คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ::ว่าที่พ่อของแอล 4:: 100%
:: ว่าที่คุณพ่อของแอล
4 ::
“น้องแอลตื่นเต้นจัง
นี้เป็นครั้งแรกเลยอ่ะที่ได้มาดูหนัง ฮื่อออ อยากเข้าไปแล้ว”
เด็กหญิงตัวน้อยที่นั่งอยู่บนตักของคยองซูพูดเสียงใสพร้อมกับหยิบตั๋วหนังยกขึ้นมาดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตอนนี้พวกเขามานั่งรอที่หน้าโรงแล้วแต่ก็ยังเข้าไม่ได้เนื่องจากว่ามาก่อนเวลาไปนิดหน่อย
คยองซูตั้งใจฟังที่คนตัวเล็กบนตักเล่าว่าเวลาอยู่บนสวรรค์เจ้าตัวทำอะไรบ้าง
โดยไม่ได้สนใจว่ากำลังมีกลุ่มคนมาใหม่เพื่อรอเข้าโรงหนังเหมือนกัน น้องแอลก็ยังคงโม้ต่อไปโดยไม่ได้สนใจสายตาของคนๆนึงที่มองอยู่
“พี่...ผมคุ้นน้องคนนี้จังวะ”
“อืม...กูก็คุ้นผู้ชายคนนี้เหมือนกัน”
ชายหนุ่มที่ส่วนสูงน้อยที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้นพลางพยายามเพ่งมองไปที่คยองซู
เรียวตาเล็กที่ไม่ถูกแมสสีดำปิดไว้หรี่ลงพร้อมกับคิ้วๆน้อยๆที่เริ่มชนเข้าหากัน
คุ้นชิบหาย...
“อ๊า! กูจำได้แล้ว น้องคนที่หลงอยู่ที่ห้างมึงไง”
ชายหนุ่มที่ไม่ได้สวมแมสปิดปากพูดออกมาเสียงดังทำให้คนอื่นๆที่อยู่บริเวณนั้นหันมาสนใจ
รวมทั้งคนที่ถูกกล่าวถึงด้วย
“มึงจะแหกปากให้คนแห่มารุมพวกกูหรอวะชานยอล”
คนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเอ่ยเสียงดุก่อนจะส่งความรักด้วยลูกเตะเบาๆเข้าที่ต้นขายักษ์ของเพื่อน
คนถูกเตะสะดุ้งหลบก่อนจะเดินไปหลบหลังน้องสุดท้องของกลุ่ม
“เซฮุนนาช่วยพี่ด้วยสิ”
“พี่จะหาเรื่องให้พวกผมซวยนะครับ” ชานยอลเบ้ปากคว่ำอย่างง้องอนเมื่อได้ยินประโยคไร้เยื่อใยจากน้องคนเล็ก
ไม่มีใครเข้าข้างเขาเลยสักคน เหอะ!
“เข้าไปทักน้องดีมั้ยพี่ ผมอยากเล่นกับน้อง”
น้องคนโตของกลุ่มถามด้วยสายตาระยิบระยับ
บอกเลยว่าเขาถูกชะตากับเด็กผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า
เด็กอะไรน่ารักชิบหาย
“แล้วมึงว่าน้องอยากเล่นกับมึงมั้ยวะเทา”
นอกจากความหล่อที่ตัวพี่แม่งมั่นใจนักหนา
ก็จะมีความปากหมาอีกอย่างนึงของตัวพี่แกที่เขามั่นใจเหมือนกัน แบคฮยอนพูดจาพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะกวนตีนแบบเบาๆทำให้เขาแทบจะจระเข้ฟาดหางใส่
ถ้าไม่เห็นว่าเป็นพี่อ่ะนะ
“เชิญเข้าโรงหนังได้แล้วครับ”
ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะเดินเข้าไปทัก
เด็กน้อยก็รีบวิ่งจูงมืออีกคนเข้าไปในโรงทันทีที่ประตูเปิด
เทามองภาพตรงหน้าด้วยความห่อเหี่ยวใจก่อนจะถูกเสียงหัวเราะเยาะเย้ยจากคนพี่ตัวเตี้ยอีกครั้ง
นี้ก็เย้ยกูจริง=-=
“เดี๋ยวมึงค่อยทักตอนเขาออกมาจากโรงก็ได้นิ
อย่าเสียใจไปมึง”
เป็นชานยอลที่เดินมาตบบ่าปลอบน้องชายสุดที่รักก่อนจะรีบเดินตามอีกสองคนที่เดินเข้าโรงไปแล้ว
ตอนนี้ทั้งคยองซูและน้องแอลเดินมาจนถึงที่นั่งของตัวเองพร้อมกับโฆษณาบนจอฉายที่เล่นไปเรื่อยๆระหว่างรอผู้ชนคนอื่นๆ
“อ่อมม่าดูนั่นๆ น้องแอลจำผู้ชายคนนั้นได้
แบคฮยอลอปป้า!” น้องแอลที่นั่งลงบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้วก็เหลือบไปเห็นภาพผู้ชายตัวเล็กกำลังยืนยิ้มชูเครื่องดื่มในมือพร้อมกับพูดเชิญชวนอะไรสักอย่างที่คยองซูไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไรเพราะต้องรีบปิดปากสาวน้อยตัวเล็กที่เสียงดังจนเกินไป
“น้องแอลครับ ในโรงหนังเราจะไม่พูดเสียงดังนะครับ”
คยองซูพูดเสียงกระซิบกับเด็กหญิงทำให้เจ้าตัวตาโตตกใจเพราะเพิ่งจะส่งเสียงดังไปเมื่อสักครู่
ก่อนจะพูดเสียงกระซิบกับอีกคนอย่างรู้ความ
“แอลขอโทษค่ะ
แต่ว่าแอลจำได้ว่าคนนั้นคือแบคฮยอนอปป้านะ” น้ำเสียงน้อยๆพูดเสียงเบาก่อนที่เด็กหญิงก่อนจะชี้ไปที่จอภาพยนตร์ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นแล้ว
คยองซูที่หันไปแต่ก็ไม่เห็นเจ้าของชื่อเลยได้แต่เออออตามอีกคนไป จากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มนั่งรอไปเงียบๆอีกครั้งถึงแม้จะมีบ้างที่เด็กหญิงถามนู้นถามนี้ด้วยเสียงเบาๆ
แต่เสียงพูดคุยของทั้งคู่ก็ดังเข้าสู่โสตประสาทของคนที่นั่งอยู่ติดๆกันอย่างชัดเจน
แบคฮยอนอปป้าของหนูก็นั่งอยู่ข้างๆพี่ไง
เซฮุนหันไปมองเจ้าของชื่อที่ยังคงหาเรื่องกับเทาเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับตัวเองโดนไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าโดนเด็กน้อยนินทาตัวเองอยู่
เซฮุนทำเพียงนั่งเงียบๆไปเรื่อยๆโดยไม่พูดอะไรจนกระทั่งหนังเริ่มฉาย
ตอนนี้ทั้งสองฝั่งข้างๆเขาหยุดพูดคุยกันหมดแล้ว
มีเพียงแค่เสียงของหนังที่กำลังดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ
จริงๆหนังที่กำลังฉายอยู่คือเป็นอนิเมชั่นจากค่ายดัง
เขาไม่ได้เป็นคนอยากมาดูหรอก ไอ้พี่เตี้ยกับเพื่อนตัวดำของเขาต่างหากที่อยากดู
เขาก็แค่เห็นว่ามีเวลาว่างก็อยากจะพักผ่อนเลยว่าจะมานอนในนี้ซักหน่อย เย็นดี
ถึงแม้ว่าหนังมันจะตลกแค่ไหนก็ไม่อาจดึงความสนใจของเซฮุนได้เลย
มือหนายกขึ้นมาเท้าคางเอียงคอมองจออย่างงัวเงีย หัวทุยเริ่มสัปหงกพร้อมกับดวงตาที่เริ่มปิดทำให้ตัวเขาเอนอ่อนจนทรงตัวไม่อยู่
เซฮุนสะลึมสะลือจนทนไม่ไหวอีกต่อไป
เขาเอนหัวไปทางขวามือก่อนที่ซุกหัวลงไปที่บ่าเล็กๆของพี่ชายที่เขาคิด
ก่อนจะพูดพึมพำเพราะกลัวจะถูกผลักออก
“ขอนอนหน่อย อยากพัก”
เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้เจ้าของไหล่ตัวแข็งทื่อ
เซฮุนแปลกใจนิดหน่อยว่าทำไมพี่ชายเขาถึงได้ผอมขนาดนี้ ทั้งๆที่คิดว่าออกจะเจ้าเนื้อด้วยซ้ำ
แต่แล้วเสียงร้องทักเบาๆก็ทำให้เขาได้คำตอบ
“คุณครับ...เอ่อคือ” เซฮุนลืมตาขึ้นก่อนจะยกหัวขึ้นมาช้าๆแล้วมองไปที่ต้นเสียง
เจอเข้ากับริมฝีปากอิ่มที่เห็นได้ลางๆเพราะมีเพียงแค่แสงสว่างจากจอหนัง
เลื่อนขึ้นไปก็พบกับดวงตากลมโตที่เบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับคิ้วหน้าที่เลิกสูงขึ้น
ไม่ใช่พี่ชายเขานิ...
เซฮุนคิดในใจพร้อมกับเจ้าของริมฝีปากที่เริ่มขยับอีกครั้ง
เจ้าตัวพยายามเรียกสติเขาแต่คิดว่าคงยากเพราะเขาง่วงเต็มที
ถึงไม่ใช่แต่น่ารักแบบนี้ก็ขอซบหน่อยแล้วกัน
“ผมขอยืมไหล่คุณสักชั่วโมงหนึ่งนะครับ”
พูดเสร็จก็ทิ้งน้ำหนักลงบนไหล่เล็กๆทันที คยองซูที่ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ตัวแข็งนิ่ง
เหลือบไปมองดวงหน้าที่ตอนนี้หลับตาพริ้มอย่างมีความสุขไปแล้ว
คยองซูทำได้แค่นั่งนิ่งและหายใจให้เข้ากับจังหวะเดิมเพราะตอนนี้หัวใจของเขาจะเต้นเร็วไปไหนก็ไม่รู้
อะไรของคนๆนี้กันเนี่ย
คนตัวเล็กทำได้แค่ตะโกนถามในใจไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง
ทำเอาคนที่แกล้งนอนหลับอยู่ตอนนี้นึกขำเบาๆ
เขาตื่นเพราะได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวของอีกคนพร้อมกับท่าทางแข็งทื่อเนี่ยแหละทำเอาเขานอนต่อไม่หลับ
เห็นแบบนี้อดจะแกล้งเป็นไม่ได้
“ตัวหอมจังเลยนะครับ” พึมพำเบาๆแค่ทำไมคยองซูได้ยินเฉยเลย!
คนตัวเล็กที่หัวใจเต้นเร็วอยู่แล้วเต้นเร็วและดังขึ้นไปอีก แก้มอวบๆเริ่มขึ้นสี นี้ถ้าไม่ได้อยู่ในโรงหนังคงได้เห็นมะเขือเทศสองลูกบนหน้าเขาไปแล้ว
ตอนนี้คยองซูได้แต่ทำใจร่มๆ หันไปมองฝั่งลูกสาวคนเก่งที่ตอนนี้ไม่แม้แต่จะสนใจเขา
หัวเราะเอิ้กอ้ากชอบใจไปกับภาพยนตร์
ส่วนฝั่งทางแบคฮยอนก็ไม่มีใครหันมาสนใจเซฮุนเลยสักนิด
และแล้วเวลาก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงครึ่งที่เซฮุนนอนซบไหล่คยองซู
คนตัวเล็กรีบลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าหนังจบ พร้อมกับจูงมือลูกสาวที่ยังคงหัวเราะชอบใจอยู่ออกไปอย่างว่องไว
ทิ้งในคนตัวเล็กที่ถูกปลุกลุกมาบิดขี้เกียจก่อนจะอมยิ้มอย่างมีความสุข
ไปซะล่ะ
“โหยหนังโคตรหนุกอ่ะ อยากดูอีกรอบ” เป็นเสียงเจื้อยแจ้วของพี่ชายตัวเล็กที่พูดขึ้นทันทีที่เดินออกจากโรงมา
เซฮุนที่เดินยิ้มๆตามหลังพวกพี่ชายก็ได้แต่สอดส่องมองซ้ายขวาหาคนตัวเล็กที่รีบออกมาเมื่อสักครู่
“เซฮุนมึงว่าไงวะ หนังหนุกอ่ะป่าว”
เทาหันมาถามเพื่อนตัวสูงที่ยืนยิ้มอ่อนๆจนเขาสงสัยว่าเป็นอะไร
ตอนมายังเห็นหน้าบูดหน้าบึ้งไม่พูดไม่จาอยู่เลย
“ก็ดี” พูดแค่นั้นก่อนจะยิ้มอีกครั้ง
เทาได้แค่มองเพื่อนอย่างงงๆก่อนจะคิดไปว่ามันคงจะฝันดี
เพราะเห็นบอกว่าจะเข้ามานอนมากกว่ามาดูหนัง
แต่จริงๆแล้วเซฮุนนั่นยิ่งกว่าฝันดีอีกนะ
เออจะไป...คนน่ารักเมื่อกี้นี้เขาก็รู้สึกคุ้นจังนะ
เสียดายในโรงมันมืดไปนิด ถ้าได้เจอหน้าอีกครั้งคงจำได้เองแหละเนอะ
อยากเจออีกจัง
-
-
“อ่อมม่าหนีอะไรมาหรือป่าว”
น้องแอลที่จับผิดสังเกตของคยองซูที่ดูจะรีบร้อนเหลือเกิน พอออกมาจากโรง คุณแม่ของเขาก็เอาแต่เร่งฝีเท้าเดินไปที่รถแท็กซี่
พอขึ้นรถมาก็แอบชำเลืองหันไปมองข้างหลังอย่างหวาดระแวง
ยังกับกลัวว่ามีใครจะตามมายังไงยังงั้น
“อ่อ! ปล๊าว! ไม่ได้หนีใคร
แค่...แค่อยากจะรีบกลับบ้านเร็วๆน่ะ!” คยองซูพูดอย่างลนลาน
เพราะทันทีที่หนังจบแล้ว เขาก็ตรงดิ่งออกมาจากโรงหนังทันทีเพราะตลอดระยะเวลาชั่วโมงครึ่งเขาได้แต่นั่งตัวเกร็งเป็นหมอนจำเป็นให้กับคนแปลกหน้าที่เขาเพิ่งจะจำได้ว่าผู้ชายคนนี้คือ
น้องรหัสสมัยมัธยมของเขาเอง บอกเลยว่าตกใจมากเลยรีบวิ่งออกมา
โลกจะกลมเกินไปแล้ว
เป็นไปได้เขาอยากจะอยู่ให้ห่างโอเซฮุนคนนั้นมากๆเลย
แบบว่าอดีตมันค่อนข้างฝังใจ
“อืม...งั้นอ่อมม่าช่วยแวะซื้อติมที่หน้าหมู่บ้านหน่อยนะ
แอลอยากกิน!” เด็กหญิงพูดอย่างร่าเริงพอเห็นท่าทีหนักใจของอีกคน
บางทีอ่อมม่าของเขาอาจจะเผลอไปเจอคู่อริเก่าอะไรแบบนี้หรือป่าวเลยรีบหนีออกมาแต่ไม่อยากจะบอกเขา...
พูดไปนั้น
ผ่านไปไม่นานรถแท็กซี่ก็พาสองแม่ลูกมาถึงหน้าหมู่บ้าน
ทั้งคู่ลงมาพร้อมกับเดินไปที่มินิมาร์ทขนาดเล็กๆประจำหมู่ คิดว่าพอซื้อไอศกรีมกันเสร็จก็คงจะเดินเข้าไปเรื่อยๆ
ถือว่าพาอีกคนทัวร์รอบหมู่บ้านไปเลยแล้วกัน
พอเลือกซื้อกันเสร็จคยองซูก็จูงมือเล็กเดินเข้าหมู่บ้าน
เด็กหญิงที่ได้ของกินก็ยิ้มหน้าบานพลางมองนู่นมองนี้ตามที่คนเป็นแม่บอก
คยองซูพาอีกคนเดินมาเรื่อยๆจนกระทั่งมาถึงนามเด็กเล่นของหมู่บ้านที่มีเด็กอยู่จำนวนหนึ่งกำลังวิ่งเล่นกันอยู่
น้องแอลที่เพิ่งจะได้เห็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันในหมู่บ้านก็รู้สึกตื่นเต้น
เพราะบนโลกสวรรค์น่ะไม่มีเด็กคนอื่นแบบนี้มาเล่นกับน้องแอลหรอกนะ
น้องแอลมีแค่ป้ายุนคนเดียวที่เป็นเพื่อนเท่านั้น
“น้องแอลอยากจะเข้าไปเล่นกับเพื่อนๆมั้ยล่ะครับ”
คยองซูที่เห็นท่าทีของอีกคนก็ทักขึ้นทำให้เจ้าตัวรีบหันมามองหน้าพร้อมทำสายตาวิบวับ
ใบหน้าน่ารักพยักหน้าลงอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบปล่อยมือแล้ววิ่งไปหากลุ่มเด็กชายหญิงที่วิ่งไล่จับกันอยู่
คยองซูมองด้วยรอยยิ้มบางๆเมื่อเห็นว่าอีกคนมีความสุขขนาดไหน
ร่างเล็กเดินไปนั่งที่ม้านั่งใกล้ๆก่อนจะหยิบไปไอศกรีมถ้วยโปรดขึ้นมากิน
“คยองซูหรือป่าว...”
เสียงทักเบาๆทำให้เจ้าของชื่อหันไปมอง
ผู้ชายร่างบางใบหน้าหวานที่คยองซูคุ้นมากเดินมาหยุดตรงหน้าเขาพร้อมกับทำหน้าตาสงสัย
คยองซูพยักหน้าตอบรับก่อนจะร้องขึ้นเสียงดัง
“พี่ลู่หาน!” เจ้าของชื่อยกยิ้มเมื่อรู้ว่าตัวเองทักคนไม่ผิด
ร่างบางเดินมานั่งลงข้างๆพร้อมกับรอยยิ้มหวาน
“ไม่ได้เจอกันตั้งนานผอมลงเยอะเลยนะ”
คยองซูยิ้มรับพร้อมกับขยับที่ให้อีกคนได้นั่งสบายๆ
ลู่หานเป็นรุ่นพี่รหัสสมัยเรียนมหาลัยที่เขาสนิทด้วยมากๆ
แต่พอเรียนจบพี่เขาก็กลับไปจีนเพื่อไปบริหารบริษัทของครอบครัว
ทำให้ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย บังเอิญจังที่วันนี้เขาได้เจอคนรู้จักตั้งสองคน
“พี่ก็ดูดีขึ้นนะครับเนี่ย
เป็นยังไงบ้างครับสบายดีหรือป่าว”
“สบายดี แล้วคยองซูล่ะ”
“ครับ สบายดีมากเลย” คยองซูพูดยิ้มๆก่อนจะสังเกตว่าในมือของตัวเองมีของหวานเย็นๆที่พร้อมจะละลายทุกเมื่อ
มือป้อมหยิบช้อนแบนๆขึ้นมาตักไอศกรีมเข้าปากก่อนคำหนึ่งก่อนที่จะยื่นไปให้คนพี่ที่นั่งมองอยู่
“กินมั้ยครับ” ลู่หานมองถ้วยไอติมรสนมในมือของอีกคน
ริมฝีปากยกยิ้มก่อนจะอ้าออกพร้อมส่งเสียงน่ารัก
“ป้อนหน่อย” คยองซูผงะไปชั่วครู่เมื่อเจอลูกอ้อนของอีกคนที่ไม่ได้เจอมานาน
มือเล็กๆยอมตักไอศกรีมคำโตที่เริ่มละลายขึ้นมาแล้วป้อนให้คนพี่อย่างรวดเร็ว
ริมฝีปากบางรับของหวานเย็นๆก่อนจะแลบลิ้นมาเลียรอบกรอบปากที่เลอะนิดหน่อยเนื่องจากปริมาณไอศกรีมที่รุ่นน้องป้อนมามันออกจะเยอะไปหน่อย
เลอะซะและ
“อ่ะ ผมมีทิชชู่ครับ”
คยองซูยื่นทิชชู่ลายกระต่ายน้อยน่ารักให้อีกคน
ลู่หานมองตามอย่างยิ้มๆก่อนจะพูดเสียงอ่อน
“เช็ดให้หน่อยสิครับ”
ไม่พูดเปล่ากลับทำสายตาหวานใส่
คยองซูที่เคยรับมือกับลูกอ้อนของอีกคนบ่อยๆก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากจะเช็ดริมฝีปากบางได้รูปที่เลอะด้วยไอศกรีมนิดหน่อยให้อย่างเบามือ
อาจจะเป็นเพราะเขาแขนสั้นหรือป่าวหรือซึ่งเหมือนเขาต้องขยับเข้าไปใกล้อีกคนมากเกินไป
ใกล้จนรู้สึกว่าแทบจะมองเห็นรูขุมขนของอีกคนได้
“ไม่เจอกันนานเป็นง่อยไปแล้วหรอครับ”
คยองซูแขวะอีกคนทำเอาคนเป็นพี่หัวเราะร่า ลู่หานยังคงนั่งนิ่งๆแม้คยองซูจะผละออกไป
สายตาลูกกวางน้อยของลู่หานมองร่างเล็กๆข้างๆตัวเองอยากคิดถึงก่อนจะอ้าปากขึ้นอีกครั้ง
“ป้อนอีกหน่อยสิ” คยองซูถอนหายใจให้ท่าทีของอีกคนก่อนจะยอมป้อนไอศกรีมรสนมให้อีกคนและตัวเองไปเงียบๆจนหมดถ้วย
“พี่กลับมาเกาหลีรอบนี้มาทำอะไรหรอครับ”
เมื่อไม่รู้จะทำอะไรจึงหาเรื่องคุย
คยองซูเป็นคนถามก่อนจะหันไปมองหน้าอีกคนที่ก็กำลังมองมาทางเขาอยู่เหมือนกัน
“อ่อ มาเลี้ยงหลานน่ะ”
ลู่หานตอบพร้อมกับยกนิ้วขึ้นมาชี้ไปที่เด็กผู้ชายคนนึงที่กำลังวิ่งเล่นไล่จับอยู่กับเพื่อนๆ
“คนที่ใส่หมวกบีนสีน้ำเงินน่ะ”
คยองซูพยักหน้ารับพร้อมกับมองตามนิ้วเรียวก่อนจะยกยิ้มเพราะเห็นว่าหลานชายของรุ่นพี่เขาจะกำลังวิ่งเล่นกับลูกสาวของเขาอยู่พอดี
ท่าทางจะเข้ากันได้ด้วยนะ
“แล้วพี่พักอยู่ที่นี้หรอครับ”
“ใช่แล้ว บ้านหลานพี่อยู่ที่นี้น่ะ
คือพ่อกับแม่แกไปเที่ยวกับทางบริษัททำให้พี่ต้องมาเลี้ยงแทนไปก่อน”
ลู่หานเล่าพร้อมทำคิ้วขมวด จริงๆเขาไม่ได้ถูกกับเด็กสักเท่าไรด้วยสิ
ให้มาเลี้ยงแบบนี้ถึงจะเป็นหลานตัวเองก็คงจะยากนิดหน่อย
เห็นว่าได้มาอยู่ใกล้คนรู้จักหน่อยเถอะถึงยอมน่ะ
“แล้วนานขนาดไหนหรอครับ”
“คง...ไม่เกินสองอาทิตย์หรอก”
ลู่หานหันไปยิ้มให้คนถามก่อนจะหันไปมองหลานตัวเองที่เล่นจนเนื้อตัวมอมแมมไปหมดแล้ว
จะว่าไปมันก็เล่นมาเกือบจะสองชั่วโมงแล้วนะเห้ย
ตั้งแต่ช่วงบ่ายโมงจนจะบ่ายสามแล้วยังไม่เลิกเล่นอีก
“แล้วคยองซูอยู่ที่นี้หรอ” ลู่หานเป็นฝ่ายถามบ้าง
คยองซูพยักหน้าลงก่อนจะส่งยิ้มให้ลูกสาวที่หันมามองทางนี้พอดี
“ตั้งแต่เรียนจบก็ขอพ่อกับแม่มาอยู่ที่นี้น่ะครับ”
“ตอนนี้อยู่คนเดียวหรอ” ลู่หานถามอีกครั้งทำให้คยองซูเริ่มอึกอัก
จะบอกว่าอยู่คนเดียวมันก็ใช่นะ แต่นานๆนี้เพิ่งจะมีคนมาอยู่กับเขาอีกคนด้วยน่ะสิ
พูดยากจัง
“ตอนนี้มีหลานมาอยู่ด้วยน่ะครับ” คยองซูพูดจบลู่หานก็ไม่ซักไซ้ถามอะไรต่อ
ทั้งคู่ยังคงนั่งมองเด็กๆวิ่งเล่นกันไปเรื่อยๆโดยไม่พูดอะไร
เพราะช่วงนี้อากาศกำลังดีไม่แดดร้อนมาก เหมาะแก่การออกกำลังกายของพวกคุณหนูๆ
“แล้วยัง...ติดต่อกับอี้ฟานอยู่หรือป่าว”
ลู่หานถามขึ้นมาเสียงเบาทำให้คนถูกถามเงียบไปซักพัก ไม่มีคำตอบมาจากร่างบางทำให้ลู่หานเริ่มรู้สึกผิด
“เอ่อ คือ ขอโทษนะถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร”
“ไม่แล้วล่ะครับ
ตั้งแต่เลิกกันก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย”
คยองซูพูดเสียงพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆเพื่อไม่ให้อีกคนคิดมาก ลู่หานเห็นท่าทีซึมเศร้าของรุ่นน้องก็ได้แต่ตบปากตัวเองในใจ
ทำไมต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยกันเนี่ย! ปากเลว
“คยองซูอย่าเศร้าไปเลยนะ หมอนั่นมันเลวเอง”
ลู่หานพูดพร้อมกับยื่นมือไปตบบ่าเล็กๆของอีกคน คนตัวเล็กยิ้มรับ
จริงๆเขาก็ไม่ได้เสียใจอะไรมากมายกับเรื่องของคนรักเก่าหรอกนะ
จริงๆก็ทำใจได้แล้วส่วนหนึ่ง ไม่ได้เสียใจจิตตกอะไรมากนักหรอก
เรื่องแบบนี้จริงๆเขาก็เผื่อใจเอาไว้แล้ว
“อ่อมม่า!” เพราะมัวแต่เหม่อลอยเลยไม่ทันได้สนใจเสียงรอบข้าง
หญิงสาวตัวเล็กวิ่งมาหาพร้อมกับจูงมือเด็กผู้ชายคนนึงมาด้วยร้องเรียกคนเป็นแม่ดังลั่นจนเจ้าตัวสะดุ้ง
คยองซูหันไปมองก็พบกับรอยยิ้มกว้างอย่างที่เห็นประจำ
“อ่อมม่านี่! เพื่อนใหม่น้องแอล เจโน่!” มือเล็กๆผายไปทางเด็กผู้ชายตัวเล็กข้างๆ
อีกคนยิ้มกว้างจนตาปิดพร้อมกับพูดสวัสดี
“หวัดดีคร้าบ”
“สวัสดีครับน้องเจโน่” คยองซูยิ้มรับโดยไม่ทันสังเกตสายตาของรุ่นพี่ข้างๆ
เมื่อกี้เด็กผู้หญิงคนนี้เรียกน้องเขาว่าอะไรนะ อ่อมม่า!?
“อ่อมม่าพรุ่งนี้เจโน่ชวนน้องแอลไปงานปาร์ตี้วันเกิดอ่ะ
อ่อมม่าว่าไง” น้องแอลถามเสียงอ้อน พร้อมกับสายตาเว้าวอนมาที่คนตัวเล็ก คยองซูไม่คิดจะขัดอยู่แล้วถ้าเกิดน้องแอลอยากจะไปเจอกับเพื่อนใหม่
เป็นเรื่องดีซะด้วยซ้ำอีกคนจะได้ไม่เหงา มีเพื่อนวัยเดียวกันให้เล่นด้วย
“ได้สิครับ พี่ให้ไปอยู่แล้ว”
คยองซูทำให้ทั้งสองคนร้องเฮ เด็กน้อยทั้งสองวิ่งกลับไปหาเพื่อนๆ อีกคนยิ้มเอ็นดูก่อนจะหันไปเจอสายตาจ้องจับผิดของคนที่นั่งมองมาอยู่ตั้งนาน
“สรุปว่าหลานหรือลูกกันนี่”
ลู่หานถามด้วยความสงสัยสุดขีด คยองซูได้แต่กรอกตาลอกแลกไปมาก่อนจะยิ้มแหยๆให้
“หลานสิครับ ผมจะไปมีลูกได้ไง”
คยองซูตอบไปแค่นั้นแล้วก็หันหน้าหนีอีกคน ลู่หานมองอีกคนอย่างไม่เชื่อใจแต่ก็ไม่ถามอะไรออกไปอีกเพราะเขารู้ดีว่าคยองซูไม่ยอมบอกเขาอยู่แล้ว
ผ่านไปสักพักหลานของเขาก็วิ่งมาหาด้วยใบหน้าง้ำงอนิดหน่อย
“อาลู่! กลับบ้าน!”
เด็กชายหน้าตาน่ารักพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองพร้อมกับดึงแขนเสื้อเขาให้ลุกขึ้นรัวๆ
คยองซูที่นั่งมองอยู่ก็ได้แต่ยิ้มขำเพราะลู่หานส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาให้เขา
“อาๆ ได้ๆ กลับก็กลับ”
ลู่หานลุกขึ้นตามแรงดึงน้อยๆของหลานชายโดยไม่ลืมหันมาโบกมือลาให้คยองซูก่อนจะรีบออกแรงวิ่งตามคนอายุน้อยกว่าไป
จะรีบไปไหนเห้ย!
“อ่อมม่า น้องแอลอยากกลับบ้านแล้ว” ผ่านไปสักพักเด็กหญิงตัวน้อยก็วิ่งมาหาเขาพร้อมบ้าง
คยองซูลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินจูงมือเด็กน้อยออกจากสนามเด็กเล่นแล้วเดินไปตามทางเดินเท้า
บรรยากาศตอนนี้กำลังเย็นสบาย
มีลมพัดโชยนิดหน่อยพอให้ชื้นใจโดยมีเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยดังไปตลอดทาง
“วันนี้น้องแอลได้เพื่อนใหม่เยอะเลย
ทุกคนตกลงว่าจะไปปาร์ตี้วันเกิดของเจโน่กัน อ่อมม่าต้องไปด้วยนะ”
“ได้สิครับ”
“เย่!”
-
-
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสามทุ่มแล้วแต่แบคฮยอนที่เพิ่งทำงานเสร็จโคตรจะเหนื่อยและง่วงสุดๆ
เขากำลังนั่งอยู่บนรถเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านเล็กๆของตัวเอง จริงๆจะบอกว่าบ้านของตัวเองก็คงไม่ได้หรอก
มันเป็นบ้านที่ซื้อร่วมกับเพื่อนอีกคนน่ะ
“แบคพรุ่งนี้วันเกิดน้องเจโน่มึงจะไปม่ะ”
เพื่อนอีกคนที่ว่าก็คือ ปาร์ค ชานยอลที่เป็นสารถีขับรถให้
พ่วงกับตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของคนที่นั่งเล่นโทรศัพท์เช็คโน่นเช็คนี้ไปเรื่อย แบคฮยอนได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนจะตอบรับเสียงดัง
“ไปโว้ย! ไม่ว่ายังไงกูก็จะไป”
“มึงดูรักน้องเขามากเลยเนอะ”
ชานยอลพูดพร้อมกับนึกถึงเวลาที่มันเจอหน้าน้องชายข้างบ้านที่เคยมาถ่ายโฆษณาด้วยกัน
ครั้งแรกที่เจอน้องเขาเพื่อนเตี้ยคนนี้เอาแต่คลุกตัวเล่นกับน้องอยู่นั่นแหละถ้ามันอุ้มน้องเขากลับบ้านได้มันคงจะทำไปแล้ว
“แน่นอน! พรุ่งนี้มึงรีบพากูออกไปซื้อของขวัญเลยนะ”
แบคฮยอนพูดอย่างจริงจังพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข
“ครับพี่”
ชานยอลรับปากทำให้อีกคนยิ้มอย่างมีความสุข แบคฮยอนก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆพลางนึกหาของขวัญให้น้องชายสุดที่รักไปด้วย
คิดแล้วก็อยากจะให้ถึงวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว
อีกด้านทางน้องแอลแสนร่าเริงกำลังนอนฟังคนเป็นแม่อ่านนิทานก่อนนอนให้ฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม
แม้จะพยายามปรือตาขึ้นขนาดไหนก็ทำไม่ได้ วันนี้เป็นวันที่ใช้พลังงานมากกว่าปกติ
ตั้งแต่ลงมาอยู่บนโลกมนุษย์มาได้เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้ว
อยากจะบอกว่าวันนี้เป็นวันที่สนุกที่สุดเลย
“และแล้ว...เจ้าหญิงก็ตื่นจากการนอนหลับที่แสนยาวนาน....”
คยองซูพูดเสียงยานเพื่อจะกล่อมอีกคนให้หลับซึ่งมันก็ได้ผล
เขาค่อยๆขยับตัวอย่างช้าๆเอื้อมมือไปปิดโคมไปที่หัวเตียงพลางวางนิทานเล่มเล็กไว้บนหัวเตียง
มือป้อมๆยกขึ้นมาดึงผ้าห่นให้คุลมร่างของตัวเองและคนตัวเล็กข้างๆ
ตั้งแต่ที่คยองซูมีเด็กหญิงตัวเล็กมาอยู่ด้วยเขาก็ไม่ได้กลับไปนอนที่ห้องของตัวเองอีกเลย
น่าแปลกเพราะจริงๆแล้วเขาชอบที่จะนอนคนเดียวมากกว่า แต่ตอนนี้ถ้าเขาได้นอนคนเดียวต้องนอนไม่หลับแน่นอน
เด็กผู้หญิงคนนี้จะมีอิทธิพลต่อตัวเขามากไปแล้ว
“ฝันดีนะครับ” สิ้นเสียงทุ้มหวานของคยองซูห้องทั้งนอนก็ตกอยู่ในความเงียบ
ไม่มีสิ่งไหนเคลื่อนไหว มีเพียงลมหายใจเป็นจังหวะของร่างบนเตียงเท่านั้น แต่จู่ๆหน้าต่างห้องที่เคยปิดเอาไว้ก็ค่อยๆเปิดออกเบาๆไร้ซึ่งเสียงรบกสน
สัตว์สี่ขาค่อยๆย่องเข้ามาในห้องที่เงียบสงบ ดวงตาสีน้ำเงินครามของมันสอดส่องไปทั่วห้องแล้วเดินไปรอบๆ
ขนสีขาวของมันหล่นร่วงไปตามพื้นห้องอย่างห้ามไม่ได้
จมูกสีชมพูอ่อนฟุดฟิดไปมาแล้วหันไปทางประตูห้องนอนที่ค่อยๆแง้มออกช้าๆ
“ลูก...ลูกของฉัน” ดวงตาสีขาวสว่างโรจนสามารถมองเห็นได้ในความมืดจ้องเขม็งไปที่เตียงก่อนจะเริ่มขยับเข้ามาในห้อง
แต่เพราะเสียงขู่คำรามของเจ้าเมี้ยวที่ยืนอยู่ในห้องทำให้เธอต้องหยุดนิ่ง
ส่งสายตาข่มขู่ไปที่แมวเพศผู้ขนาดโตเต็มวัยที่ยังคงขู่ไม่เลิก
เสียงขู่ที่ดังขึ้นเรื่อยๆที่เหมือนจะมีแต่หญิงสาวที่เข้ามาใหม่ได้ยินเริ่มทำให้เธอทนไม่ไหว
ร่างดำมืดนั่นค่อยๆหายไปพร้อมกับเสียงขู่ที่เบาลง
“น้องแมวน้อย ระวังตัวเอาไว้ด้วยล่ะ”
เสียงทุ้มแหบพร่าดังขึ้นในห้องนอนสี่เหลี่ยมทำให้สัตว์ตัวน้อยที่กำลังจะล้มตัวลงนอนกับพื้นถึงกับตกใจ
ร่างของมันสะดุ้งโหยงก่อนจะส่งเสียงคำรามออกมาอีกรอบตามสัญชาติญาณ
แต่พอบรรยากาศรอบๆเริ่มเงียบลงมันจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
“ระวังตัวไว้ให้ได้ตลอดนะ”
TBC…
100%
โหยได้อััพสักที เย่วววววว
หนีไปดูพี่เอกกันข้ามวันข้ามคืนเลย ฮ่าๆๆๆ //ก้มกราบขอโทษ
60%
ความโลกกลมนี้ จริงๆไม่ใช่โลกกลมอย่างเดียวหรอก มันเป็นพรมลิคิดส์^ ^
นี่ขอติดไว้ก่อนนะ พี่เอกอัพคลิปขอแวบไปดูก่อนแปป เดี๋ยวดูจบมาต่อเน้ออ อิอิ
ความคิดเห็น