คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : #วซดล : บทที่ 16 100%
Sixteen
“มาร์ค มันเป็นบ้าอะไร”
“แบมไม่รู้”
“แบมไม่ได้เต็มใจใช่ไหม” ผมส่ายหัวอย่างแรง
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้เล่าให้พี่ฟังได้ไหม”
“พี่แจบอมแกล้งหอมแก้มแบม แล้วพี่มาร์คก็ด่าแบมว่าแบมใจง่ายแล้วพี่มาร์คก็จูบแบม แล้ว...รอยนี้ก็ตามมา” ผมรู้สึกอายตัวเองอย่างแรงที่ต้องมาเล่าเหตุการณ์บ้าบอคอแตกแบบนี้ ให้พี่จินยองฟัง ผมเลยสรุปเฉพาะส่วนสำคัญก็พอ พี่จินยองเหมือนเป็นผู้ปกครองของผมแล้วบังเอิญมารู้ว่าเด็กในอาณัติของตัวเองโดนลวนลามอะไรประมาณนั้น
“อืม มิน่าวันนี้แบมกับมาร์คถึงแปลกๆ กัน มาร์คก็เอาแต่มองแบม แบมก็เอาแต่มองไปทางอื่น พี่ก็คิดว่าแค่ทะเลาะกันตามปกติ เฮ้ออออ พี่มาร์คนี่มันสมควรโดนต่อยสักทีทำกับแบมแบบนี้ได้ไง”
“.....”
“แล้วแบมจะทำไงต่อ”
“แบมไม่รู้ แบมรู้แต่แบมยังไม่พร้อมมองหน้าพี่มาร์ค ยังไม่อยากเจอ ยังไม่อยากคุย พี่มาร์คแค่อยากแกล้งแบม แบมไม่ชอบความรู้สึกที่ตัวเองเป็นไอ้โง่ให้พี่มาร์คหลอกเล่นแบบนี้เลย”
“งั้นก็ห่างกับพี่มาร์คไว้ ไม่อยากคุยก็อย่าเพิ่งคุยไว้รอแบมพร้อมแล้วค่อยคุย พี่จะคอยกั้นให้ แต่การหนีไม่ใช่การแก้ไขปัญหาตลอดไปหรอกนะแบม”
“แบมรู้ แต่แบมก็ไม่รู้จะทำยังไงดี”
“ลองคบกับไอ้แจบอมดูไหม เพื่ออะไรมันจะชัดเจนขึ้น” อะไรคือชัดเจนขึ้น ไม่ชัดเจนขึ้น ผมไม่เข้าใจ
“ไม่ครับ แบมไม่อยากทำร้ายพี่แจบอม แบมปฎิเสธพี่เขาไปแล้วเมื่อวาน”
“เฮ้อ สมน้ำหน้าไอ้แจบอมมัน พี่ก็บอกมันอยู่แล้วว่ายังไงแบมก็ต้องปฎิเสธ”
“พี่จินยองรู้เหรอครับ”
“แจบอมมันเพื่อนสนิทพี่นะ พี่เห็นแค่มันมองแบมพี่ก็รู้แล้ว”
“.......”
“เอางี้พี่เห็นด้วยว่าช่วงนี้แบมควรห่างกับพี่มาร์คเอาไว้ เอาให้แบมพร้อมแล้วค่อยคุยกันดีกว่า ไม่งั้นยิ่งคุยจะยิ่งแย่”
“ครับแบมก็ว่างั้น”
“บางทีการห่างกันสักพักมันอาจจะทำอะไรให้ดีขึ้นก็ได้นะแบม พี่ว่าพี่มาร์คแม่งต้องแอบหึงแบมแหง”
“หึง หรือ แค่หวง”
“พี่ก็ไม่แน่ใจ แต่การห่างออกมามันน่าจะทำให้แบมมองอะไรได้ง่ายขึ้น”
“ง่ายยังไงครับ”
“ก็ง่ายที่จะลองมองไปรอบๆ ให้กว้างขึ้น เห็นโลกให้มากขึ้น แบมอาจจะได้เจอคำตอบที่แบมกำลังตามหาอยู่ตอนี้ก็ได้นะ”
“แบบจะไปต่อดีหรือไม่ไปต่อดีอะไรแบบนี้รึเปล่าครับ”
“ไม่ใช่หรอก แบบที่รู้ว่าต่อจากนี้ควรจะจัดการกับมันยังไงตั้งหาก”
“แบมไม่เข้าใจ”
“ให้โอกาสตัวเองดูแบม หลับตาลงแล้วเปิดหัวใจในการมอง แบมน่าจะได้มองเห็นทางได้ชัดเจนยิ่งขึ้น พรุ่งนี้ก็หาเสื้อปิดคอหน่อยละกัน”
“ครับ ขอบคุณนะครับ”
“รีบๆ นอนเถอะ”
ผมรีบปิดไฟแล้วนอนหลับไปอย่างรวดเร็ว ผมไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับพี่มาร์คต่อ แต่เรื่องของวันพรุ่งนี้ ก็ปล่อยให้วันพรุ่งนี้เราค่อยจัดการก็แล้วกัน อีกอย่างสิ่งที่ผมควรจะใส่ใจก็คืองานแฟนไซต์กับแฟนคลับมันน่าจะถูกต้องมากกว่า
O………….N………….E…………..S……….I………….D…………..E…………D
ผมตื่นขึ้นมาแต่เช้า มองไปที่เตียงไอ้ยูคมันยังคงหลับอยู่ อยากให้แฟนคลับมาเห็นท่านอนทุเรศๆ ของมันจริงๆ ผมรีบลุกขึ้นไปเลือกเสื้อ และเข้าห้องน้ำอาบน้ำ ผมเลือกเสื้อสก็อตสีน้ำเงินที่พอจะปิดรอยตรงคอของผมได้ ถึงมันอาจจะไม่ได้ปิดทั้งหมดแต่มันก็ยังช่วยให้คนที่ไม่สังเกตมองผ่านตาไปได้
ผมรู้ตัวว่าถ้ายังอยู่ในห้องนอนต่อไปก็ไม่พ้นทำให้ไอ้ยูคตื่น ซึ่งไม่รู้ว่ามันนอนดึกแค่ไหน ถ้านอนได้และยังไม่ใช่เวลาตื่นผมก็อยากให้เพื่อนผมนอนไปก่อน ผมตัดสินใจออกมานั่งอยู่ที่ห้องรับแขก ที่ตอนนี้วางโล่งไม่มีใครอยู่ ผมตัดสินใจที่จะเดินไประเบียงห้องเพื่อรับอากาศตอนเช้าที่ไม่ได้เจอมานาน
ผมไม่รู้ว่าตัวเองอยู่นานเท่าไหร่ จนกระทั่งๆได้ยินเสียงคนเปิดประตูแล้วเขามายืนข้างๆ ผม เป็นพี่แจบอมนั่นเองที่ออกมาหาผม
“ทะเลาะกับไอ้มาร์คเพราะพี่เหรอ”
“เปล่าครับ พี่มาร์คแม่งงี่เง่าเองตั้งหาก พี่จินยองเล่าให้ฟังเหรอครับ”
“อืม เมื่อคืนมันมาสมน้ำหน้าพี่แล้วก็เลยเล่าเรื่องแบมให้ฟัง”
“ทั้งหมดเลยเหรอครับ”
“อืม” แล้วพี่แจบอมก็มองไปที่คอที่มีรอยจูบของพี่มาร์คอยู่ ผมรู้สึกร้อนตรงรอยจูบตรงนั้นอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งที่คนทำแม่งคงนอนไม่รู้เรื่องอยู่แท้ๆ ตอนนี้
“.....”
“พี่ขอโทษนะ เพราะพี่ ไอ้มาร์คมันเลยทำบ้าๆกับแบม”
“ไม่ใช่เพราะพี่แจบอมหรอก เป็นเพราะแบมงี่เง่าพูดจาไม่เข้าหูพี่มาร์ค ส่วนพี่มาร์คก็.....เฮ้อออ เป็นบ้าอะไรไม่รู้”
“มันอาจจะหึงแบม”
“พูดเหมือนนพี่จินยองเลย แต่แบมว่าพี่มาร์คแค่หวงแบมมากกว่า”
“หรือไม่มันก็ยังไม่รู้ตัวว่าคิดยังไงกับแบม”
“พี่แจบอมคิดว่าพี่มาร์ครู้ไหมว่าแบมรู้สึกยังไง ขนาดพี่แจบอมกับพี่จินยองยังรู้เลย บางทีพี่มาร์คอาจจะแค่ไม่อยากรับรู้”
“เรื่องบางเรื่องคนไกลตัวมองเห็นได้ชัดกว่าคนที่อยู่ใกล้ๆนะแบม”
“อืมไม่รู้สิ แบมนี่แย่เนอะเรื่องแบบนี้ยังต้องมาปรึกษาพี่แจบอม ทั้งที่มันไม่ควรเลย แบมขอโทษนะ”
“พี่ดีใจที่แบมคิดถึงพี่นะ แล้วมันก็เป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ใช่เหรอที่พี่ชายอยากจะปลอบน้องชาย” แล้วพี่แจบอมก็ขยี้หัวผม ผมสัมผัสได้ถึงความรักและความเอ็นดูที่อยู่ในนั้น
“พี่แจบอมแม่งโคตรพระเอกเลยรู้ตัวป่ะ”
“พี่ว่าพี่เป็นพระรองแสนดีต่างหาก”
“ไม่หรอกพี่แจบอมเป็นพระเอกที่กำลังรอนนางเอกที่แสนดีมาเจอตั้งหาก เป็นพี่จินยองดีป่ะ”
“อย่าพูดอะไรชวนขยะแขยงแบบนั้นเลยนะแบม” เสียงนี้ไม่ใช่ของผมหรือของพี่แจบอมแต่เป็นเสียงพี่จินยองที่คงเปิดประตูออกมาแล้วได้ยินบทสนทนาของผมกับพี่แจบอม
“กูอยากได้มึงมากอ่ะจินยอง ถามกูสักนิดเถอะ”
“ถ้าไม่ใช่หญิงสาวน้อยน่ารัก หรือ พี่สาวสวยเซ็กซี่กูก็ไม่มีทางเอาเหมือนกันแหละ ไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวอีกสักพักไอ้พวกนั้นก็คงออกมากันแหละ”
“ครับ”
“แบม แบมก็พยายามอย่าให้คนจับสังเกตุได้นักนะ ไม่งั้นคนอื่นจะสงสัย”
“ครับพี่จินยอง”
พวกเราสามคนเข้ามานั่งกินข้าว กินไปหัวเราะกันไป คุยเรื่องนั้นเรื่องนี้สนุกสนานเฮฮา ในช่วงที่ข้าวของผมใกล้จะหมดก็มีคนลากเก้าอี้เพื่อนั่งข้างๆ ผม
“มาร์คมึงไม่รอไอ้แจ็คสันละ เดี๋ยวมันก็โวยหรอก” พี่แจบอมทักพี่มาร์คที่จู่ๆก็เดินมามนั่งข้างผม ทำเอาบรรยากาศที่เมื่อครู่พวกเราสามคนคุยกันหัวเราะกัน พาหยุดชะงัก
“เรื่องของกู” นี่ก็ตอบได้กวนส้นไม่แพ้ใคร มาทำให้บรรยากาศดีของคนอื่นเขาพังแล้วยังไม่รู้ตัวอีก
“เอ่อช่างพี่มาร์คเถอะ พี่เขาคงจะหิว” พี่จินยองพยายามช่วยให้เหตุการณ์ดูไม่น่าอึดอัดมาก พี่จินยองตักข้าวแล้วส่งให้พี่มาร์ค ผมอยากกินไก่ทอดเลยพยายามจะหันไปตักไก่ที่อยู่ใกล้ๆ พี่แจบอม แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ พี่แจบอมกับพี่มาร์คคงเห็นว่าผมกำลังจะเอื้อมเอาตะเกียบไปคีบทั้งสองคนเลยหยิบไก่ให้ผม แต่ความบังเอิญช่างเล่นตลกที่ทั้งสองหยิบไก่ชิ้นเดียวกัน คือไก่มีประมาณ 10 ชิ้นได้ทำไมต้องชิ้นเดียวกันว่ะเนี่ย
“เอ่อ แบมว่าแบมกินไก่ชิ้นนี้ดีกว่า” ผมเลยแก้เก้อโดยการคีบไก่อีกชิ้นที่ไม่ใช่ชิ้นที่พี่มาร์คและพี่แจบอมคีบแทน แต่พี่มาร์คกับพี่แจบอมดันไม่ยอมเอาตะเกียบออกสักคน
“ไก่ชิ้นนั้นมันพิเศษยังไงเหรอ สองคนถึงอยากกินชิ้นนี้กันจัง”
“มันก็ไม่ได้อร่อยอะไรพิเศษหรอก มึงเอาไปละกันกูยอม” พี่แจบอมก็ยังสมกับที่เป็นพระเอกที่ยอมเสียสละไอ้ไก่ชิ้นนั้นให้พี่มาร์ค
“งั้นกินหมูผัดซอสดีกว่าครับพี่แจบอม” ผมเลยหันไปคีบหมูผัดซอสให้พี่แจบอม พี่มาร์คมองหันขวับมาเลย ทำหน้าเหมือนแบบว่าการที่ผมคีบไอ้หมูชิ้นนั้นมันผิดมาก
“พี่มาร์คอยากจะกินหมูผัสซอสเหรอครับ เดียวผมคีบให้”พี่จินยองถามพี่มาร์คพร้อมกลับหยิบหมูผัสซอสเตรียมจะใส่ในชามพี่มาร์ค
“ไม่ พี่ไม่อยากกิน หมูมันคงไม่ค่อยอร่อยหรอกให้ไอ้แจบอมมันกินไปคนเดียวเถอะ”
“นายว่าไม่อร่อยแต่ฉันว่ามันโคตรอร่อยเลยว่ะ มันอยู่ที่แต่ละคนนายว่าไหม มันไม่จำเป็นว่านายไม่ชอบ แล้วคนอื่นต้องไม่ชอบไปด้วย”
“ฉันก็แค่ไม่อยากให้จินยองแย่งของที่นายชอบก็เท่านั้น ส่วนของที่ฉันชอบฉันก็ไม่ค่อยชอบแบ่งให้ใครเหมือนกัน”
“เหรอ แล้วนายเอาสิทธิ์อะไรมาวัดว่าของชิ้นไหนของนาย แล้วของชิ้นไหนไม่ใช่ละ ในเมื่อจริงๆแล้วนายอาจจะไม่ได้มีสิทธิ์ในของชิ้นนั้นเลยก็ได้”
“ของที่เป็นของกูมันก็ยังเป็นของกูอยู่วันยังค่ำ ถึงแม้แม่งจะมีคนบางคนอาจจะหาเรื่องมายุ่งกับของของกูก็ตาม”
“ฮาฮาฮาฮา กูขำว่ะ ทั้งที่ของชิ้นนั้นมึงก็ไม่ได้เขียนชื่อหรือทำอะไรสักอย่างเพื่อบอกคนอื่นว่ามันเป็นของมึงเนี่ยนะ แล้วใครมันจะรู้ว่ะ ในเมื่อเจ้าของแม่งไม่เห็นจะสนใจดูแลเลย แล้วมันแปลกเหรอที่บางคนเขาอยากจะเอาไปดูแลแทน”
“ก็มีแต่พวกหน้าด้านไง”
“ผมอิ่มแล้วครับ” ผมรีบว่างตะเกียบแล้วลุกออกไปเข้าห้องทันที ผมได้ยินเสียงพี่จินยองตะโกนเรียกผม แต่ผมไม่สนใจผมรีบเดินเข้าห้อง ซึ่งไอ้ยูคไม่อยู่แล้วคาดว่ามันคงอาบน้ำอยู่ ผมนั่งลงบนเตียงของตัวเอง ผมไม่รู้ว่าในประโยคพวกนั้นสื่อถึงผมแค่ไหนรึเปล่า แต่ประโยคของพี่มาร์คที่พูดว่า “ส่วนของที่ฉันชอบฉันก็ไม่ค่อยชอบแบ่งให้ใคร” ผมอยากจะตะโกนใส่หน้าพี่มาร์คว่า ผมไม่ใช่ของพี่ หรือของใคร ผมเป็นคน ผมมีความรู้สึก ไม่ใช่สิ่งของที่ไม่มีจิตใจ และพี่มาร์คไม่มีสิทธิ์บ้าบออะไรในตัวผมทั้งนั้น !!!
“แบมกินข้าวแล้วเหรอ” ก่อนที่ผมจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ไอ้ยูคก็เดินนุ่งผ้าขนหนูปิดแค่ส่วนล่างของมันออกมา หน้าแม่งไม่อายเลย
“กินแล้ว มึงก็รีบๆ ออกไปกินเหอะ”
“ก็เร่งอยู่เนี่ยแหละ”
“................”
“แบมมึงเป็นอะไรรึเปล่า ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นก็อย่าเพิ่งไปเลยวันนี้”
“กูโอเค กูหายแล้ว”
“แล้วทำไมหน้ามึงซึมๆ แบบนั้นมีอะไรรึเปล่า”
“เปล่า ขอบใจนะที่เป็นห่วงกู แต่กูว่ามึงควรห่วงตัวเองมากกว่าเพราะมึงยังไม่กินข้าวเลย อีกไม่เกิน 30 นาทีพี่ผู้จัดการน่าจะมารับแล้ว”
“นี่กูอุตส่าห์ตั้งใจทำซึ้งกับมึงอยู่นะเนี่ย”
“ขอบใจเว้ย”
“เมื่อคืนที่กูไปห้องพี่มาร์คมา พี่มาร์คดูเครียดๆ ไม่รู้ทะเลาะอะไรกับลลิสรึเปล่า มึงรู้เรื่องป่ะ”
“เสือกตลอดเลยนะไอ้ยูค”
“เรื่องเสือกคืองานหลัก ส่วนงานศิลปินเป็นงานรอง”
“ฮาฮาฮา เอ่อๆกูรู้แหละ มึงรีบออกไปกินข้าวเถอะกูขี้เกียจฟังพี่ผู้จัดการด่ามึง”
“สรุปมึงไม่รู้เรื่องจริงๆ เหรอว่ะว่าพี่มาร์คเครียดอะไร”
“กูจะไปรู้ได้ไง กูไม่ใช่ลลิสและกูก็ไม่ใช่มาร์ค ต้วนด้วย”
“โถ่ คิดว่ามึงน่าจะรู้เพราะสนิทกับลลิส”
“ลลิสไม่ค่อยเล่าเรื่องพี่มาร์คให้กูฟังหรอก”
“แต่กูอยากรู้ยังไงมึงลองไปเผือกมาให้กูหน่อยนะแบมแบมที่รักยิ่ง”
“ถ้ามึงไม่รู้คือมึงจะตายเลยป่ะยูค”
“ใช่เลยแบม”
“มึงนี่ รีบๆไปเลยป่ะ”
“ฮาฮาฮา” ไอ้ยูคมันเดินออกไปแล้ว ส่วนผมก็กลับมาคิดถึงคำพูดไอ้ยูคว่าพี่มาร์คเครียดๆ ผมไม่รู้ว่าตัวเองใช่สาเหตุของความเครียดของพี่มาร์ค รึเปล่า หรือ พี่มาร์คแค่เครียดเรื่องลลิสอย่างที่ไอ้ยูคสงสัยจริงๆ
ถ้าผมมีส่วนทำให้พี่มาร์คเครียดได้จริง......
ผมควรดีใจรึเปล่าแบบนี้...
ที่อย่างน้อยในหัวพี่มาร์คก็มีเรื่องของผมอยู่บ้าง
แต่แบมแบม นายควรจะยังคาดหวังเหรอ...?
พี่มาร์คเขาอาจจะเครียดเรื่องของลลิสล้วนๆ
ไม่ใช่เรื่องของคนอื่นแบบ...........นาย
O………….N……….E…………..S……….I………….D………..E…………D
ขอโทษทีมาลงตอนที่ 16 ช้า
แต่ถึงช้าเราก็มีของสมมนาคุณทุกท่านด้วยการลงให้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์
และ มีฟิคเรื่องใหม่มานำเสนอ หุหุหุ
แอบเห็นหลายคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาไปเซย์ไฮกันในเรื่องใหม่แล้ว ขอบคุณมากค่ะ
วันนี้ลง ตอนที่ 1 ให้แล้วนะจ้ะ ลองไปอ่านๆๆ กันได้ค่ะ
ขอฝาก #ฟิคแฟนบอยพี่มาร์ค >> CLICK << ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจท่านผู้อ่านด้วยนะคะ >w<
ความคิดเห็น