้าผิดแล้วทำไมต้องล็อคฟ่ะ ผมไม่ได้คิดอะไรก็เลยเปิดประตูเข้าไป เจอพี่มาร์คยืนแต่งตัวอยู่
“อ้าวพี่มาร์คทำไมมาเช้าจัง” ผมผู้ซึ่งกำลังประมวลความคิดอย่างหนักถึงบางอ้อออออจ้า เมื่อเห็นรอยลิปสติกติดอยู่ที่ปากพี่มาร์ค คือ สงสัยน้องเขาจะใช้ลิปแบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่พอจูบลิปเลยติดปากพี่มาร์คอยู่ ผมเลยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ คือสถานการณ์ ดูอึดอัดขึ้นทันตา
เอิ่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
“ทำไมแบมมาฝึกเช้า”
“ผมมีทดสอบเต้นอ่ะพี่เลยว่าจะมาเปลี่ยนเสื้อไปซ้อม”
“คือ........พี่.....แบมอย่าไปบอกใครนะ”
“ข่าวลือที่ว่าพี่มั่วไปทั่วนี้จริงเหรอ ผมอุตส่าห์ไม่เชื่อ”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น” ทำไมผมต้องรู้สึกผิดหวังแบบนี้ฟ่ะมันก็ไม่แปลกที่พี่มาร์คเขาจะมีผู้หญิงไม่ใช่รึไง หล่อ รวยแบบพี่มาร์คเหลือรอดมาขนาดนี้ก็แปลกแล้ว
“แบมผิดหวังในตัวพี่เหรอ หน้าแบมดูออกมาก มันเป็นเรื่องปกตินะ”
“ถ้าบอกว่าไม่ผิดหวังก็โกหก มันเฟลนิดๆ ก็ไม่เห็นพี่เคยพูดอะไรแบบนี้กับผมเลย แล้วเมื่อก่อนพี่ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้ แต่เดี๋ยวนี้ทำไม เอ่อ..ช่างเหอะ มันไม่ใช่เรื่องแปลกผมไม่อะไรแล้ว”
“แบมอย่าโกรธพี่นะ พี่ไม่อยากเป็นคนไม่ดีในสายตาแบม”
“เฮ้ยพี่โกรธบ้าอะไร เรื่องแบบนี้ผมเข้าใจอยู่เรื่องปกติ 555+” ถึงบอกว่าเข้าใจแต่จริงๆ ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองที่จู่ๆ มันก็เศร้าจนเหมือนอยากจะร้องไห้
“......................” แล้วความเงียบก็บังเกิดขึ้นระหว่างเรา
“เอ่อพี่มาร์คพี่ควรลบรอยลิปสติกหน่อยปากพี่ยังเลอะลิปสติกน้องเขาอยู่เลย”
“ว่าแต่ พี่โคตรไวไฟอ่ะ น้องคนนั้นเพิ่งเข้ามาไม่ใช่เหรอ จริงจังป่ะคนนี้”
“ไม่ว่ะ คนนี้วินวิน พี่ Happy เขา Happy ต่างคนต่างอยู่ในที่ตัวเอง เหงาก็ค่อยเจอกัน”
“ดูเห็นแก่ตัวดีเนอะ ผู้หญิงน่าจะจริงจังกับพี่อยู่” ผมเผลอพูดในสิ่งที่คิดออกไป
“เห็นแก่ตัวได้ไงพี่บอกแล้วตั้งแต่แรกว่าพี่ไม่ชอบอะไรยุ่งยาก แค่สนุกๆ แก้เครียดกันก็พอ ถ้าจะจริงจังคงต้องเชิญป้ายหน้า”
“พี่มาร์คเครียดอะไรเหรอ บอกแบมได้ไหม ถ้ามีอะไรที่ผมจะช่วยได้ก็บอกนะ” แล้วผมก็เอือมมือไปจับผู้ชายตรงหน้าทั้งที่เขาคอยช่วยเหลือผมทุกเรื่องแต่ทำไมผมไม่สามารถแบ่งเบาความทุกข์หรือความเครียดของพี่เขาได้ว่ะ
“แบมแค่อยู่ข้างๆพี่ก็พอ แค่อยู่ข้างๆพี่ไม่ต้องไปไหน เป็นน้องชายของพี่แบบนี้ก็พอนะแบม พี่ขอร้องอย่าทิ้งพี่ไป” ทำไมสายตาของพี่มาร์คดูเจ็บปวดขนาดนั้นผมไม่เข้าใจสักนิด ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำบ้าอะไรแต่ผมกอดพี่มาร์คเอาไว้แน่นๆ แน่นเท่าที่ผมจะทำได้ ผมแค่อยากจะปลอบผู้ชายคนนี้
“ถ้าพี่ยังไม่พร้อมจะเล่าก็ไม่เป็นไร แต่ผมอยู่ตรงนี้นะพี่อยู่ข้างๆ พี่แบมนี้สัญญาว่าจะไม่ไปไหน สัญญาว่าจะอยู่ข้างพี่มาร์คแบบนี้ตลอดไป สัญญาว่าจะเป็นน้องชายที่ดีของพี่ ผมสัญญา”
หลังจากวันนั้นผมก็มักจะเห็นว่าพี่มาร์ควงคนนั้นควงคนนี้ไปเรื่อยๆ แต่พี่มาร์คก็บอกผมแค่ว่า เล่นๆ สนุกๆ ไม่มีอะไร วินวิน ผมเริ่มเกลียดคำว่าววินวินจริงๆ มันจะวินวินได้ตลอดรอดฝั่งเหรอ บางคนอาจจะวิน แต่ก็ต้องมีบางคนที่เขาจริงจัง แต่ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง มันเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ
มันมาอีกแล้วความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกคิดถึงบ้าน ความรู้สึกคิดถึงความรักของพวกพี่ชาย ความร่าเริงของน้องสาวและความห่วงใยจากแม่ทุกครั้งที่ผมรู้สึกแบบนี้ มันจะจบด้วยการร้องไห้เสมอๆ ผมจึงเดินไปห้องพี่มาร์คเจอรูมเมทพี่มาร์ค พี่เขาบอกว่าพี่มาร์คออกไปข้างนอก รูมเมทพี่มาร์คนานๆ ทีถึงจะกลับมาพัก เฉพาะวันที่ต้องกลับดึกจริงๆ วันไหนไม่ดึกก็นอนก็กลับบ้านพี่เขาเสมอ ห้องพี่มาร์คเลยเหมือนเป็นห้องเดี่ยวผมละอิจฉา
“แบมครับพี่กลับบ้านก่อนนะ แต่พี่ว่าแบมอย่ารอไอ้มาร์คเลยมันน่าจะดึก”
“ทำไมอ่ะพี่”
“มันไปกับเด็กใหม่มัน ช่วงนี้ติดคคนนี้อย่างแรง”
“คนที่ชื่อแคนดี้ที่เป็นลูกครึ่ง แคนนาดา-จีนอ่ะนะพี่”
“เออคนนั้นแหละ สวยเอ็กเซ็กแตก เป็นพี่พี่ก็ติดว่ะ ไปแหละแบม”
“กลับบ้านดีๆ พี่”
เหลือผมอยู่คนเดียวที่ห้องนี้ห้องที่ทั้งเงียบและเหงา ทั้งที่คิดว่าจะมาหาพี่มาร์คจะได้หายเหงากลายเป็นว่าต้องมาอยู่คนเดียวยิ่งเหงาเข้าไปกันใหญ่ ผมเลยล้มตัวลงนอนบนเตียงพี่มาร์คซึบซับความอบอุ่นที่เจ้าของเตียงทิ้งเอาไว้
“พี่มาร์คกลับมาเร็วๆ แบมคิดถึง” แล้วผมก็เผลอหลับไปอย่างง่ายดายไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหนแต่รู้ว่าพอตื่นขึ้นมาก็ยังไม่เห็นพี่มาร์ค ทำไมถึงได้เศร้าแบบนี้ ผมเลยเปิดผ้าม่านออกไป เห็นพี่มาร์คเดินควงมากับน้องแคนดี้ เขาอยู่กับผู้หญิงคนนั้นทั้งคืนจริงๆ ทำไมน้ำตาผมไหลออกมาแบบนี้กัน พี่มาร์คกอดน้องคนนั้นพวกเขากอดกันแล้วพวกเขาก็จูบกัน น้ำตาผมไหลไม่หยุด
ผมรู้แล้วว่าทำไมผมถึงเหงา
ผมรู้แล้วว่าทำไมผมถึงเศร้า
ผมรู้แล้วว่าน้ำตาผมไหล
เพราะผมรู้แล้วว้าอ้อมกอดของพี่มาร์คไม่ใช่ของผมคนเดียว
มันเป็นอ้อมกอดของใครหลายๆ คน
เป็นอ้อมกอดที่ผมโง่เง่าเคยคิดเหมาเอาเองว่าเป็นของผม
มันเป็นครั้งแรกที่รู้ตัวว่าตัวเองคิดยังไงกับพี่มาร์ค
มันเป็นครั้งแรกที่ตัวเองรู้สึกชัดเจนได้ขนาดนี้
มันเป็นครั้งแรกที่ผมรู้ตัวว่า................................
ผมรักเขาไปซะแล้ว
ความรักครั้งแรกของผม
พอรู้ว่ารัก
ก็รู้ตัวเองด้วยเหมือนกันว่า
ตัวเองอกหักแล้ว…………….
ความรักนี้มันไม่มีวันเป็นจริงได้
ไม่มีทางเลย เพราะพี่มาร์ครักผู้หญิง
เขาไม่มีทางที่จะมารักหรือคิดกับผมแบบนั้น
เขารักผมเหมือนน้องแต่ดูผมสิ ผมคิดบ้าบอคอแตกกับพี่มาร์คยังงี้ได้ยังไง
ถ้าพี่มาร์ครู้ว่าผมคิดยังไงกับเขา เขาจะรังเกียจผมไหม
เขาจะทนได้รึเปล่าถ้ารู้ความจริง
ผมรีบหนีออกจากห้องพี่มาร์คเพราะไม่อยากให้พี่มาร์ครู้ว่าผมรักเขา
ไม่อยากจะรับรู้แม้กระทั่งความรู้สึกของตัวเอง
อยากจะปิด อยากจะหนี อยากจะเหยียบความลับนี้เอาไว้
เพราะไม่อยากเสียคำว่าพี่น้องไป
เพราะไม่อยากให้พี่มาร์คต้องลำบากใจ
แบมจะพยายามเก็บซ่อนให้ลึกที่สุด ลึกจนพี่มาร์คไม่มีวันรู้
ถึงแบมจะเจ็บแค่ไหนที่ต้องซ่อนเอาไว้ แต่แบมก็จะทำ
เพื่อพี่ชายคนดีของแบม
O………….N………….E…………..S……….I………….D…………..E…………D
เป็นยังไงกันบ้างคะ
มาส่งตอนที่ 1 ให้แล้วนะจ้ะ
ปาหัวใจรัววว ให้คนอ่าน 5555+
ภาษาอังกฤษของเราแค่ระดับอนุบางโปรดปล่อยผ่านนะคะ 555+
#วซดล ฟิคที่คนแต่งสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ให้เศร้าเท่า #ฟิคแอบมาร์คแบม
หุหุหุหุ รออ่านทุกคนบ่น ทุกความฟิน ทุกความน่ารัก
อย่าลืมติดแท็ก #วซดล นะคะ
ปล. #ฟิคแอบมาร์คแบม อัพแล้วนะจ้ะ อย่าลืมไปอ่านกัน
ความคิดเห็น