ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : คนดูแล TTOTT กับ ชายคนหนึ่ง
    ฉันมองหน้าเขาด้วยความตะลึง ผู้หญิงที่อยู่หลังบาร์มองฉันและส่งยิ้มบางๆ ให้ฉัน
    “แล้วผมก็เป็นสามีของเธอ ฮ่า ฮ่า ใช่มั้ยจ๊ะที่รัก”
    “ที่รักบ้าอะไรของนายเล่า”
    หัวใจของฉันเต้นแรงและรัว พอฉันวิ่งออกมาจากร้านได้ ฉันก็พิงร่างที่สั่นเทาเข้ากับกำแพงด้านนอกของร้าน ถึงเดือนนี้จะเป็นเดือนมีนาแล้วแต่อากาศก็ยังคงเย็นอยู่ มันเป็นผลพวงมาจากความกดอากาศต่ำของประเทศจีนส่งผลมาถึงไทย ให้ตายซิ... วันนี้ผีบ้าตัวไหนดลบันดารใจให้ฉันใส่เสื้อแขนสั้นเนี่ย แถมยังใส่กระโปร่งอีกตังหาก ฉันยกมือขึ้นแล้วกอดอกเอาไว้และเอามือลูบไล้ไปทั่วบริเวณแขน มันทำให้ฉันอบอุ่นขึ้นมาหน่อยนึง ฉันก้มหน้ามองไปที่พื้นพลางเอาเท้าเตะฝุ่นและเดินไปเดินมา
    “หนาวละซิ”
    เขาเดินมาที่ข้างหลังฉันแล้วเอาเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำคลุมตัวของฉันเอาไว้ ฉันไม่ได้ตอบอะไรเขา แต่เขาก็นั่งยองๆ ลงกับพื้น
    “นายทำบ้าอะไรเนี่ย!”
    ฉันรีบจับกระโปร่งของฉันเอาไว้
    “ฉันเปล่าน่ะ”
    “เปล่าหรอ งั้นนายก็ยืนขึ้นซิ แม่ของฉันคิดยังไงเนี่ยที่ให้นายไปส่งฉันที่บ้าน”
    “ก็แม่ของเธอคิดว่าฉันเป็น... สามีของเธอในอนาคตนะซิ”
    “นายจะบ้าหรอ”
    “นายจะบ้าเหรอ...”
    เขาทำเสียงล้อเลียนฉัน ฉันจ้องหน้าของเขาเขม่งถ้าฉันกระโดดกัดคอของนายได้ฉันคงทำไปแล้ว
    “ผมอยากอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป
    ความรักของเรามันอาจจะเป็นไปไม่ได้
    มันยากเกินไปที่ผมจะฉุดรั้งคุณเอาไว้
    ถึงอย่างงั้นผมจะขอรักแต่คุณตลอดไป
    ผมจะรักแต่คุณตลอดไป...”
    พอจบประโยคสุดท้ายเขาก็หันมามองหน้าฉัน ฉันหลบสายตาของเขาที่จ้องมองมาที่ฉันและเดินไปที่รถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่สีดำของเขา
    “กลับได้แล้วละ ฉันว่ามันดึกแล้วน่ะ”
    ฉันพูดพลางเอามือข้างหนึ่งจับเสื้อแจ็กเก็ตเอาไว้ และอีกมือถือลูบไล้รถมอเตอร์ไซด์ของเขา
    “ครับคุณผู้หญิง”
    เขาเดินมาหาฉันและขึ้นไปบนรถ ฉันกระโดดตามเขาขึ้นไปบนรถมอเตอร์ไซด์ของเขา
    “อ้ะ เสื้อของนาย”
    “เธอไม่ใส่รึไง”
    “ไม่เป็นไรฉันว่านายคงหนาวกว่าฉัน ตอนที่นายขับ”
    เขารับแจ็กเก็ตจากมือฉันไปใส่ และเขาก็ยื่นหมวกกันน๊อคให้กับฉัน ฉันสวมมันแล้วรถก็เริ่มเคลื่อนตัวออกไป ฉันนั่งอยู่บนรถของเขาโดยที่คราวนี้ฉันไม่พูดอะไรกับเขาเลยแม้แต่ตำเดียว สิบนาทีต่อมาเขาก็มาส่งฉันถึงบ้าน ฉันลงจากรถของเขาและยื่นหมวกกันน็อคคืนให้เขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้าน
    “เธอไม่คิดจะ บ๊ายบายสามีของเธอหน่อยรึไง”
    “บ๊าย... เอ้ยจะบ้าหรอ ไปได้แล้วไป ขับให้มันโดนรถชนไปเลยแล้วกัน แบร่ :p”
    เขาส่งยิ้มให้ฉันและออกรถไป ฉันก้าวเข้าไปในบ้านและได้รับความอบอุ่นจากในบ้านอีกครั้ง ข้างนอกมันหนาวจริงแฮะ ฉันว่าอากาศประเทศไทยมันชักจะแปลกๆ เข้าไปทุกวันแล้วน่ะ ฉันเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
    “พ่อ!!! แม่ล่ะ”
    “ไปเลี้ยงข้าวลูกค้าไง... กลับมาแล้วหรอ นั่งมอเตอร์ไซด์วินเข้ามารึไง”
    “ก็... เอ่อ... ประมาณนั้น งั้นหนูไปอาบน้ำนอนแล้วน่ะ”
    พ่อของฉันพยักหน้าให้ฉันสองครั้ง และฉันก็วิ่งขึ้นไปที่ชั้นบนเข้าไปในห้องนอนของฉัน เจ้าสฟิ้งยังคงดีอยู่ อ๊าย!! น่ารักชะมัดเลย ฉันถอดเสื้อผ้าออกแล้วเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวๆ เดียวเข้าห้องน้ำไป น้ำเย็นชะมัดเลย สิบห้านาทีต่อมา ฉันออกมาจากห้องน้ำด้วยเนื้อตัวที่เปียกโชกและสั่นเทา ฉันก้าวเข้าไปในห้องนอนเล็กๆ ของฉัน ฉันได้ยินเสียงรถของแม่สงสัยแม่จะกลับมาแล้วละมั้ง ฉันหยิบชุดนอนสีขาวลายหมีน้อยสีฟ้าออกมาแล้วสวมมัน ฉันเดินไปเปิดคอมที่มุมห้องแล้วดึงสายโทรศัพท์มาต่ออินเตอร์เน็ต
    ติ้ง~~ msn ออนอัตโนมัติทุกครั้งพอฉันต่ออินเตอร์เน็ตติด และทันทีที่ฉันออน ตะดิ้ง~ เจนก็จะทักฉันเป็นคนแรกทุกครั้ง
    หน้าต่าง msn
    “ไง”
    “เฮ่อ~ ฉันพึ่งจะกลับเนี่ย แจนแกรู้มั้ยว่าฉันกลับมากับใคร”
    “ใครล่ะ”
    “มีน มาส่งฉันที่บ้าน”
    “เธอว่าไงน่ะ!!!”
    “-_-“
    “ดึกขนาดนี้เลยหรอ อิจฉาเธอจัง”
    “อิจฉาทำไมอะ ฉันไม่ชอบอีตานี่เอาซะเลยเธอก็น่าจะรู้”
    “แต่ฉันว่าเขาก็เป็นคนดีออกน่ะ เออใช่ อาทิตย์หน้าก็จะไปเข้าค่ายกันแล้ว ฉันละดีใจจนเนื้อตัวงี้สั่นเลยล่ะ เนี่ยฉันคิดไว้แล้วด้วยน่ะว่าฉันจะเอาอะไรไปค่ายบ้าง อ่า... ฉันว่าฉันคงต้องมีความสุขแน่ๆ เลย อ๊ะ เดี๋ยวฉันมาน่ะ”
    ใช่... ฉันเกือบลืมไปซะสนิทเลยว่าอาทิตย์หน้าพวกเราทั้งห้องจะไปเข้าค่ายกัน อ่า... พนันได้เลยว่ามันต้องสนุกแน่ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราจะได้ไปเข้าค่ายในป่ากัน
    ตะดิ้ง~
    “มาแล้วจ๊ะ”
    “ไปไหนมา”
    “แม่เรียก... ใหม่ออนแล้ว เดี๋ยวเรียกใหม่เข้ามาคุยด้วยกัน”
    “เคๆ”
    ว่าแล้วพวกเราก็คุยกันอยู่นานเรื่องไปค่าย มีแต่ห้องของเราเท่านั้นที่ไปเด็กนักเรียนในห้องสามสิบคนกับอาจารย์ที่ปรึกษาสองคน ให้ตายซิ ยิ่งคิดก็ยิ่งสนุกยิ่งอยากไปเข้าไปอีก อ๊าย อยากไปที่สุดเลย
    เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันรีบอาบน้ำแล้วแต่งตัว มานั่งรอแม่ที่ห้องนั่งเล่นกับพ่อที่นั่งกินม่ามาอัดเม็ด (สแน็คนู้ดโด๊ะ) อยู่บนโซฟาตัวเดียวกับที่ฉันนั่งเล่นกับเจ้าสฟิ้ง นั่นดูสายตาของพ่อฉันซิดูเขาจับจ้องมาที่เจ้าสฟิ้งสุดที่รักของฉัน อย่างกับเขาจะกินเจ้าสฟิ้งของฉันอย่างงั้นแหละ วันนี้ฉันก็จะไปทำงานเป็นเพื่อนแม่อีกเหมือนเมื่อวาน แต่เมื่อวานดูเหมือนว่าฉันจะไม่ค่อยได้ช่วยอะไรแม่ซักเท่าไหร่เลย ฮ่า ฮ่า ก็ฉันเล่นแอบขึ้นไปนอนที่ชั้นบนนี่นา ^o^ แม่ของฉันทำท่าจะออกจากบ้านแล้ว ฉันเลยวิ่งอุ้มเจ้าสฟิ้งขึ้นไปเก็บบนห้อง และทันทีที่ฉันขึ้นไปถึงห้องฉันก็ได้ยินเสียงรถที่ถูกสาร์ทของแม่เคลื่อนตัวออกจากบ้าน ฉันเลยรีบยัดเจ้าสฟิ้งเจ้าไปในกรงและวิ่งตึงตังลงมาจากชั้นสอง
    “แม่ แม่”
    ฉันวิ่งลงมาพลางแหกปากตะโกน แต่มันก็สายไปซะแล้ว งือ งือ TT^TT แม่ฉันออกรถไปซะแล้ว ฉันนั่งขุกเข่าอยู่ที่หน้าบ้านพลางยื่นมือออกไปจะดึงรถคันนั้นกลับมา งือ งือ TT^TT แม่ใจร้ายที่สุดเลย ฉันก้มหน้ามองพื้นและยืนขึ้นแต่ฉันสัมผัสได้ถึงแรงลมที่พัดผ่านฉันไป
    “ขึ้นมา”
    ฉันเงยหน้าขึ้นมอง
    “ขึ้นมาซิยัยบ๊อง ไม่อยากไปรึไง มาขึ้นมา”
    เขาจับข้อมือฉันแล้วดึงฉันเข้าไปใกล้รถ ฉันเลยต้องจำใจขึ้นรถของเขาอีกครั้ง
    “นายมาทำไมเนี่ย”
    “ผ่านมา...”
    แล้วรถก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป วันนี้ฉันได้แต่เกาะเสื้อยืดสีขาวของเขาไปอย่างเงียบๆ อีกไม่นานเท่าไหร่นักรถก็มาจอดที่หน้าร้านเบเกอร์รี่ของแม่ ฉันลงจากรถด้วยความรวดเร็วและเปิดประตูจากหน้าร้านเข้าไปข้างในร้าน
   
    “แม่!!!”
    แม่ของฉันหันมาแล้วส่งยิ้มหวานให้ฉัน
    “ทำไมไม่รอหนูล่ะ”
    แม่หันหลังเดินเข้าไปในครัวทำขนม
    “ก็แม่จ้างคนขับรถให้ลูกแล้วไงละจ๊ะ จะไปไหนก็เอาเขาไปด้วยก็แล้วกัน แม่จ้างเขาวันละ ห้าร้อยเชียวน่ะ ดูแลลูกสาวผู้น่ารักของฉันดีๆ ล่ะน่ะจ๊ะ มีน”
    “ครับ”
    อ๊าก!!! แม่เป็นอะไรของแม่เนี่ย จ้างไอบ้านี่เนี่ยน่ะ จ้างมาดูแลฉันเนี่ยน่ะจ้างมาเป็นคนขับรถให้ฉันงั้นหรอ ฉันหันกลับไปมองหน้าของเขา เขาส่งยิ้มหวานให้ฉัน ฉันกำมือไว้แน่นแล้วชูนิ้วชี้ขึ้นชี้หน้าของอีตาบ้านั่น แต่ฉันก็ต้องเอานิ้วลงเพราะแม่ของฉันหันกลับมามองฉัน อ๊ายยยยยยยย แม่น่ะแม่ งือ งือ TT^TT
    ฉันเดินเข้าไปหยิบผ้ากันเปื้อนที่เป็นยูนีฟอร์มของที่นี่และสวมมันเข้ากับตัว อีตาบ้าก็เดินมาแทรกเข้ามาระหว่างฉันกับฝาผนังแล้วเอื้อมมือไปหยิบผ้ากันเปื้อนของตัวเองแล้วสวมมันเข้ากับตัวของเขาเช่นกัน ฉันรีบกระโดดถอยหลังออกมาแล้วหยิบกระดาษกับปากกาเดินไปที่โต๊ะของลูกค้า
    “สั่งเครื่องดื่มกับขนมไปรึยังค่ะ”
    ฉันถามลูกค้าสาวสวยพลางส่งยิ้มกว้างอย่างจริงใจให้กับเธอ
    “อ๋อ สั่งแล้วค่ะ นั่น อาจจะเป็นของฉันก็ได้ค่ะ”
    เธอส่งยิ้มแล้วตอบฉัน เธอมองไปที่ชายคนหนึ่งที่ถือถาดมาพร้อมกับเค้กสตอเบอร์รี่มาที่โต๊ะของเธอ และฉันก็ยกเค้กสตอเบอร์รี่หนึ่งชิ้นมาวางไว้บนโต๊ะของเธอพลางส่งยิ้มให้เธออีกครั้ง ฉันเงยหน้าขึ้นมองคนที่ถือถาดมา ฉันอาปากค้างอย่างอึ้งๆ
    “ซิว”
    ฉันพูดชื่อเขาเบาๆ
    “ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้เจอนายแล้วซะอีก”
    ฉันพูดกับเขาพลางจับมือของเขาไว้แน่น
    “บังเอิญจังเลย”
    เขาพูดพลางยกมือข้างซ้ายขึ้นมาเกาศีรษะเบาๆ และเดินไปที่หลังเค้าเตอร์กับฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงรังสีอัมหิตที่แผ่ซ่านเต็มไปทั่วบริเวณที่ฉันยืนอยู่กับเขา ซิวคือเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของฉัน เขาเป็นเพื่อนกับฉันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ประถม เขานิสัยดีมากเลยละ ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้เจอเขาแล้วซะอีก หน้าตาของเขายังไม่เปลี่ยนเลย แต่เขาเปลี่ยนไปตรงที่ ฉันเคยสูงกว่าเขาแต่ตอนนี้เขากลับสูงกว่าฉันซะแล้ว อ่า... ตัวขาวขึ้นตั้งเยอะผมก็ยาวแล้วด้วย จะให้พูดง่ายๆ คือหล่อขึ้นจมเลย อ๊าย น่ารักชะมัด น่ารักชะมัดเลย ฉันคุยกับเขาได้สักพักก็มีกลุ่มเด็กนักเรียนมัธยมต้นเดินเข้ามาในร้านสี่คน พวกเธอนั่งลงที่โต๊ะมุมขวาสุดริมหน้าต่าง พวกเธอมองมาที่ซิวที่กำลังจะไปรับออร์เดอร์
    “หล่อจริงๆ ด้วย ดูนั่นซิน่ารักจังเลย”
    “ไม่ใช่คนนี้น่ะที่ฉันบอกเธอ นู้นคนนู้น คนที่อยู่หลังเค้าเตอร์นั่นนะเห็นมั้ย น่ารักจะตาย”
    “ฉันว่าหล่อทั้งคู่เลย”
    “เขามาแล้วเงียบๆ หน่อยซิ”
    แต่เมื่อซิวเดินไปถึงโต๊ะของพวกเธอ พวกเธอก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดพลางมองดูเมนูที่วางไว้อยู่บนโต๊ะและสั่งเครื่องดื่มหรือไม่ก็ขนมที่มีอยู่ในร้าน ซิวทำการถวนรายการอาหารอีกครั้ง แล้วเดินกลับมาส่งรายการอาหารให้กับมีนที่อยู่หลังเค้าเตอร์ แต่มีนก็กระฉากกระดาษใบนั้นจากมือของซิว กระดาษแทบขาดแน่ะผู้ชายบ้าอะไรน่ากลัวชะมัดเลย  -_- ถ้าจะให้เทียบระหว่างมีนกับซิวนะหรอ โอ้ย ซิวอ่อนโยนกว่าเป็นพันล้านปีแสงเท่า
    มีนทำการคีบขนมปังเนยสดสองชิ้น ขนมปังหัวกะโหลกที่มีช็อกโกแล็ตราดอยู่ด้านบนอีกสองชิ้น น้ำช็อกโกแล็ตเย็นหนึ่งแก้ว น้ำโค้กสองแก้ว และน้ำแดงอีกหนึ่งแก้ว วางไว้บนถาดสองถาดอย่างไม่เต็มใจนัก เขามองซิวกับฉันด้วยสายตาน่ากลัว อ๊าย นายจะฆ่าฉันรึไงห๊ะ ให้ตายซิ ฉันกับซิวก็เลยยกฉากที่มีน้ำกับขนมอยู่เต็มถาดไปเสิร์ฟให้กับเด็กนักเรียนมัธยมต้นสี่คนนั่น
    “ฉันยกเอง”
    มีนเดินออกมาจากหลังเค้าเตอร์ และฉวยถาดของฉันไป ฉันมองไปที่โต๊ะของเด็กสี่คนนั้น พวกเธอกระดี๊กระด๊ากันใหญ่พอรู้ว่าจะมีสุดหล่อสองคนไปเสิร์ฟที่โต๊ะ ฉันอมเล็กๆ พลางเดินไปที่หลังเค้าเตอร์แทนอีตาบ้านั่นที่เดินออกไปเสิร์ฟแทนฉัน แล้วก็เหมือนกับเราสลับหน้าที่กันทั้งวัน ฉันทำแต่คีบขนมออกจากตู้ ยกขนมออกมาจากครัวทำขนม แล้วก็เทน้ำใส่แก้ว มันเหนื่อยกว่างานเสิร์ฟซะอีก ฉันมองไปที่นอกร้าน แม่ขับรถออกไปข้างนอกอีกแล้วสงสัยจะไปกินข้าวกับลูกค้าอีกแล้วซิน่ะ เฮ่อ~~ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวชะมัด สองทุ่มแล้วหรอเนี่ย ตอนนี้คนในร้านไม่เหลือแล้ว ฉันเลยเดินออกไปขากเค้าเตอร์เพื่อไปเช็ดโต๊ะตัวสุดท้ายที่ผู้ชายวัยกลางคนพึ่งเดินออกจากร้านไป ในร้านเหลือพวกเราเพียงสามคน คนครัวสิบคนออกไปตั้งแต่หนึ่งทุ่มแล้ว เพราะฉะนั้นถึงได้เหลือแต่พวกเราที่จะต้องทำหน้าที่เก็บกวาดร้าน ฉันยกเก้าอี้ทุกตัวขึ้นไปในบนโต๊ะ และหยิบไม้กวาดมากวาดพื้น พอกวาดเสร็จฉันก็เอาไว้กวาดไปเก็บแล้วเดินไปที่ห้องแต่งตัวพร้อมกับแขวนผ้ากันเปื้อนเอาไว้บนที่แขวนผ้ากันเปื้อน และทันทีที่ฉันแขวนผ้ากันเปื้อนก็มีมือๆ หนึ่งจับข้อมือของฉันแล้วลากฉันออกจากห้องแต่งตัวไปที่หน้าร้าน
    “ลากฉันทำไมเนี่ย”
    ฉันถามอย่าฉุนๆ
    “กลับบ้านได้แล้ว!!!!”
    อีตาบ้าพูดขึ้นเสียงดัง
    “นายมีสิทธิ์สั่งฉันงั้นหรอ ห๊ะ!!! ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
    “...”
    “ไปด้วยกันมั้ยแพน”
    เสียงนี้ดังขึ้นจากข้างหลัง
    “ฉันไปส่งบ้านมั้ย”
    “*-* ไป ไป ไปซิ ไป... ฉันได้เพื่อนกลับบ้านแล้ว ส่วนนายกลับไปได้แล้ว วันนี้นายไม่ต้องไปส่งฉันที่บ้าน”
    ฉันหันไปบอกมีนที่ยืนอยู่หน้าฉัน
    “งั้นหรอ โอเค งั้นเธอก็กลับไปกับไอหน้าจืดนั่นก็แล้วกัน ได้... ไอจืดดูแลศรีภรรยาของฉันดีๆ ละอย่าให้บุบสลาย ถ้าเป็นรอยแม้แต่น้อยแก...”
    เขาชูนิ้มชี้ขึ้นแล้วปาดจากคอด้านซ้ายไปจนถึงคอด้านขวา แต่ซิวไม่มีทีท่าใดๆ ได้แต่ยิ้มรับเท่านั้น แต่เพราะความไม่มีทีท่าใดๆ ของซิว ทำให้มีนเดือดปุดๆ เลือดตาแทบกระเด็น มีนขึ้นค้อมและสตาร์ทรถมอเตอร์สีดำคันใหญ่ของเขา
    “กลับมาคบกันเหมือนเดิมได้มั้ย แพนเราสองคนกลับมาคบกันเถอะน่ะ”
    “แล้วผมก็เป็นสามีของเธอ ฮ่า ฮ่า ใช่มั้ยจ๊ะที่รัก”
    “ที่รักบ้าอะไรของนายเล่า”
    หัวใจของฉันเต้นแรงและรัว พอฉันวิ่งออกมาจากร้านได้ ฉันก็พิงร่างที่สั่นเทาเข้ากับกำแพงด้านนอกของร้าน ถึงเดือนนี้จะเป็นเดือนมีนาแล้วแต่อากาศก็ยังคงเย็นอยู่ มันเป็นผลพวงมาจากความกดอากาศต่ำของประเทศจีนส่งผลมาถึงไทย ให้ตายซิ... วันนี้ผีบ้าตัวไหนดลบันดารใจให้ฉันใส่เสื้อแขนสั้นเนี่ย แถมยังใส่กระโปร่งอีกตังหาก ฉันยกมือขึ้นแล้วกอดอกเอาไว้และเอามือลูบไล้ไปทั่วบริเวณแขน มันทำให้ฉันอบอุ่นขึ้นมาหน่อยนึง ฉันก้มหน้ามองไปที่พื้นพลางเอาเท้าเตะฝุ่นและเดินไปเดินมา
    “หนาวละซิ”
    เขาเดินมาที่ข้างหลังฉันแล้วเอาเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำคลุมตัวของฉันเอาไว้ ฉันไม่ได้ตอบอะไรเขา แต่เขาก็นั่งยองๆ ลงกับพื้น
    “นายทำบ้าอะไรเนี่ย!”
    ฉันรีบจับกระโปร่งของฉันเอาไว้
    “ฉันเปล่าน่ะ”
    “เปล่าหรอ งั้นนายก็ยืนขึ้นซิ แม่ของฉันคิดยังไงเนี่ยที่ให้นายไปส่งฉันที่บ้าน”
    “ก็แม่ของเธอคิดว่าฉันเป็น... สามีของเธอในอนาคตนะซิ”
    “นายจะบ้าหรอ”
    “นายจะบ้าเหรอ...”
    เขาทำเสียงล้อเลียนฉัน ฉันจ้องหน้าของเขาเขม่งถ้าฉันกระโดดกัดคอของนายได้ฉันคงทำไปแล้ว
    “ผมอยากอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป
    ความรักของเรามันอาจจะเป็นไปไม่ได้
    มันยากเกินไปที่ผมจะฉุดรั้งคุณเอาไว้
    ถึงอย่างงั้นผมจะขอรักแต่คุณตลอดไป
    ผมจะรักแต่คุณตลอดไป...”
    พอจบประโยคสุดท้ายเขาก็หันมามองหน้าฉัน ฉันหลบสายตาของเขาที่จ้องมองมาที่ฉันและเดินไปที่รถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่สีดำของเขา
    “กลับได้แล้วละ ฉันว่ามันดึกแล้วน่ะ”
    ฉันพูดพลางเอามือข้างหนึ่งจับเสื้อแจ็กเก็ตเอาไว้ และอีกมือถือลูบไล้รถมอเตอร์ไซด์ของเขา
    “ครับคุณผู้หญิง”
    เขาเดินมาหาฉันและขึ้นไปบนรถ ฉันกระโดดตามเขาขึ้นไปบนรถมอเตอร์ไซด์ของเขา
    “อ้ะ เสื้อของนาย”
    “เธอไม่ใส่รึไง”
    “ไม่เป็นไรฉันว่านายคงหนาวกว่าฉัน ตอนที่นายขับ”
    เขารับแจ็กเก็ตจากมือฉันไปใส่ และเขาก็ยื่นหมวกกันน๊อคให้กับฉัน ฉันสวมมันแล้วรถก็เริ่มเคลื่อนตัวออกไป ฉันนั่งอยู่บนรถของเขาโดยที่คราวนี้ฉันไม่พูดอะไรกับเขาเลยแม้แต่ตำเดียว สิบนาทีต่อมาเขาก็มาส่งฉันถึงบ้าน ฉันลงจากรถของเขาและยื่นหมวกกันน็อคคืนให้เขาแล้ววิ่งเข้าไปในบ้าน
    “เธอไม่คิดจะ บ๊ายบายสามีของเธอหน่อยรึไง”
    “บ๊าย... เอ้ยจะบ้าหรอ ไปได้แล้วไป ขับให้มันโดนรถชนไปเลยแล้วกัน แบร่ :p”
    เขาส่งยิ้มให้ฉันและออกรถไป ฉันก้าวเข้าไปในบ้านและได้รับความอบอุ่นจากในบ้านอีกครั้ง ข้างนอกมันหนาวจริงแฮะ ฉันว่าอากาศประเทศไทยมันชักจะแปลกๆ เข้าไปทุกวันแล้วน่ะ ฉันเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น
    “พ่อ!!! แม่ล่ะ”
    “ไปเลี้ยงข้าวลูกค้าไง... กลับมาแล้วหรอ นั่งมอเตอร์ไซด์วินเข้ามารึไง”
    “ก็... เอ่อ... ประมาณนั้น งั้นหนูไปอาบน้ำนอนแล้วน่ะ”
    พ่อของฉันพยักหน้าให้ฉันสองครั้ง และฉันก็วิ่งขึ้นไปที่ชั้นบนเข้าไปในห้องนอนของฉัน เจ้าสฟิ้งยังคงดีอยู่ อ๊าย!! น่ารักชะมัดเลย ฉันถอดเสื้อผ้าออกแล้วเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวๆ เดียวเข้าห้องน้ำไป น้ำเย็นชะมัดเลย สิบห้านาทีต่อมา ฉันออกมาจากห้องน้ำด้วยเนื้อตัวที่เปียกโชกและสั่นเทา ฉันก้าวเข้าไปในห้องนอนเล็กๆ ของฉัน ฉันได้ยินเสียงรถของแม่สงสัยแม่จะกลับมาแล้วละมั้ง ฉันหยิบชุดนอนสีขาวลายหมีน้อยสีฟ้าออกมาแล้วสวมมัน ฉันเดินไปเปิดคอมที่มุมห้องแล้วดึงสายโทรศัพท์มาต่ออินเตอร์เน็ต
    ติ้ง~~ msn ออนอัตโนมัติทุกครั้งพอฉันต่ออินเตอร์เน็ตติด และทันทีที่ฉันออน ตะดิ้ง~ เจนก็จะทักฉันเป็นคนแรกทุกครั้ง
    หน้าต่าง msn
    “ไง”
    “เฮ่อ~ ฉันพึ่งจะกลับเนี่ย แจนแกรู้มั้ยว่าฉันกลับมากับใคร”
    “ใครล่ะ”
    “มีน มาส่งฉันที่บ้าน”
    “เธอว่าไงน่ะ!!!”
    “-_-“
    “ดึกขนาดนี้เลยหรอ อิจฉาเธอจัง”
    “อิจฉาทำไมอะ ฉันไม่ชอบอีตานี่เอาซะเลยเธอก็น่าจะรู้”
    “แต่ฉันว่าเขาก็เป็นคนดีออกน่ะ เออใช่ อาทิตย์หน้าก็จะไปเข้าค่ายกันแล้ว ฉันละดีใจจนเนื้อตัวงี้สั่นเลยล่ะ เนี่ยฉันคิดไว้แล้วด้วยน่ะว่าฉันจะเอาอะไรไปค่ายบ้าง อ่า... ฉันว่าฉันคงต้องมีความสุขแน่ๆ เลย อ๊ะ เดี๋ยวฉันมาน่ะ”
    ใช่... ฉันเกือบลืมไปซะสนิทเลยว่าอาทิตย์หน้าพวกเราทั้งห้องจะไปเข้าค่ายกัน อ่า... พนันได้เลยว่ามันต้องสนุกแน่ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราจะได้ไปเข้าค่ายในป่ากัน
    ตะดิ้ง~
    “มาแล้วจ๊ะ”
    “ไปไหนมา”
    “แม่เรียก... ใหม่ออนแล้ว เดี๋ยวเรียกใหม่เข้ามาคุยด้วยกัน”
    “เคๆ”
    ว่าแล้วพวกเราก็คุยกันอยู่นานเรื่องไปค่าย มีแต่ห้องของเราเท่านั้นที่ไปเด็กนักเรียนในห้องสามสิบคนกับอาจารย์ที่ปรึกษาสองคน ให้ตายซิ ยิ่งคิดก็ยิ่งสนุกยิ่งอยากไปเข้าไปอีก อ๊าย อยากไปที่สุดเลย
    เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันรีบอาบน้ำแล้วแต่งตัว มานั่งรอแม่ที่ห้องนั่งเล่นกับพ่อที่นั่งกินม่ามาอัดเม็ด (สแน็คนู้ดโด๊ะ) อยู่บนโซฟาตัวเดียวกับที่ฉันนั่งเล่นกับเจ้าสฟิ้ง นั่นดูสายตาของพ่อฉันซิดูเขาจับจ้องมาที่เจ้าสฟิ้งสุดที่รักของฉัน อย่างกับเขาจะกินเจ้าสฟิ้งของฉันอย่างงั้นแหละ วันนี้ฉันก็จะไปทำงานเป็นเพื่อนแม่อีกเหมือนเมื่อวาน แต่เมื่อวานดูเหมือนว่าฉันจะไม่ค่อยได้ช่วยอะไรแม่ซักเท่าไหร่เลย ฮ่า ฮ่า ก็ฉันเล่นแอบขึ้นไปนอนที่ชั้นบนนี่นา ^o^ แม่ของฉันทำท่าจะออกจากบ้านแล้ว ฉันเลยวิ่งอุ้มเจ้าสฟิ้งขึ้นไปเก็บบนห้อง และทันทีที่ฉันขึ้นไปถึงห้องฉันก็ได้ยินเสียงรถที่ถูกสาร์ทของแม่เคลื่อนตัวออกจากบ้าน ฉันเลยรีบยัดเจ้าสฟิ้งเจ้าไปในกรงและวิ่งตึงตังลงมาจากชั้นสอง
    “แม่ แม่”
    ฉันวิ่งลงมาพลางแหกปากตะโกน แต่มันก็สายไปซะแล้ว งือ งือ TT^TT แม่ฉันออกรถไปซะแล้ว ฉันนั่งขุกเข่าอยู่ที่หน้าบ้านพลางยื่นมือออกไปจะดึงรถคันนั้นกลับมา งือ งือ TT^TT แม่ใจร้ายที่สุดเลย ฉันก้มหน้ามองพื้นและยืนขึ้นแต่ฉันสัมผัสได้ถึงแรงลมที่พัดผ่านฉันไป
    “ขึ้นมา”
    ฉันเงยหน้าขึ้นมอง
    “ขึ้นมาซิยัยบ๊อง ไม่อยากไปรึไง มาขึ้นมา”
    เขาจับข้อมือฉันแล้วดึงฉันเข้าไปใกล้รถ ฉันเลยต้องจำใจขึ้นรถของเขาอีกครั้ง
    “นายมาทำไมเนี่ย”
    “ผ่านมา...”
    แล้วรถก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป วันนี้ฉันได้แต่เกาะเสื้อยืดสีขาวของเขาไปอย่างเงียบๆ อีกไม่นานเท่าไหร่นักรถก็มาจอดที่หน้าร้านเบเกอร์รี่ของแม่ ฉันลงจากรถด้วยความรวดเร็วและเปิดประตูจากหน้าร้านเข้าไปข้างในร้าน
   
    “แม่!!!”
    แม่ของฉันหันมาแล้วส่งยิ้มหวานให้ฉัน
    “ทำไมไม่รอหนูล่ะ”
    แม่หันหลังเดินเข้าไปในครัวทำขนม
    “ก็แม่จ้างคนขับรถให้ลูกแล้วไงละจ๊ะ จะไปไหนก็เอาเขาไปด้วยก็แล้วกัน แม่จ้างเขาวันละ ห้าร้อยเชียวน่ะ ดูแลลูกสาวผู้น่ารักของฉันดีๆ ล่ะน่ะจ๊ะ มีน”
    “ครับ”
    อ๊าก!!! แม่เป็นอะไรของแม่เนี่ย จ้างไอบ้านี่เนี่ยน่ะ จ้างมาดูแลฉันเนี่ยน่ะจ้างมาเป็นคนขับรถให้ฉันงั้นหรอ ฉันหันกลับไปมองหน้าของเขา เขาส่งยิ้มหวานให้ฉัน ฉันกำมือไว้แน่นแล้วชูนิ้วชี้ขึ้นชี้หน้าของอีตาบ้านั่น แต่ฉันก็ต้องเอานิ้วลงเพราะแม่ของฉันหันกลับมามองฉัน อ๊ายยยยยยยย แม่น่ะแม่ งือ งือ TT^TT
    ฉันเดินเข้าไปหยิบผ้ากันเปื้อนที่เป็นยูนีฟอร์มของที่นี่และสวมมันเข้ากับตัว อีตาบ้าก็เดินมาแทรกเข้ามาระหว่างฉันกับฝาผนังแล้วเอื้อมมือไปหยิบผ้ากันเปื้อนของตัวเองแล้วสวมมันเข้ากับตัวของเขาเช่นกัน ฉันรีบกระโดดถอยหลังออกมาแล้วหยิบกระดาษกับปากกาเดินไปที่โต๊ะของลูกค้า
    “สั่งเครื่องดื่มกับขนมไปรึยังค่ะ”
    ฉันถามลูกค้าสาวสวยพลางส่งยิ้มกว้างอย่างจริงใจให้กับเธอ
    “อ๋อ สั่งแล้วค่ะ นั่น อาจจะเป็นของฉันก็ได้ค่ะ”
    เธอส่งยิ้มแล้วตอบฉัน เธอมองไปที่ชายคนหนึ่งที่ถือถาดมาพร้อมกับเค้กสตอเบอร์รี่มาที่โต๊ะของเธอ และฉันก็ยกเค้กสตอเบอร์รี่หนึ่งชิ้นมาวางไว้บนโต๊ะของเธอพลางส่งยิ้มให้เธออีกครั้ง ฉันเงยหน้าขึ้นมองคนที่ถือถาดมา ฉันอาปากค้างอย่างอึ้งๆ
    “ซิว”
    ฉันพูดชื่อเขาเบาๆ
    “ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้เจอนายแล้วซะอีก”
    ฉันพูดกับเขาพลางจับมือของเขาไว้แน่น
    “บังเอิญจังเลย”
    เขาพูดพลางยกมือข้างซ้ายขึ้นมาเกาศีรษะเบาๆ และเดินไปที่หลังเค้าเตอร์กับฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงรังสีอัมหิตที่แผ่ซ่านเต็มไปทั่วบริเวณที่ฉันยืนอยู่กับเขา ซิวคือเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของฉัน เขาเป็นเพื่อนกับฉันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ประถม เขานิสัยดีมากเลยละ ฉันคิดว่าฉันจะไม่ได้เจอเขาแล้วซะอีก หน้าตาของเขายังไม่เปลี่ยนเลย แต่เขาเปลี่ยนไปตรงที่ ฉันเคยสูงกว่าเขาแต่ตอนนี้เขากลับสูงกว่าฉันซะแล้ว อ่า... ตัวขาวขึ้นตั้งเยอะผมก็ยาวแล้วด้วย จะให้พูดง่ายๆ คือหล่อขึ้นจมเลย อ๊าย น่ารักชะมัด น่ารักชะมัดเลย ฉันคุยกับเขาได้สักพักก็มีกลุ่มเด็กนักเรียนมัธยมต้นเดินเข้ามาในร้านสี่คน พวกเธอนั่งลงที่โต๊ะมุมขวาสุดริมหน้าต่าง พวกเธอมองมาที่ซิวที่กำลังจะไปรับออร์เดอร์
    “หล่อจริงๆ ด้วย ดูนั่นซิน่ารักจังเลย”
    “ไม่ใช่คนนี้น่ะที่ฉันบอกเธอ นู้นคนนู้น คนที่อยู่หลังเค้าเตอร์นั่นนะเห็นมั้ย น่ารักจะตาย”
    “ฉันว่าหล่อทั้งคู่เลย”
    “เขามาแล้วเงียบๆ หน่อยซิ”
    แต่เมื่อซิวเดินไปถึงโต๊ะของพวกเธอ พวกเธอก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดพลางมองดูเมนูที่วางไว้อยู่บนโต๊ะและสั่งเครื่องดื่มหรือไม่ก็ขนมที่มีอยู่ในร้าน ซิวทำการถวนรายการอาหารอีกครั้ง แล้วเดินกลับมาส่งรายการอาหารให้กับมีนที่อยู่หลังเค้าเตอร์ แต่มีนก็กระฉากกระดาษใบนั้นจากมือของซิว กระดาษแทบขาดแน่ะผู้ชายบ้าอะไรน่ากลัวชะมัดเลย  -_- ถ้าจะให้เทียบระหว่างมีนกับซิวนะหรอ โอ้ย ซิวอ่อนโยนกว่าเป็นพันล้านปีแสงเท่า
    มีนทำการคีบขนมปังเนยสดสองชิ้น ขนมปังหัวกะโหลกที่มีช็อกโกแล็ตราดอยู่ด้านบนอีกสองชิ้น น้ำช็อกโกแล็ตเย็นหนึ่งแก้ว น้ำโค้กสองแก้ว และน้ำแดงอีกหนึ่งแก้ว วางไว้บนถาดสองถาดอย่างไม่เต็มใจนัก เขามองซิวกับฉันด้วยสายตาน่ากลัว อ๊าย นายจะฆ่าฉันรึไงห๊ะ ให้ตายซิ ฉันกับซิวก็เลยยกฉากที่มีน้ำกับขนมอยู่เต็มถาดไปเสิร์ฟให้กับเด็กนักเรียนมัธยมต้นสี่คนนั่น
    “ฉันยกเอง”
    มีนเดินออกมาจากหลังเค้าเตอร์ และฉวยถาดของฉันไป ฉันมองไปที่โต๊ะของเด็กสี่คนนั้น พวกเธอกระดี๊กระด๊ากันใหญ่พอรู้ว่าจะมีสุดหล่อสองคนไปเสิร์ฟที่โต๊ะ ฉันอมเล็กๆ พลางเดินไปที่หลังเค้าเตอร์แทนอีตาบ้านั่นที่เดินออกไปเสิร์ฟแทนฉัน แล้วก็เหมือนกับเราสลับหน้าที่กันทั้งวัน ฉันทำแต่คีบขนมออกจากตู้ ยกขนมออกมาจากครัวทำขนม แล้วก็เทน้ำใส่แก้ว มันเหนื่อยกว่างานเสิร์ฟซะอีก ฉันมองไปที่นอกร้าน แม่ขับรถออกไปข้างนอกอีกแล้วสงสัยจะไปกินข้าวกับลูกค้าอีกแล้วซิน่ะ เฮ่อ~~ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวชะมัด สองทุ่มแล้วหรอเนี่ย ตอนนี้คนในร้านไม่เหลือแล้ว ฉันเลยเดินออกไปขากเค้าเตอร์เพื่อไปเช็ดโต๊ะตัวสุดท้ายที่ผู้ชายวัยกลางคนพึ่งเดินออกจากร้านไป ในร้านเหลือพวกเราเพียงสามคน คนครัวสิบคนออกไปตั้งแต่หนึ่งทุ่มแล้ว เพราะฉะนั้นถึงได้เหลือแต่พวกเราที่จะต้องทำหน้าที่เก็บกวาดร้าน ฉันยกเก้าอี้ทุกตัวขึ้นไปในบนโต๊ะ และหยิบไม้กวาดมากวาดพื้น พอกวาดเสร็จฉันก็เอาไว้กวาดไปเก็บแล้วเดินไปที่ห้องแต่งตัวพร้อมกับแขวนผ้ากันเปื้อนเอาไว้บนที่แขวนผ้ากันเปื้อน และทันทีที่ฉันแขวนผ้ากันเปื้อนก็มีมือๆ หนึ่งจับข้อมือของฉันแล้วลากฉันออกจากห้องแต่งตัวไปที่หน้าร้าน
    “ลากฉันทำไมเนี่ย”
    ฉันถามอย่าฉุนๆ
    “กลับบ้านได้แล้ว!!!!”
    อีตาบ้าพูดขึ้นเสียงดัง
    “นายมีสิทธิ์สั่งฉันงั้นหรอ ห๊ะ!!! ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
    “...”
    “ไปด้วยกันมั้ยแพน”
    เสียงนี้ดังขึ้นจากข้างหลัง
    “ฉันไปส่งบ้านมั้ย”
    “*-* ไป ไป ไปซิ ไป... ฉันได้เพื่อนกลับบ้านแล้ว ส่วนนายกลับไปได้แล้ว วันนี้นายไม่ต้องไปส่งฉันที่บ้าน”
    ฉันหันไปบอกมีนที่ยืนอยู่หน้าฉัน
    “งั้นหรอ โอเค งั้นเธอก็กลับไปกับไอหน้าจืดนั่นก็แล้วกัน ได้... ไอจืดดูแลศรีภรรยาของฉันดีๆ ละอย่าให้บุบสลาย ถ้าเป็นรอยแม้แต่น้อยแก...”
    เขาชูนิ้มชี้ขึ้นแล้วปาดจากคอด้านซ้ายไปจนถึงคอด้านขวา แต่ซิวไม่มีทีท่าใดๆ ได้แต่ยิ้มรับเท่านั้น แต่เพราะความไม่มีทีท่าใดๆ ของซิว ทำให้มีนเดือดปุดๆ เลือดตาแทบกระเด็น มีนขึ้นค้อมและสตาร์ทรถมอเตอร์สีดำคันใหญ่ของเขา
    “กลับมาคบกันเหมือนเดิมได้มั้ย แพนเราสองคนกลับมาคบกันเถอะน่ะ”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น