ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MeEtTinG fOr U จะรักเธอตลอดไป

    ลำดับตอนที่ #7 : หัวใจดวงนี้ที่รักเธอ&ฉันกลับมาแล้ว

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 48


        ฉันนำของทุกอย่างกองไว้บนเตียวนอนของฉันและเดินไปปิดประตูห้อง ฉันเริ่มแกะซองจดหมายที่จ่าหน้าซองถึงฉัน แต่ละซองมีวันที่กำหมดไว้ ฉันแกะซองจดหมายซองแรกที่เขียนเมื่อวันที่ 3/5/01 ..... ซึ่งมันเป็นวันที่สองจากวันที่ซันจากฉันไป



        ซัน เองน่ะ ซันเขียนถึงอาร์ซีแล้วน่ะ แต่อาร์ซีจะได้รับมั้ยน้า ซันไม่ได้เป็นคนไปส่งเองน่ะ เพราะซันต้องเข้าโรงพยาบาล แม่บอกว่าซันไม่สบาย ซันไม่รู้เหมือนกันว่าซันเป็นอะไร อาร์ซีคงรอซันน่ะใช่มั้ย อีกสามปีซันจะกลับไป ซันจะไปเรียนต่อม.4 ที่นั้น ซันจะกลับไปหาอาร์ซี รอน่ะ



    รักจากซัน




        ลายมือมันอาจจะอ่านไม่ค่อยออกซักเท่าไหร่ แต่ก็พออ่านรู้เรื่องเพราะซันตอนนั้นก็แค่จะขึ้นม.1 เอง ฉันนั่งแกะจดหมายอีกหลายฉบับ ใจความสำคัญมีแค่ว่า ฉันเป็นยังไงบ้าง ฉันสบายดีมั้ย ส่วนเขาสบายดี เขาเข้าโรงพยาบาลเป็นช่วงๆ เขาเล่าเรื่องหลายอย่างให้ฉันรู้ มันเยอะมากจนฉันต้องเลือกเอาวันสุดท้ายมาอ่านมันเป็นจดหมายที่จ่าหน้าซองวันที่ 3/5/04 และมันก็เป็นจดหมายฉบับสุดท้าย



        ดีใจมั้ยอาร์ซี ฉันจะกลับไปแล้วน่ะ ฉันดีใจน่ะที่ฉันจะได้เจอเธอแล้ว ฉันฝากแม่ของฉันไปส่งจดหมายนี่ เธออาจจะได้รับน่ะ วันที่ฉันไปถึงเธอคงได้รับจดหมายนี่ไปแล้วสองหรือสามวัน รู้มั้ยฉันดีใจมากน่ะที่จะได้เจอเธอ ฉันรู้ว่าเธอต้องรอแน่ จริงมั้ย ฉันกลับไปฉันคงเจอเธอที่สนามบินน่ะ ฉันจะรอเธอ เหมือนที่ฉันเขียนถึงเธอทุกฉบับ ฉันรักเธอน่ะ และฉันจะรอคำตอบของเธอที่สนามบิน เธอคงจะได้บอกฉันซะทีน่ะ แล้วเจอกัน สิบเอ็ดโมงวันที่ 7/5/04 ฉันจะรอเธอ



                                        รักจากซัน




        ทำไมฉันไม่เคยได้รับจดหมายพวกนี้เลย ทำไมมันส่งมาไม่ถึงมือฉันเลยแม้แต่ฉบับเดียว ซันคงจะมารู้ที่หลังแน่ตอนที่เขามารอฉันที่นี่ถึงสองปี ฉันมันงี่เง่าเหลือเกิน ทำไมฉันงี่เง่าแบบนี้ เห็นแก่ตัวที่สุด น้ำตาของฉันเริ่มไหลนองใบหน้า



        ฉันหยิบCD ขึ้นมาจากถุงผ้าลายสวยและเดินไปเปิดคอมฯ มือของฉันสั่นเทา ฉันนั่งลงหน้าคอมและหยิบแผ่นCD ใส่เข้าไปในคอมพิวเตอร์ มันมีภาพและเสียง



        “อะ ใช้ได้แล้วๆ ^ ^ ตอนที่เธอได้รับ CD นี้ฉันคงจะไม่อยู่กับเธอแล้วซิเนอะ ฉันคงกลับไปอเมริกาไปแล้ว ถึงฉันจะไม่ได้เอามาให้เธอด้วยตัวเอง ก็ไม่เป็นไรหรอกเนอะ เธอฟังอยู่รึเปล่าจะไปไหนมาฟังเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องลุกเลย มานี่ ฉันไม่ได้เห็นเธอหรอก แค่ฉันคิดว่าเธออาจจะเกรียดฉันก็ได้จริงมั้ย ฉันขอถามเธอหน่อยได้มั้ยเธอเกรียดฉันรึเปล่า.........................”

        เขาเงียบไป

        “ฉันไม่เคยเกรียดเธอเลยน่ะซัน”

        “ถ้าเธอฟังต่อเธอคงไม่ได้เกรียดฉันหรอกจริงมั้ย ฉันก็ดีใจที่เธอมีความรู้สึกดีๆ ให้กับฉันแล้วเธอรักฉันบ้างรึเปล่า.................”

        “ฉันรักเธอ T0T รักเธอมาก”

        “เธอให้คำตอบกับฉันแล้วน่ะ ถึงแม้ เธอจะไม่เคยบอกฉันเลย แต่ฉันก็เข้าใจที่เธอไม่กล้าบอก แต่ฉันรักเธอน่ะ รู้มั้ย”

        น้ำตาของซันเดียรค่อยๆ ไหลออกมา เขาเมินหน้าหนีกล้อง

        “ฉันคงไม่ได้อยู่ข้างกายเธอแล้วจริงมั้ย ฉันจะกลับไปหาเธอ ถ้าเธอรอฉัน เธอจะรอฉันมั้ย ครั้งนี้ห้ามผิดสัญญาเชียวน่ะ ไม่งั้นฉันจะตีเธอแน่ๆ เข้าใจมั้ย เธอคือคนที่พิเศษที่สุด สำคัญที่สุด ถึงฉันจะไม่ได้อธิบายคำว่าพิเศษให้เธอฟังด้วยตัวเองแต่ฉันอยากจะบอกเธอว่า เธอเป็นคนที่ฉันอยากอยู่ข้างกายมากที่สุด ฉันขาดทุกคนได้แต่ยกเว้นขาดเธอ...ฉันขอโทษ ที่ฉันไปโดยไม่บอกเธอ ฉันจะรอเธอน่ะ จ้องหน้าฉัน...มองฉันซิ”

        ฉันมองเธออยู่ มองเธอคนเดียวมาตลอด ฉันผิดมั้ยที่ไม่ได้บอกเธอ ผิดมากหรอ ไม่อยากห่างเธอ ไม่อยากได้รับความรู้สึกเดียวดายอีกแล้ว ความรู้สึกที่ใจว่างเปล่า เหมือนคนว่างเปล่า ไม่ฉันไม่อยากรู้สึกแบบนั้น ทำไมเธอต้องไป ฉันไม่ดีพอหรอ ฉันมันไม่ดีใช่มั้ย ฮือออ T0T

        “รอฉัน ฉันรักเธอ รักเธอมากที่สุด คนสำคัญของฉัน ฉันรักเธอ”



        ซีดีที่ถูกอัดไว้ ก็โดนตัดลง ฉันปล่อยโฮลูกใหญ่ออกมา ฉันรู้สึกไม่สบายใจ หดหู่ใจ กระวนกระวายใจ ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากกินอะไรถึงจะกินเข้าไปก็เหมือนจะอาเจียนออกมา ความทรมานนี้มันไม่เท่ากับการที่ ซันกลับไปอเมริกาอีกครั้ง ถึงฉันจะไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไป แต่ครั้งนี้ฉันจะเป็นคนรอบ้าง ไม่ว่านานแค่ไหน ฉันก็จะรอเขา เขาคือคนพิเศษกว่าใครๆ ไม่มีใคร คนไหนที่แทนเขาได้ ถึงแม้เค้าจะดูหยาบกระด้างกว่าเดิมเป็นไหนๆ แต่เขาที่ยังดีกับฉัน ความรู้สึกที่มีให้กับฉัน เขากลับไม่เปลี่ยนแปลง ความรักที่ฉันมีให้ ก็ไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน ถึงแม้จะเขวให้กับซาลเดอร์นิดหน่อยก็เหอะ แต่เขาก็ยังเป็นคนสำคัญของฉันจากวันนี้ วันนั้น วันไหนๆ และคงตลอดไป



    ...ห้าปีต่อมา...

        ฉันเรียนจบปริญญาโท คณะมนุษย์ศาสตร์เอกการท่องเที่ยว เฮ่อ แต่มันไม่ใช่ความฝันสูงสุดของฉันหรอกน่ะ ฉันอยากจะเป็นไกด์ และที่สำคัญเกาหลีเป็นที่ๆ ฉันอยากไปที่สุดเลย เวลาที่ฉันนั่งดูละครของเกาหลีทุกทีซิน่าที่ฉันต้องนั่งร้องไห้ ร้องห่มอยู่กับเจ้าอายชีสแค่สองคน ทุกครั้งเลยที่ฉันกับมันต้องนั่งกอดคอกันร้องไห้



        ฉันไม่เคยลืมเรื่องที่ซันบอกให้ฉันรอ ไม่อยากจะคิดซักเท่าไหร่เพราะมันทำให้ฉันไม่ค่อยเป็นอันทำอะไรนัก เฮ่อ ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้มันก็ ห้าปีแล้วซิน่ะ ปีนี้ก็ยี่สิบสอง แก่ลงๆ T0T ฮือ ฉันจบก่อนใครเพื่อนเลย คุณย่าฉันก็ดีใจ ในวันที่ฉันรับปริญญา ฉันจบปริญญาตรีภายในสามปี แล้วก็โทอีกสองปี



        แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันค้างคาใจ ห้าปีมานี่ฉันยังไม่เคยได้เปิดไดอาร์รี่ของซันเดียร์อ่านเลยซักครั้ง เพราะฉันไม่ค่อยว่างนัก เอาแต่เรียน เรียน เรียน แล้วก็เรียน เวลาว่างฉันก็จะเอาเวลาไปนอนซะส่วนใหญ่ แต่วันนี้ก็ว่างซะทีแล้ว สงสัยคงได้เวลาแล้วละมั้ง ฉันเดินไปหยิบไดอาร์รี่ที่ฉันหมั่นขัดถูมันทุกวันขึ้นมาจากโต๊ะเขียนหนังสือตัวเก่า แล้วเปิดมันอ่าน



        “สิ่งที่ฉันจะเขียนต่อไปนี่ มันเริ่มนับตั้งแต่วันที่ฉันมาถึงที่กรุงเทพฯ นี่ ถึงแม้ว่า ฉันจะไม่ได้เจอเธอคนนั้นก็ตาม แต่เขาสัญญากับฉันไว้ว่าเขาจะกลับมา ให้ตายซิ ถึงฉันจะรอวันแล้ววันเล่า เธอก็ไม่มาซักที่ จดหมายที่ฉันส่งไปมันไม่ถึงมือของเธอรึไง ฉันเริ่มอารมณ์เสียอีกแล้ว ให้ตายซิแต่ฉันอยากระบายจริงๆ ว่าทำไมเธอถึงไม่มาที่สนามบิน ทั้งๆ ที่ฉันรอเธอแล้วรอเธออีก รอแล้วรอเล่า เธอก็ไม่มา”

        “เธอยังไม่มาอีก ดูซิ ฉันรอจน ขี้เกรียดจะรอแล้วน่ะ ถ้าเป็นนาย นายเบื่อมั้ยเข้าไดอาร์รี่”

        “เอ๊ะ หรือว่าเขาลืมสัญญาไปแล้ว...คงไม่ คงไม่ลืม ไม่ๆ ไม่ลืมหรอก หรือว่าฉันหลอกตัวเองอยู่เนี่ย เมื่อไหร่เธอจะมาซะทีว่ะ”

        “อยากให้เธอมาเห็นเจ้าเฮอร์เซ้จังเลย มันโตขึ้นมาก ฉันเห็นอายชีสของเธอแล้วมันก็ยังน่ารักเหมือนเจ้าของไม่มีผิด ทั้งๆ ที่มีอายชีสอยู่แต่ทำไมเธอถึงลืมได้ล่ะ หรือว่าฉันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”

        “เธอคงลืมฉันแล้ว ซิน่ะ”


        ทุกหน้าที่ฉันอ่าน มันเป็นคำระบายลมๆ แล้งๆ ของเขาที่รอฉัน เขาคงหงุดหงิดมากเลยซิน่ะ ฉันมันคนงี่เง่าที่สุดในโลก T0T ฉันไม่อยากจะอ่านต่อเท่าไหร่นักเพราะฉันโมโหตัวเองมากที่ทำเรื่องแบบนี้ลงไป แต่เมื่อเปิดต่อไปอีกฉันก็สะดุดตากับประโยคนี้...

        “เฮ่ เธอกลับมาแล้วนายไดอาร์รี่ เธอน่ารักเหมือนเดิมเลย เจอครั้งแรกเธอเอากระเป๋าฟาดมาที่หัวฉัน เธอคงจำฉันไม่ได้หรอก ถึงฉันจะตะคอกใส่เธอก็ตามที แต่ฉันอยากให้รู้ว่าฉันอยากเจอเธอมาก อยากคุย อยากบอก อยากอยู่ใกล้เธอเหมือนเก่าที่เคนเป็น แต่มันอาจจะเป็นไปไม่ได้ละมั้ง”

        “เธอเรียน โรงเรียนเดียวกับฉัน นั้นเป็นโอกาสดีที่จะได้รู้จักกับเธออีกครั้ง”

        “เธอเกรียดฉันซะแล้วซิ แย่จัง เฮ่อกว่าเธอจะหันมามองมันจะสายเกินไปรึเปล่าน้า”


        มันสายเกินไป? สายเกินไปหรอ สายเกินไปสำหรับอะไรล่ะ

        “ซาน มันคิดจะแย่งเธอไปจากฉันจิงๆ ทั้งพ่อ แม่ แล้วยังจะมาเอาเธอไปฉันไม่ยอมแน่ๆ ฉันจะฆ่ามันถ้ามันได้เธอไป วันนี้มันนัดฉันไปที่ร้านเหล้า มันแปลกๆ ฉันคงต้องไปหามัน”

        อ๋อ วันนั้น ซานวางแผนไว้หรอเนี่ย

        “มันทำเธอ ทำเธอร้องไห้ ถ้าฉันไม่เห็นว่ามันเป็นลูกพี่ลูกน้องฉันคงฆ่ามันไม่นานแล้ว แต่เธอจะรู้สึกแย่ขนาดไหน เธออาจจะรู้สึกแย่มากเลยจิงมั้ย”

        จิง

        “ทุกอย่างดีขึ้น วันนี้ฉันไปหาเธอที่บ้าน เพราะว่าเธอไม่ไปโรงเรียน อ้ะได้เวลาแล้ว ฉันคงต้องไปหาหมอ”

        ที่เขาออกรถมาเพราะจะไปหาหมอหรอเนี่ย แล้วเขาเป็นอะไร?

        “ให้ตายซิ ฉันเข้าโรงพยาบาลอีกแล้ว ถ้าเธอรู้ละก็เธอคงต้องเป็นห่วงแน่ๆ เลยแล้ว ฉันทิ้งเธอไว้แบบนั้น ฉันเป็นผู้ชายที่แย่จัง นายว่ามั้ยไดอาร์รี่ เธอจะคิดยังไงกับฉันเนี่ย”



        “ถึงอาร์ซีถ้าเธอกล้าพอที่จะอ่านมัน มันคงเป็นกระดาษแผ่นสุดท้ายแล้วที่ฉันจะเขียนถึงเธอ เขียนเรื่องที่เกี่ยวกับการที่จะรอเธอกลับมา ฉันขอโทษ ฉันอาจจะต้องไป ฉันอาจจะต้องกลับไปที่อเมริกาอีกอีกแล้วแน่ๆ เพราะอาการของฉันมันแย่ลงๆ ฉันอาจจะต้องไปผ่าตัดที่นั้น แล้วฉันต้องจากเธอไปอีก ถ้าฉันบอกให้เธอรอล่ะ เธอจะรอฉันมั้ย อาร์ซี ถึงแม้ฉันจะได้เจอเธอแค่สามอาทิตย์ก็ตามแต่เธอก็สามารถทำให้หัวใจของฉันพองโตได้อีกครั้งเธอรู้มั้ยยังมีหลายเรื่องที่น่ะที่เรายังไม่ได้คุยกัน ทั้งเรื่องที่มีผู้หญิงมากมายมาบอกชอบฉัน แล้วฉันตอบกลับออกไปว่า ฉันมีคนที่ชอบมากอยู่คนนึงแล้ว อาร์ซีเธอรู้มั้ยว่าฉันภูมิใจมากแค่ไหนที่ฉันบอกออกไปแบบนั้น ฉันภูมิใจมากเลย ฉันอยากให้เธอมาได้ยินน่ะรู้มั้ย แต่เธอก็พึ่งจะกลับมา ฉันเสียใจที่ฉันยังไม่ได้คุยกับเธอมากนัก แล้วก็เสียใจที่ฉันอาจจะต้องให้เธอรออีก รอนานแค่ไหน ฉันขอบอกว่าฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะได้เจอเธอที่นี่ หรือที่ไหน ตอนนี้ ตอนไหน หรือเวลาอะไร วันที่เท่าไหร่ ฉันก็ไม่รู้เพราะฉันไม่สามารถบอกเธอได้เต็มปากว่าฉันจะกลับมาหาเธอได้มั้ย หรือว่ากลับมาตอนไหน แต่ฉันสัญญาน่ะว่าฉันจะกลับมาหาเธอให้ได้ ไม่ว่าเธอจะอยู่ซีกโลกใต้ ซีกโลกเหนื่อ มหาสมุทรแปซีฟิก ทวีปยุโรป ทวีปเอเชีย ไทย ญี่ปุ่น เกาหลี หรือ อเมริกา ฉันก็จะตามหาเธอ ไม่ว่าเธอจะอยู่ไกลจากฉันแค่ไหน ฉันก็จะเอื้อมไป ฉันสัญญาว่าฉันจะกลับมาหาเธอได้อย่างภาคภูมิ ฉันจะกลับมาพร้อมกับหัวใจดวงนี้ที่ร่ำร้องว่ารักเธอหมดหัวใจ”



        ถ้าเธอสัญญาอย่างงั้นแล้วฉันจะรอเธอไม่ว่านานแค่ไหน ฉันก็จะรอเธอฉันสัญญา ฉันปิดไดอาร์รี่เล่มนั้นแล้วน้ำตาของฉันก็ไหลออกมาอย่างที่ฉันไม่รู้ตัว ซันฉันสัญญา สัญญาว่าจะรอเธอตลอดไป



    ...หนึ่งปีผ่านไป...

        “อายชีส ฉันจะไปแล้วน่ะ แกอยู่บ้านดูคุณย่าของฉันดีๆ ล่ะรู้มั้ย”

        ฉันประสบความสำเร็จในการงาน ดูเหมือนว่าหนึ่งปีที่ผ่านมานี่ทุกอย่างดูราบรื่นไปหมด ฉันได้เลื่อนขั้นอย่างว่องไว ตอนนี้ก็เป็นหัวหน้าไกด์แล้วก็เป็นที่วางใจได้ของผู้หลับผู้ใหญ่ ฉันได้เป็นไกด์สมหวัง แล้วฉันก็ได้เป็นหัวหน้าไกด์ที่อายุน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้(ในคณะทัวป์ของฉันน่ะ) แต่ครั้งนี้ฉันไม่ได้ไปทำงานอย่างเดียวแต่ฉันจะได้ไปเที่ยวที่ เกาหลี สมใจอยากซะที แหมฉันพูดเล่นถ้าได้ไปจริงๆ คงดีไม่น้อยเลย แต่ทางผู้ใหญ่บอกให้ฉันไปรับญาติของเขาที่อเมริกา

        ฉันก็อยากรู้จริงๆ เหมือนกันน่ะเนี่ยว่าอเมริกามันมีอะไรดีนักหนาคนถึงได้อยากไปกัน แต่ที่รู้ๆ ถ้าฉันได้เจอญาติคนนั้นของผู้จัดการแล้ว ฉันจะไปเที่ยวที่ดิสนี่แลนด์ ให้ตายซิสวรรค์ดีๆ นี่เอง

        ฉันโบกมือลาคุณย่าของฉัน แล้วออกเดินไปที่ป้ายรถเมย์ ฉันถือสำภาระอันหนักอึ้งแล้วค่อยๆ เดินไป หลังจากที่ดูเหมือนว่าศันจะกลับอเมริกาไปแล้ว ซาลเดอร์ก็กลับไปเหมือนกัน ถึงจะดูเหมือนว่าซาลเดอร์จะไม่ค่อยถูกกะซันเดียร์ซักเท่าไหร่ แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาทั้งสองจะขาดซึ่งกันและกันไม่ได้ เฮ่อ พวกผู้ชายเข้าใจยากจิงเลย

        เหนื่อยจัง ฉันคิดว่าฉันจะขึ้นรถตู้ไป แต่คงไม่ไหวล่ะมั่งคนขับคงต้องไล่ฉันลงจากรถแน่ๆ ฉันจึงโบกแท็กซี่ แล้วถามตัวเองว่าฉันจะเดินมาที่ป้ายรถเมย์เพื่ออะไร - -‘



    ...หนึ่งชั่วโมงครึ่งผ่านไป...

        ฉันมาถึงสนามบินแล้ว อ่า ฉันลงจากรถ อ๊าย >-<คนขับรถใจดีจังช่วยฉันเอาของออกจากรถด้วย ฉันหยิบของที่กองอยู่ที่พื้นและเริ่มก้าวขา

        “คุณๆ ลืมจ่ายค่าแท็กซี่”

        อ๊าย ฉันนี่มันเซ่อซ่าจริงๆ

        “ขอโทษค่ะๆ”

        ฉันมองไปที่มิตเตอร์ อ๊าย สองร้อยสามสิบเอ็ดบาท นั่นทำให้ฉันไม่แปลกใจเลยที่เขาช่วยฉันยกของลงจากรถ ฉันยื่นแบงค์ร้อยสองใบแล้วก็แบงค์นี่สิบอีกสองใบไปให้เค้าแล้วเดินออกมา ให้ตายซิ ของพลุงพลังมากเลย เมื่อไหร่จะถึงเค้าเตอร์ตรวจตั๋ว พูดแล้วก็ถึงเลยแหะๆ ฉันยื่นตั๋วให้เขาดู

        “มีกระเป๋ากี่ใบค่ะ”

        “สองค่ะ”

        ฉันหยิบกระเป๋าของฉันไปชั่งน้ำหนัก และฉันก็ต้องยกมันทั้งสองใบไปไว้ที่สายพาน ที่นั่งของฉันคือ A10 ฉันขึ้นเครื่องทันที แล้วหย่อนก้นลงที่ที่นั่ง A10 ของฉันได้นั่งติดริมหน้าต่างฉันชอบ เออใช่ ไปอเมริกาครั้งนี้ฉันคงจะไปหาแม่ฉันกับน้องสาวตัวแสบของฉันด้วย ไม่ใช่อะไรหรอกฉันจะให้ออกเงินค่าเครื่องเล่นให้ต่างหากล่ะอิอิ ^0^ แผนการเด็ดเดี่ยวมาก กว่าจะไปถึงก็สิบหกชั่วโมง ฉันขอนอนก่อนดีกว่ามั้งเนี่ย ไม่ดีกว่าๆ เดี๋ยวฉันลงไม่ทันล่ะแย่เลย ไม่ค่อยได้ไปด้วยซิ



    ...สิบหกชั่วโมงต่อมา...

        ถึงซะที แอลเอ ญาติคนนั้นคงต้องมารอฉันที่สนามบินนี่จริงมั้ย คนไหนล่ะที่จะมารับฉัน คนไหนๆ ฉันมองซ้ายทีขวาทีแต่ก็ไม่มีวี่แววคนที่จะตะโกนเรียกชื่อฉันหรือแม้จะชูป้ายที่มีชื่อฉันติดอยู่เลยซักคนเดียว โอเคไม่เป็นไรฉันไปนอนบ้านน้องสาวของฉันก็ได้ให้ตายซิ ฉันพึ่งรู้ว่าคนที่จะมารับฉันนิสัยแย่ได้ขนาดนี้

        ฉันโบกแท็กซี่และบอกที่อยู่ให้กับโชเฟอร์รู้ เขาขับมาถึงที่หน้าบ้านของน้องสาวฉัน วันนี้เป็นวันอาทิตย์น้องฉันคงยังต้องนอนอุดอู้อยู่ในบ้านเป็นแน่ นี่พึ่งจะเจ็ดโมงเช้าน้องสาวตัวแสบของฉันคงยังต้องไม่ไปไหน

        ฉันเดินไปที่ตู้โทรศัพท์สถานะที่หน้าบ้านของน้องสาวฉันและกดเบอร์........นานมาก ตึด ตึด ตึด ตึด ตึด ไม่มีคนรับให้ตายซิหรือว่าจะไม่มีคนอยู่ และแล้ว



        “ฮัลโหล”

        สำเนียงใช้ได้ขึ้นเยอะเลย

        “#$@%&฿”

        นั้นคงเป็นคำด่าแน่ๆ

        “ดีแอล พี่เอง พี่เอง”

        “What up?”

        “มารับพี่ทีซิ พี่อยู่ข้างล้างหน้าบ้านเธอ”

        “Okay”

        ดูเหมือนว่าเธอจะดีใจสุดๆ ที่ได้เจอฉัน

        “พี่สาสุดที่รัก”

        เธอกระโดดกอดฉันแน่น

        “มาๆ ขึ้นมาก่อน ไหงมาที่นีได้ล่ะพี่ ฉันยังไม่ได้อาบน่ำเลยอากาศหนาวมากเลยด้วย มาๆ มาห้องฉัน”



        น้องสาวฉันวิ่งดึงแขนฉันขึ้นไปห้องของเธอ เขาลากฉันขึ้นลิฟท์แล้วกดที่ฉันห้า ในไม่ช้าลิฟท์ก็เปิด มีห้องอยู่ประมาณ สี่ถึงห้า ห้องได้ และน้องสาวของฉันก็อยู่ที่ห้อง ห้าศูนย์หนึ่ง ซึ่งมันอยู่มุมสุดทางด้ายซ้ายของตึก

        “พี่มาเข้ามา”

        น้องสาวฉันไขกุญแจ และดึงฉันเข้าไปนั่งที่โซฟา น้องสาวของฉันอยู่คนละรัฐกับแม่ของฉัน เพราะเธอเรียนที่นี่ และนี่ก็เป็นรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ๆมีดิสนี่แลนด์อยู่ ว้าว ความฝันของฉันต้องเป็นจริงแน่ๆ

        “ดีแอล พาพี่ไปดิสนี่แลนด์หน่อยซิน่ะ”

        “โอเคได้ แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้เดี๋ยวฉันอาบน้ำแต่งตัวก่อนเดี๋ยวไปกับเพื่อนๆของหนูด้วย โอเคน่ะ”

        “ได้ สบายมาก”

        “เขาเป็นคนไทย แต่ย้ายมาที่นี่พี่ไม่ต้องห่วง”

        “จ้า”

        ฉันตอบหน้าระรื่น น้องสาวฉันที่เข้าไปอาบน้ำเธอก็ออกมา ปล่อยผมสยายยาวและเดินมาที่ฉัน

        “ไปหาเพื่อนของหนูก่อนน่ะ”

        “จ๊ะ”

        ว่าไงว่าตามกันซิ ฉันไม่ถนัดเรื่องของที่นี่อยู่แล้ว พอฉันไปถึง โหบ้านของเพื่อนน้องสาวฉันน่ะเนี่ย มันเหมือนไม่ใช่บ้านแล้วแหละมันเหมือนกับวังเลย น้องสาวฉันหยิบมือถือขึ้นมาแล้วเปิดฝาออก เธอกดเบอร์ใครซักคนแล้วโทรออกไป

        “ฉันมาหน้าบ้านนายแล้วเปิดประตูที อะไรกันทำไมล่ะ ซาลเดอร์นายเป็นอะไรไป”

        ซาลเดอร์หรอ คงคนล่ะคนมั้ง

        “อะไรน่ะ นายต้องพาซันเดียร์ไปรับคนที่สนามบิน นายคงบ้าไปแล้ว นี่มันแปดโมงแล้วน่ะแล้วคนที่นายจะไปรับคงหาทางไปทางอื่นแล้วล่ะ มาเปิดประตูให้ฉันเร็วพี่สาวฉันมาหาฉัน”

        ซันเดียร์ ไม่ๆ คนล่ะคนๆ

        “ไม่ นายมาเปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้ พี่สาวฉันอุส่ามา โอเคฉันจะรอ พี่อาร์ซีรอแป๊บน่ะค่ะ เดี๋ยวเพื่อนจะออกมาเปิดประตูให้แล้ว”

        “จ๊ะๆ”

        ฉันส่งยิ้มให้

        “ฉันจะไปเองนายอยู่กับดีแอลไปเหอะ เดี๋ยวต้องไปรับคนที่สนามบิน เดี๋ยวฉันขับมอเตอร์ไซด์ไปเร็วกว่า”

        เสียงตะโกนดังมากเหมือนตะโกนแข่งกันอย่างงั้นแหละ

        “เฮ้ย อะไรจะสำคัญขนาดนั้นว่ะ”

        “ก็คนนั้นจะพาฉันไปกรุงเทพฯ ไม่สำคัญได้ไง”

        ชายคนที่ตะโกน เขาจับเสื้อสูทแล้วค่อยๆ สวมทีละแขนและคาบเน็กทาย เขาวิ่งดูวุ่นวายจัง เขาสวนเสื้อสูทนั้นสำเร็จเขาไม่ได้ใส่เน็กทายแต่เขาพาดมันไว้ที่คอ แล้วสตาสรถมอเตอร์ไซด์สีดำ คุ้นตามากเลย - -‘ มีชายอีกคนอายุรุ่นราวคลาวเดียวกันกับชายที่ใส่สูท วิ่งมาเปิดประตูให้แต่น้องสาวตัวแสบของฉันก็เดินมาขวางไว้

        “เสียมารยาทมาก พี่สาวฉันมาจากกรุ่งเทพฯเลยน่ะเนี่ย นายจะไปไหนซันเดียร์”

        “ถอยไปยัย แว่นฉันจะไปรับคนที่สนามบิน ถอยไปเลย”

        “ไม่ถอย ซาล นายห้ามซันเดียร์หน่อยซิ”

        “ฉันห้ามเขาไม่ได้ เพราะเขาจะไป”

        “ใจร้าย”

        น้องสาวฉันทำตาละห้อย

        “ไม่เป็นไรจ๊ะๆ พี่ก็ยังไม่กลับวันนี้หรอก เพราะว่าพี่ก็ยังไม่เจอคนที่พี่จะพาเขาไปกรุงเทพฯ เหมือนกัน”

        “พี่มารับคนหรอค่ะ”

        “อืม พี่มารับคน หัวหน้าสั่งให้พี่มารับเขากลับกรุงเทพฯ”

        ฉันก้มหน้ามองหน้าน้องสาวฉันที่ทำตาปรีบๆ

        “รับคน”

        นายที่ใส่สูทพูดขึ้น ฉันจึงเงยหน้าขึ้นมอง

        “ค่ะ มารับคน”

        “ผู้จัดการชื่อ ธณากร วิระยะกิจพูณพงศ์”

        “ใช่...”

        เขาถอดหมวกกันน็อกออก ตอนนั้นฉันพึ่งจะสังเกตหน้าของชายที่เปิดประตูและนายที่สวมหมวกกันน๊อกที่อยู่บนรถสีดำนั่นได้อย่างชัดเจน อ๊าย ฉันแทบจะกริ๊ดออกมาเขาคือซัน ซันไม่รอช้าที่จะทิ้งรถมอเตอร์ไซด์คันหรูสีดำคนนั้นลงพื้นไป เขาวิ่งมากอดฉัน

        “ใจของฉันที่ร่ำร้องที่จะมีเธอมาเติมเต็ม ใจของฉันที่ส่งเสียงเรียกแต่ชื่อเธอ ใจดวงนี้ที่ฉันมอบให้เธอได้เพียงแค่คนเดียว และใจดวงนี้ที่ร้ำร้องว่ารักเธอหมดหัวใจ”

        “ซัน” T0T

        ฉันร้องไห้อีกแล้ว ร้องไห้ต่อหน้าน้องสาวฉัน ซาล แล้วก็ซัน น่าอายจัง T0T น่าอายที่สุด

        “ฉันจะกลับมาพร้อมกับหัวใจดวงนี้ที่ร่ำร้องว่ารักเธอหมดหัวใจ ฉันกลับมาแล้วอาร์ซี ฉันกลับมาแล้ว”

        เขาพูดพลางปล่อยแขนออกจากตัวฉันแล้วกางออก เขายิ้มอย่างเริงร่า

        “คงได้เวลาที่จะบอกแล้วซิน่ะ...ซันฉันรักเธอ”

        ฉันโผเข้าจูบที่ริมฝีปากของเขาเบาๆ

        “เฮ้ยๆๆ ลืมพวกฉันไปแล้วหรอไง ยังอย่น่ะเฟ้ย”

        “อยู่แล้วไงว่ะ”

        “พี่ ไม่น่ะ พี่รักกับคนพันธุ์นี้หรอพี่ โอ้ไม่น่า”

        “พันธุ์ไหนของเธอกันย่ะ ยัยแว่น”

        

        



    ........................................THE END........................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×