คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : INCREDIBLE -+:: เหลือเชื่อ ::+-
ตอนที่ 6 : INCREDIBLE -+:: เหลือเชื่อ ::+-
"ไอสัด...ตายซะ!!!" ตูม!!! เสียงนั้นตามมาหลังจากที่อเล็กซ์พูดจบ เขาทำอะไร? ตรงหน้าผมมันมืดไปหมดแล้ว ผมมองอะไรไม่เห็นแล้ว... มองไม่เห็น...ผมมองไม่เห็น
"ออต! ออต! ฮือ! ออต..." ฮันจี...ฮันจีหรอ ผมอยากจะเอื้อมมือไปจับใบหน้าของเธอ มือของเธอ แล้วก็แขนของเธอด้วย ผมอยากจะสัมผัสทุกสิ่งที่เป็นเธอ แต่ผมก็ทำไม่ได้เพราะเรี่ยวแรงทั้งหมด... มันหายไปกับสายลมหมดแล้ว... เวทนาตัวเอง...เวทนาตัวเองที่สุด
ตึก ตัก ตึก ตัก เสียงหัวใจของผมเริ่มแผ่วเบาลงเรื่อยๆ คล้ายกับร่างกายของผมใกล้จะสลายหายไป ผมยังไม่เคยบอกรักเธอเลยซักครั้ง... ถึงผมจะบอกเธอตอนนี้...มันก็อาจจะสายเกินไปแต่...ฮันจีฉันรักเธอ... ผมเริ่มไม่ได้ยินเสียงที่พวกเขาตะโกนกันดังโหวกเหวกอีกต่อไป...ทุกอย่างค่อยๆ เงียบลง และเงียบลงจนผมไม่ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นตรงหน้าอีกต่อไป...
ตึก ตัก ตึก ตัก ตึก ตัก
เสียงหัวใจของผมเริ่มแผ่วเบาลงเรื่อยๆ
จนเงียบหายไป
ผมมีความรู้สึกว่าตัวของผมเบาคล้ายขนนกที่กำลังล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าอันมืดมิดไร้แสงสว่างใดๆ
แต่
ผมกลับรู้สึกอึดอัดและแน่นที่หน้าอกเป็นทวีคูณ ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ถึงแม้ผมจะกำลังลืมตาอยู่ก็ตาม แต่
กระนั้นผมก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมได้เลยแม้แต่อย่างเดียว
ผมมองอะไรไม่เห็นทั้งนั้น มันมืดซะจนผมมองไม่เห็นแม้กระทั่งมือหรือเท้าของตัวผมเอง
ผมหลับตาลงอีกครั้งและคิดเรื่องทุกอย่างที่ผ่านมาอย่างใจลอย...
"พี่คะ! พี่..." เสียงอันสดใสตะโกนดังก้องขึ้นไปทั่วอีกครั้ง
ทำให้ผมตื่นจากภวังค์ และหลุดออกจากห้วงแห่งความคิดที่ไร้ที่สิ้นสุด "พี่คะช่วยหนูด้วย...พี่! พี่!..." เสียงนั้นค่อยๆ แผ่วเบาลงและดูเหมือนว่ามันกำลังจะหายไปจากใจของผม
ผมลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว....อาการเจ็บปวดไปทั่วร่างของผมเริ่มปรากฏขึ้นอีกครั้ง ตัวของผมเริ่มคดงอคล้ายกุ้งโดยอัตโนมัติเมื่ออาการเสียดท้องที่แผดพุ่งเข้ามาโจมตีผม ทั้งแขนขาและกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของผมเริ่มชา ชาจน
ผมกลายเป็นคนไร้ความรู้สึกแล้วก็ว่าได้
ผมเงยหน้าขึ้นมองแสงสว่างที่วิ่งผ่านหัวของผมไป ผีเสื้อเรืองแสงสีขาวส่องสว่างกำลังบินเอื่อยๆ ผ่านหัวผมไป และมันก็กำลังจะบินตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ ไม่หยุด
ผมที่ตัวหงิกงอเพราะความรู้สึกชาที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง และอาการเสียดท้องที่เกิดขึ้นอย่างประหลาด ทำให้ผมแทบจะขยับตัวตามผีเสื้อตัวนั้นไปไม่ไหว
ผมใช้แรงฮึดเฮือกสุดท้าย... ลอยตัวสูงขึ้นกว่าเดิม และคว้าผีเสื้อเรืองแสงสีขาวส่องสว่างตัวนั้นไว้ในมือได้อย่างรวดเร็วและนิ่มนวล ผีเสื้อตัวนั้นกำลังกระพือปีกเบาๆ สองสามทีเมื่ออยู่ในอุ้งมือของผม
ผมจ้องมองไปยังผีเสื้อตัวน้อย แต่แล้ว
แสงสว่างสีขาวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า! ตัวของผีเสื้อหายไปและกลายเป็นแสงสีขาวที่ส่องสว่างจ้า มันมีรูปร่างและขนาดคล้ายกับลูกบอลลูกเล็กๆ ที่อยู่ในอุ้งมือของผม แล้วมันก็กลับกลายเป็นลูกบอลสีขาวที่ส่องแสงสว่างจ้ามากขึ้นและมีขนาดใหญ่ขึ้น ลูกบอลลูกนั้นมันใหญ่ขึ้น และใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ จนคลุมตัวของผมเอาไว้ทั้งหมด
ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างเริ่มปรากฏขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันเจ็บมากกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา ความเจ็บปวดที่สุดแสนจะทรมาน ความเจ็บปวดที่ผมจะไม่มีวันลืม ภาพเหตุการณ์นับร้อยนับพันวิ่ง...หลั่งไหลเข้ามาในหัวสมองของผมอย่างต่อเนื่อง
ทั้งเรื่องในอดีตและปัจจุบันผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของทุกคนที่อยู่รอบกายผม มันทำให้ผมรู้สึกเหนื่อย เหนื่อยมากซะจน
ผมเหนื่อยซะจน
"แฮ่ก...แฮ่ก
แฮ่ก..." "...แค่ก...แค่ก..." ผมลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ แล้วก็พบว่าตัวผมเองนั้นกำลังนอนแน่นิ่งอยู่ในอ้อมอกของฮันจีที่กำลังนั่งร้องไห้ออกมาไม่หยุด ผมทั้งเหนื่อยทั้งหอบและไอเป็นเลือดออกมาเป็นระยะๆ ไม่หยุด "แค่ก...แค่ก..." เลือดมากมายพุ่งออกมาจากปากของผม มันเหมือนกับผมพึ่งตื่นจากฝันร้าย มันเหมือนกับผมได้ตายแล้วเกิดใหม่
ผมดันตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วใช้หลังมือเช็ดเลือดที่ไหลออกทางจากจมูกและปาก ผมก้มหน้าลงมองดูเลือดที่ไหลออกมาจากจมูกและหยดลงพื้นไม่หยุด
วี๊ดดดดดดดดดดดด~~~~~~~~~~ ผมเงยหน้าขึ้นมองทันที เมื่อเสียงที่ผมไม่ชอบเอาซะเลยดังขึ้นตรงหน้าของผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ได้เล็งผม
มันกลับเล็งอเล็กซ์ที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น "อเล็กซ์!" ผมตะโกนเรียกชื่ออเล็กซ์ดังที่สุดเท่าที่เสียงของผมจะเอื้ออำนวย อเล็กซ์ที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นกระเบื้องไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอนสนองผมเลยแม้แต่น้อย
ผมตัดสินใจวิ่งเข้าไปชนแขนของไอตัวเวรนั่นด้วยแรงทั้งหมดที่มี ผมล้มลงและ
ฟึ่ม! มันยิงพลาดผนังในห้องๆ นี้เป็นรูโหว่
"พี่คะ...พี่..." เสียงนั้นดังมาจากพื้นด้านล่างของรูโหว่นั่น ผมมองไปยังเธอที่กำลังนอนไม่เป็นท่าอยู่บนพื้น เธอกำลังจ้องมองผมอยู่ ผมไม่รอช้าวิ่งไปหาเธอเพื่อจะช่วยทันที
แต่
ผมได้ยินเสียงเดินอันหนักอึ้งมาจากด้านหลัง ผมหันกลับไปมองแล้วก็ต้องช็อค...ไปตัวเวรนั้นบัดนี้มันยืนอยู่ตรงหน้าผม มันบีบคอของผมทันทีก่อนที่จะยกตัวของผมสูงขึ้นครั้งนี้มันบีบแรง...แรงมากซะจนคอของผมแทบหัก ผมเริ่มหายใจไม่ออกผมเริ่มดิ้นโดยสัญชาตญาณ มันยกสิ่งที่อยู่ในมือขวาขึ้น ปากกระบอกของสิ่งที่อยู่ในมือขวาของมันกำลังอังอยู่ที่ใบหน้าของผมอีกครั้ง แสงสีฟ้าเจิดจ้าส่องสว่างออกมาจากสิ่งที่อยู่ในมืดขวานั่น ครั้งนี้คงไม่มีปฏิหารอีกต่อไป ผมพยายามดิ้นเพื่อเอาชีวิตรอด ฮันจีที่กำลังรอผมอยู่ และเด็กคนนั้นที่อ่อนวัยกว่าผมประมาณสองถึงสามปีก็รอผมอยู่เช่นกัน ผมดิ้น ดิ้น และดิ้นจนผมรู้สึกว่ามือของมันบีบรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
"ออต! หลับตา!" แม็กตะโกนดังขึ้นอย่างชัดถอยชักคำ ไม่ต้องบอกตอนนี้ผมก็กำลังหลับตาอยู่แล้ว แล้วแม็กก็ปาอะไรบางอย่างเข้ามาชนเข้ากับตัวของไอตัวเวรนั้น แกร้ง! ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! พอมันได้ยินเสียงนี้ เสียงเดียวกันกับที่ผมได้ยิน มันก็ปล่อยผมหลุดออกมามือของมันอย่างไม่ใยดี ผมล้มลงก้นกระแทกพื้นกลิ้งไม่เป็นท่า ผมรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปหาเด็กสาวที่นอนรอผมอยู่ที่ข้างพนังทันที ผมอุ้มเธอขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างอันว่างเปล่า ส่วนแม็กก็พยายามจะดึงตัวของอเล็กซ์ที่นอนอยู่บนพื้นให้สูงขึ้น และแบกตัวของอเล็กซ์ขึ้นพาดบ่า ผมรีบวิ่งออกไป ไอตัวเวรนั่นพยายามจะคว้าผมเอาไว้ด้วยมือเปล่าอันแข็งแกร่งของมัน แต่ผมก้มลงและหลบมันได้ทันเวลา ไอตัวเวรนั้นกระโดดลงไปด้านล่างผ่านทางกระจกที่แตกละเอียดเป็นผง
อาจจะเป็นเพราะเสียงตูม! ที่ผมได้ยิน...ก่อนที่ผมจะเข้าไปอยู่ในความมืดที่เงียบงันนั่น
"ฮันจี! วิ่งเร็ว เร็วเข้า!" ผมตะโกนบอกเธอที่วิ่งอยู่รั้งท้าย
อาการของเธอยังไม่หายดีนี่! ผมลืมไปซะสนิทเลย แล้วเธอขึ้นมาทำไม? ทำไมเธอถึงไม่รอผมอยู่ข้างล่างล่ะ คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัวสมองของผม ผมหยุดรอเธอ ไม่นานเท่าไหร่นักเธอก็วิ่งผ่านหน้าของผมไป
ตูม!!!!!!! เสียงนั้นดังกระหึ่มขึ้นไปทั่วโรงพยาบาล ระเบิดลูกนั้นที่แม็กปาเข้าไปเพื่อช่วยผม เกิดระเบิดขึ้นแล้ว ฮันจีที่วิ่งอยู่ข้างหน้าผม เธอล้มลงกองอยู่กับพื้นเพราะแรงสั่นสะเทือนที่สั่นไปทั่ว
"ฮันจี! ขึ้นมา ฉันจะแบกเธอเอง" ผมพูดออกไปพร้อมกับนั่งยองๆ ลงข้างตัวเธอ แต่เธอกลับส่ายหัวช้าๆ แล้วมองมาที่เด็กตัวน้อยที่นอนหลับสนิทอยู่บนหลังผม
"อย่าดีกว่า...ฉันวิ่งเองยังพอไหว" เธอรีบลุกขึ้นและวิ่งตามแม็กที่แบกอเล็กซ์ไปข้างหน้า แต่แม็กกลับหยุดนิ่งและวิ่งถอยหลังกลับมายังบันไดกลาง
"เฮ้ย! กลับมาทำไม" ผมตะโกนออกไปอย่าคนเสียสติ เพราะผมกำลังหวาดกลัวกำสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป
"ข้างหน้า!..." แม็กพูดทิ้งท้ายไว้แล้ววิ่งขึ้นบันไดต่อไปยังชั้นสาม ผมพอจะรู้แล้วว่าสิ่งที่แม็กพยายามจะบอกผมนั้นมันคืออะไร
ผมกับฮันจีจึงไม่รอช้าวิ่งตามแม็กขึ้นไปทันที...
ผมหยุดอยู่บนบันไดขั้นสุดท้ายที่จะพาผมขึ้นไปสู่ทางเดินของชั้นสาม ผมหยุดเดินเพื่อรอฮันจีที่วิ่งขึ้นบันไดมาช้ากว่าผม ผมยืนเหนื่อยหอบแล้วมองลงไปข้างล่าง ฮันจีกำลังวิ่งขึ้นบันไดตามผมมาอย่างยากลำบาก
"ออต
" เสียงกระซิบดังขึ้นตรงหน้า ผมหันขึ้นไปมองแม็กที่กำลังแบกอเล็กซ์ไว้บนหลังอยู่ "พวกมัน...อยู่กันเต็มทางเดิน
" พอแม็กพูดแบบนั้นผมก็ใจสั่นขึ้นมาทันที ผมที่กำลังอยู่ที่บันไดกลางก็รีบก้าวขายาวของผมขึ้นไปยังทางเดินฝั่งขวามือของโรงพยาบาลที่สุดแสนจะมืดมิดทันที แต่
ในความมืดมิดนั้น
วี๊ดดดดดดดดดด~~~~~~~
"วิ่ง!" ผมตะโกนบอกทุกคน พร้อมกับผลักฮันจีให้ออกวิ่งนำหน้าผมไป คราวนี้เป็นแม็กที่อยู่รั้งท้าย พวกมันเห็นเราแล้ว!
ฮันจีดันประตูห้องทุกห้องที่เธอวิ่งผ่าน
แล้วประตูห้อง K024 ก็ถูกเปิดออกโดยเธอ ฮันจีไม่รอช้าวิ่งเข้าไปในห้องๆ นั้นทันที ผมวิ่งตามเธอเข้าไปแม็กก็เช่นกัน...
ในห้องๆ นี้มีลักษณะเป็นรูปทรงสีเหลี่ยมผืนผ้า ด้านนอกเป็นระเบียงยาวขนาดใหญ่ และมีประตูกระจกบานใหญ่ใสเป็นตัวคั่นกลางระหว่างภายในห้องกับระเบียงขนาดใหญ่ทางด้านนอก และที่อยู่ติดกับประตูกระจกใสบานนั้น
ก็คือเตียงคนไข้ที่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษนอกจากคำว่าเตียง ส่วนที่อยู่ฝั่งตรงข้างกับเตียงและเยื้องๆ กันหน่อยนั้นคือตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่พอจะมีที่ให้คนสองถึงสามคนเข้าไปหลบอยู่ในนั้นได้ ที่ปลายเตียงก็จะมีโทรทัศน์โปร่งใสจอแบนติดเข้ากับฝาผนังอยู่ ถ้าห่างออกมาจากโทรทัศน์อีกหน่อยประมาณครึ่งเมตร ก็จะพบกับห้องน้ำที่ปิดประตูสนิทอยู่
ผมตัดสินใจดึงฮันจีเข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้าพร้อมกับผม ส่วนแม็กที่แบกอเล็กซ์ไว้
ก็ดันตัวของอเล็กซ์ที่ยังหมดสติอยู่เข้าไปใต้เตียงนอนที่สุดแสนจะธรรมดา...
...ตอนนี้ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่ผมสัมผัสได้ในตอนนี้คือความเงียบที่เริ่มปกคลุมไปทั่วห้องเท่านั้น ผมกับฮันจี
ที่ยืนเบียดเสียดกันอยู่ในตู้เสื้อผ้าตู้ใหญ่ก็ผลัดกันหายใจหอบแรงขึ้นเรื่อยๆ คงเป็นเพราะความเหนื่อยสุดขีดที่แทบจะขาดใจตายเมื่อครู่ เด็กสาวที่อยู่บนหลังของผมยังคงหมดสติอยู่และไม่รู้เรื่องใดๆ ที่เกิดขึ้น ผมเหลือบมองเด็กสาวที่นอนนิ่งอยู่บนหลังของผม
แล้วผมก็หันกลับไปมองฮันจีที่เหนื่อยหอบพอๆ กันกับผมอีกครั้ง ตอนนี้ผมทั้งเหนื่อยทั้งร้อน...ไขมันที่เผาผลาญไปทั่วร่าง ทำให้ผมไม่ค่อยรู้สึกหนาวซักเท่าไหร่ ผมจึงไม่คิดจะใส่เสื้อกันหนาวที่ตอนนี้ผมคาดมันเอาไว้ที่เอว
ตึ่ง! เสียงของประตูที่กระแทกเข้ากับฝาผนังของห้องดังขึ้น ใจของผมเริ่มเต้นแรงและรัวจนไม่เป็นจังหวะ ผมมองผ่านซี่ไม้ที่ถูกนำมาวางเรียงต่อกันตามแบบฉบับประตูของตู้เสื้อผ้าทั่วไป ไหนล่ะ? มันอยู่ไหน? ผมพยายามมองหามันแต่ผมก็ไม่พบมันแต่อย่างใด อาจจะเป็นเพราะมันอยู่ข้างตู้เสื้อผ้าก็เป็นได้ ไม่นานเท่าไหร่นักเสียงที่ผมไม่อยากได้ยินมากที่สุดในโลกก็ดังขึ้น
วี๊ดดดดดดดดดด~~~~~~~~ มันจะยิง ยิงอะไร? หรือว่า
ให้ตายซิ หรือว่ามันเห็นพวกผมเข้าซะแล้ว ฮันจีเบิกตาโตกว้างขึ้นและหันมามองผม ผมสัมผัสได้ถึงความกลัวที่เธอรู้สึก มือของเธอเริ่มสั่นเทาและขาของเธอก็เช่นกัน
ฟึม! และในชั่วพริบตานั้นแสงสีฟ้าก็วิ่งผ่านหน้าของผมไป แสงนั่นวิ่งผ่านห่างจากประตูตู้ไปไม่ถึงสองเซนติเมตรด้วยซ้ำ ประตูห้องน้ำที่อยู่ถัดไปจากโทรทัศน์จอแบนใสที่ติดอยู่กับฝาผนังไม่มากนัก ก็แหลกละเอียดเป็นผุยผงและสลายหายไปภายในพริบตา ฮันจีตั้งตัวไม่ทันเพราะความตกใจเธอจึงกระโดดถอยหลังไปเต็มแรง...จนหลังของเธอกระแทกเข้ากับผนังด้านในของตู้ที่อยู่เบื้องหลังของเธอเข้าอย่างจัง และนั่นก็ทำให้เกิดเสียงดังขึ้น ตึง!
"เฮือก!" เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนที่จะใช้มือปิดปากของตัวเองเอาไว้แน่น
ทุกอย่างเงียบลง
เงียบลงจนน่าประหลาด ผมขยับหน้าตัวเองเข้าไปใกล้กับประตูของตู้เสื้อผ้ามากขึ้น เพื่อผมจะได้มองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านนอกได้สะดวกกว่าเดิม ผมค่อยๆ มองผ่านซี่ไม้ที่ถูกนำมาวางเรียงต่อกันเป็นชั้นๆ ของตู้เสื้อผ้าตู้นี้
ดวงตาสีแดงฉานปรากฏขึ้นตรงหน้าผม ผมสะดุ้งสุดตัวกับสิ่งที่มองเห็น มันจ้องมองผมอยู่นานเกือบสิบวินาทีก่อนที่จะเริ่มพังประตูตู้เสื้อผ้าออก
มันใช้มือข้างซ้ายของมันพังประตูตู้เสื้อผ้าฝั่งซ้ายที่ฮันจีของผมยืนแอบอยู่ได้อย่างรวดเร็ว และดึงตัวของฮันจีออกไปจากตู้เสื้อผ้าก่อนที่จะยกตัวของเธอสูงขึ้น มันกำลังจะบีบคอของเธอ! ผมวางเด็กสาวไว้ในตู้เสื้อผ้า แล้วผลักประตูฝั่งขวาออกไปทันที ประตูตู้ฝั่งผมหักกระจายเพราะแรงที่ผมกระแทกออกไป
จนเต็มแรง
============
อัพครั้งแรก 27ส.ค.48
ความคิดเห็น