ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนุ่ม เ ฮี้ ย ว เปรี้ยวใจกับสาว น้ อ ย หน้าใสหัวใจเทวดา

    ลำดับตอนที่ #4 : Act.4 ความในใจของฉันนายรับรู้มันหรือยัง

    • อัปเดตล่าสุด 19 ม.ค. 48


        “ห๊าาาาาา ว่าไงน่ะ ฉันไม่ได้หูฟาดไปใช่มั้ย”

        นายมังกรกระโดดเหย็งๆ ไปมาอยู่หน้าประตู

        “งั้นพวกพี่ภูผาก็กินฟรีไปเลยล่ะกัน กินไปเลยไม่อั้นผมไม่เก็บตัง เอาเลยพี่เอาไรสั่งได้เลย”

        นายมังกรพูดขึ้น เขายิ้มหน้าบานเชียว

        “เอางั้นหรอ แหม ลูกชายเจ้าของร้านเอ่ยปากทั้งที เฮ้ เอาเลยพวกเราสั่ง สั่ง ไม่อั้นเว้ย”

        ห๊ะ อย่าบอกน่ะว่านี่คือกิจการที่บ้านของนายมังกรทำ

        “แต่...ฉันอยากกลับบ้านแล้ว”

        ฉันพูดเสียงแผ่วเบา พลางดึงชายเสื้อของนายมังกรเบาๆ

        “งั้นฉันไปส่งเอง”

        นายมังกรพูดพลางชูกำปั้นขึ้นและกระแทกอกตัวเองเบาๆ สองครั้ง

        “ไม่ต้อง ฉันพาเธอมา ฉันก็ต้องพาเธอกลับได้”

        “ไม่ต้องอะ นายอยู่กับแฟนนายไปเหอะ ฉันจะกลับกับแฟนของฉัน”

        ฉันพูดออกไปแล้วแฟนของฉัน โอ้ยให้ตายซิ >*< ฉันจะบ้าตาย

        “แฟนของฉัน แฟนของฉันงั้นหรอ อ่า สวรรค์ฉันรอคำนี้มานานมากแค่ไหนแล้ว”

        นายมังกร พึมพำกับตัวเอง - - ฉันไม่คิดว่าเขาจะคลั่งฉันได้มากถึงขนาดนี้

        “งั้น แพนด้าจัง กลับกันเถอะ”

        “ฉะ....ฉัน แพนด้าจัง? >o<”

        “ใช่ แพนด้าจัง”

        นายมังกรจูงมือฉันให้ออกมาจากร้านและหยุดอยู่ตรงหน้าประตูร้านของเขา

        “ฉันรู้ ฉันรู้จริงๆ น่ะว่าเธอพูดไปเพราะอะไร”



        ฉันได้แต่ก้มหน้าแล้วไม่พูดอะไร เขาเดินไปที่มุมตึก และอีกไม่นานนักเขาก็เดินกลับมาพร้อมกับรถมอเตอร์ไซด์สี่สูบคันงามสีดำ ที่ดูเหมือนว่าจะถูกขัดถูอยู่ทุกวัน เขาขึ้นไปนั่งค่อมและเรียกฉันขึ้นตาม อ๊าย นี่ฉันใส่กระโปร่งอยู่น่ะ ฉันขึ้นรถด้วยความยากลำบาก



        “เอ้า นี่หมวกกันน๊อค”

        “แล้วนายมังกรไม่ใส่หรอ”

        “ไม่เป็นไรๆ ฟ้าใสใส่เถอะ”

        “จ๊ะ ^-^”

        “ฟ้าใสรู้มั้ยเวลาที่เธอยิ้ม....เอ่อ....คือ...มันน่ารักมากเลยน่ะ”

        ว้าว!!!!! เขาชมฉัน เป็นครั้งแรกเลยที่ผู้ชายชมฉันตอนอยู่ด้วยกันกับฉันแบบนี้ เขาสาร์ทรถมอเตอร์ไซด์ของเขาและเริ่มออกรถ

        “บ้านเธออยู่ไหน ไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้วใช่มั้ย”

        “อะ รู้ได้ไง”

        “^ ^ ก็....ฉันเป็นรุ่นน้องของพี่ภูผาหนะซิ”

        “อืม ฉันอยู่บ้านเขา”

        “Okay ครับ”

        สิบห้านาทีต่อมา นายมังกรก็มาส่งฉันถึงที่บ้านของนายภูผา ฉันกระโดดลงจากรถและถอดหมวกกันน๊อคออก

        “ขอบคุณมากน่ะ”

        “อื้ม ไม่เป็นไร”

        ^ ^ เขายิ้มให้ฉันพลางดับเครื่องยนต์มอเตอร์ไซด์สุดงามของเขา

        “ฟ้าใสฉันรู้น้า ว่าทำไมเธอถึงคบกับฉัน ถึงฉันจะรู้เหตุผลนั้นดี...แต่ยังไง...ฉันก็จะแย่งเธอมาน่ะ ฉันจะแย่งเธอมาให้ได้เลย ฉันจะแทรกตัวเข้าไปในหัวใจของเธอทีล่ะนิดจนในนั้นจะมีแต่ฉันเต็มไปหมด ทุกๆ ครั้งที่เจอกัน ทุกๆ ครั้งที่เราคุยกัน เราจะใกล้ชิดกันขึ้นอีกทีล่ะนิด ทีล่ะนิด และก็ทีล่ะนิด จริงมั้ย ^ ^”



        ฉันถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลยฉันคิดว่าฉันคงผิดมากที่พูดแบบนั้นกับเขาออกไป บัดนี้หลังของฉันอยู่ติดกับกำแพงของบ้านนายภูผา ฉันพูดอะไรไม่ออกฉันว่าฉันไม่มีอะไรจะพูดมากกว่าล่ะมั้ง



        “ฉันรักเธอน่ะ”

        ฉันเงยหน้าขึ้น มือข้างหนึ่งของเขาดันกำแพงไว้และอีกมือหนึ่ง เขาจับคางฉันเฉิดขึ้น อ๊ายยยยยยย >0< เขาจะทำอะไรฉันเนี่ย ไม่ๆ ฉะ...ฉัน ยังไม่อยากโดนจูบ

        “อย่าน่ะ”

        ฉันหลับตาปี๋

        “มังกร แกจะทำอะไรของแกที่หน้าบ้านของฉัน”

        นายมังกรล่ะมือจากฉันและหันไปมองที่มาของต้นเสียงนั่น นายภูผาดูท่ากระหืดกระหอบ นี่อย่าบอกน่ะว่าเขาวิ่งมา

        “เปล่าครับ พี่ภูผา ผมแค่...แค่...จะจูบแฟนของผมก็แค่นั้น”

        “แค่นั้นงั้นหรอ ยัยเง๊อะง๊ะนี่เป็นคนของบ้านฉัน นายไม่มีสิทธิก่อนที่ฉันจะอนุญาตให้แกจูบยัยนี่”

        “พี่ก็ไม่มีสิทธิในตัวเธอเหมือนกันเพราะเธอเลือกผม พี่ก็มีแฟนอยู่แล้วนี่ พี่แชมเปนอะไรนั่นอะ พี่ทิ้งเขามางั้นหรอ พี่เป็นผู้ชายรึเปล่าทิ้งแฟนตัวเองไว้ในที่แบบนั้น”

        “หุปปากเดี๋ยวนี้น่ะ”

        “เอ๊ะ! หรือว่า พี่จะชอบยัยนี่เข้าซะแล้ว”

        “บอกให้หุปปากไง แกอยากเกิดใหม่ใช่มั้ย”

        “อ๋อ หรือว่าแทงใจดำ”

        “หุปปาก!...เดี๋ยวนี้!...จะบอกอะไรให้อย่างนึงน่ะ ฉันไม่มีทางชอบยัยนี่ได้หรอก เหอะเพราะอะไรหนะหรอ ก็เพราะยัยนี่ก็แค่คนที่คุณปู่ฉันเก็บมาเลี้ยงก็เท่านั้น”

         ทุกอย่างเงียบสงัด

        “ฉันต่อยต่ำขนาดนั้นเชียวหรอ”



        ฉันหยิบมือถือที่นายภูผาซื้อให้จากกระเป๋าถือใบน้อยสีชมพูที่พี่ส้มเลือกให้ออกมา ฉันปามันทิ้งลงพื้นและวิ่งออกไป ฉันวิ่งออกไปอย่างไม่สนอะไรทั้งนั้น เสียงเรียก เสียงบอกให้ฉันหยุดวิ่ง หรือแม้กระทั้งเสียงของหัวใจ ที่มีคำก้องอยู่ในใจว่า ‘คนที่คุณปู่ของฉันเก็บมาเลี้ยงก็เท่านั้น’



        “แพนด้าจัง แพนด้าจัง”



        นายมังกรคงเรียกฉันอยู่ซิน่ะ เสียงของเขาค่อยๆ เลือนหายไปจากโซนประสาทของฉัน และฉันก็หยุดนิ่งอยู่กับที่เพราะความหนาวเหน็บของยามกลางคืน ฉันอยู่บนฟุตบาทถนนที่มีไฟถนนส่องเป็นระยะๆ ร้านค้าที่เปิดไฟสว่างไสวสองข้างทาง และคนที่เดินไปเดินมา ป้ายโฆษณาป้ายใหญ่ยักษ์ที่มีไฟติดอยู่ ฉันเหลือบไปเห็นม้านั่งที่ตั้งไว้ข้างสวนสาธารณะเล็กๆ ที่มีไฟถนนตั้งอยู่ต้นหนึ่งกับทั้งขยะเล็กๆ ฉันเดินไปอย่างช้าๆ เพราะขาที่ก้าวไม่ออกของฉันมันไม่ค่อยอยากจะเดินซักเท่าไหร่ สามทุ่มแล้วก็ยังคงมี คนวิ่ง เล่นบาส และเต้นแอโรบิกอยู่ ฉันได้แต่นั่งกอดตัวเองด้วยความเหงาและเอาแต่มองคนในสวนสาธารณะนั้น



        “หนาวจัง”

        ฉันบ่นพึ่มพ่ำกับตัวเอง ฉันหนาวมากจริงๆ น่ะ ตัวของฉันสั่นเทา เหมือนลูกหมาตัวน้อยตกน้ำเลย ฉันได้แต่กัดฟันเพราะความหนาว

        “ฟู่...”

        หนาวมากขนาดที่คำที่ฉันพูดแม้แค่คำว่า ‘ฟู่’ ยังเป็นควันออกมาจาปากฉันเลยให้ตายซิ ฉันต้องมานั่งทนหนาวที่นี่เพราะอะไรกัน

        “ฉันจะมานั่งทนหนาวอยู่ที่นี่ทำไมเนี่ย เฮ่อออ ซึดดดหนาวก็หนาว ฟู่~~~”

        “คงนั่งเพราะรอฉันมั้ง อาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้น่ะจริงมั้ย ^ ^”



        เสียงนั้นพูดกับฉันงั้นหรอ ฉันเงยหน้าขึ้นมอง ฉันยังคงสั่นด้วยความหนาว และเขาก็เขาเสื้อแจ็กเก็ตตัวหนาสีดำมาคลุมเขาที่ร่างบางๆ ของฉัน เขายิ้มกว้างให้ฉันกว่าเดิมตอนที่ฉันสบตาเขา และเขาก็นั่งลงตรงข้างฉัน เขาเอามือกอดอกไว้แน่น



        “นายมังกรแล้วนายล่ะไม่หนาวหรือไง”

        “อ๋อ ไม่หรอก เธอควรจะใช้มันมากกว่าฉัน”

        “แล้วปากนายไปโดนอะไรมา”

        “แหะๆ ก็แค่...เอ่อ...มีเรื่องนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก”

        “กับนายภูผาหนะหรอ”

        “ก็..อืม ประมาณนั้น”

        เขาก็ยังคงนั่งสั่นอยู่อย่างนั้น

        “ยืนขึ้น!”

        ฉันสั่งนายมังกรด้วยเสียงอันเข้มแข็งของฉัน

        “ฉันหรอ”

        “ใช่ ยืนขึ้นเดี๋ยวนี้”

        “คร๊าบบบ คร๊าบบบบบ คุณผู้หญิง”

        เขาลุกขึ้นทันทีที่พูดจบประโยค มือคู่นั้นของเขาพลางปัดฝุ่นที่ก้นของเขาออก

        “หนาวมั้ย”

        “อาฮะ ก็นิดหน่อย”

        ฉันพุ่งเข้ากอดเขาทันที

        “เฮ้!!!!! ฟ้าใส!”

        “ก็นายหนาวนี่จริงมั้ย”



        ให้ตายซิ ฉันสูงไม่ถึงคอของเขาด้วยซ้ำ เขาสูงประมาณร้องแปดสิบได้ล่ะมั้ง หุ่นนักกีฬาเลยแหละขอบอก เขาผิวคล้ำนิดหน่อยคงเพราะตากแดกบ่อยล่ะมั้งก็เขาเป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียนเรานี่ ถ้าจะพูดถึงทรงผมของเขาหนะหรอก็สกีนเฮททั้งปีนั้นแหละ หน้ารูปทรงไข่ ริวผีปาก ดวงตาและคิ้วที่คมกริบ ฝันที่เรียงสวยเป็นระเบียบและยังคงใส่เหล็กดัดฟันสีฟ้าอยู่ มันคงจะทำให้สาวๆ ใจละลายไปหลายเลยแหละ



        “อบอุ่นจัง เหมือนแม่กำลังกอดฉันอยู่เลย”

        “อืม แต่ฉันไม่เคยกอดผู้ชายเลยน่ะเนี่ย -^-^- นายมังกร นายเป็นคนแรกเลยล่ะ”

        “หรองั้นเอาให้แน่นกว่านี้อีก”

        เรากอดฉันแน่นกว่าเดิมอีก โอ้ยให้ตายฉันหายใจไม่ออกน่ะ

        “พอแล้วๆ โอ้ย ฉันหายใจไม่ออก T^T”

        ฉันผลักเข้าที่หน้าของเขา

        “โอ้ย ปะ...ปากฉ้านนนนน”

        “อ๊ายยยยย ฉันขอโทษ T^T”



        ฉันมองดูแผลนั่นมันแดงมากเลย มันแดงจนเกือบจะม่วง เขาคงโดนยาบภูผานั้นต่อยเอาแต่มันเรื่องอะไรล่ะ นายนั่นมันบ้าพลังจริงเชียวทั้งๆ ที่มีแฟนอยู่แล้วแล้วยังมาทำตัวงี่เง่าแบบนี้อีก



        “นายเป็นอะไรมากรึเปล่า ปากนายหนะ”

        เขามองหน้าฉัน เขายิ้มให้ฉันแล้วเอามือเกาหัว

        “ไม่ต้องถามล่ะว่าต่อยกันเรื่องอะไร”

        “อ้าวทำไมล่ะ?”

        “เธอรู้มั้ยพี่ภูผา พี่ภูผาหนะเป็นรู้พี่คนเดียวที่ฉันนับถือน่ะ แล้วก็นับถือมากเลยด้วยถึงเขาอาจจะดูแข็งกระด่างไปบ้างแต่จริงๆ แล้วจิตใจของเขาอ่อนโยนมากเลยน่ะ เขาเป็นคนเก่ง เรียนก็เก่ง เล่นกีฬาเก่ง บ้านรวย และที่สำคัญเลยยังหล่ออีกตังหาก”



        ฉันว่ามันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากนายเลย - - นายก็เหมือนนายภูผาทุกอย่างนั้นแหละ ผิดกับฉันลิบลับที่ทั้งซุ่มซ่ามเซ่อซ่า เรียนก็ไม่เก่งฉันยังงงอยู่เลยว่าในหัวกะโหลกของฉันมีสมองอยู่รึเปล่า T^T พูดแล้วก็ ฮืออออ



        “เธอเป็นอะไรของเธอ - - ทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้ พี่ภูผาอะน่ะ รู้จักกับฉันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วหละวิ่งเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อของฉันกับพ่อของเขาเป็นเพื่อนกัน แต่หลังจากที่พี่ภูผาเกิดมาได้ หกขวบ พ่อกับแม่เขาก็ถูกยิงตาย ตอนนั้นเขายังเด็กก็เลยคงไม่เสียใจเท่าไหร่ ตั้งแต่นั้นมาพี่ภูผาก็เลยอยู่กับคุณปู่ของเขามาโดยตลอด มันไม่แปลกหรอกน่ะ ที่พี่ภูผาเขาจะเสียใจมากมายขนาดนี้ ทุกคนต่างรู้ดีว่าคุณปู่ของพี่ภูผาเป็นยิ่งกว่า พ่อ แม่ ของเขาซะอีก คุณปู่เขาสามารถทดแทนความรู้สึกที่ขาดหายไปของพี่ภูผาได้จนหมดสิ้น จนคำที่คนบางคนอาจพูดว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่ขาด...แต่เขากลับพูดว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่เกินมากกว่า คนที่ไปเยี่ยมคุณปู่ไม่ขาดเลยก็คือพี่ภูผานี่แหละ นี่ก็เกือบเดือนแล้วล่ะที่คุณปู่ผู้แสนดีตายไป เชื่อมั้ยในหัวฉันยังมีภาพของคุณปู่ที่ยิ้มแย้มลอยเต็มไปหมด อีกอย่างพี่เขาดื่มทุกวันเลยหลังจากที่คุณปู่ท่านตาย เขามาที่ร้านฉันเกือบทุกวันแล้วก็เมาแอ๋กลับบ้านทุกทีคนที่ส่งเขาขึ้นรถก็เป็นฉันนี่แหละ ทุกคนในบ้านนั้นรู้จักฉันหมดนั้นแหละ เรากับเขาก็เหมือนจะเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้ว“



        เขาเล่าเรื่องให้ฉันฟัง เขาดูยิ้มแย้มและมีความสุขตลอดการเล่าเรื่องนั้นฉันก็รับฟังอย่างเต็มใจ กว่าพวกเราจะคุยกัยเสร็จ สวนสาธารณะที่เคยมีคนพลุกพล่าน ก็กลับเงียบลงทีละนิด ทีละนิด และอาจจะเหลือเราแค่สองคนที่อยู่ในสวนสาธารณะเล็กๆ แห่งนี้ก็เป็นได้ อากาศก็เริ่มหนาวขึ้นทุกขณะ



        “กลับกันดีกว่าเนอะ ^-^”

        ฉันชวนเขา

        “อืมไป”

        ฉันกับเขาลุกขึ้นพร้อมกัน

        “ฉันขอ...ขอจูงมือเธอได้มั้ยฟ้าใส”

        “อะ...อืม”

        ให้ตายซิ รู้สึกเขินๆ ยังไงไม่รู้ ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย เหมือนมีอะไรร้อนๆ อยู่บนหน้าของฉันอย่างงั้นแหละ เราเดินจูงมือกันมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าบ้านของนายภูผา

        “วันจันทร์เจอกันน่ะ บ๊าย บาย”

        เขายิ้มกว้าง

        “เจอกันวันจันทร์ในฐานะ........แฟนของเธอ”



        เขาก้มหน้าลงและแลบลิ้นพลางยิ้มกว้างมาให้ฉัน ฉันยื้นเสื้อแจ็กเก็ตสีดำตัวนั้นให้เขาและเขาก็คว้ามันไปจากมือฉัน เขาค่อยๆ สวมเสื้อตัวนั้นเขาขึ้นค่อมรถมอเตอร์ไซด์คันงามและสาร์ทรถออกไป ค่อยๆ ห่างออกไป ห่างออกไป จนลับตาฉัน



        ฉันเดินเข้าบ้านทางประตูเล็ก ฉันเปิดมันออกอากาศที่ยังเย็นขึ้นเรื่อยๆ เริ่มทำให้ฉันก้าวขาไม่ออกอีกครั้ง มันหนาวจริงๆ ความหนาวแบบนี้ ฟู่ ฉันอยากได้เสื้อกันหนาวตัวหนาๆ ซักตัวจังเลย ฉันขึ้นไปที่ชั้นสองเข้าไปในห้องของฉันที่บัดนี้ปิดไฟมืดสนิท พี่ส้มคงหลับแล้ว ฉันวางกระเป๋าสีชมพูใบเล็กไว้ตรงโต๊ะเครื่องแป้ง และกระโดดขึ้นเตียงนุ่มๆ ที่มีผ้าปูที่นอนสีขาวล้วน และก็ผล๋อยหลับไป

        

        ฉันตื่นขึ้นมาในเช้าวันอาทิตย์ - + ฉันตรงเข้าไปในห้องน้ำทันที รู้สึกหมู่นี้ฉันจะทำตัวโสโคร-กขึ้นทุกวันๆ  ก็ทำไงได้คนมันเหนื่อยแล้วอากาศออกจะหนาวมากขนาดนั้น ฉันไม่รอช้าที่จะลงอ่างอาบน้ำที่มีน้ำอยู่เต็มอ่างเช่นเคย เมื่อฉันอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ ฉันก็เดินออกมาจากห้องและลงบันไดมาที่ชั้นหนึ่ง



        “ฉันจะตัดเงินเดือนใครทุกคนที่มายุ่งกับของบนโต๊ะ ห้ามแตะมัน”

        ฉันเดินไปยังต้นเสียง

        “บอกว่าอย่างยุ่งไงเล่า ฟังไม่รู้เรื่องหรอไงกัน”

        “ก็ฉันแค่อยากรู้นี่ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย”

        “มันไม่ใช่ของเธอ หยุดแตะต้องมันเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่หยุดฉันจะเลิกกับเธอเข้าใจมั้ย”

        ฉันหยุดอยู่ตรงห้องกินข้าว...พี่แชมเปนกับนายภูผา พูดกันเสียงดังเชียว นายภูผามองตรงมาที่ฉันแล้วตะโกนบอกฉันว่า

        “เฮ้ รับ”

        เขาโยนอะไรบางอย่างมาให้ฉัน - - ฉันรับแถบไม่ทัน

        “อันนั้น....ฉัน....ให้...เธอ.....”

        เขาหลบหน้าฉันและเดินออกมาจากห้องกินข้าวพร้อมกับพี่แชมเปน

        “ไปด้วยยยยยยยยยยย”



        พี่แชมเปนตะโกน หล่อนวิ่งไปเกาะเสื้อของนายภูผาที่พาดไว้บนไหล่ นายภูผาก้าวขึ้นรถบีเอ็มซีรี่ส์ห้าของเขาที่จอดไว้อยู่ตรงบันไดแล้วก็...ออกรถไป และชายที่วิ่งสวนมาก็คือ นายมังกร เขากระโดดขึ้นบันไดมาอย่างกับเด็กๆ



        “อ้าว...”

        เขาหยุดมองที่รถแล้วอุทานออกมา

        “พี่ภูผาไปไหนหรอ”

        “หึ ฉันไม่รู้”

        (- - )( - -)(- - )( - -) ฉันส่ายหัวไปมาอย่างรุนแรง

        “เฮ้ ไม่ต้องส่ายหัวขนาดนั้นหรอก ยัยบ๊อง”

        เขาเอานิ้วมาดีดที่หน้าผากฉัน

        “มาพนันกันมั้ย ว่าวันนี้ฝนจะตกรึเปล่า”



        เขาพูดขึ้นพลางเดินเข้าไปในบ้านของนายภูผาอย่างคุ้นเคย คนใช้ที่นี่ต่างทักทายเขาที่ละคนอย่างยิ้มแย้ม - - เขาคงสนิทกับนายภูผามากจริงๆ ล่ะมั้ง เขานั่งเอนตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวที่ห้องรับแขก



        “โห หน้าหนาวอย่างงี้เนี่ยน่ะฝนจะตก งั้นฉันพนันว่าฝนไม่ตก”

        “โอเค งั้นฉันพนันว่าฝนตก ใครแพ้ถูกจูบ”

        “อ๊ะ นายขี้โกงนี่ ถึงฉันจะชนะนายก็ได้จูบฉันอยู่ดีนั้นแหละ”

        นายมังกรนี่ฉลาดจริงเชียว

        “งั้นจะเอาอะไรล่ะ”

        “ขอฉันตี นาย”

        “ฮ่า ฮ่า เอางั้นหรอ ^-^”

        เขานั่งหัวเราะอยู่คนเดียว เขาเป็นอะไรของเขา

        “ได้ๆ นับตั้งแต่ตอนนี้ถึงเที่ยงคืนของวันนี้น่ะ โอเคมั้ยฉันจะอยู่ที่นี่ถึงเที่ยงคืน เอ้อ...ว่าแต่ที่เธอถือนั้นอะไร”

        ใช่ ฉันลืมไปสนิทเลย ของที่นายภูผาให้

        “ไม่รู้เหมือนกันอะ งั้นฉันแกะเลยน่ะ”

        ฉันค่อยๆ แกะกล่องเล็กๆ นั่นที่ห่อด้วยกระดาษสีฟ้า ในนั้นมีกระดาษอยู่แผ่นหนึ่งมีใจความว่า ‘วันนี้ เธอไปร้านเหล้าเป็นเพื่อนฉันอีกน่ะ ขอบใจมาก เจอกันที่ร้านเดิม‘

        “เขาชวนฉัน”

        “อ๋อ...งั้นก็ไปซิ ที่ไหนๆ ก็เหมือนกันนั้นแหละฝนจะตกหรือไม่ตกมันก็เหมือนกัน จริงมั้ย ^-^”

        “อะ...อืม”

        

        นายมังกร นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับฉันแล้วก็น้าเสริม ดูพวกเขาคุยกันซิสนิทกันมากเลยน่ะนั้น ดูมีกระซิบกันด้วยแล้วก็หัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน T^T อ๋อ ลืมไปฉันมันคนนอกซิน่ะ หลังจากนั้นเราก็ออกจากบ้านของนายภูผาและไปอยู่ที่โรงเรียนกัน



    .......... ณ สนามบาสที่โรงเรียน ..........

        เขาวิ่งเข้าไปในสนามบาส ทิ้งฉันไว้ข้างหลัง นายมังกรคว้าลูกบาสจากที่เก็บและเริ่มเล่นบาส ไม่มีคนเล่นกับเขาหรอกเขาเล่นของเขาอยู่คนเดียว ฉันก็ได้แต่นั่งมองเขาอยู่ใต้ต้นไม้ที่ร่มที่สุด เขาเท่มากเลยน่ะเนี่ย ไม่น่าล่ะทำไมสาวๆ ที่ชอบเขาถึงได้เยอะนัก อาจจะเป็นเพราะมาดูเขาเล่นบาสก็ได้ ^-^ ฮ่ะ ฮ่ะ น่ารักดีจริงเลย



        “ยิ้มอะไรของเธอยัยบ๊อง”

        “^-^”

        “มาเล่นบาสกับฉันหน่อยซิ น่ะ”

        เขาเดินมาลากฉันออกไปจากร่มไม้

        “ฉันร้อนน่ะเนี่ย”

        “น่ามาเล่นกับฉันหน่อย”

        เขาส่งลูกบาสมาให้ฉัน ฉันก็เลยชู๊ดจากเส้นจุดโทษ แล้วมันก็ลง

        “โห ฟลุ๊กจริงๆ เลยน่ะ”

        “ใครว่าล่ะฝีมือล้วนๆ ย่ะ”

        เวลาผ่านไป ฉันกับนายมังกรหยุดเล่นเพราะความเหนื่อย แต่พวกเราก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาม

        “ร้อนจริงๆ เลยเนอะ”

        “อืม ช่าย”

        ฉันตอบเขา แล้วฉันก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา

        “มาๆ หันหน้ามา”



        ฉันเอามาเช็ดหน้าเช็ดหน้าให้เขา ในระหว่างที่ฉันซับหน้าให้เขาอยู่นั้นเขาก็จับมือฉันแน่น แล้วค่อยๆ วางมือฉันที่ข้างตัวของฉัน

        “ฉันไม่อยากหลอกตัวเอง”

        เขาหลบหน้าฉัน

        “หลอกตัวเองอะไรกัน”

        “หลอกว่า เธอรักฉัน”

        เมื่อนายมังกรพูดจบประโยคก็เหมือนมีไม้หรือไม่ก็ดาบปลายแปลมทิ่มแทงเข้าไปในใจฉัน ฉันอยากจะบอกเขาจริงๆ ว่าเขาอาจจะไม่ได้หลอกตัวเองอยู่ก็ได้

        “เธอไม่มีทางชอบฉันหรอก จริงมั้ย”

         “...”

        “นั่นไง เห็นมั้ยล่ะ เธอก็ไม่เคยบอกฉันด้วยซ้ำว่าเธอชอบฉันรึเปล่า”

        ไม่ใช่น่ะมันไม่ใช่อย่างงั้น

        “ฉันยังไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนมากเท่านายเลย นายเป็นแฟนคนแรกของฉันน่ะ”



        ฉันก้มหน้าและพูดออกไปด้วยเสียงที่ซึมเศร้า เขาเดินนำหน้าฉันไปขึ้นรถมอเตอร์ไซด์ของเขา เขาสาร์ทรถ และโยนหมวกกันน๊อคใบเดิมมาให้ฉัน  มันคงถึงเวลาที่จะไปที่ร้านกันแล้ว ระหว่างทางไม่มีใครพูดกับใครเลยแม้แต่คำเดียว แปลกเนอะทั้งที่พวกเราพึ่งจะสนุกกันอยู่เมื่อกี้ แต่ตอนนี้กลับ...ฉันกลับไม่กล้าคุยกับเขา...เขาหยุดรถ ฉันไม่รอช้าที่จะลงจากรถ



        ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้า ท้องฟ้าอันมืดมิดที่ไม่มีแม้ดาวซักดวง เขาเดินไปที่หน้าร้านโดยไม่เรียกฉันซักคำ มันเหมือนกับเขากำลังจะห่างฉันออกไปเรื่อยๆ อย่างงั้นแหละ ทั้งๆ ที่เขาอยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่ทำไมฉันถึงได้เอื้อมไม่ถึงตัวเขาซักที



        “นายมังกร.....”



        ฉันตะโกนเรียกเขาสุดเสียง เขาหยุดนิ่งและหันมามองฉัน ท้องฟ้าอันมืดมิดไร้ดาวบัดนี้ท้องฟ้านั้นกลับกลายสีเป็นสีแดงกล่ำคล้ายกับว่าฝนกำลังจะตก



        “^-^”

        เขาหันมายิ้มให้ฉัน เม็ดฝนหยดแรกได้หยดลงมาบนใบหน้าของฉัน หยดที่สอง สาม และสี่ก็หยดตามลงมา และในไม่ช้า ซ่าาาาาาาาาา~~~ เสียงสายฝนที่เทลงมาอย่างบ้าคลั่งก็ดังขึ้น



        “ฉันอยากจะบอกว่า ฉันรักเธอ ฉันรักเธอน่ะ นายมังกร”



        ฉันได้บอกไปแล้วความรู้สึกที่มีอยู่ในใจฉัน เขาวิ่งลุยฝนมาหาฉัน เขากอดฉัน กอดฉันแน่นมากๆ เขามองหน้าฉันแววตาคู่นั้นมันช่างงดงามเหลือเกิน และเขาก็หลับตาลงพร้อมกับหน้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของเขาก็สัมผัสเข้ากับริมฝีปากเล็กๆ ของฉัน



        “มังกร!!!!!....”

        







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×