คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : -บทนำ-
บทนำ
ว่ากันว่า ที่จัตุรัสใจกลางเมืองขนาดใหญ่ของเมืองเดรกเค่น ไม่ต่างไปจากบรรยากาศของตัวเมืองใหญ่ๆในโลก ที่นี่มีสถาปัตยกรรมที่ร่วมสมัย ทั้งสิ่งก่อสร้างและตึกรามบ้านช่อง ยังมีกลิ่นไอของสมัยยุคฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมที่ผสมผสานไปกับการเจริญเติบโตและวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยที่พึ่งพาเหล่าเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว
หากคุณเดินไปรอบๆเมืองในช่วงตอนเช้าตรู่ จะยิ่งพบว่าที่นี่เหมือนกับเมืองใหญ่หลายๆแห่ง ผู้คนมากมายกำลังเดินสวนกันไปมาอย่างขวักไขว่และเร่งรีบ นักธุรกิจและพนักงานกินเงินเดือนทั้งหลายสวมชุดสูทผูกเนกไทเดินกระทบไหล่กันไปมาตามถนนของสี่แยกเพื่อทำเวลาให้ดีที่สุดกว่าวันก่อนๆเพื่อเข้าไปทำงานในบริษัทให้ได้ตรงตามเวลา พ่อค้าแม่ค้าส่งเสียงดังเจื้อยแจ้วเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเปิดร้านขายของตามถนนมุมเมืองต่างๆ ที่ให้พบเห็นกันมากมายหลากหลายร้านจนชินตา พร้อมกับเสียงของผู้ประกาศข่าวที่ดังเอื้อยอ้อยผ่านมาตามสายลมเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนล้วนกระปรี้กระเปร้าในเช้าวันใหม่
เมืองเดรกเค่นแห่งนี้ก็เหมือนกับตัวเมืองใหญ่แห่งอื่นของโลก นั่นเป็นสิ่งที่คุณและสิ่งที่พวกเรากำลังจะชักจูงให้คุณได้หลงเชื่อ แต่หากว่าคุณได้มีโอกาสได้มาเที่ยว ณ เมืองแห่งนี้ และพบว่าตัวเองกำลังยืนหยุดนิ่งอยู่บนถนนจัตุรัสใจกลางเมืองที่มีผู้คนมากหน้าหลายตากำลังเดินสวนกันไปมาอย่างรวดเร็วอีกครั้งละก็ ลองสังเกตุผู้คนเหล่านั้นที่กำลังเดินผ่านร่างของคุณไป คุณจะพบว่ามีบางคนที่ดูแตกต่างไปจากคนอื่นๆ พวกเขาเหล่านั้นกำลังหลบซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ และพยายามจะทำบางสิ่งบางอย่างด้วยการจดจ้อง เก็บข้อมูล และหาข่าวที่น่าสนใจภายในเมืองเดรกเค่นแห่งนี้ นั่นทำให้คุณเดาได้ไม่ยากเลยว่าพวกเขาคืออะไรกันแน่ และแน่นอนพวกเรากำลังพูดถึงพวกเขา เหล่านักสืบที่แฝงตัวอยู่ในเมืองนี้ยังไงล่ะ
คุณฟังไม่ผิดแน่นอน ในเมืองเดรกเค่นแห่งนี้มีเหล่านักสืบที่แฝงตัวอยู่เป็นจำนวนมาก คุณลองมองไปที่ร้านกาแฟ หัวมุมถนนถัดไปจากร้านขายเสื้อผ้าชุดเมดนั่นสิ ใช่แล้ว ตาเฒ่าที่กำลังนั่งไขว่ห้างจิบกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วยนั่น เขาก็คือนักสืบที่กำลังปลอมตัวเพื่อกำลังสืบภารกิจลับอะไรบางอย่าง หรือไม่ คุณลองมองไปที่วณิพกที่สวมเสื้อผ้าน่ารังเกียจคนนั้น นักดนตรีหนุ่มสติเฟื่องที่กำลังร้องเพลงและเล่นดนตรีไม่เอาไหนตรงปลายถนนย่านร้านค้า หรือหญิงสาวที่กำลังพาสุนัขตัวโปรดมาเดินเล่น หรือสาวสวยเซ็กซี่ที่กำลังแจกใบปลิวเรื่องรณรงค์การค้ามนุษย์คนนั้นสิ ใช่แล้ว คุณไม่ต้องแปลกใจอะไรไป พวกเราพูดไม่ผิดหรอก พวกเขาก็คือ “นักสืบ”
คุณอาจจะมีคำถามว่า แล้วทำไมต้องเป็นที่นี่ ที่เมืองเดรกเค่นแห่งนี้ ใช่แล้ว เมืองนี้เหมือนกับเมืองอื่นๆทั่วๆไปในโลกและเมืองที่คุณอาจกำลังอาศัยอยู่ แต่เมืองแห่งนี้มีความแตกต่างออกไป โดยที่ประชาชนของเมืองนี้ก็แทบจะไม่เคยล่วงรู้ความลับข้อนี้เลยแม้แต่น้อย แต่นั่นก็เพราะที่เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่ผลิตบุคลากรทางด้านนักสืบ และอีกครั้ง คุณฟังมันไม่ผิดหรอก ที่เมืองแห่งนี้มีโรงเรียนที่ผลิตบุคลากรทางด้านนักสืบโดยเฉพาะ และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ล่วงรู้ความลับของเมืองนี้ เมืองที่ก่อตั้งโรงเรียนนักสืบเยาวชนตะวันออก
‘โรงเรียนนักสืบเยาวชนตะวันออก’ หากคุณสงสัยและนำชื่อนี้ไปพิมค้นหาในโปรแกรมกูเกิ้ล เอิท์ธ แล้วละก็ คุณจะได้เพียงคำไม่กี่คำที่บอกแก่คุณว่า ไม่มีสถานที่ดังกล่าวในโลกนี้ยังไงล่ะ แน่นอน ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า โรงเรียนนักสืบเยาวชนตะวันออกแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ไหน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น อย่างเช่น ตัวพวกเหล่านักสืบและตัวบุคลากรนักสืบต่างๆของเมือง รัฐบาลชั้นนำของหลายๆประเทศที่รู้เรื่องความลับของเมืองเดรกเค่นนี้ แต่โรงเรียนนักสืบเยาวชนตะวันออกก็แตกต่างไปจากโรงเรียนอื่นๆทั่วไปตรงที่ว่า โรงเรียนแห่งนี้ไม่ได้ถูกสร้างเอาไว้โต้งๆให้คนอื่นเห็นและรู้เลยว่า ที่นี่คือโรงเรียนนักสืบ แต่ที่นี่กลับแฝงความลับเอาไว้อีกข้อ นั่นก็คือ โรงเรียนนักสืบเยาวชนตะวันออกเป็นสถานที่ลับและถูกแฝงเอาไว้ในสถานที่ต่างๆของเมือง ยากที่คนส่วนใหญ่ที่แทบจะไม่สนใจล่วงรู้ได้เลย พอมาถึงจุดนี้แล้ว คุณคงจะสงสัยและอยากให้พวกเราบอกคุณแล้วละซิว่า จริงๆแล้วโรงเรียนนักสืบตั้งอยู่ตรงไหนกันแน่!!?
ณ โบถส์ ‘เซ็นท์บราวน์’ เมืองเดรกเค่น
“นี่มันสายแล้วชัดๆ” เสียงแหลมใสดังมาจากห้องใต้ดินของโบถส์เซ็นท์บราวน์ มันดังมากจนแทบจะปลุกคนที่นอนหลับในห้องใต้ดินนี้ลุกกันทั้งหมด
“เหลือเวลาอีกตั้ง 30 นาที ไม่ต้องร้อนรนก็ได้น้า” เด็กชายผมสีดำกระเซอะกระเซิงยุ่งเหยิงไม่เข้าท่า กำลังพูดในขณะที่ในมือกำลังส่งขนมปังอีกชิ้นเข้าไปในปาก
“ไม่ได้นะ ฉันรู้สึกตื่นเต้นจนจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว นี่เป็นคดีแรกของฉัน ไม่ยอมให้หลุดลอยไปง่ายๆหรอก” เด็กสาวผมยาวตรงสีดำสลวยพูดพร้อมกับยัดสัมภาระที่มีค่าทั้งหลายขนาดกองมหึมาลงในกระเป๋าแน่น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอและมาสเตอร์ตระกูลวอชอสกี้ได้รับคำสั่งจากผู้อำนวยการให้ไปรับแฟ้มคดีที่พวกเขาจะต้องสืบสวนในครั้งนี้
“งั้นก็ช่วยไม่ได้ละนะ ฉันจะถือซะว่าไปสูดอากาศเล่นก่อนครึ่งชั่วโมงก็แล้วกัน” มิริน มาสเตอร์หรือประธานตระกูลวอชอสกี้พูดเหน็บแหนมขึ้น ก่อนจะโดนสาวน้อยมีมี่ มีมที่จัดกระเป๋าสัมภาระกองมหึมาเรียบร้อยแล้ว ดึงแขนออกไปจากห้องใต้ดินของโบถส์ทันที
มีมี่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะหันหลังไปมอง โบถส์เซ็นบราวน์ สถานที่ซึ่งทุกคนเชื่อว่ามันเป็นโบถส์คริสตจักรธรรมดา ที่มีแม่ชีวินเทอร์ กราฟคอยดูแล แต่นั่นก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งภายนอกโบถส์เท่านั้น เพราะลึกลงไปใต้โบถส์ ยังมีสถานที่ลับที่น้อยคนนักจะรู้ว่ามันคือสถานที่ของนักสืบตระกูลวอชอสกี้ 1 ใน 4 ตระกูลนักสืบที่มีชื่อเสียงของโรงเรียนนักสืบเยาวชนตะวันออกแอบแฝงอยู่ มันเป็นห้องใต้ดินลับที่มีไว้เพื่อเป็นทั้งที่ประชุม ห้องเรียนของเหล่านักสืบเยาวชน และเป็นหอนอนที่พักของนักสืบตระกูลวอชอสกี้ทั้งหมด แต่หากจะถามว่าตระกูลวอชอสกี้แตกต่างจากตระกูลนักสืบอื่นอย่างไร พวกเราคงพูดได้คำเดียวเลยว่า นั่นอาจเป็นเพราะผู้ก่อตั้ง นั่นก็คือ นักสืบวอชอสกี้เป็นผู้หญิงกระมัง นักเรียนนักสืบในตระกูลนี้เลยมีนักสืบหญิงเป็นซะส่วนใหญ่ แต่ตอนนี้มาสเตอร์หรือประธานหอรุ่นปัจจุบันกลับเป็นผู้ชาย ใช่แล้ว เด็กหนุ่มมิรินที่มีมี่กำลังลากเขาไปตามถนนเพื่อไปรับคำสั่งคดีจากผู้อำนวยการนักสืบที่สำนักงานอาชญาวิทยาและกฏหมายเมืองเดรกเค่นนั่นเอง
หอสมุดประชาชน เมืองเดรกเค่น
“ผมขอเข้าไปใช้หนังสือหมวดเอกสารลับต้องห้ามด้วยครับ” เด็กหนุ่มวัยประมาณสิบแปดปีเอ่ยถามอย่างลุกลี้ลุกลนกับพนักงานสาวที่เคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ด้านหน้าของห้องสมุดประชาชน
“งั้นช่วยแสดงบัตรด้วยนะคะ” พนักงานสาวยิ้มแย้มก่อนจะได้รับบัตรประจำตัวจากเด็กหนุ่ม
‘Detective Card’
The Pen
มาสเตอร์ตระกูลเชอร์ล็อก โฮมส์
และนักสืบระดับเอส แห่งโรงเรียนนักสืบเยาวชนตะวันออก
“ขอโทษที่ให้คอยนะค่ะ เชิญใช้หนังสือหมวดเอกสารลับต้องห้ามได้ตามสบายเลยคะ”
สิ้นเสียง เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปทางหมวดหนังสือที่มีแผ่นป้ายพิมพ์โชว์หราอย่างชัดเจนว่า “หมวดเอกสารลับต้องห้าม สำหรับผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น”
เขาวิ่งไปที่ตู้ชั้นหนังสือแถวหลังสุดติดกับกำแพงลำดับที่สาม ก่อนที่จะไล่นิ้วไปตามหนังสือที่มีตัวเลขที่สันปก จนมาหยุดที่ ตัวเลข ‘0712 หนังสือแฟ้มคดีลับของเชอร์ล็อกโฮมส์’
เด็กหนุ่มขยับหนังสือเบาๆกับชั้นหนังสือจนทำให้เกิดเสียง ‘คลิ๊ก!!’ จนทำให้เกิดเสียงกลไกบางอย่างที่ดังถี่ขึ้นเรื่อยๆตามมา จนทำให้ตู้หนังสือทั้งชั้นลำดับที่สามสั่นไหวไปมาอยู่พักใหญ่ ก่อนที่สักครู่ มันจะหยุดลง
“เอาล่ะ รีบตื่นได้แล้ว”
เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะผลักชั้นหนังสือให้เปิดออก เผยให้เห็นเป็นห้องลับขนาดใหญ่ที่เป็นห้องโถงกว้างและมีห้องจำนวนมากขนาบข้างทางเดิน มันเป็นสถานที่ลับของโรงเรียนนักสืบเยาวชนตะวันออกอีกเช่นกัน หากแต่นี่เป็นหอพัก และห้องเรียนของนักสืบตระกูลเชอร์ล็อก โฮมส์ นักสืบตระกูลดังที่มีเพียงนักเรียนนักสืบที่เก่งและฉลาดเท่านั้นถึงจะสอบเข้าได้ เด็กหนุ่มรีบก้าวเดินอย่างเร่งรีบ ก่อนจะหยุด เคาะที่ประตูหอนอนของใครคนหนึ่ง
“นี่มันได้เวลาแล้วนะ รีบตื่นได้แล้ว”
ร้านขายของเก่า เครื่องรางและเครื่องเงิน เมืองเดรกเค่น
เสียงกระดิ่งสั่นไหวกรุ๊งกริ๊งเป็นจังหวะไปมาเมื่อกระทบกับประตูที่เปิดออก ร่างของคนคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านขายของเก่าที่แทบจะร้างซึ่งลูกค้ามาแรมปี เด็กสาวที่นั่งอยู่โต๊ะเก่าคร่ำครึในร้ายขายของเก่าเบือนหน้าหนีจากหนังสือนิยายที่กำลังอ่านถึงตอนสำคัญลง ก่อนจะหันมามองหน้าผู้มาเยือน
“ของเก่าราคาดี ต้องเป็นของใครจ้าว”
ฟอร์เต้ทิ้งคำถามขึ้นลอยๆอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยกับผู้มาเยือนคนใหม่ เขามีผมสั้นสีเทาควันบุหรี่ นัยต์ตาสีเขียวมรกตกำลังจับจ้องไปที่ถ้วยชามเงินที่เก่าคร่ำคระ ก่อนที่จะหันมาตอบสาวร้านขายของเก่า
“อาร์แซน ลูแปง”
“ของเก่า ราคาดี ต้องเป็นของที่ขโมย โดยอาร์แซน ลูแปง”
โฟร์ท นักสืบสาวตอบพลางหันไปสบตากับฟอร์เต้
“งั้น เชิญข้างในได้เลยคะ”
โฟร์ท นักสืบสาวเดินอย่างช้าๆเข้าไปในร้านขายของเก่า เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เดินทอดยาวไปยังทางเดินแคบๆ จนไปถึงทางตันที่มีแต่รูปภาพขนาดใหญ่กระต่ายเขาในป่า เธอผลักรูปภาพนั้นอย่างช้าๆ ก่อนมันจะเผยให้เห็นทางเดินอีกเส้นทะลุไปยังห้องลับอีกฟากหนึ่งซึ่งเป็นห้องลับของนักสืบตระกูลอาร์แซน ลูแปง
ณ สำนักงานอาชญาวิทยาและกฏหมายเมืองเดรกเค่น
“นี่ รอผมด้วยสิ ป็อปเปอร์ซัง”
เด็กหนุ่มผมทองวิ่งกระหืดกระหอบ จนมาหยุดพักเหนื่อยที่ถนนด้านหน้าของสำนักงานอาชญาวิทยาและกฏหมายเมืองเดรกเค่น ในขณะที่เด็กหนุ่มอีกคนเดินไปถึงประตูของสำนักงานแล้ว
ถึงแม้ว่าภายนอกที่นี่จะมีชื่อเสียงอย่างมากและคนทั่วไปรู้จักกันในนามของสำนักงานที่คนทั่วไปมาร้องทุกข์เกี่ยวกับคดีหรือการร้องเรียนทางกฏหมาย แต่จริงๆแล้วสำนักงานแห่งนี้มีความซับซ้อนมากกว่านั้น เพราะที่นี่เป็นสำนักงานหลักของโรงเรียนนักสืบเยาวชนตะวันออก สถานที่ซึ่งผู้อำนวยการโรงเรียนนักสืบทำการรับงานคดีสืบสวนต่างๆจากประชาชนในเมืองและนอกเมืองมาไว้ และคัดเลือก กรั่นกรอง เพื่อให้กลุ่มนักสืบที่จัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะกิจทำการสืบสวนเรื่องราวเหล่านั้นกันอย่างลับๆ
“ถึงแล้ว โชคดีจังที่พวกเรายังมาทันเวลา”
มีมี่ นักสืบสาววอชอสกี้พูดพลางดีใจตื่นเต้น ในขณะที่ใบหน้าของมิริน มาสเตอร์ของเขากำลังทำหน้าเบื่อหน่ายสุดขีด ทั้งสองรีบวิ่งขึ้นบันไดที่ทอดยาวไปยังสำนักงานนักสืบ
ใบหน้าของมีมี่กำลังยิ้มแย้มอารมณ์ดีก่อนจะเคาะประตูและเปิดประตูชั้นสองที่มีป้ายเขียนว่า ‘ห้องพักส่วนตัว พาติล เรดวู้ด’
“ขออนุญาตินะค่ะ”
เสียงของเด็กสาวดังขึ้นก่อนจะคะยั้นคะยอตัวเองและกระเป๋าใบเบ้อเริ่มเข้าไปในห้องของผู้อำนวยการโรงเรียนนักสืบ
ภายในห้องมีนักสืบชายหญิงกำลังนั่งรอท่านผู้อำนวยการอยู่ก่อนแล้ว เธอสังเกตุเห็นนักสืบลูแปงผมสั้นสีเทาควันบุหรี่ที่ระบุไม่ได้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกำลังนั่งอยู่ด้านหน้าสุดติดกับโต๊ะทำงานของผู้อำนวยการพาติล เรดวู้ด ถัดมาเป็น 2 นักสืบเชอร์ล็อกโฮมส์ ที่คนนึงเป็นผู้ชายหน้าตาบึ่งตึงที่ใครไปทักก็พร้อมที่จะระเบิดอารมณ์ออกมาทุกเมื่อ ถัดออกมาจากเขาเป็นเด็กหญิงผมยาวสีบรอนซ์ที่เหมือนกำลังบ่นพึมพำบางอย่างกับตัวเอง ส่วนอีกด้านหนึ่งมีผู้ชายสองคนกำลังยืนคุยกันอยู่ ผู้ชายคนแรกดูเหมือนจะนิ่งสงบกว่า ส่วนผู้ชายอีกคนกำลังยืนกอดอกและยิ้มแย้มให้กับนักสืบวอชอสกี้สองคนที่เพิ่งมาใหม่อย่างกระหืดกระหอบ
“มากันครบแล้วสินะ”
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอกประตู เธอเบียดร่างของมิรินและมีมี่ มีมเข้ามายังโต๊ะทำงานที่อยู่กลางห้อง ก่อนจะนั่งลงและค้นเอกสารอยู่พักใหญ่ เธอเป็นหญิงสาววัยประมาณ 30 ปีที่มีผมสีน้ำตาลเข้ม ที่คนทั่วไปรู้จักเธอในนามของผู้พิพากษาซึ่งรับงานสืบสวนและร้องเรียนคดีเกี่ยวกับกฏหมาย ในขณะที่พวกเราชาวนักสืบรู้จักเธอในนาม พาติล เรดวู้ด ผู้อำนวยการโรงเรียนนักสืบเยาวชนตะวันออกรุ่นที่ 3 แห่งเมืองเดรกเค่น
“ก่อนที่ ผอ. จะส่งรายละเอียดเกี่ยวกับคดีในการสืบสวนในแฟ้มสีเทานี้ ขอทำความเข้าใจและอธิบายเกี่ยวกับกฏและการสืบสวน” เธอพยายามอธิบายในขณะที่กำลังสลับแฟ้มสีเทาไปมาเพื่ออ่านรายละเอียดหน้าซอง
“นี่เป็นการสืบสวนครั้งแรกของพวกเธอ ดังนั้นในแฟ้มสีเทานี้จะมีรายละเอียดของคดี สถานที่ที่ให้ไปสืบ ตั๋วเดินทาง และรายชื่อนักสืบอีกสามคนที่จะร่วมกับเธอในการสืบคดีในครั้งนี้ แน่นอนว่าพวกเขามาจากตระกูลนักสืบที่แตกต่างไปจากพวกเธอ” พาติล เรดวู้ดพยายามอธิบาย ในขณะที่ ลูคัส ไลท์ เด็กหนุ่มผมทองจากตระกูลเฮอร์คูล ปัวโรต์ที่สักครู่ยังเหนื่อยกระหืดกระหอบแต่ตอนนี้กลับสนใจรูปตัวต่อรถไฟในห้องของผู้อำนวยการแทน
“เอ๋ หมายความว่ายังไงครับ ที่ว่าพวกเราต้องไปร่วมสืบคดีกับนักสืบตระกูลอื่น” เดอะเพน นักสืบที่ทำหน้าตาบึ้งตึ่งในตอนแรก พอมาถึงตอนนี้หน้าตาบึ้งตึ่งนั้นกลับเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก
“นั่นสิครับ พวกเรายังไม่รู้จักหน้าคราตานักสืบตระกูลอื่นเลย แถมพวกเรายังไม่รู้เลยว่าพวกเขาเก่งหรือถนัดด้านไหน” มาสเตอร์มิรินพูดท้วงขึ้นใกล้ๆกับสาวน้อยมีมี่ มีมที่มีสีหน้าเริ่มฉายแววคล้ายคลึงกัน
“แน่นอนว่าเรื่องนี้พวกเธอจะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การสืบคดีบางครั้งพวกเราก็ไม่รู้จักใครเลย แต่ก็ต้องมาสืบคดีร่วมกัน มีออกให้เห็นบ่อยไป โอ้!!! และที่สำคัญ นอกจากพวกเธอจะมีเพื่อนร่วมทีมในการสืบคดีแล้ว เมื่อวานยังมีนักสืบอีกชุดนึงที่มารับงานคดีเช่นเดียวกับพวกเธอ ดังนั้นสรุปได้ว่า พวกเธอยังมีคู่แข่งนักสืบอีก 1 ทีมที่จะไขคดีเดียวกับเธออีกด้วย” ผู้อำนวยการยังคงพูดต่อไป
“ดังนั้น ในมือของ ผอ ตอนนี้ มีแฟ้มคดี 7 คดี สำหรับ 7 คนที่อยู่ในนี้ แต่ละคดีมีความแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนที่อยู่ในนี้ พวกเธอจะต้องร่วมมือกับนักสืบอีกสามคนที่มาจากต่างตระกูลของเธอ ไม่ว่าจะเป็น ตระกูลเชอร์ล็อก โฮมส์ ตระกูลอาร์แซน ลูแปง ตระกูลวอชอสกี้ และตระกูลเฮอร์คูล ปัวโรต์”
โฟร์ท พยักหน้าความเข้าใจตามที่ผู้อำนวยการนักสืบกำลังพยายามอธิบายให้พวกเขาฟัง ผมสั้นสีน้ำตาลเทาของเธอกระดิกไปมาอย่างหยั่งรู้
“และนอกจากเพื่อนร่วมทีมแล้ว ยังมีอีกหนึ่งทีมนักสืบที่จะมาไขคดีเดียวกันกับพวกเรา ใช่ไหมคะ”
เด็กสาวผมบรอนซ์ พึมพำกับตัวเองเหมือนกำลังพยายามทำความเข้าใจกับตัวเอง
“ใช่แล้ว สมกับที่พวกเธอเป็นนักสืบหัวดีของโรงเรียน เข้าใจอะไรได้เร็วดี ดังนั้น…”
“โฟร์ท!!!”
สิ้นเสียงเรียกของผู้อำนวยการ ร่างของนักสืบผมสั้นสีเทาควันบุหรี่รีบลุกเดินไปหยิบซองแฟ้มคดีที่โต๊ะทำงาน
“เป็นกรณีพิเศษสำหรับเธอเกี่ยวกับคดีนี้ อย่าลืมไปเปิดอ่านหลังจากนี้ด้วยนะ”
ผู้อำนวยพูดฉายแววแอบมีความลับระหว่างเธอกับโฟร์ท “คนต่อไป เดอะ เพน”
เด็กหนุ่มเชอร์ล็อกโฮมส์หน้าตาบึ้งตึงรีบลุกเข้ามาหยิบเอกสารแฟ้มคดีกับหญิงสาว
“เฮเลน่า สวอน”
หญิงสาวที่แอบพึมพำกับตัวเองรีบลุกพรวดขึ้นมาหยิบและจับมือกับท่านผู้อำนวยการเสียยกใหญ่
“ป็อบ เดอะริบเปอร์”
เด็กชายจากตระกูลเฮอร์คูล ปัวโรต์เดินมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดที่ต้องร่วมงานกับตระกูลอื่นอย่างเห็นได้ชัด
“ลูคั……..”
แทบผู้อำนวยการไม่ต้องพูดชื่อเขาจนจบ ลูคัส ไลท์ เด็กหนุ่มจากตระกูลเฮอร์คูล ปัวโรต์ รีบวิ่งมารับภารกิจด้วยท่าทีอารมณ์ดีอย่างสุดๆ
“มิริน”
เด็กหนุ่มสีหน้าจริงจังแต่ฉายแววเจ้าเล่ห์ เดินมาหยิบแฟ้มคดีอย่างช้าๆ
“และคนสุดท้าย มีมี่ มีม”
เด็กสาววอชอสกี้ รีบลุกจากที่นั่งโซฟาหยิบซองแฟ้มคดีด้วยท่าทางที่ดีใจและตื่นเต้นระคนกัน เธอรีบหยิบและถอยหลังไปยืนใกล้ๆกับหกคนที่เหลือที่ตอนนี้ยืนตรงเรียงแถวหน้ากระดานด้านหน้าของผู้อำนวยการที่มีอาการตื่นเต้น ตื่นตระหนกกับการสืบสวนที่จะเริมขึ้น
“และตอนนี้ ทุกคนฝากความหวังไว้กับพวกเธอ จงสืบสวนด้วยความยุติธรรมและขจัดสิ่งเลวร้ายออกไปจากเมืองเดรกเค่น จงแสดงชื่อเสียงของตระกูลและโรงเรียนนักสืบเยาวชนตะวันออกให้กลายเป็นตำนาน”
และนั่นเป็นคำสุดท้ายที่พวกเราได้รับจากท่านผู้อำนวยการโรงเรียนนักสืบพาติล เรดวู้ด ก่อนการสืบคดีจริงครั้งแรกของพวกเราทั้ง 7 คน จะเริ่มต้นขึ้น…
ความคิดเห็น