คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : #วซดล : บทที่ 14 100% [JB's Part]
Fourteen JB’s Part
ผมไม่รู้ว่าหลังจากที่ผมเดินออกมาจากห้องพยาบาลของแบมแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับ 2 คนนั้น ผมไม่รู้ว่ามันจะดีหรือไม่ดีที่ทำแบบนั้น แต่ผมก็ขอเอาคืนไอ้มาร์คสักนิดเถอะ ทั้งที่มันไม่ได้ทำอะไรเลย แต่มันก็ยังชนะ ความรักมันคงเป็นเรื่องประหลาด
ผมรักแบม แบมรักมาร์ค ส่วนมาร์คช่างหัวมันเถอะ
ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะยอมอะไรง่ายขนาดนี้ ผมเคยคิดนะว่าถ้าแบมปฎิเสธ ผมก็จะตื้อ ผมจะไม่ปล่อยอะไรไปง่ายๆ ผมจะพยายามอย่างสุดตัว แต่พอมาถึงวันนี้ แค่แบมมองผมแล้วบอกกับผมว่า ขอได้ไหมรับแบมเป็นน้องได้ไหม แค่คำพูดนั้น แค่รอยยิ้มนั้น ผมก็พร้อมที่จะถอยหลังมาหนึ่งก้าวเพื่อคนตัวเล็กคนนี้
ผมคงรักแบมมากเกินกว่าจะทำให้แบมลำบากใจ
ผมคงรักแบมมาเกินกว่าที่จะเห็นแบมเสียใจ
ผมคงรักแบมมากเกินไปเลยไม่อยากที่จะเป็นหนึ่งคนที่ทำให้แบมต้องร้องไห้
ผมรู้ตัวอยู่ลึกๆในสิ่งที่แบมไม่ได้พูดออกมา แต่สายตาของแบมมันฟ้องออกมา ถ้าผมตื้อต่อไป ถ้าผมพยายามต่อไป มันไม่ยากที่แบมจะรักผม แต่ความรักนั้นมันอาจจะทำร้ายผมเพราะแบมอาจจะรักเพราะสงสารผมเท่านั้น ถ้ารักเพราะสงสารผมเองนั่นแหละที่จะเจ็บ
แบมกลัวผมเจ็บจึงปฎิเสธอย่างเสียงแข็ง เพราะแบมเป็นแบบนี้แหละแคร์คนอื่นมากกว่าตัวเอง รักความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าตัวเองแบมจึงไม่อยากเอาเปรียบผม และเพราะแบมเป็นแบบนี้ผมเลยรักแบม
พอมาคิดดูในอีกแง่ หากถ้าวันหนึ่งผมกับแบมเรารักกัน อาจจะเป็นผมเองที่ทำร้ายแบมโดยไม่รู้ตัว และถ้าวันหนึ่งมันต้องเป็นแบบนั้น ผมขอเป็นพี่ชายอย่างที่แบมขอไปตลอดดีกว่า
O………….N………….E…………..S……….I………….D…………..E…………D
ผมกลับมานั่งรถ เผลอมองกระจกรถแล้วจึงเห็นว่าตัวเองมีน้ำใสๆไหลอกมาจากดวงตา น้ำตาที่ไม่รู้ว่าไหลตั้งแต่เมื่อไหร่ น้ำตาที่ผมไม่อยากให้ใครเห็น ผมซบหน้าไปกับพวงมาลัยหน้ารถ ให้พวงมาลัยปิดบังน้ำตาของผู้ชายที่งี่เง่า ที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ผมอยากจะฉุดรั้ง อยากจะกอดแบมเอาไว้นานๆ แต่ผมก็ไม่ทำ เพราะผมแคร์ความสุขของแบม
ผมจำไม่ได้แล้วว่าอะไรที่ทำให้ผมรักผู้ชายพูดต่างภาษา คนละประเทศ ทั้งที่เราก็ไม่ได้สนิทกันเลย แต่พอมารู้ตัวอีกทีสายตาของผมก็มองตามแต่คนตัวเล็กคนนั้นซะแล้ว
มันอาจจะเป็นวันนั้น วันที่ผมยังเป็นแค่เด็กเทรนนีคนหนึ่ง ผมเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนรอใครก็ไม่รู้ เดินออกมาพักรอบแรกก็ไม่ได้สนใจอะไร พอผ่านมาสัก 30 นาที เดินออกมาอีกก็เจออีก จนสุดท้ายหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นก็ยังเห็นเด็กคนนั้นรอใครสักคนโดยยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
อดสงสัยไม่ได้ว่ามารอใคร แล้วผมก็รู้คำตอบเมื่อเห็นเด็กจากฮองกงเดินเข้าไปหาเด็กตัวเล็กคนนั้น
“แบมรอนานยัง”
“รอเป็นชั่วโมงแล้วเนี่ย”
“เฮ้ยแล้วทำไมไม่กลับไปก่อนน”
“ก็พี่แจ็คสันบอกวันนี้จะกลับพร้อมกัน แบมก็เลยรออ่ะ”
“บ้าจริงๆ วันหลังเดินกลับไปก่อนก็ได้” บ้าจริงๆนั่นแหละผมเห็นด้วยเต็มทีกับคำพูดของของไอ้เด็กจากฮองกงเกิดเสร็จพรุ่งนี้ก็จะรอถึงพรุ่งนี้เลยไหมละ แปลกจริงๆเด็กนี่ ซื่อซะไม่มี
วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมสะดุดตากับเด็กจากประเทศไทยคนนั้น สะดุดตาแต่ไม่ได้สนใจ ไม่ได้อยากรู้จัก ไม่ได้อยากรู้ชื่อก็แค่เด็กเทรนเหมือนๆกัน
หลังจากนั้นไม่นานอาจารย์ก็ให้เด็กเทรนนีรุ่นน้องมาโชว์ความสามารถทีละคน ผมก็ได้เห็นเด็กนั่นอีกครั้ง ดูเขินๆ ตื่นเวทีแหงๆ ผมคิดในใจ แต่เมื่อถึงเวลาแสดงเด็กนั่นราวกับเปลี่ยนไปคนละคน
เต้นด้วยท่วงท่าที่มั่นใจและแข็งแรง แต่ในขณะที่กำลังจะเต้นจบกลับล้มซะงั้น รุ่นผมหลายคนหัวเราะออกมา ผมคิดว่าเด็กนั่นต้องอายแหงๆ แต่เด็กนั่นกลับเงยหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่มั่นใจแล้วแถบอกว่า “เป็นมุกนะครับ”ทั้งห้องฮากันกระจายเด็กจากฮองกงที่ผมเพิ่งรู้จากจูเนียร์ว่าชื่อแจ็คสันก็เป่าปากพร้อมกับตะโกนออกมา “แบมแบมเด็กเฮียเยี่ยมมาก” ชื่อแบมแบมนั่นเอง ชื่อแปลกแต่ทำให้ผมอยากรู้ทันทีว่าน้องเขาเป็นคนประเทศอะไร เลยหันไปถามจูเนียร์ที่นั่งข้างๆกัน
“น้องเขาเป็นคนไทย กลุ่มเดียวกับแจ็คสันกับพี่มาร์คไง ดูดิพี่มาร์ครีบเขาไปช่วยเลย เด็กนั่นก็แน่นะเมื่อกี้ลงผิดท่าคงจะเจ็บข้อเท้า แต่ก็ยังมีสปิริทยืนดูเพื่อนๆจนจบ” คำพูดของจินยองทำให้ผมหันไปมองทางที่เด็กนั่นอยู่เลยเห็นว่ามาร์ครีบเขาไปช่วยพยุงน้องเขาทันทีหลังการแสดงของน้องๆเทรนนีจบลง
สงสัยต้องพักหลายวันแน่ๆเลย น่าสงสารจัง แต่ทั้งที่ผมคิดว่าต้องเป็นแบบนั้นชัวร์ วันถัดมาผมรีบมาซ้อมเต้นที่ห้องซ้อม กลับเห็นเด็กนั่นกำลังซ้อมเต้นอยู่ในห้องที่ผมกำลังจะเข้าไป เดี๋ยวก็ล้มหรอกขาเป็นแบบนั้นแล้วคิดยังไม่ทันขาดคำน้องเขาก็ล้มไปจริงๆ ผมรีบเข้าไปดู
“โอ๊ย ...ox585fgvmopk[[.” เด็กนั่นพ้นภาษาบ้านเกิดที่ผมก็ฟังไม่รู้เรื่องออกมา
“เป็นอะไรรึเปล่าเรา” ผมไปพยุงน้องเขานั่ง หน้าน้องเขาดูเอ๋อๆ งงๆ ก็ไม่แปลกหรอกนะก็เราไม่รู้จักกันมาก่อน
“ไม่เป็นไรครับ แค่เจ็บจากเมื่อวาน”
“ก็รู้ตัวหนิว่าเมื่อวานเพิ่งเจ็บมา ทำไมวันนี้ถึงยังกล้ามาซ้อมแบบนี้” ผมไม่รู้ตัวว่าตัวเองเผลอทำเสียงดุเกินไปจนเด็กนั่นดูกลัวผมขึ้นมาเลย
“คือผมติดใจนะครับที่พลาดเมื่อวานก็เลยอยากลองอีกครั้ง แต่คงเจ็บจากแผลเมื่อวานอยู่เลยล้มทีเดิมอีกครั้ง”
“ดื้อ”
“ครับ..?”
“เรานะดื้อ ทั้งที่หมอก็น่าจะห้ามแล้วแต่ก็ไม่ฟังสินะ ถึงได้กล้ามาซ้อมแบบนี้เดี๋ยวก็ต้องตัดขาทิ้งหรอก” เด็กนั่นหน้าซีดไปเลยคราวนี้
“ถึงกลับต้องตัดขาเลยเหรอครับ” เด็กนี่เชื่อสนิทเลย ผมอยากจะหัวเราะจนตัวงอแต่ก็พยายามทำหน้าเข้มจริงจังตักเตือนต่อไป
“ใช่สิ ถ้าแผลเน่ามันก็ต้องตัด” คราวนี้น้องทำตาโตเท่าไข่ห่านเลยครับท่าน
“แบมยังอยยากมีขาอยู่นะครับ”
“งั้นอย่าเพิ่งซ้อมไปหาหมอก่อนไปเรา”
“อืมๆ” น้องดูเชื่อถือผมเต็มทีเลยคราวนี้ ผมเลยพยุงน้องเขาไปที่ห้องพยาบาล พอกำลังจะเปิดประตูห้องพยาบาลก็มีคนเปิดออกมาก่อนเป็นมาร์คนั่นเอง
“พี่ว่าแล้วเชียวพอไปหาที่ห้องเมทบอกแบมออกมาแล้ว พี่มาดูห้องพยาบาลหวังว่าแบมจะมาหาหมอ แต่สภาพแบบบนี้ไปซ้อมมาสินะ บ้าจริง” เด็กนั่นหน้าสลดเหลือ 2 เซนเลยทีนี้
“ขอบคุณมากนะแจบอมที่พาน้องเรามาส่งห้องพยาบาล”
“ไม่เป็นไรหรอกมาร์คเรื่องเล็ก”
“พี่มาร์ครู้จักพี่คนนี้เหรอครับ”
“รู้ดิเคยเรียนคลาสเต้นด้วยกัน เขาชื่อแจบอม”
“ขอบคุณนะครับพี่แจบอม” แบมส่งยิ้มมาให้ผม ยิ้มทีทำให้ผมอยากจะยิ้มกว้างๆ คืนกลับไป
“ไม่เป็นไร”
“พี่แจบอมกำลังจะซ้อมใช่ไหมครับแต่เพราะแบมแท้ๆ เลย พี่เลยอดซ้อมเลย ขอโทษนะครับ”
“ไม่เป็นไรแค่นี้เองเรื่องเล็กมาก” หลังจากวันนั้นชีวิตของผมก็เปลี่ยนไป จากทีไม่ค่อยสนใจอะไรในชีวิตก็เริ่มสนใจเด็กน้อยจากไทยคนนี้ แบมไม่เคยรู้หรอกว่าผมแอบมองแบมมานานมาก ตอนแรกที่มองก็แค่เป็นห่วงว่าแผลน้องเขาจะหายดีรึยัง จะแอบมาซ้อมอีกรึเปล่า ตอนแรกมันก็แค่นั้น
แต่พอนานวันไปผมกลับต้องคอยแอบมองแบมทุกวัน เหมือนคนโรคจิตนิดๆ ถ้าวันไหนที่ไม่ได้เห็นแบมผมก็จะเป็นกังวลว่าน้องเขาจะไม่สบายหรือบาดเจ็บอะไรไหม แต่แค่เห็นหน้าน้องเขาเท่านั้นแหละความกังวลใจมันก็หายไป
แบมทำให้ผมหัวเราะได้โดยที่แบมไม่เคยรู้ แค่แบมทำหน้าตลกล้อแจ็คสัน หรือ แกล้งเพื่อนๆ ด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ แค่นี้ก็ทำเอาผมแอบยิ้ม แอบหัวเราะเงียบๆ ได้ทั้งวัน
หรือถ้าวันไหนแบมเศร้า แบมท้อ ผมก็อยากที่จะเดินเข้าไปหาและคอยปลอบ แต่ผมไม่เคยได้ทำ เพราะผมไม่เคยมีความกล้าพอ ผมกลัวแบมจะถามผมว่า พี่เป็นใครครับ เรื่องวันนั้นเป็นเรื่องสำคัญของผม แต่ผมไม่รู้ว่ามันจะติดอยู่ในหัวแบมบ้างรึเปล่า
ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นมันคือความรักแล้วรึยัง หรือ มันอาจจะแค่ความเป็นห่วง แล้วค่อยๆพัฒนามาเป็นความชอบ แล้วจากชอบมันก็ไปไกลกว่านั้น
วันที่ผมได้เดบิวต์เป็น Got7 วันที่แบมเดินเข้ามาทำความเคารพผม ผมตื่นเต้นจนน่าตกใจ มือผมเย็นจนไม่น่าเชื่อว่าผมจะตื่นเต้นแค่การที่แบมเดินเข้ามาหาผม
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับพี่แจบอม ตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะครับ” แบมจำได้ แบมจำเรื่องวันนั้นของเราได้ ให้ตายเหอะทั้งที่ผมอยากจะพูดอยากจะนู้นอยากจะนี่มากมาย แต่สุดท้ายกลับพูดได้แค่ “อืม”
แบมดูชะงักแล้วไปแล้วหันไปคุยกับจินยองแทนให้ตายเถอะ ผมเป็นบ้าอะไรว่ะ หลังจากนั้นทุกครั้งที่ผมต้องอยู่กับแบมสองคน หรือคุยอะไรสักอย่าง ผมกลับทำได้แค่ตอบ อืม ใช่ ไม่ใช่ เหรอ ไม่รู้ งั้นมั้ง พูดได้แค่นี้ จนหลังๆแบมดูถอยห่างจากผมไปเลย
ผมอยากด่าตัวเองทุกครั้งแต่ตัวเองกลับทำได้แค่นั้นเพราะความตื่นเต้น เพราะความงี่เง่า ผมรู้สึกเหมือนเป็นไอ้งั่งที่เพิ่งมีความรักครั้งแรก จินยองเหมือนจะสังเกตุเรื่องของผมกับแบมจึงพยายามช่วยผม ในห้องซ้อม
“แบมแบม อย่าเข้าในใจเจบีผิดนะหมอนี้นะมันขี้อาย ยิ่งกับคนที่ไม่ค่อยคุ้นยิ่งว่างตัวไม่ถูก”
“เหรอฮะ แบมกำลังกังวลอยู่เลยว่าพี่จะไม่ชอบแบม” ไม่ พี่ไม่เคยไม่ชอบแบม
“เห็นไหมเจบีน้องยังกังวลเลย นายต้องทำตัวดีๆหน่อย ดีกับน้องเขาหน่อย”
“พี่ไม่เคยไม่ชอบแบมเลยครับ” ผมไม่รู้ว่าเสียงตัวเองเป็นไงแต่ผมว่ามันดูเบาๆงั้นก็ไม่รู้
“งั้นกินขนมที่แฟนคลับแบมซื้อมาให้หน่อยนะครับ อ่ะนี่” แล้วน้องก็ยื่นขนมมาให้ผม ผมนี่เขินแทบตายแต่ก็ก้มลงไปกินขนมชิ้นนั้นของแบม
หลังจากวันนั้นระยะห่างของเรามันก็น้อยลง ผมเริ่มที่จะหายตื่นเต้น เริ่มคุยกันได้เป็นปกติอะไรที่ผมช่วยน้องได้อะไรที่ผมได้แค่ยื่นมองอยู่ห่างๆ ผมจะเข้าไปช่วยทันที ผมเป็นคนปากแข็งทุกครั้งที่น้องเศร้าผมไม่เคยปลอบแต่พยายามจะชวนน้องคุยเรื่องอื่น หรือ ทำอะไรก็ได้ให้น้องหายเครียด นี่แหละคือผู้ชายยแบบ อิม แจบอม
ไม่เคยพูดว่าแคร์ แต่ผมจะคอยพูดให้มีกำลังใจ
ไม่เคยพูดว่าห่วง แต่ไม่เคยห่างตอนที่แบมเศร้า
ไม่เคยพูดว่ารัก แต่ผมอยากแสดงออกให้รู้
เพราะมองไม่เคยห่างจึงรู้อยู่เสมอว่าแบมมองใคร แบมรักใคร แบมเศร้าเพราะใคร ผมเคยอยากเข้าไปถามมาร์คตรงๆหลายครั้งว่ามันโง่ หรือไง ถึงดูไม่ออก แบมไม่เคยโกหก สายตาของแบมไม่เคยโกหก ถ้าสนใจแบมสักนิดจะดูออกไม่ยาก
ผมไม่รู้ว่ามาร์คไม่เคยมองหรือแค่ตั้งใจจะมองไม่เห็นยิ่งมาร์คจริงจังกับลลิสมากเท่าไหร่รอยยิ้มของแบมก็น้อยลงเรื่อยๆ ผมมไม่ชอบเลย ผมพยายามทำแทบตายเพื่อให้แบมยิ้ม แต่มาร์คไม่ต้องทำอะไรก็ทำให้แบมเศร้าได้ ผมเจ็บทุกครั้งที่คิดแบบนั้น ผมจึงทำได้เท่าที่ทำได้ ถ้าผมสามารถทำให้แบมมีความสุขได้ ผมพร้อมจะทำ เพื่อรอยยิ้มของแบม เพื่อความสุขของแบม ผมทำได้ทุกอย่าง
แต่ความจริงก็ยังเป็นความจริงเหมือนที่แบมพูดเรื่องไอติมวนิลากับมิ้นชอคโกแล็ต ถึงวนิลาจะอร่อยแค่ไหนดีแค่ไหนแต่ถ้าคนที่กินไม่ชอบมันก็จบ เพราะฉะนั้นวนิลาโง่ๆแบบผม ก็ขอทำอย่างที่ใจบอกให้ทำ
ในเมื่อแบมอยากให้พี่เป็นพี่ชาย....พี่ก็จะทำให้แบม
พี่จะเป็นพี่ชายที่ดูแลแบม
พี่จะเป็นชายที่รักแบม
พี่จะเป็นพี่ชายที่ปกป้องรอยยิ้มของแบม
พี่จะเป็นวนิลาที่จะคอยปลอบแบมในวันที่แบมต้องการ
แต่ถ้าวันไหนที่แบมไม่ต้องการ วนิลาโง่ๆคนนี้ก็จะหายไป
เพราะฉะนั้นให้พี่อยู่ตรงนี้เรื่อยๆนะแบม
ให้พี่เป็นพี่ชายที่ดีของแบมแบบนี้ตลอดไปนะครับ
ให้พี่ได้ปกป้องความสุขของน้องชายที่พี่รักตลอดไปนะ
O………….N………….E…………..S……….I………….D…………..E…………D
อ่านแล้วสงสารพี่บีไหม
อ่านแล้วหลงพี่บีไหม
อ่านแล้วรักพี่บีไหม
ขอถามคำถามที่เคยถามอีกครั้ง
เรื่องนี้ยังต้องมี พี่ต้วนนนไหม
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ล้อเล่นนะยังไง เรื่องนี้ก็มาร์คแบมแหละ
แต่จะแอบใส่ความฟินบีแบมเข้าไปให้
หากใส่ได้ จะใส่ให้ทันทีสำหรับบีแบม
ส่วนบทพี่มาร์ค บอกเลยพี่แกจะเด่นตอนท้ายๆจ้า
รอพี่มาร์คกันนิดหนึ่งนะตัวเอง
รออ่านทุกคำติชม รออ่านทุก แท็ก #วซดล
ขอบคุณที่คลิกเข้ารมาอ่านนะจ้ะ >,,<
สิ่งที่ดีใจมากกว่าการแต่งฟิคเรื่องนี้คือการทำให้หลายๆคนหันมารักและเอ็นดูบีแบมได้
บอกเลยว่าเราดีใจมากๆๆ TwT ช่วงนี้บีแบมยิ่งจัดหนักอยู่ด้วยคนแต่งฟินค่ะบอกเลยยย
ความคิดเห็น