ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ZONE17 R.49 -+:: จุดเริ่มต้น ::+-
ค.ศ.2905
    วิวัฒนาการของโลกเริ่มพัฒนามากขึ้น จนถึงขีดสุดของวิวัฒนาการทั้งหมดทั้งมวล ปรากฏการณ์เรือนกระจกเมื่อสองร้อยปีก่อนทำให้น้ำท่วมโลก เมืองทุกเมืองบนโลกจึงถูกยกตัวสูงขึ้นจากพื้นน้ำโดยใช้เสาแก้วขนาดหนาและใหญ่เป็นแกนแทงลงไปใต้พื้นมหาสมุทร แล้วสร้างโดมคล้ายแท้งน้ำขนาดใหญ่ไว้บนยอดสุดของเสาแก้ว หรือไม่ก็วางเป็นชั้นๆ แล้วแต่วิศวกรจะออกแบบ ถ้าจะถามว่าตอนนี้ยังมีแผ่นดินเหลืออยู่มั้ย... คำตอบคือไม่มีแผ่นดินเหลืออยู่เลย นอกจากแผ่นดินใต้สมุทรเท่านั้น แต่ยังดีที่ยังเหลือพื้นดินอยู่...ซึ่งนั้นหมายถึงดินที่ถูกเพาะเลี้ยงหรือที่เขาเรียกกันว่าสังเคราะห์ขึ้น เป็นดินเทียมที่ถูกสร้างขึ้นโดยจุดประสงค์ง่ายๆ คือ สร้างมาเพื่อการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และสถานที่ๆ มีพื้นดินหรือพื้นหญ้าตั้งอยู่ในตัวอาคาร (นั่นเป็นเรื่องปกติ) จะเป็นสถานที่ในสังกัดของรัฐบาลทั้งหมด ถนนทุกเส้นก็ถูกยกตัวสูงขึ้นคล้ายสะพานข้ามแม่น้ำในสมัยก่อนซึ่งมันยาวสุดลูกหูลูกตาไม่มีที่สิ้นสุด ทางเท้าที่เอาไว้ให้คนเดินจะอยู่สูงกว่าพื้นถนน ทางเดินเท้าทำจากหลอดแก้วใสคล้ายท่อประปา ทางเท้าบางแห่งอาจจะยาวข้ามจังหวัดหรือประเทศเลยก็มี เพราะมันเป็นบันไดเลื่อนที่กว้างขวางพอสมควร ทางเท้าจึงเป็นทางที่เด็กวัยรุ่นที่อายุประมาณผมนิยมใช้กันมากกว่ารถยนต์ ซึ่งรถยนต์นั้นมีราคาแพงโขอยู่ ส่วนเงินตราก็ใช้สกุลยูโรเหมือนกันหมดทั้งโลกไม่เหมือนเมื่อหลายพันปีก่อนที่มีเงินหลายสกุลเช่น  ดอลร่าร์ ปอนด์ ยูโร โครน บาท เยน วอน เขาว่ากันว่าสภาพเมืองในปัจจุบันที่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกยกสูงขึ้นจากพื้นน้ำถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่คริสต์ศักราช 2316 หรือเมื่อห้าร้อยแปดสิบเก้าปีที่แล้ว ผมคิดว่าพวกนักวิทยาศาสตร์คงจะคิดไว้ก่อนแล้วว่าจะต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบนโลก
    “แล้วนั่นคือโลกของเรา”
    อาจารย์สอนชีวะพูดขึ้นพลางชี้นิ้วไปที่หน้าต่างทรงกลม ตอนนี้พวกเราอยู่กันบนอวกาศ ห้องเรียนบนอวกาศ อยากจะบอกว่ามันสุดยอดมาก ผมนั่งมองออกไปนอกอวกาศอันเวิ้งว้างและว่างเปล่า
   
    “โหเฮ้ยสุดยอดวะว่าม่ะ! ให้ตายดิ!น่าจะให้ขึ้นมาดูตั้งแต่เกรดสิบแล้วเนอะๆ” แม็กตะโกนลุกขึ้นยืนแล้วเอามือทั้งสองข้างเกาะกระจกไว้แน่น
    “แม็ก! ชักจะเว่อเกินไปซะล่ะมั้ง”  อาจารย์แดเนียร์เดินตรงมาที่แม็กแล้วยกม้วนกระดาษในมือตีเข้าที่หัวของแม็กอย่างจัง “โอ๊ย! จานอะ ขอดูแค่นี้เองอะ ตีผมทำไม” แม็กเอายกมือขึ้นกุมหัว แล้วค่อยๆ นั่งลงข้างผม
    “หมดคาบแล้ว เราจะลงถึงเมืองภายในสิบห้านาที คาดเข็มขัดแล้วนั่งประจำที่น่ะโอเค้ ทำตามถ้าไม่อยากโดนไอนี่!” อาจารย์ชูม้วนกระดาษขึ้นแล้วมองแม็กด้วยหางตาก่อนที่อาจารย์จะนั่งลงในที่ของตัวเอง
   
    ผมเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในอเมริกา ส่วนแม็กเพื่อนสนิทของผมเขาเป็นคนจีน แล้วผู้หญิงที่นั่งคนเดียวอยู่ตรงโน้น ฮันจี สาวชาวเกาหลีเธอเป็นลูกครึ่งซึ่งต่างจากผมกับแม็ก คือผมกำลังหมายความว่าผมกับแม็กไม่ใช่ลูกครึ่ง ผมชายตามองเธออีกครั้งก่อนจะรัดเข็มขัดนิรภัย ผมหลับตาปี๋แล้วเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันของบรรยากาศโลก แรงกดดันนั่นทำให้ผมเหมือนคนถูกดันให้หลังติดเบาะ โอ๊ย! ให้ตายผมรู้สึกอยากจะอ้วก แอด! แอด!! แอด!!! เสียงอะไรอ่า! ชักรู้สึกไม่ค่อยดีแล้วซิกับไอเสียงนี่ ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองดวงไฟสีแดงที่กระพริบวาบๆ ไปมาอยู่เหนือศีรษะผม
    “นั่นไรอะ!” แม็กหันมาถามผมก่อนที่จะชี้นิ้วไปทีไอไฟบ้านั่น
    “ไม่รู้” กึก! หลังจากเสียงนั่นดังขึ้นไม่ถึงวิ...เครื่องขับเคลื่อนก็หยุด ผมรีบปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วยืนขึ้นทันที “ออต...จะไปไหน” แม็กตะโกนถามแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะวิ่งตามผมมา ให้ตายซิ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ผมวิ่งไปเกาะหน้าต่างที่เป็นบานที่ใหญ่ที่สุดในห้องเรียน ไม่จริง! ขอให้มันไม่จริง! แสงนี่! แสงแบบนี้ เหมือนในฝันเมื่อคืนเลย ผมแทบบ้าพอเห็นลูกไฟขนาดมหึมาพุ่งเข้าหาโลก
    “อะไรอะ...นั่นอะไร!” แม็กตะโกนแล้วกระโดดไปมา “ออต!...” ทันทีที่ผมหันไปมองแม็กที่เรียกชื่อผมดังลั่นตัวของผมก็กลิ้งอย่างกับลูกหมาไปติดอยู่ที่เก้าอี้ตัวแรกของห้อง เด็กผู้หญิงที่นั่งหลังติดเบาะก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดออกมาบาดแก้วหูชะมัด ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งชันเข่า แล้วเอาหลังมือปาดเลือดที่ไหลออกมาจากปาก ส่วนแม็กก็นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นห้องเรียน ผมตะเกียดตะกายก้าวขึ้นไปเกาะหน้าต่างอย่างยากลำบากแล้วมองดูลูกไฟลูกนั้น...
    “นั่งที่เดี๋ยวนี้ ออต! นั่งลงแล้วรัดเข็มขัดซะ!” อาจารย์แดเนียร์ส่งเสียงดังพร้อมกับปลดเข็มขัดนิรภัยของเธอออก แล้วรีบวิ่งไปอุ้มแม็กขึ้นมาจากพื้น “นั่งลงออต! ฉันบอกให้เธอนั่งไง! ให้ตายซิฟังกันบ้าง เธอทำให้เด็กนักเรียนคนอื่นแตกตื่นน่ะรู้ม่ะ มีสติหน่อยซิ สติ!” อาจารย์พูดทั้งที่มือของเธอยังพัลวันอยู่กับการจับแม็กที่สลบไม่รู้เรื่อง รัดเข็มขัดนิรภัย “ฉันบอกให้เธอนั่ง ออต!” ผมส่ายหน้าแล้วมองลูกไฟลูกนั้นต่อไป มันวิ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกแล้ว ให้ตายซิ!
    ครืด! เสียงนี้ดังขึ้นพร้อมกับการทรงตัวของห้องเรียน...จากแสงสีแดงเมื่อกี้ก็ค่อยๆ กลับกลายไปเป็นแสงที่ขาวเหมือนปกติ ผมจึงค่อยๆ เดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้อย่างว่าง่าย อาจารย์เดินมาแตะไหล่ผมก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมของเธอ
    “ห้องเรียนจะถึงพื้นหญ้าหน้าโรงเรียนในอีกสิบนาที” อาจารย์พูดพร้อมกับรัดเข็มขัดนิรภัย แม็กยังสลบอยู่ ถึงผมจะเขย่าตัวแม็กแรงแค่ไหนเขาก็ยังไม่ลืมตา แล้วอีกสิบนาทีต่อมาเครื่องก็ลงจอดที่พื้นหญ้าหน้าโรงเรียนอย่างปลอดภัยและสมบูรณ์ ผมปลดเข็มขัดของแม็กออกแล้วแบกแม็กที่ตัวหนักอึ้งลงจากห้องเรียน เด็กเกรดเจ็ดหลายคนกำลังจะเดินออกจากโรงเรียน อาจารย์สี่คนรีบวิ่งมาหาผมแล้วหามแม็กเข้าไปในห้องพยาบาล ผมเลยค่อยๆ เดิมตามเขาไป
    ทำไม! ทุกคนที่นี่ถึงไม่รู้สึกอะไรบางเลย...ไม่รู้สึกอะไรเลยงั้นหรอ ไม่รู้สึกเลยงั้นซิว่ามีลูกไฟลูกใหญ่ที่มีขนาดกว้างใหญ่กว่าโรงเรียนของผมตกลงมาบนโลก ผมเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาจี๊ดๆ ผมเลยเอามือทั้งสองกำขมับไว้แน่น แล้วมือเย็นๆ ของใครบางคนก็ถูกวางลงบนไหล่ข้างซ้ายของผมอย่างช้าๆ ผมค่อยๆ หันไป เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่เรียนอยู่ห้องเดียวกับผม เธอมีนัยน์ตาสีฟ้าเหมือนพ่อและใบหน้าอันขาวสะอาดดั่งหิมะเหมือนแม่...เธอคือฮันจีผู้น่ารักของผม ผมส่งยิ้มหวานให้เธอเหมือนกันอาการปวดหัวของผมเมื่อกี้หายเป็นปลิดทิ้ง
    “ไปหาแม็กหรอ” เธอถามผมพร้อมวิ่งนำหน้าผมไปก่อนที่จะหันกลับมาแล้วเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ   
    “อะ...อืม ไปหาแม็ก ไปด้วยกันมั้ย” ผมชวนเธอ แต่เธอกลับส่ายหัว   
    “ฮึ...ไม่ไป...” เธอส่งยิ้มให้ผมพร้อมกับชูนิ้วชี้ทั้งสองข้างขึ้น แล้วเธอก็กระดกมันขึ้นลง “ล้อเล่นจ้า อย่าทำหน้าแบบนั้นซิ ตลกชะมัด” แล้วเธอก็วิ่งนำหน้าผมไป ผมค่อยๆ เดินตามหลังเธอไปอย่างช้าๆ แล้วเรื่องลูกไฟบ้านั้นก็วิ่งเข้ามาในหัวของผมอีกครั้ง ผมหยุดแวะแล้วก้าวเข้าไปในห้องเรียนประวัติศาสตร์ที่อยู่ระหว่างทาง ผมพยายามจ้องมองแผนที่โลกขนาดใหญ่ที่อยู่บนพนังดิจิตอล มองแบบนี้ไม่สะดวกเลยแฮะ ผมเลยถอดใจแล้วเดินตรงไปที่ห้องพยาบาล
    พอผมเดินเข้าไปในห้องพยาบาลแม็กก็ลุกขึ้นนั่งแล้วมองหน้าผมอย่างงงๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วอ้วกลงพื้นอย่างเอาเป็นเอาตาย หุ่นยนต์ทำความสะอาดเลยต้องทำความสะอาดกันยกใหญ่ เย็นวันนี้เลยต้องกลายเป็นผมที่ต้องพาแม็กกลับบ้าน แม็กยืนหน้าซีดอยู่บนทางเดินเคลื่อนที่
    “อ้วกไปซะหมดเลย” แม็กพูดพลางนั่งลงบนทางเดินแล้วกระตุกขาผมให้นั่งลงเป็นเพื่อนเขา ผมเลยค่อยๆ นั่งลงแล้วหันออกไปมองทะเลที่อยู่ด้านนอก ผมกำลังสงสัยว่ามันตกอยู่ตรงจุดไหน ผมเลยลุกขึ้นพรวดแม็กสะดุ้งแล้วมองหน้าผมอย่างงงๆ
    “จะไปไหนอีกอะ ไม่ไปส่งฉันแล้วหรอไง”
    “ไม่! แกต้องมากับฉัน แยกนี้แหละ” ผมดึงแม็กให้ลุกขึ้นแล้วลากแม็กไปที่ทางแยกเดียวที่สามารถพอเราสองคนไปที่ ZONE17 R.25 ได้...
    “แกกำลังจะตรงไปไหนเนี่ย”
    “ที่ทำงานพ่อ” ผมพูดแล้วหันกลับไปมองแม็กที่กำลังทำหน้างง
    “ไปทำมาย ฉันจะอ้วกแตกตายอยู่แล้ว” แม็กพูดอย่างพะอึดพะอม แล้วรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองไว้ก่อนที่อาหารเช้าหรืออะไรทั้งหมดจะพุ่งออกมาจากปากอีกครั้ง
ZONE17 R.25 T.022
    ที่ตั้งของที่ทำการรัฐบาลสังเคราะห์ดิน วิวัฒนาการสร้างอากาศ และบรรยากาศโลก หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า ‘T.022’
    “ชั้นเก้า” ผมพูดขึ้นขณะที่มองแม็กหอบหายใจ แล้วลิฟต์ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำประตูลิฟต์ก็เปิดออกอย่างช้าๆ ผมรีบก้าวออกจากลิฟต์ แต่...แม็กก็คว้าเสื้อของผมไว้
    “ค่อยๆ ไปฉันจะตายอยู่แล้ว” เขามองผม...ใบหน้าของเขายิ่งซีดหนักกว่าเดิมอีก ผมเลยต้องจำใจค่อยๆ เดินตรงไปที่ห้องทำงานของพ่ออย่างช้าๆ...
    “ลูกชายของศาสตาจารย์พีระภัทธ์เปิดประตูที ทรีนีตี้” ผมพูดกับคอมพิวเตอร์โพโรแกรมหน้าห้องทำงานของพ่อ ผมว่าถ้าทรีนีตี้เป็นผู้หญิงจริงๆ เธอคงเสร็จพ่อผมไปแล้วแต่น่าเสียดายที่เธอเป็นแค่คอมพิวเตอร์โพโรแกรม “เปิดประตูเหอะน่า โอเคงั้น ฉันจะจุ๊บเธอหนึ่งที แลกกับการเปิดประตู” แม็กจ้องผมตาเขม็งแล้วเบรกผมไว้ไม่ให้จุ๊บปากของทรีนีตี้
    “ให้ฉันจุ๊บแทนแกได้ปะ” แม็กมองผมแล้วหันไปมองทรีนีตี้
    “ถ้าฉันจะให้คุณจุ๊บปากดิฉัน ดิฉันว่าดิฉันขอลาตายดีกว่าค่ะ” แล้วทรีนีตี้ก็หายไปในกำแพง แล้วประตูเหล็กกล้าที่หนักอึ้งก็เปิดออกช้าๆ ไอเย็นจากในห้องทำให้ผมเกือบจะแข็งตาย
    “อ้าว! มาได้ไง จะมาหาพ่อเหรอ แหมเดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว”
    “เปล่าฮะ ผมมายืมคอมของพ่อ” ผมพูดพลางเดินผ่านควันที่ตลบอบอวลแล้วตรงดิ่งไปหาพ่อที่กำลังก้มลงเก็บตัวอย่างดินอยู่
    “แค่ยืมคอมที่บ้านก็มี” พ่อของออตพูดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ซักเท่าไหร่
    “แต่มันใหญ่ไม่พอ”
   
    ทันทีที่ผมยืนอยู่ตรงหน้าแผ่นโพโรแกรมใสขนาดใหญ่ ผมก็ค่อยๆ วางนิ้วลงบนแผ่นโพโรแกรมที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าอย่างนิ่มนวล คอมพิวเตอร์โพโรแกรมเครื่องนี้บูทเครื่องไม่ถึงห้าวิด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับที่บ้านหรอเหอะเกือบห้านาที แม็กยืนอยู่ข้างผมแล้วมองสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่
    “แผนที่โลกใช่มั้ย” ถึงแม็กจะดูซื่อ(บื้อ)ในบางครั้ง แต่เขาก็เป็นคนที่สอบวิชาแผนที่โลกศาสตร์ได้ที่หนึ่งของโรงเรียน ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อซักเท่าไหร่เลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่แม็กไปโกรกผมสีทอง ดูเหมือนน้ำยาโกรกผมจะไปทำปฏิกิริยาอะไรกับเซลล์สมองของเขาแน่ๆ ผมค่อยๆ กางแผนที่โลกแผ่นใหญ่ออก ตรงไหนน่ะที่มันเป็นที่ตกของลูกไฟบ้านั่นให้ตายซิ
    “มันน่าจะแถวๆ R.64 น่ะ” แม็กเอานิ้วจิ้มลงบนคอมพิวเตอร์โพโรแกรมที่แสดงภาพเสมือนจริง “ลองเช็คดูว่าสองสามชั่วโมงก่อนมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปรึเปล่า” แม็กยังวุ่นอยู่กับหน้าคอมฯ ต่อไปส่วนผมก็มีหน้าที่ยืนมองเงียบๆ “มันไม่เห็นจะมีอะไร...หรือว่าตกที่อื่น แต่มันไม่น่าจะใช่ มันน่าจะเป็นตรงนี้นี่”
    “ทำอะไรกัน!” พ่อของผมเดินเข้ามาแล้วตวาดใส่ผมกับแม็กทันที “ทำอะไร เปิดแผนที่โลกทำไม ห๊ะ!”
    “อะไรครับพ่อผมแค่...” พ่อไม่สนใจคำพูดของผมแล้วเดินตรงไป ปิดคอมพิวเตอร์โพโรแกรมสุดไฮเท็คทันที “พ่อฮะ...ผมเปล่า ผมแค่ดูเฉยๆ”
    “เอะ! ใจอยู่แล้วเชียว...ที่ว่าคอมที่บ้านเล็ก แผนที่โลกมันมีอะไรงั้นหรอ ตอบมาซิ!”
    “ทำไมพ่อต้องโมโหขนาดนั้นด้วยล่ะ”
    “กลับไปเดี๋ยวนี้ แล้วไปรอพ่อที่บ้าน เราจะได้เห็นดีกัน”
   
    เขาโมโหอะไรของเขา... ผมหันกลับไปมองพ่อก่อนจะวิ่งออกมากับแม็กอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก แม็กแยกกับผมที่ทางแยก R.25 แม็กต้องไปถึงถนน R.40 ซึ่งมันอยู่ทางซ้ายมือส่วนผมต้องย้อนกลับลงมาเพื่อกลับไปให้ถึงบ้านที่ถนน R.49 ซึ่งมันเป็นถนนเส้นเดียวกับโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่ ผมแหงนหน้ามองอพาร์ตเมนต์ของตัวเองแล้วค่อยๆ เข้าไปในลิฟต์แก้วอย่างช้าๆ ผมมองไปที่ป้ายโฆษณาดิจิตอลที่ถูกตั้งไว้ทุกหนแห่ง
    ‘ลองดูซิค่ะ’ ฮันจีนี่! นั่นมันฮันจีโฆษณาน้ำผลไม้หรอ ให้ตายซิสุดสวยของผม ผมยืนเกาะลิฟต์แก้วก่อนที่เจ้าโพโรแกรมจะออกมายืนมองแล้วไล่ผมให้ออกจากลิฟต์ไป ถึงพวกมันจะคล้ายคนมากแต่พวกมันก็ทำงานตามโปรแกรมที่ถูกตั้งไว้ เฮ่อ~ผมเดินคอตกออกมาจากลิฟต์ แล้วค่อยๆ เดินตรงไปที่ห้องของผมที่มีผมพ่อแล้วก็แม่อยู่กันแค่สามคน
    ผมให้คอมพิวเตอร์สแกรนม่านตา แล้วประตูก็เปิดออกผมเดินเข้าไปในห้องนอน ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปผมก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนทันที เอาว่ะถึงคอมมันจะเล็กก็เปิดดูแผ่นที่โลกให้เหมือนกันนั่นแหละ ผมเอื้อมมือไปแตะคอมฯ แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจก็คือทรีนีตี้โผล่ขึ้นมาตรงหน้า แล้วบอกกับผมว่า ‘ห้ามเปิดคอมน่ะค่ะ เพราะคุณพ่อของคุณสั่งดิฉันเอาไว้ค่ะ’ ผมเลยทำได้แค่นอนเซ็งอยู่บนเตียง แล้วในที่สุดผมก็เผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
    ซ่า~~~~ ซ่า~~~~~ ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นเพราะเสียงฝนที่ตกลงมาแรงกว่าปกติ...นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย ผมมองนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือ เลขดิจิตอลที่อยู่ในนาฬิกาก็เด้งขึ้นมาเป็นเลขโพโรแกรมสีเขียวกระพริบๆ ผมเลยละจากนาฬิกาข้อมือแล้วลุกขึ้นยืน ตีสองสิบนาที ผมเดินออกจากห้องแล้วเดินตรงดิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ทำไมวันนี้ฝนถึงตกได้น่ะแปลกดีจัง...ผมคิดขณะที่กำลังถอดเสื้อผ้า
    ผมออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวที่อยู่บนหัวของผม บ้านทั้งหลังมืดไปหมด...ผมมองออกไปนอกหน้าต่างผมเห็นแต่ท้องทะเลสีดำมืดสนิท ตึง! ตึง!! ตึง!!! ผมหันไปที่ประตูบ้านทันที
   
    “ออต เปิด เปิดเดี๋ยวนี้ เปิด!” แม็กกำลังทำบ้าอะไรของมัน ผมวิ่งออกไปเปิดประตูแล้วผมก็ต้องช็อกที่ใบหน้าของมันซีดซะกว่าตอนที่เขาอ้วกเสร็จซะอีก
    “อะไร! มีอะไร! แกมาจาก R.40 คนเดียวตอนดึกๆ แบบนี้เนี้ยน่ะ” แม็กส่ายหน้าแล้วชี้ออกไปนอกห้อง ผมชะโงกหน้าออกไปดู ก็เจอผู้คนมากมายกำลังขับรถออกไปจาก ZONE17 (ทิศเหนือของอเมริกา) ผมถึงกับทำผ้าเช็ดตัวที่อยู่บนหัวของตัวเองร่วงลงกับพื้น “ทำไม! ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ” ผมเริ่มเขย่าตัวแม็กแรงขึ้น “พ่อล่ะ พ่อที่อยู่ที่ T.022 พ่อของฉันกลับมาแล้ว...จริงๆ น่ะเขากลับมาแล้ว” ผมลุกลี้ลุกล้นหันหน้ากลับเข้าห้อง “เปิดไฟ!” ผมตะคอกออกไปอย่างไม่รู้ตัว แล้วไฟก็เปิด พรึบ! “พ่อ...พ่อ! พ่อ!!! ผมไม่สนุกออกมาเถอะ ผมไม่สนุกเลยน่ะให้ตายซิ ให้ตายเหอะ ออกมาเถอะ ผมขอร้อง!” ไม่มีเสียงตอบจากใครที่อยู่ในบ้าน ผมอยู่คนเดียวในบ้านนี้มาตลอดจนถึงตีสอง...ผมรีบผลักประตูห้องนอนของผมอย่างแรง แล้วเอื้อมมือพยายามจะเปิดคอมอีกครั้งเพื่อจะให้ทรีนีตี้ออกมาหาผม
    “ห้ามเปิดคอมน่ะค่ะ เพราะคุณพ่อของคุณสั่งดิฉันเอาไว้ค่ะ” ทรีนีตี้พูดพลางส่งยิ้มให้ผมนี่มันเกิดอะไรขึ้น...กับโลกใบนี้อีกล่ะเนี่ย
ปล.1
      ZONE = เขต
      R. = ถนน
      T. = ชื่อย่อของตึกที่อยู่ในสังกัดของรัฐบาล ส่วนมากจะใช้กับชื่อตึกของรัฐบาลที่ยาวมากเกินไป
ปล.2
ไม่ต้องตกจายเพราะเรื่องนี้ได้แรงบันดารใจมากจากหนังเรื่อง วอร์ ออฟ เดอะเวิล ถ้ามันเหมือนมากไป
ก็ขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วย แต่คิดว่ามันคงจะไม่เหมือนเท่าไหร่น่ะ ห้าหน้าเนี่ยแต่งนานมากเลยน่ะ -_- เรียน
หนักจาเอ็นและด้วยง้า ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า งิงิ
    วิวัฒนาการของโลกเริ่มพัฒนามากขึ้น จนถึงขีดสุดของวิวัฒนาการทั้งหมดทั้งมวล ปรากฏการณ์เรือนกระจกเมื่อสองร้อยปีก่อนทำให้น้ำท่วมโลก เมืองทุกเมืองบนโลกจึงถูกยกตัวสูงขึ้นจากพื้นน้ำโดยใช้เสาแก้วขนาดหนาและใหญ่เป็นแกนแทงลงไปใต้พื้นมหาสมุทร แล้วสร้างโดมคล้ายแท้งน้ำขนาดใหญ่ไว้บนยอดสุดของเสาแก้ว หรือไม่ก็วางเป็นชั้นๆ แล้วแต่วิศวกรจะออกแบบ ถ้าจะถามว่าตอนนี้ยังมีแผ่นดินเหลืออยู่มั้ย... คำตอบคือไม่มีแผ่นดินเหลืออยู่เลย นอกจากแผ่นดินใต้สมุทรเท่านั้น แต่ยังดีที่ยังเหลือพื้นดินอยู่...ซึ่งนั้นหมายถึงดินที่ถูกเพาะเลี้ยงหรือที่เขาเรียกกันว่าสังเคราะห์ขึ้น เป็นดินเทียมที่ถูกสร้างขึ้นโดยจุดประสงค์ง่ายๆ คือ สร้างมาเพื่อการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และสถานที่ๆ มีพื้นดินหรือพื้นหญ้าตั้งอยู่ในตัวอาคาร (นั่นเป็นเรื่องปกติ) จะเป็นสถานที่ในสังกัดของรัฐบาลทั้งหมด ถนนทุกเส้นก็ถูกยกตัวสูงขึ้นคล้ายสะพานข้ามแม่น้ำในสมัยก่อนซึ่งมันยาวสุดลูกหูลูกตาไม่มีที่สิ้นสุด ทางเท้าที่เอาไว้ให้คนเดินจะอยู่สูงกว่าพื้นถนน ทางเดินเท้าทำจากหลอดแก้วใสคล้ายท่อประปา ทางเท้าบางแห่งอาจจะยาวข้ามจังหวัดหรือประเทศเลยก็มี เพราะมันเป็นบันไดเลื่อนที่กว้างขวางพอสมควร ทางเท้าจึงเป็นทางที่เด็กวัยรุ่นที่อายุประมาณผมนิยมใช้กันมากกว่ารถยนต์ ซึ่งรถยนต์นั้นมีราคาแพงโขอยู่ ส่วนเงินตราก็ใช้สกุลยูโรเหมือนกันหมดทั้งโลกไม่เหมือนเมื่อหลายพันปีก่อนที่มีเงินหลายสกุลเช่น  ดอลร่าร์ ปอนด์ ยูโร โครน บาท เยน วอน เขาว่ากันว่าสภาพเมืองในปัจจุบันที่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกยกสูงขึ้นจากพื้นน้ำถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่คริสต์ศักราช 2316 หรือเมื่อห้าร้อยแปดสิบเก้าปีที่แล้ว ผมคิดว่าพวกนักวิทยาศาสตร์คงจะคิดไว้ก่อนแล้วว่าจะต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบนโลก
    “แล้วนั่นคือโลกของเรา”
    อาจารย์สอนชีวะพูดขึ้นพลางชี้นิ้วไปที่หน้าต่างทรงกลม ตอนนี้พวกเราอยู่กันบนอวกาศ ห้องเรียนบนอวกาศ อยากจะบอกว่ามันสุดยอดมาก ผมนั่งมองออกไปนอกอวกาศอันเวิ้งว้างและว่างเปล่า
   
    “โหเฮ้ยสุดยอดวะว่าม่ะ! ให้ตายดิ!น่าจะให้ขึ้นมาดูตั้งแต่เกรดสิบแล้วเนอะๆ” แม็กตะโกนลุกขึ้นยืนแล้วเอามือทั้งสองข้างเกาะกระจกไว้แน่น
    “แม็ก! ชักจะเว่อเกินไปซะล่ะมั้ง”  อาจารย์แดเนียร์เดินตรงมาที่แม็กแล้วยกม้วนกระดาษในมือตีเข้าที่หัวของแม็กอย่างจัง “โอ๊ย! จานอะ ขอดูแค่นี้เองอะ ตีผมทำไม” แม็กเอายกมือขึ้นกุมหัว แล้วค่อยๆ นั่งลงข้างผม
    “หมดคาบแล้ว เราจะลงถึงเมืองภายในสิบห้านาที คาดเข็มขัดแล้วนั่งประจำที่น่ะโอเค้ ทำตามถ้าไม่อยากโดนไอนี่!” อาจารย์ชูม้วนกระดาษขึ้นแล้วมองแม็กด้วยหางตาก่อนที่อาจารย์จะนั่งลงในที่ของตัวเอง
   
    ผมเป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในอเมริกา ส่วนแม็กเพื่อนสนิทของผมเขาเป็นคนจีน แล้วผู้หญิงที่นั่งคนเดียวอยู่ตรงโน้น ฮันจี สาวชาวเกาหลีเธอเป็นลูกครึ่งซึ่งต่างจากผมกับแม็ก คือผมกำลังหมายความว่าผมกับแม็กไม่ใช่ลูกครึ่ง ผมชายตามองเธออีกครั้งก่อนจะรัดเข็มขัดนิรภัย ผมหลับตาปี๋แล้วเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันของบรรยากาศโลก แรงกดดันนั่นทำให้ผมเหมือนคนถูกดันให้หลังติดเบาะ โอ๊ย! ให้ตายผมรู้สึกอยากจะอ้วก แอด! แอด!! แอด!!! เสียงอะไรอ่า! ชักรู้สึกไม่ค่อยดีแล้วซิกับไอเสียงนี่ ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองดวงไฟสีแดงที่กระพริบวาบๆ ไปมาอยู่เหนือศีรษะผม
    “นั่นไรอะ!” แม็กหันมาถามผมก่อนที่จะชี้นิ้วไปทีไอไฟบ้านั่น
    “ไม่รู้” กึก! หลังจากเสียงนั่นดังขึ้นไม่ถึงวิ...เครื่องขับเคลื่อนก็หยุด ผมรีบปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วยืนขึ้นทันที “ออต...จะไปไหน” แม็กตะโกนถามแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะวิ่งตามผมมา ให้ตายซิ! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ผมวิ่งไปเกาะหน้าต่างที่เป็นบานที่ใหญ่ที่สุดในห้องเรียน ไม่จริง! ขอให้มันไม่จริง! แสงนี่! แสงแบบนี้ เหมือนในฝันเมื่อคืนเลย ผมแทบบ้าพอเห็นลูกไฟขนาดมหึมาพุ่งเข้าหาโลก
    “อะไรอะ...นั่นอะไร!” แม็กตะโกนแล้วกระโดดไปมา “ออต!...” ทันทีที่ผมหันไปมองแม็กที่เรียกชื่อผมดังลั่นตัวของผมก็กลิ้งอย่างกับลูกหมาไปติดอยู่ที่เก้าอี้ตัวแรกของห้อง เด็กผู้หญิงที่นั่งหลังติดเบาะก็ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดออกมาบาดแก้วหูชะมัด ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งชันเข่า แล้วเอาหลังมือปาดเลือดที่ไหลออกมาจากปาก ส่วนแม็กก็นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นห้องเรียน ผมตะเกียดตะกายก้าวขึ้นไปเกาะหน้าต่างอย่างยากลำบากแล้วมองดูลูกไฟลูกนั้น...
    “นั่งที่เดี๋ยวนี้ ออต! นั่งลงแล้วรัดเข็มขัดซะ!” อาจารย์แดเนียร์ส่งเสียงดังพร้อมกับปลดเข็มขัดนิรภัยของเธอออก แล้วรีบวิ่งไปอุ้มแม็กขึ้นมาจากพื้น “นั่งลงออต! ฉันบอกให้เธอนั่งไง! ให้ตายซิฟังกันบ้าง เธอทำให้เด็กนักเรียนคนอื่นแตกตื่นน่ะรู้ม่ะ มีสติหน่อยซิ สติ!” อาจารย์พูดทั้งที่มือของเธอยังพัลวันอยู่กับการจับแม็กที่สลบไม่รู้เรื่อง รัดเข็มขัดนิรภัย “ฉันบอกให้เธอนั่ง ออต!” ผมส่ายหน้าแล้วมองลูกไฟลูกนั้นต่อไป มันวิ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกแล้ว ให้ตายซิ!
    ครืด! เสียงนี้ดังขึ้นพร้อมกับการทรงตัวของห้องเรียน...จากแสงสีแดงเมื่อกี้ก็ค่อยๆ กลับกลายไปเป็นแสงที่ขาวเหมือนปกติ ผมจึงค่อยๆ เดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้อย่างว่าง่าย อาจารย์เดินมาแตะไหล่ผมก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมของเธอ
    “ห้องเรียนจะถึงพื้นหญ้าหน้าโรงเรียนในอีกสิบนาที” อาจารย์พูดพร้อมกับรัดเข็มขัดนิรภัย แม็กยังสลบอยู่ ถึงผมจะเขย่าตัวแม็กแรงแค่ไหนเขาก็ยังไม่ลืมตา แล้วอีกสิบนาทีต่อมาเครื่องก็ลงจอดที่พื้นหญ้าหน้าโรงเรียนอย่างปลอดภัยและสมบูรณ์ ผมปลดเข็มขัดของแม็กออกแล้วแบกแม็กที่ตัวหนักอึ้งลงจากห้องเรียน เด็กเกรดเจ็ดหลายคนกำลังจะเดินออกจากโรงเรียน อาจารย์สี่คนรีบวิ่งมาหาผมแล้วหามแม็กเข้าไปในห้องพยาบาล ผมเลยค่อยๆ เดิมตามเขาไป
    ทำไม! ทุกคนที่นี่ถึงไม่รู้สึกอะไรบางเลย...ไม่รู้สึกอะไรเลยงั้นหรอ ไม่รู้สึกเลยงั้นซิว่ามีลูกไฟลูกใหญ่ที่มีขนาดกว้างใหญ่กว่าโรงเรียนของผมตกลงมาบนโลก ผมเริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมาจี๊ดๆ ผมเลยเอามือทั้งสองกำขมับไว้แน่น แล้วมือเย็นๆ ของใครบางคนก็ถูกวางลงบนไหล่ข้างซ้ายของผมอย่างช้าๆ ผมค่อยๆ หันไป เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่เรียนอยู่ห้องเดียวกับผม เธอมีนัยน์ตาสีฟ้าเหมือนพ่อและใบหน้าอันขาวสะอาดดั่งหิมะเหมือนแม่...เธอคือฮันจีผู้น่ารักของผม ผมส่งยิ้มหวานให้เธอเหมือนกันอาการปวดหัวของผมเมื่อกี้หายเป็นปลิดทิ้ง
    “ไปหาแม็กหรอ” เธอถามผมพร้อมวิ่งนำหน้าผมไปก่อนที่จะหันกลับมาแล้วเดินถอยหลังไปเรื่อยๆ   
    “อะ...อืม ไปหาแม็ก ไปด้วยกันมั้ย” ผมชวนเธอ แต่เธอกลับส่ายหัว   
    “ฮึ...ไม่ไป...” เธอส่งยิ้มให้ผมพร้อมกับชูนิ้วชี้ทั้งสองข้างขึ้น แล้วเธอก็กระดกมันขึ้นลง “ล้อเล่นจ้า อย่าทำหน้าแบบนั้นซิ ตลกชะมัด” แล้วเธอก็วิ่งนำหน้าผมไป ผมค่อยๆ เดินตามหลังเธอไปอย่างช้าๆ แล้วเรื่องลูกไฟบ้านั้นก็วิ่งเข้ามาในหัวของผมอีกครั้ง ผมหยุดแวะแล้วก้าวเข้าไปในห้องเรียนประวัติศาสตร์ที่อยู่ระหว่างทาง ผมพยายามจ้องมองแผนที่โลกขนาดใหญ่ที่อยู่บนพนังดิจิตอล มองแบบนี้ไม่สะดวกเลยแฮะ ผมเลยถอดใจแล้วเดินตรงไปที่ห้องพยาบาล
    พอผมเดินเข้าไปในห้องพยาบาลแม็กก็ลุกขึ้นนั่งแล้วมองหน้าผมอย่างงงๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วอ้วกลงพื้นอย่างเอาเป็นเอาตาย หุ่นยนต์ทำความสะอาดเลยต้องทำความสะอาดกันยกใหญ่ เย็นวันนี้เลยต้องกลายเป็นผมที่ต้องพาแม็กกลับบ้าน แม็กยืนหน้าซีดอยู่บนทางเดินเคลื่อนที่
    “อ้วกไปซะหมดเลย” แม็กพูดพลางนั่งลงบนทางเดินแล้วกระตุกขาผมให้นั่งลงเป็นเพื่อนเขา ผมเลยค่อยๆ นั่งลงแล้วหันออกไปมองทะเลที่อยู่ด้านนอก ผมกำลังสงสัยว่ามันตกอยู่ตรงจุดไหน ผมเลยลุกขึ้นพรวดแม็กสะดุ้งแล้วมองหน้าผมอย่างงงๆ
    “จะไปไหนอีกอะ ไม่ไปส่งฉันแล้วหรอไง”
    “ไม่! แกต้องมากับฉัน แยกนี้แหละ” ผมดึงแม็กให้ลุกขึ้นแล้วลากแม็กไปที่ทางแยกเดียวที่สามารถพอเราสองคนไปที่ ZONE17 R.25 ได้...
    “แกกำลังจะตรงไปไหนเนี่ย”
    “ที่ทำงานพ่อ” ผมพูดแล้วหันกลับไปมองแม็กที่กำลังทำหน้างง
    “ไปทำมาย ฉันจะอ้วกแตกตายอยู่แล้ว” แม็กพูดอย่างพะอึดพะอม แล้วรีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองไว้ก่อนที่อาหารเช้าหรืออะไรทั้งหมดจะพุ่งออกมาจากปากอีกครั้ง
ZONE17 R.25 T.022
    ที่ตั้งของที่ทำการรัฐบาลสังเคราะห์ดิน วิวัฒนาการสร้างอากาศ และบรรยากาศโลก หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า ‘T.022’
    “ชั้นเก้า” ผมพูดขึ้นขณะที่มองแม็กหอบหายใจ แล้วลิฟต์ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำประตูลิฟต์ก็เปิดออกอย่างช้าๆ ผมรีบก้าวออกจากลิฟต์ แต่...แม็กก็คว้าเสื้อของผมไว้
    “ค่อยๆ ไปฉันจะตายอยู่แล้ว” เขามองผม...ใบหน้าของเขายิ่งซีดหนักกว่าเดิมอีก ผมเลยต้องจำใจค่อยๆ เดินตรงไปที่ห้องทำงานของพ่ออย่างช้าๆ...
    “ลูกชายของศาสตาจารย์พีระภัทธ์เปิดประตูที ทรีนีตี้” ผมพูดกับคอมพิวเตอร์โพโรแกรมหน้าห้องทำงานของพ่อ ผมว่าถ้าทรีนีตี้เป็นผู้หญิงจริงๆ เธอคงเสร็จพ่อผมไปแล้วแต่น่าเสียดายที่เธอเป็นแค่คอมพิวเตอร์โพโรแกรม “เปิดประตูเหอะน่า โอเคงั้น ฉันจะจุ๊บเธอหนึ่งที แลกกับการเปิดประตู” แม็กจ้องผมตาเขม็งแล้วเบรกผมไว้ไม่ให้จุ๊บปากของทรีนีตี้
    “ให้ฉันจุ๊บแทนแกได้ปะ” แม็กมองผมแล้วหันไปมองทรีนีตี้
    “ถ้าฉันจะให้คุณจุ๊บปากดิฉัน ดิฉันว่าดิฉันขอลาตายดีกว่าค่ะ” แล้วทรีนีตี้ก็หายไปในกำแพง แล้วประตูเหล็กกล้าที่หนักอึ้งก็เปิดออกช้าๆ ไอเย็นจากในห้องทำให้ผมเกือบจะแข็งตาย
    “อ้าว! มาได้ไง จะมาหาพ่อเหรอ แหมเดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้ว”
    “เปล่าฮะ ผมมายืมคอมของพ่อ” ผมพูดพลางเดินผ่านควันที่ตลบอบอวลแล้วตรงดิ่งไปหาพ่อที่กำลังก้มลงเก็บตัวอย่างดินอยู่
    “แค่ยืมคอมที่บ้านก็มี” พ่อของออตพูดอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ซักเท่าไหร่
    “แต่มันใหญ่ไม่พอ”
   
    ทันทีที่ผมยืนอยู่ตรงหน้าแผ่นโพโรแกรมใสขนาดใหญ่ ผมก็ค่อยๆ วางนิ้วลงบนแผ่นโพโรแกรมที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าอย่างนิ่มนวล คอมพิวเตอร์โพโรแกรมเครื่องนี้บูทเครื่องไม่ถึงห้าวิด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับที่บ้านหรอเหอะเกือบห้านาที แม็กยืนอยู่ข้างผมแล้วมองสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่
    “แผนที่โลกใช่มั้ย” ถึงแม็กจะดูซื่อ(บื้อ)ในบางครั้ง แต่เขาก็เป็นคนที่สอบวิชาแผนที่โลกศาสตร์ได้ที่หนึ่งของโรงเรียน ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อซักเท่าไหร่เลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่แม็กไปโกรกผมสีทอง ดูเหมือนน้ำยาโกรกผมจะไปทำปฏิกิริยาอะไรกับเซลล์สมองของเขาแน่ๆ ผมค่อยๆ กางแผนที่โลกแผ่นใหญ่ออก ตรงไหนน่ะที่มันเป็นที่ตกของลูกไฟบ้านั่นให้ตายซิ
    “มันน่าจะแถวๆ R.64 น่ะ” แม็กเอานิ้วจิ้มลงบนคอมพิวเตอร์โพโรแกรมที่แสดงภาพเสมือนจริง “ลองเช็คดูว่าสองสามชั่วโมงก่อนมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปรึเปล่า” แม็กยังวุ่นอยู่กับหน้าคอมฯ ต่อไปส่วนผมก็มีหน้าที่ยืนมองเงียบๆ “มันไม่เห็นจะมีอะไร...หรือว่าตกที่อื่น แต่มันไม่น่าจะใช่ มันน่าจะเป็นตรงนี้นี่”
    “ทำอะไรกัน!” พ่อของผมเดินเข้ามาแล้วตวาดใส่ผมกับแม็กทันที “ทำอะไร เปิดแผนที่โลกทำไม ห๊ะ!”
    “อะไรครับพ่อผมแค่...” พ่อไม่สนใจคำพูดของผมแล้วเดินตรงไป ปิดคอมพิวเตอร์โพโรแกรมสุดไฮเท็คทันที “พ่อฮะ...ผมเปล่า ผมแค่ดูเฉยๆ”
    “เอะ! ใจอยู่แล้วเชียว...ที่ว่าคอมที่บ้านเล็ก แผนที่โลกมันมีอะไรงั้นหรอ ตอบมาซิ!”
    “ทำไมพ่อต้องโมโหขนาดนั้นด้วยล่ะ”
    “กลับไปเดี๋ยวนี้ แล้วไปรอพ่อที่บ้าน เราจะได้เห็นดีกัน”
   
    เขาโมโหอะไรของเขา... ผมหันกลับไปมองพ่อก่อนจะวิ่งออกมากับแม็กอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก แม็กแยกกับผมที่ทางแยก R.25 แม็กต้องไปถึงถนน R.40 ซึ่งมันอยู่ทางซ้ายมือส่วนผมต้องย้อนกลับลงมาเพื่อกลับไปให้ถึงบ้านที่ถนน R.49 ซึ่งมันเป็นถนนเส้นเดียวกับโรงเรียนที่ผมเรียนอยู่ ผมแหงนหน้ามองอพาร์ตเมนต์ของตัวเองแล้วค่อยๆ เข้าไปในลิฟต์แก้วอย่างช้าๆ ผมมองไปที่ป้ายโฆษณาดิจิตอลที่ถูกตั้งไว้ทุกหนแห่ง
    ‘ลองดูซิค่ะ’ ฮันจีนี่! นั่นมันฮันจีโฆษณาน้ำผลไม้หรอ ให้ตายซิสุดสวยของผม ผมยืนเกาะลิฟต์แก้วก่อนที่เจ้าโพโรแกรมจะออกมายืนมองแล้วไล่ผมให้ออกจากลิฟต์ไป ถึงพวกมันจะคล้ายคนมากแต่พวกมันก็ทำงานตามโปรแกรมที่ถูกตั้งไว้ เฮ่อ~ผมเดินคอตกออกมาจากลิฟต์ แล้วค่อยๆ เดินตรงไปที่ห้องของผมที่มีผมพ่อแล้วก็แม่อยู่กันแค่สามคน
    ผมให้คอมพิวเตอร์สแกรนม่านตา แล้วประตูก็เปิดออกผมเดินเข้าไปในห้องนอน ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปผมก็ทิ้งตัวลงบนเตียงนอนทันที เอาว่ะถึงคอมมันจะเล็กก็เปิดดูแผ่นที่โลกให้เหมือนกันนั่นแหละ ผมเอื้อมมือไปแตะคอมฯ แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจก็คือทรีนีตี้โผล่ขึ้นมาตรงหน้า แล้วบอกกับผมว่า ‘ห้ามเปิดคอมน่ะค่ะ เพราะคุณพ่อของคุณสั่งดิฉันเอาไว้ค่ะ’ ผมเลยทำได้แค่นอนเซ็งอยู่บนเตียง แล้วในที่สุดผมก็เผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
    ซ่า~~~~ ซ่า~~~~~ ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นเพราะเสียงฝนที่ตกลงมาแรงกว่าปกติ...นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย ผมมองนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือ เลขดิจิตอลที่อยู่ในนาฬิกาก็เด้งขึ้นมาเป็นเลขโพโรแกรมสีเขียวกระพริบๆ ผมเลยละจากนาฬิกาข้อมือแล้วลุกขึ้นยืน ตีสองสิบนาที ผมเดินออกจากห้องแล้วเดินตรงดิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ทำไมวันนี้ฝนถึงตกได้น่ะแปลกดีจัง...ผมคิดขณะที่กำลังถอดเสื้อผ้า
    ผมออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวที่อยู่บนหัวของผม บ้านทั้งหลังมืดไปหมด...ผมมองออกไปนอกหน้าต่างผมเห็นแต่ท้องทะเลสีดำมืดสนิท ตึง! ตึง!! ตึง!!! ผมหันไปที่ประตูบ้านทันที
   
    “ออต เปิด เปิดเดี๋ยวนี้ เปิด!” แม็กกำลังทำบ้าอะไรของมัน ผมวิ่งออกไปเปิดประตูแล้วผมก็ต้องช็อกที่ใบหน้าของมันซีดซะกว่าตอนที่เขาอ้วกเสร็จซะอีก
    “อะไร! มีอะไร! แกมาจาก R.40 คนเดียวตอนดึกๆ แบบนี้เนี้ยน่ะ” แม็กส่ายหน้าแล้วชี้ออกไปนอกห้อง ผมชะโงกหน้าออกไปดู ก็เจอผู้คนมากมายกำลังขับรถออกไปจาก ZONE17 (ทิศเหนือของอเมริกา) ผมถึงกับทำผ้าเช็ดตัวที่อยู่บนหัวของตัวเองร่วงลงกับพื้น “ทำไม! ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะ” ผมเริ่มเขย่าตัวแม็กแรงขึ้น “พ่อล่ะ พ่อที่อยู่ที่ T.022 พ่อของฉันกลับมาแล้ว...จริงๆ น่ะเขากลับมาแล้ว” ผมลุกลี้ลุกล้นหันหน้ากลับเข้าห้อง “เปิดไฟ!” ผมตะคอกออกไปอย่างไม่รู้ตัว แล้วไฟก็เปิด พรึบ! “พ่อ...พ่อ! พ่อ!!! ผมไม่สนุกออกมาเถอะ ผมไม่สนุกเลยน่ะให้ตายซิ ให้ตายเหอะ ออกมาเถอะ ผมขอร้อง!” ไม่มีเสียงตอบจากใครที่อยู่ในบ้าน ผมอยู่คนเดียวในบ้านนี้มาตลอดจนถึงตีสอง...ผมรีบผลักประตูห้องนอนของผมอย่างแรง แล้วเอื้อมมือพยายามจะเปิดคอมอีกครั้งเพื่อจะให้ทรีนีตี้ออกมาหาผม
    “ห้ามเปิดคอมน่ะค่ะ เพราะคุณพ่อของคุณสั่งดิฉันเอาไว้ค่ะ” ทรีนีตี้พูดพลางส่งยิ้มให้ผมนี่มันเกิดอะไรขึ้น...กับโลกใบนี้อีกล่ะเนี่ย
ปล.1
      ZONE = เขต
      R. = ถนน
      T. = ชื่อย่อของตึกที่อยู่ในสังกัดของรัฐบาล ส่วนมากจะใช้กับชื่อตึกของรัฐบาลที่ยาวมากเกินไป
ปล.2
ไม่ต้องตกจายเพราะเรื่องนี้ได้แรงบันดารใจมากจากหนังเรื่อง วอร์ ออฟ เดอะเวิล ถ้ามันเหมือนมากไป
ก็ขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วย แต่คิดว่ามันคงจะไม่เหมือนเท่าไหร่น่ะ ห้าหน้าเนี่ยแต่งนานมากเลยน่ะ -_- เรียน
หนักจาเอ็นและด้วยง้า ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า งิงิ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น