ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : SEVEN
ผมมองเห็นทงเฮกับชินเร พวกเขาจับมือกันแล้วหันมาทางผมกับซีวอน
น่าประหลาดทั้งที่มือผมก็กุมอยู่กับผู้ชายแสนดีขนาดนี้รักผมขนาดนี้
แต่ทำไมผมถึงได้เจ็บนักที่เห็นมือที่กุมกันอยู่ของ 2 คนนั้น
“ทำไมนายมาซะช้าเชียว มัวแต่สวีทกับแฟนอยู่รึไง”
“บ้า รถติอตั้งหากเว้ย แล้วคุณทงเฮกับคุณชินเรละครับ ทำไมมาถึงกันเช้าขนาดนี้ไม่ใช่ว่าเมื่อคืนอยู่ด้วยกันหรอกนะ”
ผมถึงกับสะอึกกับประโยคนี้ของซีวอน ถ้าทงเฮอยู่กับชินเรเมื่อคืนจริงๆ ผมคง...... แต่มันก็สิทธิ์ของพวกเขา ถึงแม้เมื่อคืน
ทงเฮจะไลน์คุยกับผม บางทีเขาอาจจะไลน์คุยกับผมหลังจากที่ชินเรหลับไปแล้วก็ได้
“พูดอะไรนะซีวอน ชินเรนอนที่คอนโดตัวเอง ส่วนทงเฮเขาก็อยู่คอนโดของเขา เขาทำโปรเจคทั้งคืนเลย
ไม่มีแม้แต่จะโทรหาฉันสักนิด”น่าแปลกประโยคนี้ของชินเรกลับทำให้ให้ผมยิ้มออกมาไม่รู้ตัว
“ไปจองรอบหนังกันเถอะเดี๋ยวจะได้หาอะไรกินกันก่อนเข้าโรงหนัง”
“นั่นสิค่ะ อย่ามัวแต่คุยกันเลยไปจองรอบหนังเหมือนที่ทงเฮบอกกันเถอะค่ะ” ชินเรควงแขนทงเฮเดินนำออกไป
พวกเราเลือกดูหนังรักออกแนวแฟนตาซีตอนประมาณบ่าย 2 เพื่อที่พวกเราจะได้มีเวลาไปหาอะไรกินกันก่อนเข้าโรง
ทั้งที่มากัน 4 คน แต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองพูดน้อยไปอย่างประหลาด
ไม่รู้ว่าเพราะผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่พวกเขาคุยกันรึเปล่า
หรือเพราะความรู้สึกผิดมันกัดกินผม กับทั้งคนที่ผมทำผิดต่อเขา และ คนที่ร่วมกับผมทำผิด
หรืออาจจะเป็นเพราะ ความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกเวลานี้
ความรู้สึกที่เหมือนอิจฉาชินเร
ความรู้สึกที่น่าสมเพษตัวเอง
ความรู้สึกที่ตระหนักได้ว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวจริง
และใครกันแน่ที่ผมควรจะดูแล
“ฮยอกแจเราจะกินร้านนี้นะ ฮยอกแจกินได้ไหม” ซีวอนถามผม รวมถึงคนอื่นที่มองมาที่ผมเป็นตาเดียว
“อืม ได้สิ”
“เดี๋ยวเราสั่งอาหารให้นะฮยอกแจ”
“ขอบคุณนะซีวอน”
“ทำไมทงเฮไม่สั่งให้ชินเรเหมือนที่ซีวอนสั่งให้ฮยอกแจบางละคะ ทงเฮไม่รู้ใจชินเรบ้างเหรอ”
“ผมว่าชินเรเลือกเองดีกว่าครับ บางครั้งการที่เราคิดว่าเรารู้จริงๆเราอาจจะไม่รู้ก็ได้
ผมอยากให้ชินเรเลือกอาหารที่ทำให้ชินเรมีความสุขมากกว่าครับ” ทั้งที่เขาพูดกับชินเรแต่เขากลับมองหน้าผม
เขาอยากจะสื่ออะไรกันแน่
“เดี๋ยวเราสั่งน้ำแตงโมปั่นให้นะฮยอกแจ ร้านนี้เขาทำอร่อยมาก”
“หึหึหึ เพิ่งรู้ว่าฮยอกแจชอบกินน้ำแตงโมปั่นนะครับ ผมสั่งน้ำมะม่วงดีกว่า เอาน้ำมะม่วงที่หนึ่งครับ”
ทงเฮเขาพูดออกมาทั้งที่รู้ว่าจริงๆแล้วน้ำที่ผมชอบมากที่สุด คือ น้ำมะม่วง ไม่ว่าผมจะไปร้านไหน
ถ้าร้านนั้นมีน้ำมะม่วงผมก็จะสั่งทุกครั้ง ซีวอนไม่เคยถามผมด้วยซ้ำว่าผมชอบอะไร เขาชอบสั่งของขึ้นชื่อของร้านนั้นมาให้ผมเสมอๆ
แต่เขาไม่เคยถามสักครั้งว่าจริงๆ ผมชอบอะไร ต่างจากทงเฮครั้งแรกที่เราออกไปกินข้าวด้วยกันคำถามแรกของเขาคือ
นายชอบกินอะไร อยากกินอะไรก็สั่ง
“เมื่อวันก่อนชินเรไปซื้อเค้กวนิลาร้านตรงชั้น 1 ให้เพื่อน ร้านนี้มีแต่คนชมนะคะ ทงเฮซื้อให้ชินเรกินตอนกลับบ้านนนะคะ”
“แต่จริงๆแล้วชินเรชอบกินเค้กช็อคโกแล็ตไม่ใช่เหรอครับ ถึงใครจะบอกว่าดีแต่ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ
มันก็คงทำให้เรามีความสุขไม่ได้หรอก”
“วันนี้นายมาแนวปรัชญานะไอ้คุณเพื่อน ฮยอกแจเงียบเลยเพราะเขางงกับมุกของนายแหงๆ 555”
“เหรอ แต่ฉันว่าฮยอกแจน่าจะเข้าใจดีนะ 5555 ผมล้อเล่นนะครับฮยอกแจ”
“ครับ”
เมื่ออาหารมาถึง เนื่องจากโต๊ะค่อนข้างเล็กทุกคนจึงเอาแก้วน้ำมาว่างด้านข้างติดกำแพงที่ผมกับชินเรนั่งกันอยู่ ชินเรนั่งข้างทงเฮ
ส่วนผมน้างซีวอน เมื่อพวกเรากินไปสักพัก ด้วยความเคยชิน จู่ผมก็คว้าน้ำมะม่วงปั่นไปกินโดยลืมไปว่านั่นไม่ใช่น้ำของผม
“นายดูแฟนนายสิซีวอน ฮยอกแจเขาเผลอกินน้ำมะม่วงของฉันไปซะล่ะ อร่อยไหมครับน้ำของผม”
นั่นทำเอาทั้งซีวอนและชินเรหันมามองผมพร้อมกัน
“ขอโทษครับ พอดีผมมัวแต่ทานเลยไม่ได้ดูว่าตัวเองหยิบแก้วไหนมา ผมว่าผมสั่งแก้วไหมให้ทงเฮดีกว่า”
“ไม่เป็นไรครับ ฮยอกแจกินไปนิดเดียวเองผมไม่ถือ ไม่ต้องสั่งใหม่หรอกครับ”
“ฉันสั่งให้นายใหม่ก็ได้ทงเฮ ยังไงแฟนฉันก็กินไปแล้ว”
“ไม่เป็นไรซีวอน ฉันไม่ถือ น้ำแก้วนั้นที่ฮยอกแจดื่มเป็นของฉัน ฉันไม่ถือ นายก็ไม่ต้องเกรงใจหรอกเพื่อน”
แล้วทงเฮก็คว้าน้ำมะม่วงปั่นแก้วนั้นไปดื่มด้วยหน้าตายิ้มแย้มที่ผมกล้าบอกได้เลยว่ามันช่างดูมีความสุขจนน่าหมั่นไส้
เมื่อเข้าโรงหนังชินเรเข้าไปนั่นเป็นคนแรกตามด้วยทงเฮ ซีวอน แล้วก็ผม พอหนังใกล้จะฉายซีวอนก็ขอตัวออกเข้าห้องน้ำ
ผมกับทงเฮเราแอบสบตากัน แต่แล้วผมก็เป็นคนละสายตาหันกลับไปที่จออีกครั้ง
เมื่อซีวอนกลับมาเขาก็กระซิบบอกผมให้เขยิบเข้าไปนั่งแทนที่เขา เพราะเขากินน้ำไปเยอะอาจต้องเข้าห้องน้ำหลายรอบ
แล้วมันจะรบกวนคนอื่นในการดูหนังถ้าเดินเข้าเดินออกบ่อยๆ
ผมจึงเขยิบเข้าไปนั่งข้างๆ คนที่ทำให้ผมใจเต้นแรง ซีวอนเอามือของเขามาโอบไหล่ผม
ผมจึงรู้ว่าซีวอนคงอยากให้ผมเอนหัวไปซบไหล่ของเขาเหมือนที่ชินเรกำลังซบไหล่ของทงเฮอยู่
เมื่อหนังดำเนินไปเกือบครึ่งเรื่องจู่ๆก็มีมือของใครอีกคนทีนั่งอยู่ข้างๆ มาแตะมือของผมไว้มันอาจจะไม่ได้กุมแน่นหนา
มันก็แค่มือของเราสัมผัสกันแต่มันกลับให้ความอบอุ่นถึงหัวใจของผม ถึงแม้มันอาจจะต้องหลบซ่อนจากสายตาของใคร
แต่อย่างน้อยที่สุดผมก็รู้ได้ว่าความอบอุ่นนี้เป็นของจริงไม่ใช่แค่ฝันของผม
*Talk*
ต้องขออภัยกับจุดที่ผิดพลาดด้วยค่ะ
หากใครอ่านตอนนี้ก่อน 18.30 น.
มันจะมีอยู่ 3 จุดที่เราชี้ให้เห็นเด่นขึ้น
ตอนพิมพ์ใน Word มันเป็นตัวหนาสีแดง เราลงไปสักพักกลับมาเช็ค
โอ๊ะ !!! ฉันทำพลาดไป TT ////// TT
ยังไงต้องขอโทษจริงๆค่ะ
น่าประหลาดทั้งที่มือผมก็กุมอยู่กับผู้ชายแสนดีขนาดนี้รักผมขนาดนี้
แต่ทำไมผมถึงได้เจ็บนักที่เห็นมือที่กุมกันอยู่ของ 2 คนนั้น
“ทำไมนายมาซะช้าเชียว มัวแต่สวีทกับแฟนอยู่รึไง”
“บ้า รถติอตั้งหากเว้ย แล้วคุณทงเฮกับคุณชินเรละครับ ทำไมมาถึงกันเช้าขนาดนี้ไม่ใช่ว่าเมื่อคืนอยู่ด้วยกันหรอกนะ”
ผมถึงกับสะอึกกับประโยคนี้ของซีวอน ถ้าทงเฮอยู่กับชินเรเมื่อคืนจริงๆ ผมคง...... แต่มันก็สิทธิ์ของพวกเขา ถึงแม้เมื่อคืน
ทงเฮจะไลน์คุยกับผม บางทีเขาอาจจะไลน์คุยกับผมหลังจากที่ชินเรหลับไปแล้วก็ได้
“พูดอะไรนะซีวอน ชินเรนอนที่คอนโดตัวเอง ส่วนทงเฮเขาก็อยู่คอนโดของเขา เขาทำโปรเจคทั้งคืนเลย
ไม่มีแม้แต่จะโทรหาฉันสักนิด”น่าแปลกประโยคนี้ของชินเรกลับทำให้ให้ผมยิ้มออกมาไม่รู้ตัว
“ไปจองรอบหนังกันเถอะเดี๋ยวจะได้หาอะไรกินกันก่อนเข้าโรงหนัง”
“นั่นสิค่ะ อย่ามัวแต่คุยกันเลยไปจองรอบหนังเหมือนที่ทงเฮบอกกันเถอะค่ะ” ชินเรควงแขนทงเฮเดินนำออกไป
พวกเราเลือกดูหนังรักออกแนวแฟนตาซีตอนประมาณบ่าย 2 เพื่อที่พวกเราจะได้มีเวลาไปหาอะไรกินกันก่อนเข้าโรง
ทั้งที่มากัน 4 คน แต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองพูดน้อยไปอย่างประหลาด
ไม่รู้ว่าเพราะผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่พวกเขาคุยกันรึเปล่า
หรือเพราะความรู้สึกผิดมันกัดกินผม กับทั้งคนที่ผมทำผิดต่อเขา และ คนที่ร่วมกับผมทำผิด
หรืออาจจะเป็นเพราะ ความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกเวลานี้
ความรู้สึกที่เหมือนอิจฉาชินเร
ความรู้สึกที่น่าสมเพษตัวเอง
ความรู้สึกที่ตระหนักได้ว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวจริง
และใครกันแน่ที่ผมควรจะดูแล
“ฮยอกแจเราจะกินร้านนี้นะ ฮยอกแจกินได้ไหม” ซีวอนถามผม รวมถึงคนอื่นที่มองมาที่ผมเป็นตาเดียว
“อืม ได้สิ”
“เดี๋ยวเราสั่งอาหารให้นะฮยอกแจ”
“ขอบคุณนะซีวอน”
“ทำไมทงเฮไม่สั่งให้ชินเรเหมือนที่ซีวอนสั่งให้ฮยอกแจบางละคะ ทงเฮไม่รู้ใจชินเรบ้างเหรอ”
“ผมว่าชินเรเลือกเองดีกว่าครับ บางครั้งการที่เราคิดว่าเรารู้จริงๆเราอาจจะไม่รู้ก็ได้
ผมอยากให้ชินเรเลือกอาหารที่ทำให้ชินเรมีความสุขมากกว่าครับ” ทั้งที่เขาพูดกับชินเรแต่เขากลับมองหน้าผม
เขาอยากจะสื่ออะไรกันแน่
“เดี๋ยวเราสั่งน้ำแตงโมปั่นให้นะฮยอกแจ ร้านนี้เขาทำอร่อยมาก”
“หึหึหึ เพิ่งรู้ว่าฮยอกแจชอบกินน้ำแตงโมปั่นนะครับ ผมสั่งน้ำมะม่วงดีกว่า เอาน้ำมะม่วงที่หนึ่งครับ”
ทงเฮเขาพูดออกมาทั้งที่รู้ว่าจริงๆแล้วน้ำที่ผมชอบมากที่สุด คือ น้ำมะม่วง ไม่ว่าผมจะไปร้านไหน
ถ้าร้านนั้นมีน้ำมะม่วงผมก็จะสั่งทุกครั้ง ซีวอนไม่เคยถามผมด้วยซ้ำว่าผมชอบอะไร เขาชอบสั่งของขึ้นชื่อของร้านนั้นมาให้ผมเสมอๆ
แต่เขาไม่เคยถามสักครั้งว่าจริงๆ ผมชอบอะไร ต่างจากทงเฮครั้งแรกที่เราออกไปกินข้าวด้วยกันคำถามแรกของเขาคือ
นายชอบกินอะไร อยากกินอะไรก็สั่ง
“เมื่อวันก่อนชินเรไปซื้อเค้กวนิลาร้านตรงชั้น 1 ให้เพื่อน ร้านนี้มีแต่คนชมนะคะ ทงเฮซื้อให้ชินเรกินตอนกลับบ้านนนะคะ”
“แต่จริงๆแล้วชินเรชอบกินเค้กช็อคโกแล็ตไม่ใช่เหรอครับ ถึงใครจะบอกว่าดีแต่ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ
มันก็คงทำให้เรามีความสุขไม่ได้หรอก”
“วันนี้นายมาแนวปรัชญานะไอ้คุณเพื่อน ฮยอกแจเงียบเลยเพราะเขางงกับมุกของนายแหงๆ 555”
“เหรอ แต่ฉันว่าฮยอกแจน่าจะเข้าใจดีนะ 5555 ผมล้อเล่นนะครับฮยอกแจ”
“ครับ”
เมื่ออาหารมาถึง เนื่องจากโต๊ะค่อนข้างเล็กทุกคนจึงเอาแก้วน้ำมาว่างด้านข้างติดกำแพงที่ผมกับชินเรนั่งกันอยู่ ชินเรนั่งข้างทงเฮ
ส่วนผมน้างซีวอน เมื่อพวกเรากินไปสักพัก ด้วยความเคยชิน จู่ผมก็คว้าน้ำมะม่วงปั่นไปกินโดยลืมไปว่านั่นไม่ใช่น้ำของผม
“นายดูแฟนนายสิซีวอน ฮยอกแจเขาเผลอกินน้ำมะม่วงของฉันไปซะล่ะ อร่อยไหมครับน้ำของผม”
นั่นทำเอาทั้งซีวอนและชินเรหันมามองผมพร้อมกัน
“ขอโทษครับ พอดีผมมัวแต่ทานเลยไม่ได้ดูว่าตัวเองหยิบแก้วไหนมา ผมว่าผมสั่งแก้วไหมให้ทงเฮดีกว่า”
“ไม่เป็นไรครับ ฮยอกแจกินไปนิดเดียวเองผมไม่ถือ ไม่ต้องสั่งใหม่หรอกครับ”
“ฉันสั่งให้นายใหม่ก็ได้ทงเฮ ยังไงแฟนฉันก็กินไปแล้ว”
“ไม่เป็นไรซีวอน ฉันไม่ถือ น้ำแก้วนั้นที่ฮยอกแจดื่มเป็นของฉัน ฉันไม่ถือ นายก็ไม่ต้องเกรงใจหรอกเพื่อน”
แล้วทงเฮก็คว้าน้ำมะม่วงปั่นแก้วนั้นไปดื่มด้วยหน้าตายิ้มแย้มที่ผมกล้าบอกได้เลยว่ามันช่างดูมีความสุขจนน่าหมั่นไส้
เมื่อเข้าโรงหนังชินเรเข้าไปนั่นเป็นคนแรกตามด้วยทงเฮ ซีวอน แล้วก็ผม พอหนังใกล้จะฉายซีวอนก็ขอตัวออกเข้าห้องน้ำ
ผมกับทงเฮเราแอบสบตากัน แต่แล้วผมก็เป็นคนละสายตาหันกลับไปที่จออีกครั้ง
เมื่อซีวอนกลับมาเขาก็กระซิบบอกผมให้เขยิบเข้าไปนั่งแทนที่เขา เพราะเขากินน้ำไปเยอะอาจต้องเข้าห้องน้ำหลายรอบ
แล้วมันจะรบกวนคนอื่นในการดูหนังถ้าเดินเข้าเดินออกบ่อยๆ
ผมจึงเขยิบเข้าไปนั่งข้างๆ คนที่ทำให้ผมใจเต้นแรง ซีวอนเอามือของเขามาโอบไหล่ผม
ผมจึงรู้ว่าซีวอนคงอยากให้ผมเอนหัวไปซบไหล่ของเขาเหมือนที่ชินเรกำลังซบไหล่ของทงเฮอยู่
เมื่อหนังดำเนินไปเกือบครึ่งเรื่องจู่ๆก็มีมือของใครอีกคนทีนั่งอยู่ข้างๆ มาแตะมือของผมไว้มันอาจจะไม่ได้กุมแน่นหนา
มันก็แค่มือของเราสัมผัสกันแต่มันกลับให้ความอบอุ่นถึงหัวใจของผม ถึงแม้มันอาจจะต้องหลบซ่อนจากสายตาของใคร
แต่อย่างน้อยที่สุดผมก็รู้ได้ว่าความอบอุ่นนี้เป็นของจริงไม่ใช่แค่ฝันของผม
*Talk*
ต้องขออภัยกับจุดที่ผิดพลาดด้วยค่ะ
หากใครอ่านตอนนี้ก่อน 18.30 น.
มันจะมีอยู่ 3 จุดที่เราชี้ให้เห็นเด่นขึ้น
ตอนพิมพ์ใน Word มันเป็นตัวหนาสีแดง เราลงไปสักพักกลับมาเช็ค
โอ๊ะ !!! ฉันทำพลาดไป TT ////// TT
ยังไงต้องขอโทษจริงๆค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น