ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    EXO [baekdo] GIVE LOVE

    ลำดับตอนที่ #13 : : 11 :

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 58





    11

     

                “คยองซูววว~ ทางนี้ๆ” เสียงแหลมใสของเพื่อนผู้หญิงในห้องเรียนของคยองซูเอ่ยดังลั่น คนตัวเล็กเห็นเพื่อนๆคนอื่นก็อยู่กับเพื่อนหญิงจึงรีบลากร่างผอมสูงของเพื่อนสนิทที่ดูเหมือนจะยังไม่ตื่นดีสักเท่าไร

                “นี้เซฮุน เดินดีๆหน่อยดิ” คยองซูตำหนิพลางช่วยพยุงร่างผอมๆจนแทบปลิวไปที่หอประชุม เออว่าแต่...เขามีอะไรกันหรือป่าว

                “จี้ เขามีอะไรกันหรอ” คยองซูที่พยายามลากเซฮุนจนมาถึงเพราะร่างสูงยังไม่ตื่น แล้วหมอนี้ก็เป็นต้นเหตุทำให้เขามาโรงเรียนสายเพราะบอกว่าจะมารับแต่ไม่มาสักที เห็นคุณลุงขับรถบอกว่าเซฮุนไปเที่ยวมาแถมกลับบ้านดึกเลยไม่ได้นอน เออ เจริญ- - เห็นหรือป่าวว่ามาสายแล้วไม่รู้เรื่องอะไรกับคนอื่นเขาเลย

                “ก็สภานักเรียนเรียกประชุมเห็นบอกจะชี้แจงเรื่องกีฬาสี เพื่อนห้องบีบอกมาว่า มีปัญหาอาจไม่ได้จัดงานกีฬาสีอ่ะ” เพื่อนผู้หญิงคนเดิมที่ตะโกนเรียกคยองซูบอก ร่างเล็กแอบยิ้มดีใจอยู่คนเดียวเพราะใจจริงเขาก็ไม่อยากให้จัดหรอกนะ ฮิฮิ^^

                “น่าเสียดายแย่เลยเนอะ” คยองซูพูดขึ้นพร้อมทำหน้างอ ใจจริงแล้วโคตรจะดีใจ เห็นเพื่อนหงอยก็เลยต้องหงอยด้วย^^

                “เอาล่ะครับนักเรียนทุกๆคน ช่วยจัดระเบียบแถวแต่ละห้องด้วย พี่ๆสภาก็ช่วยดูน้องด้วยนะครับ รีบเลยครับ รีบเลย พวกเรามีเวลาคุยกับน้องๆไม่มาก” เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของประธานนักเรียนอย่างรุ่นพี่ชานยอลดังลั่นไปทั่วห้องประชุม ร่างสูงโปร่งคอยสั่งการไปเรื่อยๆจนกระทั่งนักเรียนทั้งหอประชุมมีที่นั่งเรียบร้อยกันหมด ร่างโปร่งจึงพูดขึ้นอีกครั้ง

                “ก่อนอื่นเลยนะครับ พี่ในตัวแทนคณะสภานักเรียนจะต้องบอกน้องๆทุกคนถึงความลือที่ว่า...โรงเรียนของเราจะไม่มีการจัดการแข่งขันกีฬาสีนั้น...เป็นความจริงครับ”

                ฮือฮาๆๆ

                “เยส” คยองซูพูดเบาๆคนเดียวด้วยความรู้สึกดี ใบหน้ากลมอมยิ้มแก้มแทบปริต่างจากคนอื่นๆที่โอดครวญครางด้วยความไม่พอใจ อาจจะเป็นเพราะว่าส่วนใหญ่คงมีการเตรียมงานไว้ล่วงหน้ากันแล้ว พอโดนยกเลิกก็คงจะต้องเสียงบประมาณเปล่าๆ

                น่าสงสาร^^

                “แต่ว่า...น้องๆทุกคนครับ ทางสภานักเรียนของเราได้มีการหารือแล้วเรียบร้อยแล้วว่า เมื่อไม่มีงานกีฬาตามที่กำหนดก็ควรเสริมกิจกรรมที่ตอนแรกมันควรจะมีกัน...”

                .... หอประชุมเงียบกริบ

                “ไหนใครอยากไปทัศนศึกษาบ้าง ยกมือ!” ชานยอลประธานนักเรียนคนปัจจุบันเอ่ยจบ นักเรียนทั้งห้าพันคนก็พร้อมเพรียงกันยกมือขึ้น ไม่เว้นแม้แต่คยองซูที่ยกตั้งสองมือ

                ทัศนศึกษา~ ทัศนศึกษา~ คุณแม่ครับน้องคยองได้ไปแล้ววว!

                “ก่อนอื่นเลยพวกพี่จะต้องขออภัยในความไม่สะดวกในหลายๆอย่างจนทำให้งานกีฬาสีไม่สามารถจัดขึ้นได้ แต่ทางโรงเรียนได้มีคำสั่งออกมาให้นักเรียนทุกคน ทุกระดับชั้น ต้องมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันทุกคน พวกพี่เลยปรึกษากันและได้มติว่า ทัศนศึกษาในวัยเด็กของพวกเราที่หายไป มันจะกลับมาครับ!” พี่ชานยอลพูดจบทั้งหอประชุมก็มีเสียงปรบมือลั่น ทุกคนต่างยินดีปรีดากับการทัศนศึกษานอกสถานที่ แน่นอนว่าคยองซูคือหนึ่งในนั้น คนตัวเล็กพยายามปรบมือให้ดังไม่แพ้เพื่อนที่นั่งข้างๆ ดังจนเพื่อนรักอย่างเซฮุนเอ่ยทัก....

                ก็คนมันอยากไปอ่า!

                จากนั้นรุ่นพี่ชานยอลก็แจ้งรายละเอียดคร่าวๆว่าทัศนศึกษาครั้งนี้พวกเราจะไปกันวันไหน กำหนดการได้กำหนดไว้เรียบร้อยแล้วว่า พวกเราจะไปกันอาทิตย์แทนวันกีฬาสีไปเลย

                โอเยส!

                จากนั้นก็ได้มีการรวมกลุ่ม นักเรียนประมาณห้าพันคนถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆตามระดับชั้น กลุ่มของคยองซูคือกลุ่มที่ห้า กลุ่มสุดท้าย เพราะพวกพี่ๆม.6 จะเป็นสตาร์ฟ คอยดูแลน้องๆ จากนั้นพี่ชานยอลจะมีซองจดหมายทั้งหมดห้าซองให้พวกเราสุ่มจับ ในซองจะมีชื่อสถานที่ที่พวกเราต้องไป ใครโชคดีก็อาจจะได้ไปต่างประเทศ ใครโชคร้ายก็ไม่รู้สินะ

                คนที่จะจับสลากคือคนที่สภานักเรียนเอ่ยสุ่มให้ออกมาจับ มีทั้งหมดห้าคน เอ่ยสุ่มมาเรื่อยๆจนมาถึงกลุ่มที่ห้า

                “พี่ขอเรียกนักเรียนชายห้อง.....A” กรี๊ด! นี้มันห้องของคยองซูววว

                “นักเรียนชายห้อง A เลขที่....” พี่ชานยอลยังคงพูดต่อ ตอนนี้คยองซูลุ้นจนก้นบิด โอยใจเต้นแรงๆ ใครจะได้ไปกันน่า...

                “เลขที่....”


                ตึกตัก ตึกตัก


                “ที่....”


                พี่ชานนยอล รีบๆพูดเด้! ทีกลุ่มอื่นไม่เห็นลีลางี้เลย พูดด!!!


                “เลขที่....”


                “.....”



                “เลขที่....12!!


                กรี๊ดดดด!

                เสียงกรี๊ดเบาๆ(หรา)ของเพื่อนร่วมชั้นของคยองซูดังขึ้นก่อนจะค่อยมองมาที่เจ้าของเลขที่ที่พี่ชานยอลเรียกทันที ซึ่งมันก็คือ....

                คยองซูเองคร้าบ!!

                เพื่อนๆช่วยกันดันร่างของคยองซูให้ลุกขึ้นและเดินไปข้างหน้าที่มีตัวแทนอย่างกลุ่มอื่นๆยืนอยู่ ร่างเล็กยิ้มแหยๆเพราะยังช็อคอยู่ไม่คิดว่าจะเป็นตัวเอง มือป้อมกลมยกขึ้นมาขยับแว่นหนาที่วันนี้รู้สึกเหมือนว่าไม่ได้ใส่มันมา เพราะสายตาตอนนี้พร่ามัวอย่างสุดๆ

                โอย! ตื่นเต้นโวยยย><

                “เอาล่ะครับ ตัวแทนของแต่ละกลุ่มก็มากันครบแล้ว เอางี้พวกพี่จะให้น้องๆเลือกว่าจะเอาซองจดหมายซองไหน...บลาๆ” ขณะที่พี่ชานยอลพูดขึ้น รุ่นพี่สภาคนหนึ่งก็เดินออกมาพร้อมกับซองจดหมายห้าซอง คยองซูเริ่มตาลายเพราะตื่นเต้น โอย...ซองไหนเป็นซองไหนล่ะเนี่ย!

                “คยองซู ตื่นเต้นหรอ” เสียงกระซิบแผ่วเบาทำให้คยองซูได้สติ สายตากลมโตเลื่อนขึ้นไปมองปรากฏว่าเจ้าของเสียงที่กระซิบที่หูของเขาเป็น...รุ่นพี่แบคฮยอน

                กรี๊ด!!

                “คะ ครับ” คยองซูพยักหน้าพร้อมพูดเบาๆให้ได้ยินแค่สองคน รุ่นพี่ตัวเล็กที่เดินมายืนข้างเขาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้อมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะก้มลงไปกระซิบที่หูขาวของคนตัวเล็กอีกครั้งหนึ่ง

                “สู้ๆนะครับ^^

                แม่จ๋า!! น้องคยองใจเต้นแรงอีกแล้ว!

                “เอาล่ะครับ พี่สภาช่วยมายืนตรงหน้าน้องๆด้วยครับ” พูดเสร็จพี่แบคฮยอนก็เดินไปยืนตรงหน้าพวกเราทั้งห้าคน ร่างโปร่งชูซองจดหมายทั้งห้าให้เหนือศีรษะของผู้โชคดี พี่ชานยอลเริ่มนับเลขถอยหลัง และพูดว่า

                “จับเลยครับ!” ทันทีที่พี่ชานยอลพูดจบ ผู้โชคดีทั้งหมดต่างยื่นมือออกไปจับซองจดหมายอย่างวุ่นวาย มือชนกันบ้างแต่คยองซูก็เลือกได้แล้ว ขอทีเถอะ...คยองซูอยากไปทะเล~ ไม่ก็สวนน้ำ ดิสนีย์แลนด์~

                “เอาจดหมายให้พี่ๆสภาเลยครับผม” รุ่นพี่ชานยอลพูดอีกครั้งพร้อมกับพี่สภาที่เดินมาหยิบซองจดหมายไปคนละซอง รุ่นพี่แบคฮยอนเดินมาหยุดตรงหน้าคยองซู ริมฝีปากแย้มออกเบาๆก่อนจะหยิบซองจดหมายไป ประธานนักเรียนตัวสูงปล่อยให้ผู้โชคดีทั้งห้าคนกลับเข้าที่นั่ง ทันทีที่คยองซูหย่อนก้นลง พวกเพื่อนๆต่างก็กรูเข้าหา

                “คยองซู นายจับได้ไปเที่ยวที่ปักกิ่งใช่ไหม”

                “ไอ้แว่น แกต้องไม่จับได้ที่กันดารๆนะ”

                “คยองอ่า...พวกเราจะได้ไปเที่ยวทะเลกันใช่ไหม”

                และอีกมากมายสารพัด...

                คือคุณเพื่อน คยองก็ไม่รู้~ อย่ากดดันดิ!

     

                “ผลออกมาแล้วนะครับน้องๆ มีใครอยากไปเที่ยวบ้าง” แน่นอนว่ายกมือกันทั้งหอประชุม

                “ฮ่าๆ พี่ก็ขอให้น้องๆสมหวังนะ”


     

                “แล้วกลุ่มที่จะได้ไปเที่ยวก็คือ....”




     

     

     

    3 วันต่อมา

                ร่างเล็กนอนเล่นอยู่บนโซฟา มือป้อมยกขึ้นมาเกยหน้าผากด้วยความกลุ้มใจ ก็ไม่ใช่อะไรหรอก อีกสามวันเขาก็ต้องไปทัศนศึกษาแล้ว ดูเหมือนจะได้ไปเที่ยวนะ แต่ว่า...

                “แบคอ่า~ ทำไมเอาเกยหน้าผากแบบน้านเล่า~” น้ำเสียงทะเล่นของร่างเล็กทำให้คยองซูลุกขึ้นมานั่งดีๆ คือวันนี้เขามาหารุ่นพี่ยุนอ่ะ ไม่มีอะไรหรอกเพราะเดี๋ยวอีกสามก็จะไม่ได้มาหา เดี๋ยวคิดถึง>///<

                “ป่าวหรอกน่า...ป่ะ ไปกันยัง” คนตัวเล็กยกยิ้มน้อยๆก่อนจะได้รับคำตอบจากหญิงสาวเป็นพยักหน้าเบาๆ ตอนนี้ผู้ป่วยคนเก่งอาการดีขึ้นมาก พี่หมอเลยอนุญาตให้ออกจากห้องได้ วันนี้พวกเขาเลยจะไปเดินเล่นที่สวนของโรงพยาบาล

                “นี้แบค! ได้ข่าวว่าไปเข้าค่ายหรอ” ระหว่างทางเดินไปที่ลิฟต์เสียงเล็กๆก็เอ่ยขึ้นเพื่อชวนคุย คยองซูพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย

                “รู้ได้ไงอ่า ใครบอกยุนเนี่ย”

                “พอดีได้ยินเซฮุนมาเล่าให้พี่หมอฟัง แบคอ่า~ ไม่เห็นเล่าให้ยุนฟังเลย-3-“ คนตัวเล็กพูดเสียงมู่ทู่

                “โอ้ๆ ขอโทษครับ ขอโทษ”

                “ยังงี้ยุนก็จะไม่ได้เจอแบคตั้งสามวันเลยนะ! ไม่คิดจะบอกกันเลย-3-“

                “โอ้ๆ ไม่งอนน่า ดีกันๆ” คยองซูอ้อมมาดักผู้ป่วยคนเก่งก่อนจะเบะปากออกเป็นเด็กๆ ตากลมโตก็กะพริบถี่ๆ มือป้อมไม่วายยกนิ้วก้อยขึ้นมาชู

                “ดีกันน่า~” พูดเสียงง้องแง้งๆ

                “อื้ม! ก็ได้! ดีกัน” คนตรงหน้ายิ้มกว้างก่อนจะยกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวตอบ ริมฝีกอิ่มเผยรูปหัวใจอย่างชัดเจนแต่มันกลับทำให้ผู้ป่วยคนเก่งของเขาขมวดคิ้ว

                รอยยิ้ม??

                “ไปเดินเล่นกันเถอะ” คยองซูพูดอย่างร่าเริง นิ้วก้อยที่ยังเกี่ยวกันไว้ก็แกว่งไปมาอย่างน่ารัก ทั้งคู่ยิ้มให้กันน้อยๆก่อนจะเดินไปที่ลิฟต์

                ทั้งสองพูดคุยหยอกล้อกันตามประสาคู่รักก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดลงเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก การกระทำเมื่อครู่ไม่ได้หยุดลงเพราะลิฟต์มาถึงแต่แล้ว แต่หยุดลงเพราะคนตรงหน้าที่เดินออกมาจากลิฟต์ต่างหาก






                “น้องคยองจูวววว”



                วันนี้มันวันอารายยยยยยยยย!!!

                “หืม?? ใครอ่ะแบค” เสียงหวานที่ติดสงสัยอย่างปิดไม่มิดเอ่ยถามเบาๆ คยองซูได้แต่ยิ้มแหยๆเมื่อชายตรงหน้าที่เอ่ยชื่อจริงขิงเขาคือ

                ไอ้พวกเพื่อนบ้าของเซฮุน!!

                โงยย มาเจออะไรตอนนี้!

                “ยุนอ่า~ รอแบคแปปนึงนะ” คยองซูพูดยิ้มๆให้หญิงสาวก่อนจะลากพวกพ้องเพื่อนยากของเซฮุนให้มาออกห่างจากหญิงสาว

                “พวกพี่มาทำอะไรกันที่นี้เนี่ย!” คนตัวเล็กพูดเสียงตะคอกแต่ให้ยินกันแค่พวกเขา ดวงตากลมโตหรี่ลงอย่างคาดโทษ คราวที่แล้วยังไม่ได้ชำระแล้วนี้จะมาป่วนอะไรกันอีก!

                “โถ่น้องคยองซูของพี่นัมจุน! พี่คิดถึงเลยมาหาไง” หนึ่งในหกคนเอ่ยขึ้น จากนั้นทุกคนก็พยักหน้าลงพร้อมกัน

                “แล้วมาอะไรกันวันนี้!” โอยย!! ตอนนี้เขาอยากจะบ้าตาย ยังงี้ถ้ารุ่นพี่ยุนรู้ขึ้นมาว่าเขาไม่ใช่แบคฮยอน ทั้งหมดที่ทำมาก็พังนะสี้!!

                “คิดถึงไงครับ”

                “พอ...พอเลย ถ้าพวกพี่ยังอยู่ให้ผมเห็นอยู่ละก็ พ่อจะฆ่าให้เรียบ!” คยองซูพูดเสียงต่ำแต่หนึ่งในคนนั้นกลับหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ไอ้บ้าหัวขโมยจอนจองกุกยังไงล่ะ!

                “ไม่เชื่อหรอกน่า ตัวเล็กๆอย่างนายนี้นะจะฆ่าใครได้ เหยียบมดแล้วแบนหรือป่าวก็ไม่รู้” หน็อย! นี้มันหยามกันชัดๆ หาว่าเขาไม่แมนหรอ ไอ้บ้าฟันกระต่าย! คนอย่างเขาคือโคตรของโคตรของโคตรแมน!

                “หน็อย...อยากตายใช่ไหม!!” คนตัวเล็กง้างหมัดขึ้นเหนือหัวของจอนจองกุก แต่ข้อมือของเขากลับถูกใครสักคนจับเอาไว้

                “ไม่เอานะแบค...อย่าใช้กำลังเลยนะ” หญิงสาวที่เขาปล่อยให้ยืนอยู๋คนเดียวเดินมาคว้าข้อมือของเขาไว้ก่อนจะกุมมือเขาไว้หลวมๆ แววตาในตอนนี้ของเธอมีแต่ความหวาดหวั่นจนคนตัวเล็กก็รู้สึกหวั่นใจไปด้วย

                “คุยกันดีๆก็ได้...เนอะ” ประโยคแรกหญิงสาวพูดกับคยองซู แค่คำสุดท้ายกลับหันไปหาเพื่อนใหม่ที่เธอก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเหมือนกัน และแน่นอนพวกเขาพยักหน้ารับอย่างอารมณ์ดี

                “ก็ได้” คยองซูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะแววตาที่ดูหวาดกลัวก่อนหน้านี้ของหญิงสาว ผู้ป่วยคนเก่งยิ้มกว้างอีกครั้งก่อนจะเขย่ามือป้อมกลมไปมา

                “งั้นพวกเราลงไปเล่นข้างล่างกันเถอะ!

    .

    .

    .

    .

    .

    .

                “นี้พวกนาย...ถ้าจะเล่นกับพวกผม พวกนายต้องห้ามเรียกผมว่าคยองซู ให้เรียกว่าแบคฮยอนแทน เข้าใจไหม”

                “แล้วทำไมพวกเราต้องทำแบบนั้นอ่ะ” ไอ้กระต่ายฟันหน้าจอนจองกุกถามขึ้น

                “ถามมากน่า! เรื่องมากกลับบ้านไปไป๊!” คยองซูพูดเสียงขุ่น ก่อนจะเดินหันหลังกลับไปหาร่างเล็กที่นั่งเล่นชิงช้าอยู่

                “ไม่ครับๆ รับทราบๆ....ไอ้เห้กุก! อย่าถามมากได้ไหม” นัมจุนผู้มากไปด้วยความรู้สึกที่ดีต่อร่างเล็กเอ่ยอย่างรีบร้นก่อนจะเอ็ดน้องคนเล็กของกลุ่มที่ทำตัวยุ่งตลอดเวลา

                “ก็ผมอยากรู้เหตุผล...ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนน่ารักของผมต้องอยู่กับผู้หญิงคนนั้นด้วย เหอะ!”ตัววุ่นวายทำหน้าเชิดก่อนจะเดินตามร่างเล็กที่กำลังแกว่งชิงช้าให้หญิงสาว นัมจุนส่ายหน้าน้อยก่อนจะเข้าไปสบทบกับเพื่อนๆอีกคน

                บรรยากาศในยามบ่ายที่ไม่ร้อยเกินไปและไม่หนาวเกินไปทำให้หญิงสาวที่นานๆทีจะได้ออกมานั่งเล่นข้างนอกบ้างเกิดอารมณ์ดี แถมยังหัวเราะไม่หยุดเมื่อพวกเพื่อนใหม่ของเธอกำลังแกล้งหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน

                “เฮ้! ฉันไปเจอไอ้นี้มาล่ะ” จีมินเด็กน้อยผู้ร่าเริงเอ่ยอย่างทะเล้น ในมือของเขามีลูกบาสสีส้มเข้มอยู่หนึ่งลูก หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างร่าเริงก่อนจะกระตุกแขนเสื้อของคยองซูเบาๆ

                “นี้ๆ ไปเล่นบาสกับทุกคนกันเถอะ” หญิงสาวชวนแต่คยองซูตอบกลับแค่เพียงยิ้มแหยๆก่อนจะเอ่ยปฏิเสธอย่างนุ่มนวล

                “ไม่เอาอ่ะ ยุนอยากเล่นอ่อ” คำตอบของคนตัวเล็กทำให้หญิงสาวประหลาดใจเล็กน้อย แบคฮยอนผู้ชื่นชอบบาสที่ไม่ว่าเห็นลูกบาสครั้งไหนจะวิ่งไปแย่งลูกแล้วชู้ตลงห่วงอย่างสวยงาม ตอนนี้เขากำลังปฏิเสธที่จะเล่นมั้ง

                “คนน่ารัก ไปเล่นบาสกัน” หัวขโมยฟันกระต่ายยิ้มกว้างมาหาคยองซู แต่คนตัวเล็กกลับส่ายหัวปฏิเสธทำเอากระต่ายน้อยจ๋อยไปเลย ผู้ป่วยคนเก่งเห็นดังนั้นจึงโพล่งขึ้นว่า...

                “ฉันเล่นบ้างได้ไหม ไม่ได้เล่นนานแล้ว...คิดถึงนะ”

                “ได้สิ แต่ได้ข่าวว่าป่วยอยู่ไม่ใช่อ่อ จะไหวไหมเนี่ย?” เจโฮปที่ไม่รู้ว่าวิ่งมาตอนไหนเอ่ยขัดกระต่ายน้อยที่ตั้งท่าจะปฏิเสธ ก็ไม่ใช่อะไรเขาแค่ไม่ชอบหล่อนที่ทำตัวเกาะแกะคนน่ารักของเขา แค่นั้นแหละ...

                “แหม...ดูถูก คอยดูแล้วกัน” ผู้ป่วยคนเก่งพูดอวดเก่ง ก่อนจะวิ่งลงสนามตามเจโฮปไป เหลือแค่คยองซูที่นั่งดูอยู่บนชิงช้าอย่างเงียบๆ กับจอนจองกุกที่อมยิ้มกับใบหน้าทีเผลอของคนน่ารัก

                “นายนี้ ต้องมาทำยังงี้ตลอดเลยอ่อ” ไม่รู้ว่าทำไมกระต่ายน้อยถึงเอ่ยถามอย่างนั้น จองกุกนั่งลงตรงพื้นทรายข้างหน้าคยองซู คนตัวเล็กก้มมาสบตาก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ

                “ก็...นะ”

                “ฉันขอโทษนะที่บอกนายว่า เหยียบมดยังไม่แบน นะ” กระต่ายน้อยทำปากยู่อย่างสำนึกผิด คยองซูยิ้มน้อยๆกับท่าทีตรงหน้า หมั่นไส้ชิบหายมาว่าเขาแล้วขอโทษแบบนี้นี้นะ มันไม่สาสมหรอก

                “ไม่ให้อภัยนะ” ไม่พูดป่าวผลักหัวน้อยๆที่กำลังทำหน้าง้ำงอ จองกุกยิ้มบางๆก่อนจะลุกขึ้นมานั่งบนชิงช้าข้างๆชิงช้าของคยองซู

                “นายรู้สึกยังไงกับผู้หญิงคนนั้นหรอ” กระต่ายน้อยขี้สงสัยเอ่ยถามพร้อมกับชี้ไปที่ผู้ป่วยคนเก่งที่ตอนนี้กำลังยิ้มกว้างอย่างมีความสุขกับการเล่นบาส คยองซูส่งเสียงในลำคอเบาๆก่อนจะประมวลออกมาเป็นคำพูดได้แค่ว่า...

                “รักมั้ง??”

                “นี้ๆ มั่นใจหน่อยดิ” กระต่ายฟันหน้าเอ่ยทวง คยองซูหันไปสบตาเล็กน้อยก่อนจะหลุบต่ำลง

                “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็แค่อยากพยายามทำให้เขากลับมาเป็นคนเดิมเท่านั้นแหละ” คยองซูพูดเสียงอ่อน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรักมันคืออะไร แล้วมันต้องทำยังไงถึงจะเรียกว่ารัก เขาไม่รู้อะไรเลย ไม่มีทางที่จะรู้ด้วย

                “ไม่ยากน่า ใช้หัวใจนายสิ” กระต่ายน้อยพูดอย่าอารมณ์ดี คยองซูหันไปหาจอนจองกุก เขาดูเป็นคนที่ไม่ซีเรียสอะไรกับเรื่องพวกนี้เลยนะ

                “นี้ๆ นายเคยรักใครสักคนม่ะ” คยองซูพูดเสียงแผ่ว เป็นคำถามที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถามออกไปทำไม ไม่รู้ด้วยว่าถามเพื่ออะไร แต่คนตอบนี้สิยิ่งทำให้เขาสงสัยมากกว่าเดิม

                “อ่า...ก็เคยมั้ง ความรักของผมคือ เริ่มจากว่าเจอหน้ากันทุกวัน จากนั้นก็อยากเข้าไปใกล้ อยากคุยด้วย อยากมีส่วนร่วมกับเขามั้ง บางครั้งแค่เห็นหน้าหรือฟังที่เสียงเขา...”

                “....”

                “ก็หัวใจเต้นแรงเลยล่ะ”

                “-/////-“

                “นี้นายหน้าแดงอ่ะ แค่เห็นฉันพูดอะไรแบบนี้นายก็เขิลฉันแล้วหรอ บ้าน่าตัวเอง” กระต่ายหัวขโมยทำท่าเขินอายบิดไปบิดมาอย่างน่าหมั่นไส้ บิดจนตกจากชิงช้า...ไม่ใช่ตกเพราะตัวเองนะ ตกเพราะคยองซูนี้แหละ!

                “ใครเขินนายกัน...ฉันแค่นึกภาพตามที่นายบอกแล้วก็เจอ....” คนตัวเล็กพูดเสียงขุ่น พยายามอธิบายถึงต้นเหตุที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ แต่ก็หยุดกึกเมื่อเห็นคนๆนั้นโผล่เข้ามาในความคิดอีกครั้ง

                “ใครอ่ะๆ ฉันหรอๆ” กระต่ายน้อยยังไม่หยุดแหย่ จอนจองกุกทำตาเป็นประกายก่อนจะเข้าไปเบียดเพื่อนั่งชิงช้าตัวเดียวกันกับคยองซู แต่ก็ตกจากชิงช้ากันทั้งคู่เพราะชิงช้ามันนั่งได้แค่คนเดียว

                “จอนจองกุก!

                ตายซะแก!!!!

                คยองซูทับประทุษทำร้ายกระต่ายน้อยอย่างหนักหน่วง เหล่าเพื่อนๆที่หันมาเจอทั้งคู่วิ่งไล่กันก็ถึงกับหัวเร่า ไม่เว้นแม้แต่คนป่วยที่กำลังกระดกน้ำกิน หางตาเรียวสวยเห็นรอยยิ้มที่ไม่คิดว่าเขาไม่เคยเห็นมาจากที่ไหน บวกกับท่าทางตอนนี้แล้ว เขากำลังคิดว่า...

                ผู้ชายคนนั้น....ไม่ใช่แบคฮยอน

    .

    .

     

    .

    .

    .

                “โอย...เหนื่อยอ่ะแบค ไม่ได้เล่นอะไรแบบนี้มาตั้งนานแล้ว คิดถึงอ่า” ทันทีที่พวกเขาส่งเพื่อนใหม่กลับทั้งคู่ก็ขึ้นมาที่ห้องพัก ร่างเล็กของหญิงสาวทิ้งตัวลงบนเตียงผู้ป่วยอย่างหมดแรง แต่แม้จะหมดแรงใบหน้าสวยก็ยกยิ้มอย่างมีความสุข

                “เหนื่อยแล้วก็ต้องพักนะครับ^^” คยองซูพูดพร้อมกับรอยยิ้ม ใบหน้าเล็กของหญิงสาวก็แย้มยิ้มตอบ มือเรียวเอื้อมมากุมมือป้อมที่กำลังลูบหัวของตนเอาไว้ สานตาเรียวก็จ้องกับสาวตากลมอย่างอ่อนโยน

                แววตาก็ไม่คุ้น

                นี้เขาแทบจะไม่ได้สังเกตตัวแบคฮยอนตลอดเวลาที่ผ่านมาเลยสินะ

                เรานี้มันเห็นแก่ตัวชะมัด...

                “แบคอ่า...เหนื่อยไหมที่ต้องมาดูแลเค้าแบบนี้” หญิงสาวถามออกมาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

                ทำไมล่ะ....

                “เหนื่อยอ่อ...ไม่หรอกน่า ถ้ายุนกลับมาเป็นเหมือนเดิม...ความเหนื่อยของแบคมันจะหายไปหมดเลยล่ะ ยุนต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ” คยองซูพูดเบาๆก่อนจะใช้มืออีกข้างมาลูบผมนุ่มๆของหญิงสาว เธอยิ้มให้คยองซูเล็กน้อยก่อนจะหลับตาลง

                “ไม่เหนื่อยเลย...ผมไม่เคยเหนื่อยแม้แต่น้อย คุณต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ”

     

     

                .

    .

    .

    .

    .

                “กลับมาแล้วคร้าบบ~” ทันทีที่คยองซูลงจากรถแท็กซี่ ร่างเล็กก็ส่งเสียงดังลั่นให้ร็ว่าเขามาถึงบ้านแล้ว นาฬิกาที่ข้อมือซ้ายมันบอกว่า ตอนนี้ห้าโมงเย็นแล้วนะ

                “พี่หมิน~ ยูวหู้วว” คยองซูเดินเข้ามาในบ้านที่เปิดไฟทิ้งไว้แต่ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต

                “แบคแบค อยู่ไหนเอ่ย”

                เงียบ....

                เฮ้ๆๆ ทุกคนหายไปไหนหมดอ่ะ แบบนี้มันเริ่มจะไม่ปกติแล้วนะ คนตัวเล็กหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาหวังจะโทรหาพี่ชายตัวเล็ก แต่สายตากลมกลับเลื่อนไปเจอร่างอวบๆของพี่ชายที่นอนอยู่บนพื้นครัว!

                “พี่หมิน!!” ไม่รอช้า ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าประคองใบหน้าของพี่ชายเอาไว้ ใบหน้าของเขามีรอยฟกช้ำและที่มุมปากก็มีรอยแตกจนเลือดชิบ

                “พี่หมินตื่นดิ!! เกิดอะไรขึ้น!” ร่างเล็กเสียสติ เสียงทุ้มตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งก่อนจะเริ่มสงบลงเมื่อร่างบนตักเขารู้สึกตัว

                “พี่หมิน....”

                “คะ...คยอง โอ๊ย!

                “พี่หมินลุกขึ้นก่อนนะ ไปโรงพยาบาลไหม พี่เป็นยังไงบ้าง” คนตัวเล็กช่วยพยุงร่างของพี่ชายให้ลุกขึ้น ก่อนจะถามคำถามรัว ใบหน้าของพี่ชายที่มีแต่รอยฟกช้ำมันทำให้เขาใจสลาย นี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน!

                “คยองซู....อย่าร้องไห้สิ”

                “!!!.....ร้องไห้” มือบางของพี่ชายเอื้อมมาเช็ดคราบน้ำตาที่มันทะลักออกมาไม่หยุดหย่อน คยองซูปาดมันออกลวกๆก่อนจะพยุงร่างของพี่ชายให้มานั่งบนโซฟาแล้วรีบไปหยิบอุปกรณ์ทำแผล

                ว่าแต่แบคแบคล่ะ!!

                “พี่หมิน....แล้วแบคแบคล่ะครับ” คยองซูหย่อนก้นลงบนโซฟาข้างพี่ชายที่กำลังเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของตนอย่างลวกๆ สายตากลมของคยองซูสั่นระริกเมื่อพี่ชายแสดงสีหน้าเจ็บปวดอย่างทรมาน

                “แบคแบคอยู่ที่บ้านอาเทานะ พอดีว่ามันอยากเล่นกับเพื่อนใหม่ พี่เลยพามันไปที่นั่น” คยองซูถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะเริ่มลงมือปฐมพยาบาลให้พี่ชายของเขา

                “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นอ่ะ” หลังจากที่ติดพลาสเตอร์ที่แก้มย้วยของพี่ชายเสร็จ คยองซูก็เอ่ยถามออกไปทันที คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันก่อนจะเริ่มเล่าทุกอย่างให้คนตัวเล็กฟัง

                พี่หมินบอกว่า หลังจากที่เขาพาเจ้าแบคแบคไปส่งที่บ้านอาเทาแล้วกลับมาที่บ้าน เจอเงาตะคุ่มๆอยู่ที่ชั้นสอง พอเขาเดินขึ้นไปดูปรากฏว่าเป็นขโมย ไอ้หัวขโมยมันเข้าไปในห้องคยองซูก่อนจะรื้อทุกอย่างออกอย่างกระจุยกระจาย พี่หมินกำลังจะโทรแจ้งตำรวจแต่มันออกมาเจอก่อนเลยได้ประทะกัน พี่หมินโดนชกซะน่วมแต่ไอ้โจรบ้านั้นก็โดนไม่น้อย

                พี่หมินบอกว่ามันน่าจะโดนแทงด้วย เพราะตอนที่สู้กันพี่หมินคว้ามีดได้และแทงเข้าที่ท้องของมัน ไม่น่าจะลึกมาแต่มันก็คงจะเจ็บน่าดู คยองซูตกใจมากที่พี่หมินเดินไปเก็บมีดที่เปื้อนเลือดจากใต้เคาเตอร์มาให้เขาดู มีดทำครัวที่เขาชอบใช้บ่อยๆตอนนี้มีรอยเลือดไหลเป็นทางยาวไปทั่วใบมีด พี่หมินบอกว่าเขาจะเก็บเอาไว้เพราะนี้เป็นหลักฐานสำคัญ

                หลังจากที่เก็บกวาดข้าวของทุกอย่างเสร็จแล้ว คยองซูก็ขอตัวขึ้นไปดูความเรียบร้อยที่ห้องของตัวเอง ซึ่งเมื่อขึ้นไปถึงก็แทบช็อค!

                ข้าวของกระจุยกระจาย ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนขาดวิ่น คยองซูเริ่มพุงไปดูใต้เตียงที่เขาซ่อนกระปุกออมสินเอาไว้ แต่เมื่อไปดูก็ปรากฏว่ามันยังดูดี เรียบร้อย เหมือนยังไม่ได้แตะต้อง แต่ข้าวของของเขาที่มันหายไปก็คือ...

                รูปโพลารอยด์ของเขาหายไปยกอัลบั้ม!

                น่าแปลกนะ...โจรบ้าที่ไหนปล้นอัลบั้มรูปภาพ คยองซูเดินคิดไปเรื่อยๆก่อนจะนึกขึ้นได้และวิ่งไปดูที่โต๊ะทำงานและหยิบกระเป๋าโน้ตบุ๊คขึ้นมาดูปรากฏว่า

                โน้ตบุ๊คหาย!!

                ซวยแล้ว! งานทั้งชีวิตและรูปของรุ่นพี่แบคฮยอน หรือแม้แต่รูปรุ่นพี่ยุน....




                หวังว่ามันคงจะไม่เป็นอย่างที่เขาคิดหรอกนะ












    ________________________________
    คัมแบคแล้วๆ ดีใจๆ ฮ่าๆๆ คิดถึงทุกคนอ่าาาา
    ทุกคนคิดถึงเขาไหม
    นี้ไม่ได้แต่งมาตั้งนานรู็สึกภาษาตัวเองมันแปลกๆแต่ช่างเถอะน่อออ
    เอาเป็นว่า ต้องขอบคุณทุกคนที่ยังรออยู่น่า 
    ใจจริงเราไม่อยากให้ทุกคนรอเลย แต่มันไม่ว่างทำไงได้
    เอาล่ะ!! ตอนนี้เค้าว่างแล้ว
    จะมาอัพฟิคให้แบบเบื่อเลยอ่ะ(ถ้าเขาไม่ขี้เกียจน่า ฮ่าๆๆ)

    นี้ๆทุกคน เขาไปลองสร้าง
    Visual Novel มาแหละ
    อยากเล่นไหม
    ไม่อยากก็จะแปะลิงค์ไว้แล้วกัน เล่นแล้วติชมได้นะฮ้าบบบ
    บายบี้~ 



    ลิงค์ครับโผ้ม ---> http://my.dek-d.com/thealoha/visualnovel/?vn_id=19295
     

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×