ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Exo & You] ::All X KyungSoo:: Baby KyungSoo ลูกสาวแม่หมี

    ลำดับตอนที่ #6 : ::ว่าที่พ่อของแอล 4:: 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 157
      1
      3 พ.ค. 60

    :: ว่าที่คุณพ่อของแอล 4 ::



    “น้องแอลตื่นเต้นจัง นี้เป็นครั้งแรกเลยอ่ะที่ได้มาดูหนัง ฮื่อออ อยากเข้าไปแล้ว” เด็กหญิงตัวน้อยที่นั่งอยู่บนตักของคยองซูพูดเสียงใสพร้อมกับหยิบตั๋วหนังยกขึ้นมาดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้พวกเขามานั่งรอที่หน้าโรงแล้วแต่ก็ยังเข้าไม่ได้เนื่องจากว่ามาก่อนเวลาไปนิดหน่อย คยองซูตั้งใจฟังที่คนตัวเล็กบนตักเล่าว่าเวลาอยู่บนสวรรค์เจ้าตัวทำอะไรบ้าง โดยไม่ได้สนใจว่ากำลังมีกลุ่มคนมาใหม่เพื่อรอเข้าโรงหนังเหมือนกัน น้องแอลก็ยังคงโม้ต่อไปโดยไม่ได้สนใจสายตาของคนๆนึงที่มองอยู่

    “พี่...ผมคุ้นน้องคนนี้จังวะ”

    “อืม...กูก็คุ้นผู้ชายคนนี้เหมือนกัน” ชายหนุ่มที่ส่วนสูงน้อยที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้นพลางพยายามเพ่งมองไปที่คยองซู เรียวตาเล็กที่ไม่ถูกแมสสีดำปิดไว้หรี่ลงพร้อมกับคิ้วๆน้อยๆที่เริ่มชนเข้าหากัน

    คุ้นชิบหาย...

    “อ๊า! กูจำได้แล้ว น้องคนที่หลงอยู่ที่ห้างมึงไง” ชายหนุ่มที่ไม่ได้สวมแมสปิดปากพูดออกมาเสียงดังทำให้คนอื่นๆที่อยู่บริเวณนั้นหันมาสนใจ รวมทั้งคนที่ถูกกล่าวถึงด้วย

    “มึงจะแหกปากให้คนแห่มารุมพวกกูหรอวะชานยอล” คนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเอ่ยเสียงดุก่อนจะส่งความรักด้วยลูกเตะเบาๆเข้าที่ต้นขายักษ์ของเพื่อน คนถูกเตะสะดุ้งหลบก่อนจะเดินไปหลบหลังน้องสุดท้องของกลุ่ม

    “เซฮุนนาช่วยพี่ด้วยสิ”

    “พี่จะหาเรื่องให้พวกผมซวยนะครับ” ชานยอลเบ้ปากคว่ำอย่างง้องอนเมื่อได้ยินประโยคไร้เยื่อใยจากน้องคนเล็ก ไม่มีใครเข้าข้างเขาเลยสักคน เหอะ!

    “เข้าไปทักน้องดีมั้ยพี่ ผมอยากเล่นกับน้อง” น้องคนโตของกลุ่มถามด้วยสายตาระยิบระยับ บอกเลยว่าเขาถูกชะตากับเด็กผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า เด็กอะไรน่ารักชิบหาย

    “แล้วมึงว่าน้องอยากเล่นกับมึงมั้ยวะเทา” นอกจากความหล่อที่ตัวพี่แม่งมั่นใจนักหนา ก็จะมีความปากหมาอีกอย่างนึงของตัวพี่แกที่เขามั่นใจเหมือนกัน แบคฮยอนพูดจาพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะกวนตีนแบบเบาๆทำให้เขาแทบจะจระเข้ฟาดหางใส่ ถ้าไม่เห็นว่าเป็นพี่อ่ะนะ

    “เชิญเข้าโรงหนังได้แล้วครับ” ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะเดินเข้าไปทัก เด็กน้อยก็รีบวิ่งจูงมืออีกคนเข้าไปในโรงทันทีที่ประตูเปิด เทามองภาพตรงหน้าด้วยความห่อเหี่ยวใจก่อนจะถูกเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากคนพี่ตัวเตี้ยอีกครั้ง

    นี้ก็เย้ยกูจริง=-=

    “เดี๋ยวมึงค่อยทักตอนเขาออกมาจากโรงก็ได้นิ อย่าเสียใจไปมึง” เป็นชานยอลที่เดินมาตบบ่าปลอบน้องชายสุดที่รักก่อนจะรีบเดินตามอีกสองคนที่เดินเข้าโรงไปแล้ว ตอนนี้ทั้งคยองซูและน้องแอลเดินมาจนถึงที่นั่งของตัวเองพร้อมกับโฆษณาบนจอฉายที่เล่นไปเรื่อยๆระหว่างรอผู้ชนคนอื่นๆ

    “อ่อมม่าดูนั่นๆ น้องแอลจำผู้ชายคนนั้นได้ แบคฮยอลอปป้า!” น้องแอลที่นั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้วก็เหลือบไปเห็นภาพผู้ชายตัวเล็กกำลังยืนยิ้มชูเครื่องดื่มในมือพร้อมกับพูดเชิญชวนอะไรสักอย่างที่คยองซูไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไรเพราะต้องรีบปิดปากสาวน้อยตัวเล็กที่เสียงดังจนเกินไป

    “น้องแอลครับ ในโรงหนังเราจะไม่พูดเสียงดังนะครับ” คยองซูพูดเสียงกระซิบกับเด็กหญิงทำให้เจ้าตัวตาโตตกใจเพราะเพิ่งจะส่งเสียงดังไปเมื่อสักครู่ ก่อนจะพูดเสียงกระซิบกับอีกคนอย่างรู้ความ

    “แอลขอโทษค่ะ แต่ว่าแอลจำได้ว่าคนนั้นคือแบคฮยอนอปป้านะ” น้ำเสียงน้อยๆพูดเสียงเบาก่อนที่เด็กหญิงก่อนจะชี้ไปที่จอภาพยนตร์ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นแล้ว คยองซูที่หันไปแต่ก็ไม่เห็นเจ้าของชื่อเลยได้แต่เออออตามอีกคนไป จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มนั่งรอไปเงียบๆอีกครั้งถึงแม้จะมีบ้างที่เด็กหญิงถามนู้นถามนี้ด้วยเสียงเบาๆ แต่เสียงพูดคุยของทั้งคู่ก็ดังเข้าสู่โสตประสาทของคนที่นั่งอยู่ติดๆกันอย่างชัดเจน

    แบคฮยอนอปป้าของหนูก็นั่งอยู่ข้างๆพี่ไง

    เซฮุนหันไปมองเจ้าของชื่อที่ยังคงหาเรื่องกับเทาเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับตัวเองโดนไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าโดนเด็กน้อยนินทาตัวเองอยู่ เซฮุนทำเพียงนั่งเงียบๆไปเรื่อยๆโดยไม่พูดอะไรจนกระทั่งหนังเริ่มฉาย ตอนนี้ทั้งสองฝั่งข้างๆเขาหยุดพูดคุยกันหมดแล้ว มีเพียงแค่เสียงของหนังที่กำลังดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ

    จริงๆหนังที่กำลังฉายอยู่คือเป็นอนิเมชั่นจากค่ายดัง เขาไม่ได้เป็นคนอยากมาดูหรอก ไอ้พี่เตี้ยกับเพื่อนตัวดำของเขาต่างหากที่อยากดู เขาก็แค่เห็นว่ามีเวลาว่างก็อยากจะพักผ่อนเลยว่าจะมานอนในนี้ซักหน่อย เย็นดี

    ถึงแม้ว่าหนังมันจะตลกแค่ไหนก็ไม่อาจดึงความสนใจของเซฮุนได้เลย มือหนายกขึ้นมาเท้าคางเอียงคอมองจออย่างงัวเงีย หัวทุยเริ่มสัปหงกพร้อมกับดวงตาที่เริ่มปิดทำให้ตัวเขาเอนอ่อนจนทรงตัวไม่อยู่

    เซฮุนสะลึมสะลือจนทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาเอนหัวไปทางขวามือก่อนที่ซุกหัวลงไปที่บ่าเล็กๆของพี่ชายที่เขาคิด ก่อนจะพูดพึมพำเพราะกลัวจะถูกผลักออก

    “ขอนอนหน่อย อยากพัก” เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้เจ้าของไหล่ตัวแข็งทื่อ เซฮุนแปลกใจนิดหน่อยว่าทำไมพี่ชายเขาถึงได้ผอมขนาดนี้ ทั้งๆที่คิดว่าออกจะเจ้าเนื้อด้วยซ้ำ แต่แล้วเสียงร้องทักเบาๆก็ทำให้เขาได้คำตอบ

    “คุณครับ...เอ่อคือ” เซฮุนลืมตาขึ้นก่อนจะยกหัวขึ้นมาช้าๆแล้วมองไปที่ต้นเสียง เจอเข้ากับริมฝีปากอิ่มที่เห็นได้ลางๆเพราะมีเพียงแค่แสงสว่างจากจอหนัง เลื่อนขึ้นไปก็พบกับดวงตากลมโตที่เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับคิ้วหน้าที่เลิกสูงขึ้น

    ไม่ใช่พี่ชายเขานิ...

    เซฮุนคิดในใจพร้อมกับเจ้าของริมฝีปากที่เริ่มขยับอีกครั้ง เจ้าตัวพยายามเรียกสติเขาแต่คิดว่าคงยากเพราะเขาง่วงเต็มที

    ถึงไม่ใช่แต่น่ารักแบบนี้ก็ขอซบหน่อยแล้วกัน

    “ผมขอยืมไหล่คุณสักชั่วโมงหนึ่งนะครับ” พูดเสร็จก็ทิ้งน้ำหนักลงบนไหล่เล็กๆทันที คยองซูที่ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ตัวแข็งนิ่ง เหลือบไปมองดวงหน้าที่ตอนนี้หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขไปแล้ว คยองซูทำได้แค่นั่งนิ่งและหายใจให้เข้ากับจังหวะเดิมเพราะตอนนี้หัวใจของเขาจะเต้นเร็วไปไหนก็ไม่รู้

    อะไรของคนๆนี้กันเนี่ย

    คนตัวเล็กทำได้แค่ตะโกนถามในใจไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง ทำเอาคนที่แกล้งนอนหลับอยู่ตอนนี้นึกขำเบาๆ

    เขาตื่นเพราะได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวของอีกคนพร้อมกับท่าทางแข็งทื่อเนี่ยแหละทำเอาเขานอนต่อไม่หลับ เห็นแบบนี้อดจะแกล้งเป็นไม่ได้

    “ตัวหอมจังเลยนะครับ” พึมพำเบาๆแค่ทำไมคยองซูได้ยินเฉยเลย! คนตัวเล็กที่หัวใจเต้นเร็วอยู่แล้วเต้นเร็วและดังขึ้นไปอีก แก้มอวบๆเริ่มขึ้นสี นี้ถ้าไม่ได้อยู่ในโรงหนังคงได้เห็นมะเขือเทศสองลูกบนหน้าเขาไปแล้ว ตอนนี้คยองซูได้แต่ทำใจร่มๆ หันไปมองฝั่งลูกสาวคนเก่งที่ตอนนี้ไม่แม้แต่จะสนใจเขา หัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจไปกับภาพยนตร์ ส่วนฝั่งทางแบคฮยอนก็ไม่มีใครหันมาสนใจเซฮุนเลยสักนิด

    และแล้วเวลาก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงครึ่งที่เซฮุนนอนซบไหล่คยองซู คนตัวเล็กรีบลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าหนังจบ พร้อมกับจูงมือลูกสาวที่ยังคงหัวเราะชอบใจอยู่ออกไปอย่างว่องไว ทิ้งในคนตัวเล็กที่ถูกปลุกลุกมาบิดขี้เกียจก่อนจะอมยิ้มอย่างมีความสุข

    ไปซะล่ะ

    “โหยหนังโคตรหนุกอ่ะ อยากดูอีกรอบ” เป็นเสียงเจื้อยแจ้วของพี่ชายตัวเล็กที่พูดขึ้นทันทีที่เดินออกจากโรงมา เซฮุนที่เดินยิ้มๆตามหลังพวกพี่ชายก็ได้แต่สอดส่องมองซ้ายขวาหาคนตัวเล็กที่รีบออกมาเมื่อสักครู่

    “เซฮุนมึงว่าไงวะ หนังหนุกอ่ะป่าว” เทาหันมาถามเพื่อนตัวสูงที่ยืนยิ้มอ่อนๆจนเขาสงสัยว่าเป็นอะไร ตอนมายังเห็นหน้าบูดหน้าบึ้งไม่พูดไม่จาอยู่เลย

    “ก็ดี” พูดแค่นั้นก่อนจะยิ้มอีกครั้ง เทาได้แค่มองเพื่อนอย่างงงๆก่อนจะคิดไปว่ามันคงจะฝันดี เพราะเห็นบอกว่าจะเข้ามานอนมากกว่ามาดูหนัง

    แต่จริงๆแล้วเซฮุนนั่นยิ่งกว่าฝันดีอีกนะ

    เออจะไป...คนน่ารักเมื่อกี้นี้เขาก็รู้สึกคุ้นจังนะ เสียดายในโรงมันมืดไปนิด ถ้าได้เจอหน้าอีกครั้งคงจำได้เองแหละเนอะ

    อยากเจออีกจัง

     

    -

    -

     

              “อ่อมม่าหนีอะไรมาหรือป่าว” น้องแอลที่จับผิดสังเกตของคยองซูที่ดูจะรีบร้อนเหลือเกิน พอออกมาจากโรง คุณแม่ของเขาก็เอาแต่เร่งฝีเท้าเดินไปที่รถแท็กซี่ พอขึ้นรถมาก็แอบชำเลืองหันไปมองข้างหลังอย่างหวาดระแวง ยังกับกลัวว่ามีใครจะตามมายังไงยังงั้น

              “อ่อ! ปล๊าว! ไม่ได้หนีใคร แค่...แค่อยากจะรีบกลับบ้านเร็วๆน่ะ!” คยองซูพูดอย่างลนลาน เพราะทันทีที่หนังจบแล้ว เขาก็ตรงดิ่งออกมาจากโรงหนังทันทีเพราะตลอดระยะเวลาชั่วโมงครึ่งเขาได้แต่นั่งตัวเกร็งเป็นหมอนจำเป็นให้กับคนแปลกหน้าที่เขาเพิ่งจะจำได้ว่าผู้ชายคนนี้คือ น้องรหัสสมัยมัธยมของเขาเอง บอกเลยว่าตกใจมากเลยรีบวิ่งออกมา

    โลกจะกลมเกินไปแล้ว

    เป็นไปได้เขาอยากจะอยู่ให้ห่างโอเซฮุนคนนั้นมากๆเลย แบบว่าอดีตมันค่อนข้างฝังใจ

    “อืม...งั้นอ่อมม่าช่วยแวะซื้อติมที่หน้าหมู่บ้านหน่อยนะ แอลอยากกิน!” เด็กหญิงพูดอย่างร่าเริงพอเห็นท่าทีหนักใจของอีกคน บางทีอ่อมม่าของเขาอาจจะเผลอไปเจอคู่อริเก่าอะไรแบบนี้หรือป่าวเลยรีบหนีออกมาแต่ไม่อยากจะบอกเขา...

    พูดไปนั้น

    ผ่านไปไม่นานรถแท็กซี่ก็พาสองแม่ลูกมาถึงหน้าหมู่บ้าน ทั้งคู่ลงมาพร้อมกับเดินไปที่มินิมาร์ทขนาดเล็กๆประจำหมู่ คิดว่าพอซื้อไอศกรีมกันเสร็จก็คงจะเดินเข้าไปเรื่อยๆ ถือว่าพาอีกคนทัวร์รอบหมู่บ้านไปเลยแล้วกัน

    พอเลือกซื้อกันเสร็จคยองซูก็จูงมือเล็กเดินเข้าหมู่บ้าน เด็กหญิงที่ได้ของกินก็ยิ้มหน้าบานพลางมองนู่นมองนี้ตามที่คนเป็นแม่บอก คยองซูพาอีกคนเดินมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงนามเด็กเล่นของหมู่บ้านที่มีเด็กอยู่จำนวนหนึ่งกำลังวิ่งเล่นกันอยู่ น้องแอลที่เพิ่งจะได้เห็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันในหมู่บ้านก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะบนโลกสวรรค์น่ะไม่มีเด็กคนอื่นแบบนี้มาเล่นกับน้องแอลหรอกนะ น้องแอลมีแค่ป้ายุนคนเดียวที่เป็นเพื่อนเท่านั้น

    “น้องแอลอยากจะเข้าไปเล่นกับเพื่อนๆมั้ยล่ะครับ” คยองซูที่เห็นท่าทีของอีกคนก็ทักขึ้นทำให้เจ้าตัวรีบหันมามองหน้าพร้อมทำสายตาวิบวับ ใบหน้าน่ารักพยักหน้าลงอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบปล่อยมือแล้ววิ่งไปหากลุ่มเด็กชายหญิงที่วิ่งไล่จับกันอยู่

    คยองซูมองด้วยรอยยิ้มบางๆเมื่อเห็นว่าอีกคนมีความสุขขนาดไหน ร่างเล็กเดินไปนั่งที่ม้านั่งใกล้ๆก่อนจะหยิบไปไอศกรีมถ้วยโปรดขึ้นมากิน

    “คยองซูหรือป่าว...” เสียงทักเบาๆทำให้เจ้าของชื่อหันไปมอง ผู้ชายร่างบางใบหน้าหวานที่คยองซูคุ้นมากเดินมาหยุดตรงหน้าเขาพร้อมกับทำหน้าตาสงสัย คยองซูพยักหน้าตอบรับก่อนจะร้องขึ้นเสียงดัง

    “พี่ลู่หาน!” เจ้าของชื่อยกยิ้มเมื่อรู้ว่าตัวเองทักคนไม่ผิด ร่างบางเดินมานั่งลงข้างๆพร้อมกับรอยยิ้มหวาน

    “ไม่ได้เจอกันตั้งนานผอมลงเยอะเลยนะ” คยองซูยิ้มรับพร้อมกับขยับที่ให้อีกคนได้นั่งสบายๆ ลู่หานเป็นรุ่นพี่รหัสสมัยเรียนมหาลัยที่เขาสนิทด้วยมากๆ แต่พอเรียนจบพี่เขาก็กลับไปจีนเพื่อไปบริหารบริษัทของครอบครัว ทำให้ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย บังเอิญจังที่วันนี้เขาได้เจอคนรู้จักตั้งสองคน

    “พี่ก็ดูดีขึ้นนะครับเนี่ย เป็นยังไงบ้างครับสบายดีหรือป่าว”

    “สบายดี แล้วคยองซูล่ะ”

    “ครับ สบายดีมากเลย” คยองซูพูดยิ้มๆก่อนจะสังเกตว่าในมือของตัวเองมีของหวานเย็นๆที่พร้อมจะละลายทุกเมื่อ มือป้อมหยิบช้อนแบนๆขึ้นมาตักไอศกรีมเข้าปากก่อนคำหนึ่งก่อนที่จะยื่นไปให้คนพี่ที่นั่งมองอยู่

    “กินมั้ยครับ” ลู่หานมองถ้วยไอติมรสนมในมือของอีกคน ริมฝีปากยกยิ้มก่อนจะอ้าออกพร้อมส่งเสียงน่ารัก

    “ป้อนหน่อย” คยองซูผงะไปชั่วครู่เมื่อเจอลูกอ้อนของอีกคนที่ไม่ได้เจอมานาน มือเล็กๆยอมตักไอศกรีมคำโตที่เริ่มละลายขึ้นมาแล้วป้อนให้คนพี่อย่างรวดเร็ว

    ริมฝีปากบางรับของหวานเย็นๆก่อนจะแลบลิ้นมาเลียรอบกรอบปากที่เลอะนิดหน่อยเนื่องจากปริมาณไอศกรีมที่รุ่นน้องป้อนมามันออกจะเยอะไปหน่อย 

    เลอะซะและ

    “อ่ะ ผมมีทิชชู่ครับ” คยองซูยื่นทิชชู่ลายกระต่ายน้อยน่ารักให้อีกคน ลู่หานมองตามอย่างยิ้มๆก่อนจะพูดเสียงอ่อน

    “เช็ดให้หน่อยสิครับ” ไม่พูดเปล่ากลับทำสายตาหวานใส่ คยองซูที่เคยรับมือกับลูกอ้อนของอีกคนบ่อยๆก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากจะเช็ดริมฝีปากบางได้รูปที่เลอะด้วยไอศกรีมนิดหน่อยให้อย่างเบามือ อาจจะเป็นเพราะเขาแขนสั้นหรือป่าวหรือซึ่งเหมือนเขาต้องขยับเข้าไปใกล้อีกคนมากเกินไป ใกล้จนรู้สึกว่าแทบจะมองเห็นรูขุมขนของอีกคนได้

    “ไม่เจอกันนานเป็นง่อยไปแล้วหรอครับ” คยองซูแขวะอีกคนทำเอาคนเป็นพี่หัวเราะร่า ลู่หานยังคงนั่งนิ่งๆแม้คยองซูจะผละออกไป สายตาลูกกวางน้อยของลู่หานมองร่างเล็กๆข้างๆตัวเองอยากคิดถึงก่อนจะอ้าปากขึ้นอีกครั้ง

    “ป้อนอีกหน่อยสิ” คยองซูถอนหายใจให้ท่าทีของอีกคนก่อนจะยอมป้อนไอศกรีมรสนมให้อีกคนและตัวเองไปเงียบๆจนหมดถ้วย

    “พี่กลับมาเกาหลีรอบนี้มาทำอะไรหรอครับ” เมื่อไม่รู้จะทำอะไรจึงหาเรื่องคุย คยองซูเป็นคนถามก่อนจะหันไปมองหน้าอีกคนที่ก็กำลังมองมาทางเขาอยู่เหมือนกัน

    “อ่อ มาเลี้ยงหลานน่ะ” ลู่หานตอบพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาชี้ไปที่เด็กผู้ชายคนนึงที่กำลังวิ่งเล่นไล่จับอยู่กับเพื่อนๆ “คนที่ใส่หมวกบีนสีน้ำเงินน่ะ”

    คยองซูพยักหน้ารับพร้อมกับมองตามนิ้วเรียวก่อนจะยกยิ้มเพราะเห็นว่าหลานชายของรุ่นพี่เขาจะกำลังวิ่งเล่นกับลูกสาวของเขาอยู่พอดี ท่าทางจะเข้ากันได้ด้วยนะ

    “แล้วพี่พักอยู่ที่นี้หรอครับ”

    “ใช่แล้ว บ้านหลานพี่อยู่ที่นี้น่ะ คือพ่อกับแม่แกไปเที่ยวกับทางบริษัททำให้พี่ต้องมาเลี้ยงแทนไปก่อน” ลู่หานเล่าพร้อมทำคิ้วขมวด จริงๆเขาไม่ได้ถูกกับเด็กสักเท่าไรด้วยสิ ให้มาเลี้ยงแบบนี้ถึงจะเป็นหลานตัวเองก็คงจะยากนิดหน่อย เห็นว่าได้มาอยู่ใกล้คนรู้จักหน่อยเถอะถึงยอมน่ะ

    “แล้วนานขนาดไหนหรอครับ”

    “คง...ไม่เกินสองอาทิตย์หรอก” ลู่หานหันไปยิ้มให้คนถามก่อนจะหันไปมองหลานตัวเองที่เล่นจนเนื้อตัวมอมแมมไปหมดแล้ว จะว่าไปมันก็เล่นมาเกือบจะสองชั่วโมงแล้วนะเห้ย ตั้งแต่ช่วงบ่ายโมงจนจะบ่ายสามแล้วยังไม่เลิกเล่นอีก

    “แล้วคยองซูอยู่ที่นี้หรอ” ลู่หานเป็นฝ่ายถามบ้าง คยองซูพยักหน้าลงก่อนจะส่งยิ้มให้ลูกสาวที่หันมามองทางนี้พอดี

    “ตั้งแต่เรียนจบก็ขอพ่อกับแม่มาอยู่ที่นี้น่ะครับ”

    “ตอนนี้อยู่คนเดียวหรอ” ลู่หานถามอีกครั้งทำให้คยองซูเริ่มอึกอัก จะบอกว่าอยู่คนเดียวมันก็ใช่นะ แต่นานๆนี้เพิ่งจะมีคนมาอยู่กับเขาอีกคนด้วยน่ะสิ พูดยากจัง

    “ตอนนี้มีหลานมาอยู่ด้วยน่ะครับ” คยองซูพูดจบลู่หานก็ไม่ซักไซ้ถามอะไรต่อ ทั้งคู่ยังคงนั่งมองเด็กๆวิ่งเล่นกันไปเรื่อยๆโดยไม่พูดอะไร เพราะช่วงนี้อากาศกำลังดีไม่แดดร้อนมาก เหมาะแก่การออกกำลังกายของพวกคุณหนูๆ

    “แล้วยัง...ติดต่อกับอี้ฟานอยู่หรือป่าว” ลู่หานถามขึ้นมาเสียงเบาทำให้คนถูกถามเงียบไปซักพัก ไม่มีคำตอบมาจากร่างบางทำให้ลู่หานเริ่มรู้สึกผิด

    “เอ่อ คือ ขอโทษนะถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร”

    “ไม่แล้วล่ะครับ ตั้งแต่เลิกกันก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย” คยองซูพูดเสียงพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆเพื่อไม่ให้อีกคนคิดมาก ลู่หานเห็นท่าทีซึมเศร้าของรุ่นน้องก็ได้แต่ตบปากตัวเองในใจ ทำไมต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยกันเนี่ย! ปากเลว

    “คยองซูอย่าเศร้าไปเลยนะ หมอนั่นมันเลวเอง” ลู่หานพูดพร้อมกับยื่นมือไปตบบ่าเล็กๆของอีกคน คนตัวเล็กยิ้มรับ จริงๆเขาก็ไม่ได้เสียใจอะไรมากมายกับเรื่องของคนรักเก่าหรอกนะ จริงๆก็ทำใจได้แล้วส่วนหนึ่ง ไม่ได้เสียใจจิตตกอะไรมากนักหรอก เรื่องแบบนี้จริงๆเขาก็เผื่อใจเอาไว้แล้ว

    “อ่อมม่า!” เพราะมัวแต่เหม่อลอยเลยไม่ทันได้สนใจเสียงรอบข้าง หญิงสาวตัวเล็กวิ่งมาหาพร้อมกับจูงมือเด็กผู้ชายคนนึงมาด้วยร้องเรียกคนเป็นแม่ดังลั่นจนเจ้าตัวสะดุ้ง คยองซูหันไปมองก็พบกับรอยยิ้มกว้างอย่างที่เห็นประจำ

    “อ่อมม่านี่! เพื่อนใหม่น้องแอล เจโน่!” มือเล็กๆผายไปทางเด็กผู้ชายตัวเล็กข้างๆ อีกคนยิ้มกว้างจนตาปิดพร้อมกับพูดสวัสดี

    “หวัดดีคร้าบ”

    “สวัสดีครับน้องเจโน่” คยองซูยิ้มรับโดยไม่ทันสังเกตสายตาของรุ่นพี่ข้างๆ เมื่อกี้เด็กผู้หญิงคนนี้เรียกน้องเขาว่าอะไรนะ อ่อมม่า!?

    “อ่อมม่าพรุ่งนี้เจโน่ชวนน้องแอลไปงานปาร์ตี้วันเกิดอ่ะ อ่อมม่าว่าไง” น้องแอลถามเสียงอ้อน พร้อมกับสายตาเว้าวอนมาที่คนตัวเล็ก คยองซูไม่คิดจะขัดอยู่แล้วถ้าเกิดน้องแอลอยากจะไปเจอกับเพื่อนใหม่ เป็นเรื่องดีซะด้วยซ้ำอีกคนจะได้ไม่เหงา มีเพื่อนวัยเดียวกันให้เล่นด้วย

    “ได้สิครับ พี่ให้ไปอยู่แล้ว” คยองซูทำให้ทั้งสองคนร้องเฮ เด็กน้อยทั้งสองวิ่งกลับไปหาเพื่อนๆ อีกคนยิ้มเอ็นดูก่อนจะหันไปเจอสายตาจ้องจับผิดของคนที่นั่งมองมาอยู่ตั้งนาน

    “สรุปว่าหลานหรือลูกกันนี่” ลู่หานถามด้วยความสงสัยสุดขีด คยองซูได้แต่กรอกตาลอกแลกไปมาก่อนจะยิ้มแหยๆให้

    “หลานสิครับ ผมจะไปมีลูกได้ไง” คยองซูตอบไปแค่นั้นแล้วก็หันหน้าหนีอีกคน ลู่หานมองอีกคนอย่างไม่เชื่อใจแต่ก็ไม่ถามอะไรออกไปอีกเพราะเขารู้ดีว่าคยองซูไม่ยอมบอกเขาอยู่แล้ว ผ่านไปสักพักหลานของเขาก็วิ่งมาหาด้วยใบหน้าง้ำงอนิดหน่อย

    “อาลู่! กลับบ้าน!” เด็กชายหน้าตาน่ารักพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองพร้อมกับดึงแขนเสื้อเขาให้ลุกขึ้นรัวๆ คยองซูที่นั่งมองอยู่ก็ได้แต่ยิ้มขำเพราะลู่หานส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาให้เขา

    “อาๆ ได้ๆ กลับก็กลับ” ลู่หานลุกขึ้นตามแรงดึงน้อยๆของหลานชายโดยไม่ลืมหันมาโบกมือลาให้คยองซูก่อนจะรีบออกแรงวิ่งตามคนอายุน้อยกว่าไป

    จะรีบไปไหนเห้ย!

    “อ่อมม่า น้องแอลอยากกลับบ้านแล้ว” ผ่านไปสักพักเด็กหญิงตัวน้อยก็วิ่งมาหาเขาพร้อมบ้าง คยองซูลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินจูงมือเด็กน้อยออกจากสนามเด็กเล่นแล้วเดินไปตามทางเดินเท้า บรรยากาศตอนนี้กำลังเย็นสบาย มีลมพัดโชยนิดหน่อยพอให้ชื้นใจโดยมีเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยดังไปตลอดทาง

    “วันนี้น้องแอลได้เพื่อนใหม่เยอะเลย ทุกคนตกลงว่าจะไปปาร์ตี้วันเกิดของเจโน่กัน อ่อมม่าต้องไปด้วยนะ”

    “ได้สิครับ”

    “เย่!

     

    -

    -

     

              ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสามทุ่มแล้วแต่แบคฮยอนที่เพิ่งทำงานเสร็จโคตรจะเหนื่อยและง่วงสุดๆ เขากำลังนั่งอยู่บนรถเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านเล็กๆของตัวเอง จริงๆจะบอกว่าบ้านของตัวเองก็คงไม่ได้หรอก มันเป็นบ้านที่ซื้อร่วมกับเพื่อนอีกคนน่ะ

    “แบคพรุ่งนี้วันเกิดน้องเจโน่มึงจะไปม่ะ” เพื่อนอีกคนที่ว่าก็คือ ปาร์ค ชานยอลที่เป็นสารถีขับรถให้ พ่วงกับตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์เช็คโน่นเช็คนี้ไปเรื่อย แบคฮยอนได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนจะตอบรับเสียงดัง

    “ไปโว้ย! ไม่ว่ายังไงกูก็จะไป”

    “มึงดูรักน้องเขามากเลยเนอะ” ชานยอลพูดพร้อมกับนึกถึงเวลาที่มันเจอหน้าน้องชายข้างบ้านที่เคยมาถ่ายโฆษณาด้วยกัน ครั้งแรกที่เจอน้องเขาเพื่อนเตี้ยคนนี้เอาแต่คลุกตัวเล่นกับน้องอยู่นั่นแหละถ้ามันอุ้มน้องเขากลับบ้านได้มันคงจะทำไปแล้ว

              “แน่นอน! พรุ่งนี้มึงรีบพากูออกไปซื้อของขวัญเลยนะ” แบคฮยอนพูดอย่างจริงจังพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข

    “ครับพี่” ชานยอลรับปากทำให้อีกคนยิ้มอย่างมีความสุข แบคฮยอนก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆพลางนึกหาของขวัญให้น้องชายสุดที่รักไปด้วย

    คิดแล้วก็อยากจะให้ถึงวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว

     

    อีกด้านทางน้องแอลแสนร่าเริงกำลังนอนฟังคนเป็นแม่อ่านนิทานก่อนนอนให้ฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม แม้จะพยายามปรือตาขึ้นขนาดไหนก็ทำไม่ได้ วันนี้เป็นวันที่ใช้พลังงานมากกว่าปกติ ตั้งแต่ลงมาอยู่บนโลกมนุษย์มาได้เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว อยากจะบอกว่าวันนี้เป็นวันที่สนุกที่สุดเลย

    “และแล้ว...เจ้าหญิงก็ตื่นจากการนอนหลับที่แสนยาวนาน....” คยองซูพูดเสียงยานเพื่อจะกล่อมอีกคนให้หลับซึ่งมันก็ได้ผล เขาค่อยๆขยับตัวอย่างช้าๆเอื้อมมือไปปิดโคมไปที่หัวเตียงพลางวางนิทานเล่มเล็กไว้บนหัวเตียง มือป้อมๆยกขึ้นมาดึงผ้าห่นให้คุลมร่างของตัวเองและคนตัวเล็กข้างๆ ตั้งแต่ที่คยองซูมีเด็กหญิงตัวเล็กมาอยู่ด้วยเขาก็ไม่ได้กลับไปนอนที่ห้องของตัวเองอีกเลย น่าแปลกเพราะจริงๆแล้วเขาชอบที่จะนอนคนเดียวมากกว่า แต่ตอนนี้ถ้าเขาได้นอนคนเดียวต้องนอนไม่หลับแน่นอน

    เด็กผู้หญิงคนนี้จะมีอิทธิพลต่อตัวเขามากไปแล้ว

    “ฝันดีนะครับ” สิ้นเสียงทุ้มหวานของคยองซูห้องทั้งนอนก็ตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีสิ่งไหนเคลื่อนไหว มีเพียงลมหายใจเป็นจังหวะของร่างบนเตียงเท่านั้น แต่จู่ๆหน้าต่างห้องที่เคยปิดเอาไว้ก็ค่อยๆเปิดออกเบาๆไร้ซึ่งเสียงรบกสน สัตว์สี่ขาค่อยๆย่องเข้ามาในห้องที่เงียบสงบ ดวงตาสีน้ำเงินครามของมันสอดส่องไปทั่วห้องแล้วเดินไปรอบๆ ขนสีขาวของมันหล่นร่วงไปตามพื้นห้องอย่างห้ามไม่ได้ จมูกสีชมพูอ่อนฟุดฟิดไปมาแล้วหันไปทางประตูห้องนอนที่ค่อยๆแง้มออกช้าๆ

    “ลูก...ลูกของฉัน” ดวงตาสีขาวสว่างโรจนสามารถมองเห็นได้ในความมืดจ้องเขม็งไปที่เตียงก่อนจะเริ่มขยับเข้ามาในห้อง แต่เพราะเสียงขู่คำรามของเจ้าเมี้ยวที่ยืนอยู่ในห้องทำให้เธอต้องหยุดนิ่ง ส่งสายตาข่มขู่ไปที่แมวเพศผู้ขนาดโตเต็มวัยที่ยังคงขู่ไม่เลิก เสียงขู่ที่ดังขึ้นเรื่อยๆที่เหมือนจะมีแต่หญิงสาวที่เข้ามาใหม่ได้ยินเริ่มทำให้เธอทนไม่ไหว ร่างดำมืดนั่นค่อยๆหายไปพร้อมกับเสียงขู่ที่เบาลง

    “น้องแมวน้อย ระวังตัวเอาไว้ด้วยล่ะ” เสียงทุ้มแหบพร่าดังขึ้นในห้องนอนสี่เหลี่ยมทำให้สัตว์ตัวน้อยที่กำลังจะล้มตัวลงนอนกับพื้นถึงกับตกใจ ร่างของมันสะดุ้งโหยงก่อนจะส่งเสียงคำรามออกมาอีกรอบตามสัญชาติญาณ แต่พอบรรยากาศรอบๆเริ่มเงียบลงมันจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง

    “ระวังตัวไว้ให้ได้ตลอดนะ”

     

     

     

    TBC…


    100%

    โหยได้อััพสักที เย่วววววว

    หนีไปดูพี่เอกกันข้ามวันข้ามคืนเลย ฮ่าๆๆๆ //ก้มกราบขอโทษ


    60% 

    ความโลกกลมนี้ จริงๆไม่ใช่โลกกลมอย่างเดียวหรอก มันเป็นพรมลิคิดส์^ ^

    นี่ขอติดไว้ก่อนนะ พี่เอกอัพคลิปขอแวบไปดูก่อนแปป เดี๋ยวดูจบมาต่อเน้ออ อิอิ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×