ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ GOT7 ] MarkBam We are Affair!!!

    ลำดับตอนที่ #12 : 11th : 's 100%

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 57


    หลังจากเหตุการณ์งี่เง่าที่เราไม่ได้คุยกันเกือบ 2 อาทิตย์จบลง ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองรึเปล่าว่าพี่มาร์คดูมีเวลาให้ผมเพิ่มขึ้นอีกนิดหนึ่ง เช่นปกติวันเสาร์พี่มาร์คจะอยู่กับพี่จินยองแล้ววันอาทิตย์ค่อยมาหาผม แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นบางทีพี่มาร์คมาอยู่กับผมตั้งแต่คืนวันศุกร์กลับอีกที่นู้นเย็นวันอาทิตย์ เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง เหมือนเช่นวันเสาร์วันนี้ จนผมอดที่จะถามพี่เขาไม่ได้

     

    “เดี๋ยวนี้พี่ไม่ต้องไปหาพี่จินยองวันเสาร์แล้วเหรอฮะ”

     

    “แบมไม่อยากให้พี่อยู่ด้วยเหรอ...?

     

    “ก็ไม่เชิงแต่มันรู้สึกไม่ค่อยดี”

     

    “แบมไม่ต้องคิดมากหรอก จินยองเขาไม่สะดวกให้พี่ไปหา พี่ก็เลยไม่ไป” โอเคสรุปเพราะเขาไม่ว่างพี่เลยมาหาผมสินะ

     

    “อืม เข้าใจ”

     

    “ถามทำไมมีอะไรรึเปล่า”

     

    “ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแต่พอพี่มาร์คมาอยู่ด้วยแบบนี้ แบมเลยไม่ค่อยมีเวลาไปเที่ยวกับไอ้ยูค จนเดี๋ยวนี้ไอ้ยูคมันชอบบ่นแบมอยู่เรื่อยว่าติดใจอะไรที่บ้านนักหนา มันบอกว่าเดี๋ยววันไหนว่างๆ มันจะมาลองเซอร์ไพรส์แบมดูมันอยากรู้ว่าที่บ้านมีอะไรดี”

     

    “สรุปว่าอยากอยู่กับเพื่อนมากกว่าพี่สินะ น้อยใจว่ะ”

     

    “อย่าน้อยใจนะครับ แบมไม่ได้หมายความแบบนั้นหรอกน่า ว่าแต่พี่มาร์คแบมหิวแล้วไปทำอะไรให้แบมกินหน่อยดิ”

     

    “เดี๋ยวนี้กล้าสั่งพี่แล้วนะแบม เอาใหญ่เชียว”

     

    “ไม่ได้สั่งนะ เขาเรียกว่าขอร้องนะครับ”

     

    “อ้อนพี่เหรอตัวเล็ก”

     

    “นิ๊ดหนึ่ง” แล้วพี่มาร์คก็ทำแก้มป่องๆ ประมาณว่าจุ๊บก่อนแล้วจะทำให้ ขอมาแบบนี้ผมม่ให้ที่แก้มหรอกครับ กระโดจุ๊บตรงหน้าผากแทน

     

    “พี่ขอที่แก้มไม่ใช่ที่หน้าผากสักหน่อย แต่เอาเหอะเห็นว่าแบมขอร้องนะไปทำให้ก็ได้” แล้วพี่มาร์คก็ลุกออกไปทำอาหารให้ผม ตอนนี้เข้าสู่ช่วงหน้าปิดเทอมอย่างจริงจังแล้ว ผมก็นอนเล่นอยู่บ้านทั้งวัน วันไหนพี่มาร์คมาก็ดีหน่อย มีคนทำอาหารให้กิน แต่ถ้าวันไหนไม่มาผมก็หาของกินในตู้เย็นเอา

     

    เดี๋ยวนี้ในตู้เย็นผมเต็มไปด้วยของกินเต็มไปหมดไม่ว่าจะผัก ผลไม้ นม หรือ น้ำอะไรก็มีหมด ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นคนซื้อก็พี่มาร์คแหละซื้อมาให้อยู่เรื่อยจนจะล้นตู้เย็นอยู่แล้ว พี่มาร์คชอบบ่นผมเรื่องที่ผมชอบกินอาหารแช่แข็งและขนมไร้สาระ ก็ผมทำกับข้าวไม่เป็นไอ้ครั้นจะให้ออกไปกินข้างนอกทุกมื้อก็ไม่ไหวนะครับ   พี่ท่านก็เลยของพวกซื้อของพวกนี้มาให้แทน

     

    ตั้งแต่คบกับพี่มาร์คมานี่ก็ปาเข้าเดือนที่ 5 แล้วสำหรับความสัมพันธ์ของพวกเรา ผมบอกเลยว่าชีวิตผมเปลี่ยนไปหลายอย่างมาก จากที่เมื่อก่อนทิ้งเวลาไปเรื่อยเปื่อยแต่ตอนนี้ต้องจัดตารางเวลาใหม่หมด เพราะพี่มาร์คเคยขอผมไว้ว่า ถ้าพี่มาร์คมาช่วยอย่าทำการบ้าน หรือ ทำอะไรคนเดียว เพราะอะไรนะเหรอครับ

     

    ก็เพราะตอนที่คบกันแรกๆ พี่มาร์คมาหาผม แล้วผมยังทำการบ้านไม่เสร็จ แล้วคือมันต้องส่งแล้วผมเลยปั่นไม่ลืมหูลืมตา ไม่ได้สนใจพี่แก พี่ท่านเลยหงุดหงิดเลยออกกฎห้ามผมอย่างเด็ดขาด ห้ามให้ผมทำการบ้านวันที่พี่มาร์คมา คือต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อนเสมอ แต่ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจเก็บเอามาถามพี่มาร์คได้ พี่มาร์คก็จะสอนให้ เลยกลายเป็นว่าช่วงก่อนสอบผมเลยได้พี่มาร์คมาเป็นติวเตอร์ส่วนตัวให้เลย

     

    นอกจากจะมีตัวเตอร์ส่วนตัวแล้วผมยังมีพ่อครัวส่วนตัวด้วยอยากกินอะไรพี่มาร์ค Can Do แต่ถ้าพี่มาร์คไม่ Can do ก็จะ Can open Youtube แทนแล้วเราก็จะมาช่วยกันทำ ถือได้ว่าสนุกสนานเฮฮาไปอีกแบบ

     

    นอกจากจะมีติวเตอร์แล้ว มีพ่อครัวแล้ว ผมยังมีเพื่อนเล่นเกมส์อีกตั้งหาก จากที่แต่ก่อนเล่นคนเดียว หรือ ไม่ก็ลากไอ้ยูคมาเล่นตอนนี้ ผมไม่ต้องง้อไอ้คุณเพื่อนอีกต่อไป เพราะมาร์คต้วนสามารถเล่นเกมส์กับผมได้  เราสามารถเล่นเกมส์กันได้ทั้งวันอย่างไม่มีเบื่อ

     

    เดี๋ยวนี้บางครั้งพี่มาร์คกล้าถึงขั้นพาผมไปค้างที่คอนโดพี่เขา ในวันไหนที่ถ้าเราไม่สามารถกลับมานอนที่คอนโดผมทันพี่มาร์คก็พาผมไปที่คอนโดพี่เขาแทน ให้ตายผมเกลียดคอนโดพี่มาร์คเพราะมีแต่รูปพี่จินยองเต็มไปหมดมันเหมือพี่จินยองกำลังมองดูผมอยู่ ผมรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่ต้องมองหรือเห็นสายตาของพี่เขา หลังจากที่ผมไปค้างแค่ 2 ครั้งเท่านั้นผมก็ลาขาดพอพี่มาร์คจะพักที่คอนโดพี่เขาทีไร ผมต้องพยายามหาทางทำอะไรสักอย่างให้พี่มาร์คกลับมาที่คอนโดผมแทน

     

    เหมือนชีวิตส่วนใหญ่ของเราจะใช้เวลาอยู่ที่ห้องผมนะครับ แต่เราก็มีไปเที่ยวกันบ้าง ดูหนังกันบ้างแน่นอนว่าเราจะเลือกที่ไกลจากแถวบ้านพี่จินยอง และ ไกลจากแถวโรงเรียน  จริงๆ ผมเป็นคนชอบดูหนังนะครับ แต่พอมาอยู่ที่เกาหลีเวลาไปดูคนเดียวมันเหงาเลยไม่ได้ไป แต่พอมีพี่มาร์คการดูหนังก็ไม่ใช่เรื่องน่าเหงาอีกต่อไป ถึงแม้รอบที่เราจะเลือกไปดูมักจะเป็นรอบดึกโคตร แต่ผมก็มีความสุข เพราะคนไม่เยอะ ไม่วุ่นวาย และ สบายใจเพราะไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาเห็น

     

    เวลาที่เราบังเอิญเจอคนรู้จัก หรือ เด็กที่โรงเรียนเราจะปล่อยมือกันทันทีแล้วก็แกล้งเดินกันไปคนละทาง ตอนแรกผมก็เศร้านะครับ ที่เราไม่สามารถจับมือกันได้ต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ แต่พี่มาร์คเขากลับบอกผมว่า “ถึงมือเราจะไม่จับกันไว้แต่ไม่ได้หมายความว่า ความรู้สึกของเรามันจะขาดกันนะครับแบม” หวานซะจนชวนอ้วก 55+ แต่เชื่อไหมตอนได้ยินประโยคนี้ผมกลับหัวใจเต้นอย่างแรง หลังจากนั้นไม่ว่าเราจะต้องปล่อยมือกันสักกี่ครั้ง คำพูดประโยคนี้ก็จะกลับมาดังในหัวผมเสมอ

     

     

    ถึงเราจะมีความสุขแค่ไหน แต่ผมก็รู้ตัวดีเสมอว่าความสุขของเรามันผิดและเราควรจะต้องจบสักวันหนึ่ง ทั้งที่บอกตัวเองว่าให้พอ บอกตัวเองให้เลิก แต่สุดท้ายก็จะหลอกตัวเองว่า “ยืดไปอีกนิดนะ” “รอไปอีกสักหน่อยนะ” คนเรายังไงมันก็ช่างเห็นแก่ตัว ผมช่างเห็นแก่ตัว ความรู้สึกผิดมันเกาะกินอยู่ในหัวใจผมแทบจะตลอดเวลา ยิ่งเวลาพี่จินยองโทรมาพี่มาร์คเขาก็จะรับต่อหน้าผม เขาไม่ได้เดินหนีออกไปที่อื่นหรืออะไร คุยกันให้ผมได้ยินตรงนั้นเสมอ

     

    ซึ่งนั่นก็ดีแล้วมันทำให้ผมระลึกได้ว่า.............................ผู้ชายคนนี้มีเจ้าของแล้ว

     

    อย่ารักเขามากไปกว่านี้

     

     ยิ่งบอกตัวเองแบบนี้เท่าไหร่

     

    หัวใจก็ยิ่งรู้ว่า.................................ตัวเองเริ่มรักผู้ชายคนนี้มากขึ้นเท่านั้น

     

     

    -J-U-S-T-A-F-F-A-I-R-

     
    “เฮ้ย พี่มาร์ค เอาไอ้นี้มาห้อยแบบนี้เลยเหรอ”  ผมเพิ่งสังเกตว่าพี่มาร์คเอาตัว
    S ที่ผมซื้อมาให้เมื่ออาทิตย์ก่อนห้อยไว้ที่มือถือ

    “เพิ่งจะทักเหรอ พี่ห้อยได้หลายวันแล้วนะ”

     

    “ผมไม่คิดว่าพี่จะห้อย แค่พี่เก็บไว้ผมก็ดีใจแล้ว ถอดออกเหอะ”

     

    “ทำไมถึงอยากให้พี่ถอด ทั้งที่แบมใส่สร้อยที่พี่ซื้อให้ติดตัวตลอด”

     

    “ผมใส่ไว้ในเสื้อไม่มีใครเห็นแต่พี่เล่นเอามาใส่แบบนี้ คนแม่งก็คงเห็นกันทั้งโลก”

     

    “คนเห็นแล้วไง ใครมันจะรู้ว่าหมายความว่าไง”

     

    “ก็เพราะคนเขาไม่รู้ความหมายไง เขาก็ต้องถามว่าทำไมต้องตัว S ชื่อพี่ก็ไม่เห็น S ตัว”

     

    “พี่จะบอกเขาไปว่า S พี่จะบอกเขาไปว่า Mark Tuans ตัว S หมายถึง ครอบครัว Tuan คำว่า Tuan เลยเติม s จบป่ะ” พี่มาร์คตอบได้กวนบาทามาก แบมอยากจะบ้า

     

    “.............” ผมไม่อยากจะเถียงกับคนตรงหน้าเลยกินข้าวต่อ อยากทำอะไรก็เชิญเถอะครับคุณต้วน

     

    “พี่ดีใจนะที่แบมใส่สร้อยที่พี่ซื้อให้ติดตัว สร้อยที่แสดงความเป็นเจ้าของว่าเป็นแบมเป็นของพี่” พี่มาร์คซื้อสร้อยเส้นเล็กที่มีจี้ห้อยตัว S มาให้ผม ตอนแรกที่ผมได้รับมา คือ ผมงงมากว่าทำไมต้องตัว S ชื่อผมมันก็ไม่เห็นจะมี S ตรงไหนแล้วพี่เขาก็เฉลยว่า ก็ชื่อ Bamx2 แบมมันก็เลยต้องเติม S ถูกป่ะละไม่งั้นจะเป็น แบมแบมได้ไง  โอ้วววลึกซึ้งมากครับคุณต้วน

     

    แต่นอกจากที่มันจะมีความหมายที่นอกจากแบมมี S แล้ว S ตัวนี้ยังมาจาก ’s ที่แสดงความเป็นเจ้าของด้วย สรุปง่ายๆ ว่า

     

    “พี่แสดงความเป็นเจ้าของแบมอยู่ไงครับ ถึงคนอื่นจะไม่รู้ว่ามันมีความยังไง แต่แบมเองก็จะรู้ว่า S ตัวนี้คือการที่บอกว่า แบมมีเจ้าของแล้ว และใครเป็นเจ้าของแบม” ตอนนั้นผมถึงกับแซวพี่มาร์คไปว่าเห็นผมเป็นหมารึไงต้องหาอะไรมาคล้องคอมีป้ายชื่ออะไรแบบนี้ด้วย พี่มาร์คตอบกลับมาด้วยประโยคที่อยากด่าว่า “อ้าว แบมไม่รู้ตัวเหรอว่าแบมเป็นหมาน้อยของพี่อยู่นะ”

     

    หลังจากนั้นสักพักผมก็บังเอิญไปเจอที่ห้อยมือถือรูปตัว S สีทอง ผมมองว่ามันคล้ายกันอยู่แต่ก็ไม่เหมือนสักทีเดียว ผมเลยตัดสินใจซื้อที่ห้องมือถือนี้มาทันที ผมไม่ได้คาดหวังว่าพี่เขาจะใส่มือถือจริงๆ แค่กะว่าอยากให้เขาเก็บไว้เท่านั้น ตอนที่ผมยื่นไปให้พี่มาร์ค พี่มาร์คครับไปงงๆ แต่แป๊บเดียวก็ยิ้ม แล้วแซวบอกผมว่า อยากแสดงความเป็นเจ้าของพี่เหรอ ผมไม่ตอบอะไรแค่ยิ้มนิดๆ S ของผมไม่ได้หมายถึงแค่ความเป็นเจ้าของ

     

    แต่ S ของผมมีความหมายเหมือนเลข 2 ในความรู้สึกผม ตัว S มีความคล้ายกับเลข 2 มากแต่ต่างกันแค่มันหันคนละด้าน เท่านั้น ถ้ามองผ่านๆ มันก็คือ สัญลักษณ์ที่เหมือนกัน ผมยังจำได้ว่าพี่มาร์คเคยบอกว่าเลข 2 คือเลขของผม

    มันก็เป็นเลขของผมจริงๆนั่นแหละครับ จริงๆ โดยส่วนตัวผมเองเมื่อก่อนก็ชอบเลข 2 อยู่แล้ว เพราะมันเป็นเลขคู่เป็นเลขที่ไม่โดดเดี่ยว ถ้าคุณเห็นสองที่ไหน รู้ได้ทันทีว่ามันจะต้องไม่เหงาเพราะมันคงไม่มีทางอยู่คนเดียว และเพราะพี่มาร์คยิ่งย้ำว่าเลข 2 คือเลขของผม เลข 2 จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์เตือนตัวผมเองว่า ผมอยู่ตรงไหน ผมเป็นใคร และ ผมสำคัญแค่ไหนสำหรับพี่มาร์ค

     

    พี่มาร์คไม่รู้หรอกว่า  ที่ผมใส่สร้อยที่พี่มาร์คติดตัวก็เพราะผมอยากจะค่อยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าผมเป็นใคร และ ทำอะไรอยู่ เพราะฉะนั้นผมถึงได้ซื้อให้พี่มาร์คเหมือนกันไงครับ..............................

     

    มันจะได้คอยเตือนพวกเราทั้งสองคนว่า ความสำคัญของเรามันควรจะอยู่ที่จุดไหน ของกันและกัน

     

    ไม่ว่าความสำคัญของผมจะเป็นที่เท่าไหร่

     

    แต่อย่างน้อยที่สุด เลข 2 มันก็ไม่เคยเหงาใช่ไหมครับ.....?

     

    เพราะ…………………………………..

     

    มันมีกันและกัน

     

    -J-U-S-T-A-F-F-A-I-R-

     

    ว่าไงไอ้คุณยูค เงียบหายไปเลยนะมรึง” หลังจากสอบเสร็จไอ้ยูคก็เงียบไปเลย มันเพิ่งจะโทรมาหาผมวันนี้นี่แหละครับ

     

    “ใครกันแน่ที่เงียบไป พรุ่งนี้ไปเกะกันเปล่า พวกยองแจก็ไปนะ สาวๆ เพียบ”

     

    “พรุ่งนี้ไปเกะอ่ะเหรอ ..........” ผมหันไปมองหน้าพี่มาร์ค ต้องการจะถามว่าขอไปกับเพื่อนได้ไหม พี่มาร์คพยักหน้าเล็กน้อย

     

    “เอ่อ ไปดิไปได้ พรุ่งนี้ว่าง”

     

    “งั้นเจอกันที่เก่า เวลา 11 โมงนะจ้ะหนูแบม”

     

    “จ้า พี่ยูค”

     

    “ไอ้เด็กมันโทรมาเหรอ”

     

    “อืมไอ้ยูคมันชวนไปคาราโอเกะพรุ่งนี้ ตอน 11 โมง”

     

    “เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปส่ง ห้างไหนอ่ะ”

     

    “จะมีที่ไหนก็ห้างใกล้โรงเรียนนั่นแหละ”

     

    “พรุ่งนี้จินยองนัดพี่เหมือนกัน เดี๋ยวพี่ส่งเสร็จแล้วพี่จะไปหาจินยองต่อเลย แบมหาข้าวกินตอนเย็นเลยนะครับ อย่าให้รู้นะว่าแอบกลับมากินอาหารแช่แข็งที่บ้าน ถ้ารู้ว่าไม่กินพี่จะกดไม่ให้ได้นอนเลย คอยดู”

     

    “บ้า”



    *-*-*-*-*-*-*-* TALK*-*-*-*-*-*-*-*-*-


    จัดเต็มแบบ เต็มพาร์ท ใน รอบเดียววววว

    เป็นคำขอบคุณสำหรับการที่ทุกท่าน

    คลิดกข้ามาอ่านมากกว่า 2,000 ครั้ง คอมเม้นมากกว่า 250 คอมเม้น แล้วค่ะ

    จุดพลุ ปุง ปัง ปุง ปัง

    ขอบคุณทุกคนมากจริงๆๆ  ที่เข้ามาอ่าน เข้ามาเม้น #ฟิคแอบมาร์คแบม

    TT____________TT

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×