ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เย้ๆ ไปเข้าค่ายในป่ากันเถอะ (1)
    O.O นายว่าไงน่ะ ขอฉันคบหรอ ให้เรากลับกันไปคบกันเหมือนเดิมงั้นหรอ มีนที่ได้ยินคำที่ซิวพูดก็หยุดนิ่งอยู่แบบนั้นประมาณสองวิแล้วถึงจะออกรถไป
    “ขอคิดดูก่อนได้มั้ย อย่าลืมซิว่ามันตั้งห้าปีแล้วน่ะที่เราไมได้เจอกัน”
    “ฉันก็รู้ แต่แพนรู้มั้ย ฉันไม่ได้มีใครเลยตลอดห้าปีที่เราไม่ได้เจอกัน ฉันเฝ้าแต่คิดถึงแค่เธอคนเดียว ที่ฉันได้กลับมาเจอเธออีกครั้งฉันว่ามันต้องเป็นพรมลิขิตแน่ๆ อีกอย่างฉันก็ยังเป็นนายตัวเล็กของเธอเหมือนเดิม เหมือนเดิมไง ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง จับหน้าฉันซิเห็นมั้ยว่ายังเป็นนายตัวเล็กของเธอเหมือนเดิม”
    “อย่าพูดแบบนั้นซิ อย่าพูดให้ฉันกลับไปรักนายซิ”
    “ฉันจะดูแลเธอ พอฉันโตเป็นผู้ใหญ่แล้วฉันจะปกป้องเธอ ฉันยังจำคำพูดนี้ได้แล้วฉันก็รอมาตลอด”
    เขาหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาชูพวงกุญแจขึ้น และที่ห้อยรวมอยู่กับกุญแจพวกนั้นก็คือโอลิ้ง (ใยสังเคราะห์ที่หุ้มด้วยยาง เอาไว้ทำเกี่ยวกับรถยนต์)
    “ฉันยังเก็บไว้อยู่”
    “นายยังเก็บไว้อีกหรอ”
    “^-^ แน่นอนก็มันคือของสำคัญที่สุดสำหรับฉันนี่จริงมั้ย”
    “ ^-^ อื้ม...ของสำคัญ”
    ฉันเอื้อมมือเล็กๆ ไปจับที่โอลิ้งอันนั้นอย่านุ่มนวล
    “ฉันรักเธอน่ะ... แพนฉันรักเธอ”
    เขาก้มลงและจับคางของฉันไว้ ริมฝีปากของเขาหากจากริมฝีปากฉันแค่ไม่กี่เซ็นฯ
    บรื้น.... บรื้นนน... บรื้นนนนน
    เสียงบิดมอเตอร์ไซด์ดังมาจากที่ไม่ใกล้ไม่ไกลนักฉันพอจะรู้ว่าคนที่บิดคนนั้นเป็นใคร ฉันเลยเอามือดันปากของซิวเอาไว้แล้วเดินตรงไปที่ป้ายรถเมล์ ซิวเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกันหนาวแล้วเดินตามฉันมา ฉันนั่งเตะฝุ่นอยู่ที่ป้ายรถเมล์ สักพักรถเมล์ก็มาจอดที่ตรงหน้าฉัน ฉันก้าวขึ้นไปบนรถพร้อมกับซิว เขาจับมือฉันไว้แล้วจูงมือฉันเดินไปนั่งแถวที่หลังสุด คนในรถมองฉันกันใหญ่แหมก็ผู้ชายที่จูงมือฉันอยู่หน้าตาหล่อเหลาออกซะขนาดนั้น
    ฉันนั่งอยู่ในรถประมาณหนึ่งชั่วโมงได้แล้วอากาศในรถก็เย็นใช่ย่อย อ่า... ยังไม่ถึงบ้านฉันซะที ฉันมองออกไปข้างนอกรถ ฉันเห็นผู้คนมากมายที่เดินอยู่บนถนน วันนี้ไม่มีดาวซักดวงเลยแฮะฉันคิดพลางเอานิ้วชี้เขียนเล่นที่กระจกรถ อ้าว... เฮ้ย!! ฝนตกหรอเนี่ย
    “หน้าร้อนแล้วยังหนาว แถมฝนยังตกอีก ปีนี้แปลกจริงแฮะ”
    “เนอะ ^-^”   
    ฉันหันไปตอบเขา ใครกำลังร้องไห้กันน้า ไม่งั้นฝนคงไม่ตกหรอก
    “ถึงแล้ว”
    เขาเดินนำหน้าฉันไปกดกริ่งเพื่อที่จะลงป้ายหน้า อ่า... ไม่น่าเชื่อเขายังจำบ้านของฉันได้ ฉันเดินตามหลังเขาไปและจับไหลของเขาไว้ โห... มันดูกว้างขึ้นเยอะกว่าแต่ก่อนอีกน่ะเนี่ย เขาเดินลงรถพลางส่งมือมาให้ฉัน ฉันจับมือของเขาไว้แน่นแล้วกระโดดลงจากรถ ทันทีที่พวกเราก้าวลงรถเมล์มารถก็ค่อยๆ เคลื่อนออกไป
    “ทำไงดีละ ฝนตกแบบเนี้ย”
    ฉันหลบอยู่ที่ป้ายรถเมล์แล้วเอามือยื่นออกไปนอกหลังคา
    “ขี่หลังฉันไปม่ะ”
    “บ้าเหรอ พูดเป็นตลกไปได้ เราโตๆ กันแล้วน่ะ”
    ฉันพูดไปหัวเราะไป
    “มา”
    เขานั่งยองๆ ลงกับพื้นพลางยื่นมือทั้งสองข้างมาไว้ข้างหลัง
    “ไม่เอาหรอกไม่เอา เล่นอะไรไม่รู้”
    “มาซิมา มาเถอะน่า ขอครั้งนึงน่ะ”
    “ไม่เอาๆ”
    “น่าน่ะ ฉันยังเป็นนายตัวเล็กของเธอเหมือนเดิมน่ะ”
    พอได้ฟังคำนั้น ฉันเลยเดินไปเกาะที่แผ่นหลังของเขา น่าแปลกที่ฝนหยุดตกแล้วตอนนี้ ฉันเอาแขนทั้งสองข้างกอดคอของเขาไว้พลางเอาหน้าด้ายซ้ายแนบไปที่ไททอยของเขา
    “นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้ทำแบบนี้”
    “ไม่รู้ซิ ห้าปีแล้วมั้ง”
    ฉันรับรู้ได้ถึงความอบอุ่น ความอบอุ่นที่ฉันไม่เคยได้รับมันตลอดห้าปีที่เขาหายไปจากชีวิตของฉัน
    “นายไปไหนมาน่ะ ห้าปีที่ผ่านมา”
    “ฉันไปเรียนต่อที่อเมริกา ฉันเลยไม่ได้กลับมาเลย ฉันไปอยู่ที่นั่นแพนรู้มั้ยฉันโคตรคิดถึงแพนเลย ฮ่า ฮ่า มันน่าขำมั้ยละ ทั้งๆ ที่ฉันคิดจะตัดใจจากเธอ”
    “แต่นายก็กลับมา”
    “^-^ อื้ม”
    “ไปหาพ่อฉันมั้ย ฉันว่าเขาต้องดีใจแน่ๆ ที่ได้เจอนาย ฉันว่าแม่ฉันคงกลับมาแล้วละ อ่า... กินข้าวรอบดึกด้วยกันมั้ยละ ไปซิไป ไปน่ะ”
    “ก็ได้”
   
    เขายังคงแบกฉันไว้บนหลังอยู่แบบนั้นจนมาถึงหน้าบ้านเขาก็ปล่อยฉันลง อ๊ะ!!!... นั่นมันมอเตอร์ไซด์ของมีนนี่ นายมาทำบ้าอะไรในบ้านของฉันเนี่ย ห๊ะ ฉันเดินตึงตังเข้าไปในบ้านนำหน้าซิวเข้าไป
    “พ่อ!!!!”
   
    ภาพที่ฉันเห็นคือเขากำลังเฮฮา คุยกันอย่างสนุกสนามกับมีนผู้ชายที่ฉันเกลียดที่สุด อ๊าย อีตาบ้าวางยาหัวเราะไว้ในน้ำรึไงเนี่ย พ่อฉันถึงได้หัวเราะเหมือนคนบ้าแบบนั้น อ่า... โต๊ะกินข้าวเต็มไปด้วยอาหารมื้อค่ำ
    “ลูกมาแล้วหรอ แม่อยู่ในห้องครัวนู้นแนะ อ้าวคนนั้นใครนะ”
    “ซิวไง พ่อจำเขาไม่ได้หรอ”
    “ซิว อะ...อ๋อ นายตัวเล็กของลูกนะหรอ โฮ้... ตัวโตขึ้นเยอะเลยนี่เรา มาๆ มานั่งตรงนี้ กินข้าวกันก่อนแล้วกัน เป็นไงห้าปีที่ผ่านมาไม่เจอหน้าเลย ไปไหนมาเนี่ย หล่อขึ้นจมเลยนี่”
    นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตตั้งแต่ฉันเกิดมาที่พ่อพูดแล้วฟังดูพูดเข้าหูคนหน่อย
    “ซิวมาหรอพ่อ”
    “ใช่ แม่ ออกมาดูเร็ว โตเป็นหนุ่มแล้ว”
    แม่ของฉันรีบเช็ดไม้เช็ดมือแล้วเดินมาที่โต๊ะกินข้าว
    “หล่อขึ้นเยอะเลยนะเรา แล้วพ่อกับแม่หรอ”
    “ก็สบายดีครับ ผมกลับมาคนเดียว”
    พ่อกับแม่ฉันชวนเขาคุยไปเรื่อย ฉันเลยต้องไปยกอาหารที่เหลือมาวางไว้บนโต๊ะ วันนี้ดูบนอุ่นเป็นพิเศษเลยเพราะมีคนมานั่งรวมโต๊ะตั้งห้าคนแน่ะ - - เยอะไปรึเปล่าเนี่ย
    เฮ่อ~ สี่ทุ่มแล้วงั้นหรอ อ่า... เร็วชะมัดเลย ฉันเดินออกมาที่หน้าบ้านเพราะฉันเห็นพวกเราสองคนนั่งคุยกันอยู่
    “ไอหน้าจืด”
    “...”
    “แกมันหน้าจืดจริงหวะ”
    “...”
    “เรียนที่ไหนวะแกนะ”
    “...”
    “แกก็คงรู้จัก ศรีภรรยาของฉันในอนาคตแล้วซิน่ะ ใช่ม่ะ”
    ใครไปเป็นศรีภรรยาของนายกันย่ะ
    “แพนเป็นแฟนฉันตั้งหากละ”
    “อ๋อ งั้นหรอ”
    “...”
    “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันน่ะ ฉันไม่ยักกะจำได้แฮะ”
    “...ซิว เหมือนเดิมรึเปล่าอาหารฝีมือแม่ฉัน”
    ฉันนั่งลงข้างๆ ซิวที่กำลังคุยอยู่กับมีนอยู่
    “เหมือนเดิมซิเหมือนเดิมทุกอย่างเลย อร่อยที่สุดเลย ฝีมือของแม่แพนอร่อยกว่าฝีมือของแม่ฉันซะอีก
    “ฝีมือแม่แพนอร่อยกว่าแม่ฉันอีก...”
    มีนทำเสียงล้อเลียน นายจะกัดเพื่อนฉันรึไงย่ะห๊ะ ฉันเชิดใส่มีน
    “กลับยัง ซิวกลับได้แล้วมั้งเดี๋ยวพี่สาวเป็นห่วงน่ะ”
    “โอเคแล้วเจอกัน ระวังหมาบ้ามันกัดเอาน่ะ ฉันแค่ไม่อยากมีเรื่องในบ้านเธอ เธอก็รู้ฉันร้ายแค่ไหนตอนอยู่ประถม ฉันสู้เก่งน่ะจะบอกให้”
    “อืม บ๊ายบาย อ่อ... ลืมไปเจอกันวันพุธ ฉันจะไปเข้าค่าย”
    เขาหันกลับมาแล้วพยักหน้าให้ฉัน ฉันโบกไม้โบกมือพลางตะโกนบ๊ายบาย อ่า... ดีใจชะมัดที่ได้เจอเขาอีก แต่เขาก็ไปกลับซะแล้ว พอฉันโบกไม้โบกมือเสร็จฉันก็หันกลับมามองมีนด้วยใบหน้าอันบึ้งตึงอีกครั้ง
    “ไอหมอนั่นมันเป็นใครไปบ๊ายบายมัน ห๊ะ! ทีฉันละไม่บ๊ายบาย ฉันเป็นสามีเธอน่ะ”
    “นายจะบ้าหรอไง ใครไปเป็นภรรยานายกัน ไปไกลๆ เลยไป ชิ่วๆ อี๋แหยะๆ”
    ฉันลุกขึ้นพลางทำท่าปัดเสนียดออกจากตัวและทำปากเบี้ยวใส่เขา ที่ชั้นหนึ่งปิดไฟหมดแล้วเหลือแต่ไฟที่บันไดเท่านั้น พ่อกับแม่คงจะขึ้นไปนอนกันแล้วล่ะ อ่า... พรุ่งนี้วันอาทิตย์ร้านปิด วันจันทร์ฉันก็ไปเข้าค่ายแล้วซิ แหม... ชักจะสนุกแล้วซิ ฉันรู้สึกถึงความอาอุ่นบางอย่างที่เกิดจากด้านหลังของฉัน
    “ฉันมันไม่ดีพอรึไง ฉันมันแย่มากเลยงั้นหรอ”
    เขาสวมกอดฉันจากด้านหลัง
    “นายบ้ารึไง ปล่อยน่ะ!!!! ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย ปล่อยซิปล่อย”
    ฉันดิ้นทุรนทุรายให้เขาปล่อยและเขาก็ปล่อย ทันทีที่เขาปล่อย ฉันก็หันกลับไปแบฝามือเล็กๆ ของฉันแล้วตบเข้าที่หน้าด้านขวาของเขาอย่างแรง เขาหน้าหันไปทางด้านซ้ายทันที พลางยกมือขึ้นแล้วจับไปที่รอยแดงที่แก้มของเขามันเป็นรอยฝามือเล็กๆ ของฉันที่พึ่งจะตบเขาไปเมื่อกี้ ฉันวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ และฉันก็ปิดประตูบ้านอย่างแรง...
    “ฉันเกลียดนายที่สุดเลย”
    ฉันเอามือปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา และวิ่งขึ้นไปบนห้อง ฉันกระโดดขึ้นเตียงทันทีที่ถึงบนห้องนอน ฉันรู้สึกได้ว่าเจ้าสฟิ้งสะดุ้งสุดตัวเพราะความตกใจที่ฉันกระโดดขึ้นเตียง หลังจากนั้นไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์ถูกสตาร์ท และเสียงของรถมอเตอร์ไซด์ที่เคลื่อนตัวออกไปค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ จนฉันแทบจะไม่ได้ยินเสียงของมัน
    เช้าวันรุ่งขึ้นฉันรีบจัดแจง จัดเสื้อผ้าและข้าวของที่ต้องใช้ในการไปค่าย สามวันสองคืนในป่า พอคิดแล้วฉันก็รู้สึกว่ามีความสุขขึ้นมายังไงไม่รู้บอกไม่ถูก เช้านี้อากาศเย็นผิดปกติอีกแล้ว - - หนาวมากเลยละ ฉันนอนโดยไม่ต้องเปิดแอร์มาสองวันแล้วน่ะ อ่า... ฉันเดินไปหยิบผ้าห่มมาห่มที่หน้าคอม ข้างๆ มีกระเป๋าเป้สีส้มที่ใส่เสื้อผ้าและของใช้ของฉันอยู่ ฉันควรจะหยิบอะไรใส่ไปอีกดี... เอ่อ... อะไรดีน้อ... แป้งๆ กระจก แล้วก็ลิบมัน ผ้าอนามัยด้วยเผื่อไว้ก่อน ฮ่าฮ่า ฉันว่ามันต้องสนุกแน่ๆ วันนี้ฉันนอนทั้งวันเลย ขลุกตัวอยู่แต่ในห้องจะออกมาเจอหน้าพ่อกับแม่ก็เฉพาะตอนกินข้าวแค่นั้น
    “แพน ลงมากินข้าวได้แล้ว”
    พ่อฉันตะโกนเรียกจากชั้นล่าง ฉันกระโดดขึ้นจากเตียงแล้ววิ่งลงไปที่โต๊ะกินข้าว ฉันนั่งลงข้างแม่และรีบตักข้าวกินด้วยความหิว แต่ฉันก็ต้องอาปากค้างเมื่อเห็นมีนมายืนตรงหน้าแล้วยกมือไหว้พ่อกับแม่ของฉัน
    “นั่งก่อนเลยจ๊ะ มีน”
    “ครับ”
    แม่ของฉันชวนเขานั่งลงที่ข้างพ่อของฉัน
    “เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะมารับแพนไปโรงเรียนกับผมตอนตีสี่น่ะครับ รถจะออกตีสี่ครึ่ง”
    “ได้เลยจ๊ะตามสบายเลยน่ะ แม่เชื่อใจมีนน่ะ”
    มีนพยักหน้าพลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาที่ฉัน
    “แม่หนูไปเองก็ได้น่ะ ไม่เห็นต้องให้ตานี่มารับเลยน่ะแม่”
    “อย่าลืมว่าแม่จ้างเขาวันละ ห้าร้อยเป็นคนขับรถส่วนตัวให้ลูกเชียวน่ะ”
    คนอื่นได้มั้ยที่ไม่ใช่คนนี้ โธ่... แม่ใจร้ายชะมัดเลย ดูซิแม่พูดอย่างภาคภูมิใจเชียว อ่า... เศร้าชะมัด พรุ่งนี้ต้องเจออีตาบ้านี่ตั้งแต่ตีสี่เลยงั้นหรอ
    “งั้นผมกลับก่อนน่ะครับ ผมมาบอกแค่นี้แหละครับ”
    “อ้าวไม่กินข้าวด้วยกันหรอจ๊ะ”
    แม่ของฉันหยิบจานเปล่าขึ้นมาหนึ่งใบและกำลังจะตักข้าวใส่จานในเขา
    “ไม่ละครับ ขอบคุณมากเลยครับคุณแม่”
    อ๊าย แม่ฉันไปเป็นแม่นายตั้งแต่เมื่อไหร่กันย่ะ บังอาจมาเรียกแม่สุดที่รักของฉันว่าแม่ได้ไงกัน พ่อของฉันไม่สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่รอบตัว เอาแต่กินข้าวกับดูทีวีแค่สองอย่างเท่านั้น อ่า... พ่อฉันยังเป็นพ่อของฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย
   
    พอฉันกินข้าวเสร็จฉันก็ขึ้นไปบนห้องมันเป็นเวลาเดียวกับที่มีนออกรถไปจากบ้านของฉัน เฮ่อ~ พรุ่งนี้แล้วซิที่จะได้ไปเข้าค่าย... หลับเอาแรงดีกว่า ฉันให้อารายเจ้าสฟิ้งเป็นครั้งสุดท้ายของวันนี้กับอีกสามวันสองคืน ฉันควรจะฝากพ่อดูแลดีมั้ยเนี่ย... เป็นห่วงมันซะจริง กลัวว่าพ่อฉันจะจับมันมาปิ้งกินซะก่อนที่พ่อจะให้อาหารมันนะซิ งั้นฝากแม่แล้วกัน
    เนินทุ่งหญ้าสีเขียว ฉันกำลังนอนอยู่บนเนินนั้น อ่า... เย็นสบายจัง แต่แล้วก็มีใครคนหนึ่งมานั่งที่ข้างฉัน และยืดขาทั้งสองข้างไปทางเดียวกับฉันแล้วค่อยๆ นอนลง เขาไม่พูดอะไรกับฉันเอาแต่นอนอยู่แบบนั้น ทำไมหมู่นี้ฉันถึงฝันเห็นที่นี่บ่อยจัง นั่น... ผีเสื้อสีสวยเป็นบ้าเลย ฉันลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นมันบินผ่านหน้าของฉันไป ฉันเลยถือโอกาสมองลงไปหาคนที่กำลังนอนอยู่บนเนินหญ้าที่เดียวกับฉัน
    ‘ตื่นซิจ๊ะ ตื่นได้แล้วละ ตื่นๆ ตื่นซิจ๊ะ ตื่อได้แล้วละ ตื่นๆ’
    ฉันลุกขึ้นมานั่งงัวเงีย และเปิดดูโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงดังปลุกฉันอยู่ ฮ้าว~~ ตีสามครึ่งเองน่ะเนี่ย ฉันลุกขึ้นยืนพลางเดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืน ฉันอาบน้ำไปยืนสัปหงกไป อ๊าก! หน้าจะทิ่ม ระหว่างที่ฉันอาบน้ำฉันก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์ของมีนมาจอดในบ้านแล้ว แต่ฉันก็ยังอาบน้ำอย่างเชื่องช้าต่อไป ยี่สิบนาทีผ่านไปฉันออกมาจากห้องน้ำโดยที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมา ให้ตายซิ หนาวชะมัดเลย ครั้งแรกน่ะเนี่ยที่อาบน้ำตอนตีสาม อ่า... ขอเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน ฉันเดินเข้าไปในห้องอย่างเงอะๆ งันๆ เปิดประตูเสื้อผ้าที่อยู่ตรงกันข้ามกับประตู ชุดไหนดีน้า...เอาชุดนี้แล้วกัน ฉันหยิบกางเกงยีนขายาวกับเสื้อยืดสีขาวแขนสั้นออกมา ฉันหยิบเสื้อกันหนาวสีดำเทาที่มีหมวกไปอีกตัว อ่า... เผื่อว่ามันจะหนาว ฉันค่อยๆ สวมกางเกงยีนขายาว
    ปั้ง...
    “นี่เธอช้าจริง”
    ฉันหันกลับไปมอง อ๊าย >///< นายบ้า เข้ามาได้ไง
    “O.O เอ่อ... ฉันขอโทษ”
    ว่าแล้วเขาก็ปิดประตูดัง ปั้ง เขินชะมัดเลยดีน่ะที่ฉันใส่กางเกงเสร็จแล้ว TT^TT งือ งือ แต่เขาก็เห็นหลังขาวๆ ของฉันกับเสื้อชั้นในที่ฉันใส่วันนี้ TT^TT งือ งือ ไอผู้ชายบ้าโรคจิต พอฉันใส่เสื้อเสร็จฉันก็ใส่เสื้อกันหนาวสีดำตัดกับสีเทาที่มีหมวกทับไปอีกตัว ฉันหิ้วกระเป๋าเป้สีส้มที่มีของอยู่เต็มกระเป๋าลงไปชั้นล่าง ฉันลงบันไดไปเห็นเขายืนอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย เขาเงยหน้ามองฉัน และยื่นมือของเขาออกมา
    “เอากระเป๋ามาชั้นหิ้วให้”
    ฉันยื่นกระเป๋าไปให้เขา และเดินตามหลังเขาไป เขาวางกระเป๋าเป้สีส้มของฉันไว้ข้างรถแล้วสตาร์ทรถมอเตอร์ไซด์
    “ขึ้นมา เอาของๆ เธอขึ้นมาด้วย”
    ฉันขึ้นค้อมมอเตอร์ไซด์ของเขาอย่างเคย
    “เอานี่ของฉันฝากที”
    เขายื่นกระเป๋าเป้สีดำของเขามาให้ฉัน
    “นี่!! นายจะฆ่าฉันรึไง ฉันแทบจะหายใจไม่ออกแล้วน่ะ”
    “บ่นอยู่นั้นแหละยัยบ๊องเอ้ย”
    ว่าแล้วเขาก็สตาร์ทรถออกไปห่างจากบ้านของฉันเรื่อยๆ อ่า...ฉันต้องจากบ้าน พ่อ แม่ แล้วก็เจ้าสฟิ้งไปสามวันสองคืนหรอเนี่ย TT^TT ช่างประไรถ้ามันแลกมากับความสนุก ยะฮู้ V^^v ฮือ TT^TT แต่พระเจ้าช่วยลูกให้ถึงโรงเรียนได้อย่างปลอดภัยด้วยเถิด สาธุ 
(-/|\\-)
    “ขอคิดดูก่อนได้มั้ย อย่าลืมซิว่ามันตั้งห้าปีแล้วน่ะที่เราไมได้เจอกัน”
    “ฉันก็รู้ แต่แพนรู้มั้ย ฉันไม่ได้มีใครเลยตลอดห้าปีที่เราไม่ได้เจอกัน ฉันเฝ้าแต่คิดถึงแค่เธอคนเดียว ที่ฉันได้กลับมาเจอเธออีกครั้งฉันว่ามันต้องเป็นพรมลิขิตแน่ๆ อีกอย่างฉันก็ยังเป็นนายตัวเล็กของเธอเหมือนเดิม เหมือนเดิมไง ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง จับหน้าฉันซิเห็นมั้ยว่ายังเป็นนายตัวเล็กของเธอเหมือนเดิม”
    “อย่าพูดแบบนั้นซิ อย่าพูดให้ฉันกลับไปรักนายซิ”
    “ฉันจะดูแลเธอ พอฉันโตเป็นผู้ใหญ่แล้วฉันจะปกป้องเธอ ฉันยังจำคำพูดนี้ได้แล้วฉันก็รอมาตลอด”
    เขาหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาชูพวงกุญแจขึ้น และที่ห้อยรวมอยู่กับกุญแจพวกนั้นก็คือโอลิ้ง (ใยสังเคราะห์ที่หุ้มด้วยยาง เอาไว้ทำเกี่ยวกับรถยนต์)
    “ฉันยังเก็บไว้อยู่”
    “นายยังเก็บไว้อีกหรอ”
    “^-^ แน่นอนก็มันคือของสำคัญที่สุดสำหรับฉันนี่จริงมั้ย”
    “ ^-^ อื้ม...ของสำคัญ”
    ฉันเอื้อมมือเล็กๆ ไปจับที่โอลิ้งอันนั้นอย่านุ่มนวล
    “ฉันรักเธอน่ะ... แพนฉันรักเธอ”
    เขาก้มลงและจับคางของฉันไว้ ริมฝีปากของเขาหากจากริมฝีปากฉันแค่ไม่กี่เซ็นฯ
    บรื้น.... บรื้นนน... บรื้นนนนน
    เสียงบิดมอเตอร์ไซด์ดังมาจากที่ไม่ใกล้ไม่ไกลนักฉันพอจะรู้ว่าคนที่บิดคนนั้นเป็นใคร ฉันเลยเอามือดันปากของซิวเอาไว้แล้วเดินตรงไปที่ป้ายรถเมล์ ซิวเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกันหนาวแล้วเดินตามฉันมา ฉันนั่งเตะฝุ่นอยู่ที่ป้ายรถเมล์ สักพักรถเมล์ก็มาจอดที่ตรงหน้าฉัน ฉันก้าวขึ้นไปบนรถพร้อมกับซิว เขาจับมือฉันไว้แล้วจูงมือฉันเดินไปนั่งแถวที่หลังสุด คนในรถมองฉันกันใหญ่แหมก็ผู้ชายที่จูงมือฉันอยู่หน้าตาหล่อเหลาออกซะขนาดนั้น
    ฉันนั่งอยู่ในรถประมาณหนึ่งชั่วโมงได้แล้วอากาศในรถก็เย็นใช่ย่อย อ่า... ยังไม่ถึงบ้านฉันซะที ฉันมองออกไปข้างนอกรถ ฉันเห็นผู้คนมากมายที่เดินอยู่บนถนน วันนี้ไม่มีดาวซักดวงเลยแฮะฉันคิดพลางเอานิ้วชี้เขียนเล่นที่กระจกรถ อ้าว... เฮ้ย!! ฝนตกหรอเนี่ย
    “หน้าร้อนแล้วยังหนาว แถมฝนยังตกอีก ปีนี้แปลกจริงแฮะ”
    “เนอะ ^-^”   
    ฉันหันไปตอบเขา ใครกำลังร้องไห้กันน้า ไม่งั้นฝนคงไม่ตกหรอก
    “ถึงแล้ว”
    เขาเดินนำหน้าฉันไปกดกริ่งเพื่อที่จะลงป้ายหน้า อ่า... ไม่น่าเชื่อเขายังจำบ้านของฉันได้ ฉันเดินตามหลังเขาไปและจับไหลของเขาไว้ โห... มันดูกว้างขึ้นเยอะกว่าแต่ก่อนอีกน่ะเนี่ย เขาเดินลงรถพลางส่งมือมาให้ฉัน ฉันจับมือของเขาไว้แน่นแล้วกระโดดลงจากรถ ทันทีที่พวกเราก้าวลงรถเมล์มารถก็ค่อยๆ เคลื่อนออกไป
    “ทำไงดีละ ฝนตกแบบเนี้ย”
    ฉันหลบอยู่ที่ป้ายรถเมล์แล้วเอามือยื่นออกไปนอกหลังคา
    “ขี่หลังฉันไปม่ะ”
    “บ้าเหรอ พูดเป็นตลกไปได้ เราโตๆ กันแล้วน่ะ”
    ฉันพูดไปหัวเราะไป
    “มา”
    เขานั่งยองๆ ลงกับพื้นพลางยื่นมือทั้งสองข้างมาไว้ข้างหลัง
    “ไม่เอาหรอกไม่เอา เล่นอะไรไม่รู้”
    “มาซิมา มาเถอะน่า ขอครั้งนึงน่ะ”
    “ไม่เอาๆ”
    “น่าน่ะ ฉันยังเป็นนายตัวเล็กของเธอเหมือนเดิมน่ะ”
    พอได้ฟังคำนั้น ฉันเลยเดินไปเกาะที่แผ่นหลังของเขา น่าแปลกที่ฝนหยุดตกแล้วตอนนี้ ฉันเอาแขนทั้งสองข้างกอดคอของเขาไว้พลางเอาหน้าด้ายซ้ายแนบไปที่ไททอยของเขา
    “นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้ทำแบบนี้”
    “ไม่รู้ซิ ห้าปีแล้วมั้ง”
    ฉันรับรู้ได้ถึงความอบอุ่น ความอบอุ่นที่ฉันไม่เคยได้รับมันตลอดห้าปีที่เขาหายไปจากชีวิตของฉัน
    “นายไปไหนมาน่ะ ห้าปีที่ผ่านมา”
    “ฉันไปเรียนต่อที่อเมริกา ฉันเลยไม่ได้กลับมาเลย ฉันไปอยู่ที่นั่นแพนรู้มั้ยฉันโคตรคิดถึงแพนเลย ฮ่า ฮ่า มันน่าขำมั้ยละ ทั้งๆ ที่ฉันคิดจะตัดใจจากเธอ”
    “แต่นายก็กลับมา”
    “^-^ อื้ม”
    “ไปหาพ่อฉันมั้ย ฉันว่าเขาต้องดีใจแน่ๆ ที่ได้เจอนาย ฉันว่าแม่ฉันคงกลับมาแล้วละ อ่า... กินข้าวรอบดึกด้วยกันมั้ยละ ไปซิไป ไปน่ะ”
    “ก็ได้”
   
    เขายังคงแบกฉันไว้บนหลังอยู่แบบนั้นจนมาถึงหน้าบ้านเขาก็ปล่อยฉันลง อ๊ะ!!!... นั่นมันมอเตอร์ไซด์ของมีนนี่ นายมาทำบ้าอะไรในบ้านของฉันเนี่ย ห๊ะ ฉันเดินตึงตังเข้าไปในบ้านนำหน้าซิวเข้าไป
    “พ่อ!!!!”
   
    ภาพที่ฉันเห็นคือเขากำลังเฮฮา คุยกันอย่างสนุกสนามกับมีนผู้ชายที่ฉันเกลียดที่สุด อ๊าย อีตาบ้าวางยาหัวเราะไว้ในน้ำรึไงเนี่ย พ่อฉันถึงได้หัวเราะเหมือนคนบ้าแบบนั้น อ่า... โต๊ะกินข้าวเต็มไปด้วยอาหารมื้อค่ำ
    “ลูกมาแล้วหรอ แม่อยู่ในห้องครัวนู้นแนะ อ้าวคนนั้นใครนะ”
    “ซิวไง พ่อจำเขาไม่ได้หรอ”
    “ซิว อะ...อ๋อ นายตัวเล็กของลูกนะหรอ โฮ้... ตัวโตขึ้นเยอะเลยนี่เรา มาๆ มานั่งตรงนี้ กินข้าวกันก่อนแล้วกัน เป็นไงห้าปีที่ผ่านมาไม่เจอหน้าเลย ไปไหนมาเนี่ย หล่อขึ้นจมเลยนี่”
    นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตตั้งแต่ฉันเกิดมาที่พ่อพูดแล้วฟังดูพูดเข้าหูคนหน่อย
    “ซิวมาหรอพ่อ”
    “ใช่ แม่ ออกมาดูเร็ว โตเป็นหนุ่มแล้ว”
    แม่ของฉันรีบเช็ดไม้เช็ดมือแล้วเดินมาที่โต๊ะกินข้าว
    “หล่อขึ้นเยอะเลยนะเรา แล้วพ่อกับแม่หรอ”
    “ก็สบายดีครับ ผมกลับมาคนเดียว”
    พ่อกับแม่ฉันชวนเขาคุยไปเรื่อย ฉันเลยต้องไปยกอาหารที่เหลือมาวางไว้บนโต๊ะ วันนี้ดูบนอุ่นเป็นพิเศษเลยเพราะมีคนมานั่งรวมโต๊ะตั้งห้าคนแน่ะ - - เยอะไปรึเปล่าเนี่ย
    เฮ่อ~ สี่ทุ่มแล้วงั้นหรอ อ่า... เร็วชะมัดเลย ฉันเดินออกมาที่หน้าบ้านเพราะฉันเห็นพวกเราสองคนนั่งคุยกันอยู่
    “ไอหน้าจืด”
    “...”
    “แกมันหน้าจืดจริงหวะ”
    “...”
    “เรียนที่ไหนวะแกนะ”
    “...”
    “แกก็คงรู้จัก ศรีภรรยาของฉันในอนาคตแล้วซิน่ะ ใช่ม่ะ”
    ใครไปเป็นศรีภรรยาของนายกันย่ะ
    “แพนเป็นแฟนฉันตั้งหากละ”
    “อ๋อ งั้นหรอ”
    “...”
    “ตั้งแต่เมื่อไหร่กันน่ะ ฉันไม่ยักกะจำได้แฮะ”
    “...ซิว เหมือนเดิมรึเปล่าอาหารฝีมือแม่ฉัน”
    ฉันนั่งลงข้างๆ ซิวที่กำลังคุยอยู่กับมีนอยู่
    “เหมือนเดิมซิเหมือนเดิมทุกอย่างเลย อร่อยที่สุดเลย ฝีมือของแม่แพนอร่อยกว่าฝีมือของแม่ฉันซะอีก
    “ฝีมือแม่แพนอร่อยกว่าแม่ฉันอีก...”
    มีนทำเสียงล้อเลียน นายจะกัดเพื่อนฉันรึไงย่ะห๊ะ ฉันเชิดใส่มีน
    “กลับยัง ซิวกลับได้แล้วมั้งเดี๋ยวพี่สาวเป็นห่วงน่ะ”
    “โอเคแล้วเจอกัน ระวังหมาบ้ามันกัดเอาน่ะ ฉันแค่ไม่อยากมีเรื่องในบ้านเธอ เธอก็รู้ฉันร้ายแค่ไหนตอนอยู่ประถม ฉันสู้เก่งน่ะจะบอกให้”
    “อืม บ๊ายบาย อ่อ... ลืมไปเจอกันวันพุธ ฉันจะไปเข้าค่าย”
    เขาหันกลับมาแล้วพยักหน้าให้ฉัน ฉันโบกไม้โบกมือพลางตะโกนบ๊ายบาย อ่า... ดีใจชะมัดที่ได้เจอเขาอีก แต่เขาก็ไปกลับซะแล้ว พอฉันโบกไม้โบกมือเสร็จฉันก็หันกลับมามองมีนด้วยใบหน้าอันบึ้งตึงอีกครั้ง
    “ไอหมอนั่นมันเป็นใครไปบ๊ายบายมัน ห๊ะ! ทีฉันละไม่บ๊ายบาย ฉันเป็นสามีเธอน่ะ”
    “นายจะบ้าหรอไง ใครไปเป็นภรรยานายกัน ไปไกลๆ เลยไป ชิ่วๆ อี๋แหยะๆ”
    ฉันลุกขึ้นพลางทำท่าปัดเสนียดออกจากตัวและทำปากเบี้ยวใส่เขา ที่ชั้นหนึ่งปิดไฟหมดแล้วเหลือแต่ไฟที่บันไดเท่านั้น พ่อกับแม่คงจะขึ้นไปนอนกันแล้วล่ะ อ่า... พรุ่งนี้วันอาทิตย์ร้านปิด วันจันทร์ฉันก็ไปเข้าค่ายแล้วซิ แหม... ชักจะสนุกแล้วซิ ฉันรู้สึกถึงความอาอุ่นบางอย่างที่เกิดจากด้านหลังของฉัน
    “ฉันมันไม่ดีพอรึไง ฉันมันแย่มากเลยงั้นหรอ”
    เขาสวมกอดฉันจากด้านหลัง
    “นายบ้ารึไง ปล่อยน่ะ!!!! ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย ปล่อยซิปล่อย”
    ฉันดิ้นทุรนทุรายให้เขาปล่อยและเขาก็ปล่อย ทันทีที่เขาปล่อย ฉันก็หันกลับไปแบฝามือเล็กๆ ของฉันแล้วตบเข้าที่หน้าด้านขวาของเขาอย่างแรง เขาหน้าหันไปทางด้านซ้ายทันที พลางยกมือขึ้นแล้วจับไปที่รอยแดงที่แก้มของเขามันเป็นรอยฝามือเล็กๆ ของฉันที่พึ่งจะตบเขาไปเมื่อกี้ ฉันวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ และฉันก็ปิดประตูบ้านอย่างแรง...
    “ฉันเกลียดนายที่สุดเลย”
    ฉันเอามือปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา และวิ่งขึ้นไปบนห้อง ฉันกระโดดขึ้นเตียงทันทีที่ถึงบนห้องนอน ฉันรู้สึกได้ว่าเจ้าสฟิ้งสะดุ้งสุดตัวเพราะความตกใจที่ฉันกระโดดขึ้นเตียง หลังจากนั้นไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์ถูกสตาร์ท และเสียงของรถมอเตอร์ไซด์ที่เคลื่อนตัวออกไปค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ จนฉันแทบจะไม่ได้ยินเสียงของมัน
    เช้าวันรุ่งขึ้นฉันรีบจัดแจง จัดเสื้อผ้าและข้าวของที่ต้องใช้ในการไปค่าย สามวันสองคืนในป่า พอคิดแล้วฉันก็รู้สึกว่ามีความสุขขึ้นมายังไงไม่รู้บอกไม่ถูก เช้านี้อากาศเย็นผิดปกติอีกแล้ว - - หนาวมากเลยละ ฉันนอนโดยไม่ต้องเปิดแอร์มาสองวันแล้วน่ะ อ่า... ฉันเดินไปหยิบผ้าห่มมาห่มที่หน้าคอม ข้างๆ มีกระเป๋าเป้สีส้มที่ใส่เสื้อผ้าและของใช้ของฉันอยู่ ฉันควรจะหยิบอะไรใส่ไปอีกดี... เอ่อ... อะไรดีน้อ... แป้งๆ กระจก แล้วก็ลิบมัน ผ้าอนามัยด้วยเผื่อไว้ก่อน ฮ่าฮ่า ฉันว่ามันต้องสนุกแน่ๆ วันนี้ฉันนอนทั้งวันเลย ขลุกตัวอยู่แต่ในห้องจะออกมาเจอหน้าพ่อกับแม่ก็เฉพาะตอนกินข้าวแค่นั้น
    “แพน ลงมากินข้าวได้แล้ว”
    พ่อฉันตะโกนเรียกจากชั้นล่าง ฉันกระโดดขึ้นจากเตียงแล้ววิ่งลงไปที่โต๊ะกินข้าว ฉันนั่งลงข้างแม่และรีบตักข้าวกินด้วยความหิว แต่ฉันก็ต้องอาปากค้างเมื่อเห็นมีนมายืนตรงหน้าแล้วยกมือไหว้พ่อกับแม่ของฉัน
    “นั่งก่อนเลยจ๊ะ มีน”
    “ครับ”
    แม่ของฉันชวนเขานั่งลงที่ข้างพ่อของฉัน
    “เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะมารับแพนไปโรงเรียนกับผมตอนตีสี่น่ะครับ รถจะออกตีสี่ครึ่ง”
    “ได้เลยจ๊ะตามสบายเลยน่ะ แม่เชื่อใจมีนน่ะ”
    มีนพยักหน้าพลางส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาที่ฉัน
    “แม่หนูไปเองก็ได้น่ะ ไม่เห็นต้องให้ตานี่มารับเลยน่ะแม่”
    “อย่าลืมว่าแม่จ้างเขาวันละ ห้าร้อยเป็นคนขับรถส่วนตัวให้ลูกเชียวน่ะ”
    คนอื่นได้มั้ยที่ไม่ใช่คนนี้ โธ่... แม่ใจร้ายชะมัดเลย ดูซิแม่พูดอย่างภาคภูมิใจเชียว อ่า... เศร้าชะมัด พรุ่งนี้ต้องเจออีตาบ้านี่ตั้งแต่ตีสี่เลยงั้นหรอ
    “งั้นผมกลับก่อนน่ะครับ ผมมาบอกแค่นี้แหละครับ”
    “อ้าวไม่กินข้าวด้วยกันหรอจ๊ะ”
    แม่ของฉันหยิบจานเปล่าขึ้นมาหนึ่งใบและกำลังจะตักข้าวใส่จานในเขา
    “ไม่ละครับ ขอบคุณมากเลยครับคุณแม่”
    อ๊าย แม่ฉันไปเป็นแม่นายตั้งแต่เมื่อไหร่กันย่ะ บังอาจมาเรียกแม่สุดที่รักของฉันว่าแม่ได้ไงกัน พ่อของฉันไม่สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่รอบตัว เอาแต่กินข้าวกับดูทีวีแค่สองอย่างเท่านั้น อ่า... พ่อฉันยังเป็นพ่อของฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย
   
    พอฉันกินข้าวเสร็จฉันก็ขึ้นไปบนห้องมันเป็นเวลาเดียวกับที่มีนออกรถไปจากบ้านของฉัน เฮ่อ~ พรุ่งนี้แล้วซิที่จะได้ไปเข้าค่าย... หลับเอาแรงดีกว่า ฉันให้อารายเจ้าสฟิ้งเป็นครั้งสุดท้ายของวันนี้กับอีกสามวันสองคืน ฉันควรจะฝากพ่อดูแลดีมั้ยเนี่ย... เป็นห่วงมันซะจริง กลัวว่าพ่อฉันจะจับมันมาปิ้งกินซะก่อนที่พ่อจะให้อาหารมันนะซิ งั้นฝากแม่แล้วกัน
    เนินทุ่งหญ้าสีเขียว ฉันกำลังนอนอยู่บนเนินนั้น อ่า... เย็นสบายจัง แต่แล้วก็มีใครคนหนึ่งมานั่งที่ข้างฉัน และยืดขาทั้งสองข้างไปทางเดียวกับฉันแล้วค่อยๆ นอนลง เขาไม่พูดอะไรกับฉันเอาแต่นอนอยู่แบบนั้น ทำไมหมู่นี้ฉันถึงฝันเห็นที่นี่บ่อยจัง นั่น... ผีเสื้อสีสวยเป็นบ้าเลย ฉันลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นมันบินผ่านหน้าของฉันไป ฉันเลยถือโอกาสมองลงไปหาคนที่กำลังนอนอยู่บนเนินหญ้าที่เดียวกับฉัน
    ‘ตื่นซิจ๊ะ ตื่นได้แล้วละ ตื่นๆ ตื่นซิจ๊ะ ตื่อได้แล้วละ ตื่นๆ’
    ฉันลุกขึ้นมานั่งงัวเงีย และเปิดดูโทรศัพท์ที่กำลังส่งเสียงดังปลุกฉันอยู่ ฮ้าว~~ ตีสามครึ่งเองน่ะเนี่ย ฉันลุกขึ้นยืนพลางเดินเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวหนึ่งผืน ฉันอาบน้ำไปยืนสัปหงกไป อ๊าก! หน้าจะทิ่ม ระหว่างที่ฉันอาบน้ำฉันก็ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์ของมีนมาจอดในบ้านแล้ว แต่ฉันก็ยังอาบน้ำอย่างเชื่องช้าต่อไป ยี่สิบนาทีผ่านไปฉันออกมาจากห้องน้ำโดยที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมา ให้ตายซิ หนาวชะมัดเลย ครั้งแรกน่ะเนี่ยที่อาบน้ำตอนตีสาม อ่า... ขอเป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน ฉันเดินเข้าไปในห้องอย่างเงอะๆ งันๆ เปิดประตูเสื้อผ้าที่อยู่ตรงกันข้ามกับประตู ชุดไหนดีน้า...เอาชุดนี้แล้วกัน ฉันหยิบกางเกงยีนขายาวกับเสื้อยืดสีขาวแขนสั้นออกมา ฉันหยิบเสื้อกันหนาวสีดำเทาที่มีหมวกไปอีกตัว อ่า... เผื่อว่ามันจะหนาว ฉันค่อยๆ สวมกางเกงยีนขายาว
    ปั้ง...
    “นี่เธอช้าจริง”
    ฉันหันกลับไปมอง อ๊าย >///< นายบ้า เข้ามาได้ไง
    “O.O เอ่อ... ฉันขอโทษ”
    ว่าแล้วเขาก็ปิดประตูดัง ปั้ง เขินชะมัดเลยดีน่ะที่ฉันใส่กางเกงเสร็จแล้ว TT^TT งือ งือ แต่เขาก็เห็นหลังขาวๆ ของฉันกับเสื้อชั้นในที่ฉันใส่วันนี้ TT^TT งือ งือ ไอผู้ชายบ้าโรคจิต พอฉันใส่เสื้อเสร็จฉันก็ใส่เสื้อกันหนาวสีดำตัดกับสีเทาที่มีหมวกทับไปอีกตัว ฉันหิ้วกระเป๋าเป้สีส้มที่มีของอยู่เต็มกระเป๋าลงไปชั้นล่าง ฉันลงบันไดไปเห็นเขายืนอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย เขาเงยหน้ามองฉัน และยื่นมือของเขาออกมา
    “เอากระเป๋ามาชั้นหิ้วให้”
    ฉันยื่นกระเป๋าไปให้เขา และเดินตามหลังเขาไป เขาวางกระเป๋าเป้สีส้มของฉันไว้ข้างรถแล้วสตาร์ทรถมอเตอร์ไซด์
    “ขึ้นมา เอาของๆ เธอขึ้นมาด้วย”
    ฉันขึ้นค้อมมอเตอร์ไซด์ของเขาอย่างเคย
    “เอานี่ของฉันฝากที”
    เขายื่นกระเป๋าเป้สีดำของเขามาให้ฉัน
    “นี่!! นายจะฆ่าฉันรึไง ฉันแทบจะหายใจไม่ออกแล้วน่ะ”
    “บ่นอยู่นั้นแหละยัยบ๊องเอ้ย”
    ว่าแล้วเขาก็สตาร์ทรถออกไปห่างจากบ้านของฉันเรื่อยๆ อ่า...ฉันต้องจากบ้าน พ่อ แม่ แล้วก็เจ้าสฟิ้งไปสามวันสองคืนหรอเนี่ย TT^TT ช่างประไรถ้ามันแลกมากับความสนุก ยะฮู้ V^^v ฮือ TT^TT แต่พระเจ้าช่วยลูกให้ถึงโรงเรียนได้อย่างปลอดภัยด้วยเถิด สาธุ 
(-/|\\-)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น