ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -นักเรียนซ่า- *ต้องหมดซ่าเพราะรักเธอ*

    ลำดับตอนที่ #2 : ทุ่งหญ้าสีเขียวกับบทเพลงที่ขับร้อง

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 48


        เขาก้มลงเพื่อที่จะเอาหมากฝรั่งจากปากของฉัน ฉันยืนแข็งทื่อเพราะความอึ้ง เขาเอาปากของเขาเข้ามาใกล้กับปากของฉัน ฉันคิดว่าปากของเขากับปากของฉันห่างกันแค่ไม่กี่เซ็นแล้ว เขาจับหัวไหล่ของฉันทั้งสองข้างแล้ว...



        โบ๊ก!!!



        “โอ๊ย!!! หัวของฉันเจ็บน่ะย่ะ”



        เขาเอาหน้าผากของเขาเขกเข้ากับหน้าผากของฉัน



        “ฮ่าฮ่า ยังบ๊องเธอคิดว่าฉันจะจูบเธอรึไงกัน ฮาชะมัดเลย ผู้ชายอย่างฉันไม่คิดบ้าๆ ไปจูบผู้หญิงสิ้นคิดอย่างเธอหรอก”



        เข้าใช้นิ้วชี้ของเขาดีดมาที่หน้าผากของฉัน แล้วเดินจากไป ฉันทรุดตัวลงกันพื้นด้วยความอึ้ง เพื่อนซี้ของฉันต้องลากฉันออกไปจากเค้าเตอร์นั่น อ้า... ฉันคงต้องบ้าแน่ๆ ถ้าถูกอีตานั่นจูบเอา โอ๊ยฉันอยากจะร้องไห้ TT^TT ฉันเดินลงบันไดเลื่อนกับเพื่อนอีกสิบกว่าคน ฉันหันกลับไปมองมีนที่อยู่ข้างหลัง ดูหมอนั่นซิฟังเพลงสบายใจ ทำเป็นอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นแหละ อะโธ่เอ้ย ชิ้ เกลียดนายชะมัด



        ที่บ้าน…

        ฉันถอดรองเท้านันยางวางมันไว้ที่ชั้นวางรองเท้าและฉันก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในบ้านผ่านห้องนั่งเล่นที่ถูกเปิดทีวีคาทิ้งเอาไว้ ฉันวิ่งขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองและกระโดดเข้าไปในห้องนอนของฉัน ฉันเดินไปที่กรงของ ‘สฟิ้ง’ นั่นมันชื่อของแกสบี้ของฉัน



        “อ๊ายยยยย พ่อทำอะไรของพ่อเนี่ย ขนของสฟิ้งทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ พ่อ”



        ฉันวิ่งอุ้มเจ้าสฟิ้งลงไปหาพ่อที่ชั้นล่าง



        “มันขนร่วงรึเปล่าน๊อ ลูกควรจะพามันไปหาหมอ”



        “พ่อ พ่อทำอะไรมันเนี่ย นี่มันสัตว์เลี้ยงของหนูน่ะ พ่อใจร้ายที่สุดเลย”



        ฉันอุ้มเจ้าสฟิ้งวิ่งผ่านแม่ไปและกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้ง พ่อของฉันเป็นอะไรของเขาเนี่ยมาตัดขนสัตว์เลี้ยงของฉัน พอฉันขึ้นมาถึงบนห้อง ฉันก็ปิดประตูแรงๆ แล้วล็อคมัน ฉันปล่อยให้สฟิ้งวิ่งเล่นอยู่ในห้อง ดูเหมือนว่ามันจะไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่กับการที่พ่อของฉันตัดขนมัน แล้วฉันก็ก้าวขึ้นเตียงและค่อยๆ หลับตาลง



        ปรื้น ปรื้น

        ฉันลุกขึ้นมาเปิดนาฬิกาดู นี่มันเที่ยงคืนแล้วน่ะใครมันบ้ามาบิดมอเตอร์ไซด์แถวนี้เนี่ย ฉันลุกขึ้นไปเปิดผ้าม่านเพื่อจะดูว่าใครกันที่บิดมอเตอร์ไซด์อยู่นอกบ้าน ฉันว่าฉันคงจะต้องด่ามันซะหน่อยแล้วฉันเปิดประตูกระจกออกแล้วก้าวเท้าออกไป



        “เฮ้!!! คนที่อยู่ข้างล่างนะ หยุดซะทีได้ม่ะ รู้มั้ยว่าฉันรำคาญ”



        อา... พอฉันพูดจบประโยคใครซักคนที่บิดมอเตอร์ไซด์ก็ออกรถไปห่างจากบ้านของฉันออกไปเรื่อยๆ ฉันก็เลยปิดประตูกระจกและปิดผ้าม่าน ฉันกลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้งแล้วฉันก็หลับตาลงอย่างทุกๆ คืน



        โห ดอกไม้ทั้งนั้น สวยเป็นบ้าเลย ฉันที่เห็นทุ่งดอกไม้เหลืองอร่ามก็วิ่งลงไปจากเนินหญ้าสีเขียวขจีมุ่งตรงไปที่ทุ่งดอกไม้นั้น ดูดอกไม้พวกนี้ซิฉันอยากรู้ซะจริงเลยว่าใครเป็นคนปลุกมัน กลิ่นแบบนี้กลิ่นธรรมชาติแบบนี้สดชื่นจริงๆ เลย แถมลมยังแรงอีกด้วย อ๊าย!!! หมวกฉัน หมวกของฉัน... หมวกของฉันปลิวไปเพราะแรงลม กระโปรงของฉันพลิ้วไสวไปตามแรงลม ฉันวิ่งตามหมวกของฉันไปจนฉันออกไปจากทุ่งดอกไม้สีเหลืองอร่ามนั้น สิ่งที่ฉันเห็นอยู่ตรงหน้าคือ ต้นไม้ต้นใหญ่ที่ตั้งอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวขจี ลมพัดแรงขนาดที่ว่าฉันเห็นกิ่งไม้บนต้นไม้ใหญ่ต้นนั่นพลิ้วไหว ดอกหญ้าปลิวขึ้นฟ้าเต็มไปหมดเลย ที่นี่มันที่ไหนกัน... เมื่อฉันหันกลับไปมองที่ต้นไม้ใหญ่นั่นอีกครั้งก็พบกับชายคนหนึ่ง เขากำลังจะลุกขึ้นยืนแล้วในมือของเขาก็ถือหมวกเอาไว้ นั่นดูเหมือนจะเป็นหมวกของฉัน ฉันค่อยๆ เดินเข้าไป ใบหน้าของเขาค่อยๆ เลื่อนลางหายไป ฉันเห็นเพียงรอยยิ้มจางๆ ของเขาเท่านั้น เขาจับหมวกของฉันขึ้นและสวมมันให้กับฉัน ฉันกล่าวขอบคุณแล้วหันหลังกลับวิ่งลงไปจากเนินหญ้าสีเขียวขจี เขาวิ่งตามมาแล้วคว้าข้อมือของฉันไว้พลางดึงฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา อบอุ่น อบอุ่นมากเลยละ เขาเป็นใครกันน่ะ...



        “ลูก วันนี้ลูกต้องไปทำงานกับแม่น่ะ ไม่คิดจะตื่นให้มันเร็วกว่านี้รึไง”



        แม่ของฉันวิ่งตึงตังขึ้นมาบนห้อง เธอเคาะประตูเบาๆ และถามฉัน ทำงานกันแม่ O.O ลืมไปซะสนิทเลย



        “อ๊ายยย ลุกแล้วค่ะแม่ เดี๋ยวรอหนูอาบน้ำแป๊บนึงน่ะค่ะ”



        ฉันวิ่งตึงตังเข้าไปในห้องน้ำ รู้มั้ยล่ะว่าฉันมีความสามารถพิเศษอยู่อย่างนึง ^-^ ฉันอาบน้ำเสร็จภายในหนึ่งนาที ฮ่า ฮ่า ฉันวิ่งออกมาจากห้องน้ำโดยที่มีผ้าเช็ดตัวคลุมตัวของฉันอยู่ ฉันเดินเข้าไปในห้องนอนของฉัน ปิดประตูแล้วเลือกชุดที่จะต้องออกไปทำงานกับแม่ แม่ของฉันเป็นเจ้าของร้านเบเกอร์รี่ในเมืองและร้านของแม่ก็ดังที่สุดในย่านนั้นเลยด้วยละ ฉันไม่ได้ไปเหยียบที่นั่นมาเกือบหกเดือนแล้วเพราะฉันจำไว้ว่าเมื่อปิดเทอมที่แล้วฉันก็ไปช่วยแม่ดูแลร้าน อ่า... มีความสุข ฉันเดินไปหาเจ้าสฟิ้งแล้วจับมันกลับเข้าไปไว้ในกรง ส่วนฉันก็เดินลงมาที่ชั้นหนึ่ง ฉันเห็นแม่ออกไปสตาร์ทรถรอฉันอยู่ ฉันเดินใส่รองเท้านันยางออกไปหาแม่ และกระโดดขึ้นรถ



        “แม่จ๊ะ ไปมาดีๆ น่ะ เดี๋ยวพ่อจะดูแลบ้านให้น่ะจ๊ะ”



        แม่ส่งยิ้มให้พ่อของฉันแล้วถอยรถออกจากบ้าน ฉันยังงอนพ่อไม่หายเรื่องที่พ่อของฉันเอาเจ้าสฟิ้งของฉันไปตัดขนเล่น มันเป็นสิ่งมีชีวิตน่ะให้ตายซิ



        “ลูกรู้มั้ยว่า มีเด็กผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันลูกมาขอทำงานที่ร้านเบเกอร์รี่ของแม่ หน้าตาของเขาหล่อเหลาเอาการเลยละ แล้วเขายังทำงานเก่งอีกด้วยนะ ให้ตายซิถ้าเขาเรียนจบเมื่อไหร่แม่จะให้เขามาเป็นลูกจ้างที่ร้าน เด็กอะไรทำงานเก่งเป็นบ้าเลย”



        แม่ของฉันพูดชมเชยเขาไปตลอดทาง อ่า... ฉันอยากจะเห็นแล้วซิว่าเขาจะหน้าตาเป็นยังไง จะเหมือนดาราสุดโปรดของฉันอย่าง กัง ดองวอน รึเปล่า อีกสามสิบนาทีต่อมารถเก๋งคันเก่งของแม่ฉันก็มาจอดที่ข้างหลังของร้านเบเกอร์รี่ของแม่ฉัน ฉันกระโดดลงจากรถแล้ววิ่งไปเปิดประตูหลังร้าน และฉันก็พบกับความวุ่นวายของการอบขนมอย่างที่เคยเป็นเหมือนเมื่อหกเดือนก่อนไม่ผิดเพี้ยน กลิ่นผงแป้ง ไข่และก็น้ำตาลที่คุ้นเคยเตะเข้าจมูกของฉัน ฉันเดินไปรอบๆ หลังร้าน แล้วผลักประตูออกไปที่หน้าร้านที่เปิดเป็นร้านขายขนมปัง&กาแฟ ฉันดึงผ้ากันเปื้อนออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและสวมมัน ฉันหยิบสมุดฉีกกับปากกาอีกหนึ่งด้ามออกไปรับออร์เดอร์ ฉันส่งยิ้มให้กับลูกค้าที่กวักมือเรียกฉัน



        “รับอะไรดีค่ะ”



        “กาแฟเย็นกับโคลซองค่ะ”



        “กาแฟเย็นกับโคลซองน่ะค่ะ อีกประมาณห้านาทีเราจะเอามาส่งค่ะ”



        ฉันเดินไปที่เค้าเตอร์และวางกระดาษแผ่นนั้นลงบนเค้าเตอร์



        “เฮ้ย!”



        มีเสียงหนึ่งตะโกนออกมาจากหลังเค้าเตอร์ที่มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ ฉันหันกลับไป



        “อ๊าย!!! นะ... นาย อย่าบอกน่ะ... ว่าทำงานที่นี่”



        “แล้วเธอมาทำบ้าอะไรที่นี่ห๋า!!! ฉันว่าปิดเทอมจะไม่ได้เจอยัยตัวแสบอย่างเธอแล้วน่ะ ให้ตายซิ”



        เสียงของฉันกับเขาทำให้คนในร้านหันมามองพวกเรา และเด็กผู้หญิงพากันกรี๊ดกราดเมื่อเห็นเขายืนอยู่หลังเค้าเตอร์ ฉันเดินผ่านเขาเข้าไปที่หลังร้าน



        “แม่ ไอตาบ้านั่นนะหรอที่มาทำงานที่นี่”



        “จ๊ะ อ้าวรู้จักกันหรอกหรอ”



        “หนูคิดว่าเขาจะเหมือน กัง ดองวอน ซะอีก แต่อีตานี่มันนายสังกัง”



        ฉันพูดพลางชี้นิ้วไปทางเขา



        “หนูขึ้นไปนอนแล้วน่ะแม่ หนูขอไม่อยู่กับนายนี่เด็ดขาด ให้ตายยังไงฉันก็ไม่ยอม”



        ฉันถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วหิ้วมันขึ้นไปที่ชั้นสองด้วยกันกับฉันด้วย พอฉันก้าวขึ้นไปถึงที่หน้าประตูห้องฉันก็ล็อคประตูห้องนอนของฉันที่ร้านพรางเอื้อมมือไปหยิบรีโมตเพื่อจะเปิดแอร์ ฉันเดินเซ็งๆ ไปบนเตียงแล้วนอนลง ทำไมฉันต้องมาเจออีตานี่ที่ร้านเบเกอร์รี่ของแม่ฉันด้วยเนี่ย ซวยชะมัด



        ทุ่งดอกไม้อีกแล้วหรอเนี่ย ฉันมองไปรอบๆ ทุ่งดอกไม้สีเหลืองอร่ามนั่นและเดินแหวกดอกไม้พวกนั้นเพื่อที่ฉันจะไปให้ถึงเนินหญ้าสีเขียวที่มีต้นไม้ต้นใหญ่ขึ้นอยู่บนเนินนั้น และภาพก็เหมือนกับว่าฉันกำลังรีเทปกลับอีกครั้ง ฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่บนเนินนั้นอีกครั้ง ยิ่งฉันเดินเข้าไปใกล้เขาเท่าไหร่ใบหน้าของเขาก็ยิ่งเลือนลางมากขึ้นเท่านั้น เขาเหมือน... เขาคล้ายกับ กัง ดองวอน สุดที่รักของฉันซะจริง อ๊าย หรือว่าฉันจะเป็นคู่แท้กับเขาละเนี่ย ฉันเดินไปใกล้เขาส่งยิ้มให้เขาและเขาก็ยืนมือทั้งสองมาจับใบหน้าของฉันไว้แล้วเขาก็ก้มหน้าของเขาลงมาใกล้ฉัน และในที่สุดริมฝีปากของเราทั้งคู่ก็ประกบกัน



        “กัง ดองวอน กัง ดองวอน”



        ฉันพูดออกไปด้วงยเสียงอันแผ่วเบาแต่พอฉันลืมตา



        “อ๊ายยยยยยยย!!!!!!!! นายทำอะไรฉันเนี่ยห๋า ห๋า นายทำอะไร นายจูบฉันงั้นหรอ”



        ฉันรีบถอยห่างจากปลายเตียงแล้วดันตัวเองให้ไปอยู่ที่มุมเตียงที่มีมุมติดกับกำแพง ฉันยกผ้าห่มขึ้นมาปิดตัวไว้



        “นายทำอะไรเนี่ย รู้มั้ยนั่นจูบแรกของฉันน่ะ นะ... นาย นายมันบ้าที่สุดเลย”



        ฉันคว้าหมอนปาใส่อีตาบ้านี่



        “คิดว่าฉันอยากจูบเธอนักรึไง ก็ใครจะไปรู้ละว่าเธอจะนอนแบบ...”



        ฉันก้มลงดูฉันลืมไปซะสนิทว่าฉันใส่กระโปร่งอยู่



        “เหอะ นั่นจูบแรกของเธองั้นหรอ... แล้วคิดว่าฉันละจูบผู้หญิงมาเยอะนักรึไง นั่นก็จูบแรกของฉันเหมือนกันจำใส่หัวสมองกรวงๆ ของเธอเอาไว้ซะ ผู้หญิงที่ฉันจูบ... ให้ตายซิทำไมต้องเป็นเธอ แล้วเธอยังคิดว่าฉันเป็น กัง ดองวอน บ้าบออะไรนั่น”



        เขาปาหมอนคืนให้ฉันแล้วเดินกลับลงไปข้างล่าง เขาโผล่หน้าเข้ามาในห้องอีกครั้ง มันทำให้ฉันสะดุ้งสุดตัว



        “แม่เธอบอกให้ฉันไปส่งเธอที่บ้าน ลุกได้แล้วนี่มันจะสองทุ่มแล้ว แม่ของเธอไปกินข้าวกับลูกค้ารายใหญ่ โธ่!!!... ถ้าไม่ใช่เพราะแม่เธอ ฉันไม่คิดจะให้ยัยผู้หญิงบ้าๆ อย่างเธอขึ้นรถคันงามของฉันหรอกน่ะ”



        เขาเดินเกาศีรษะลงไปที่ชั้นล่าง ฉันค่อยๆ เดินตามเขาลงไป เขาไขประตูร้านออกไปและออกไปสตาร์ทรถมอเตอร์ไซด์คันใหญ่สีดำของเขา ฉันเปิดประตูออกตามเขาไป เขามองหน้าฉันแล้วขึ้นค้อมบนรถเขาเอื้อมมือไปหยิบหมวกกันน๊อคที่ห้อยไว้ที่เบาะหลังและยื่นมันมาให้ฉัน ฉันรับไว้อย่างเก้ๆ กังๆ และกระโดดขึ้นรถมอเตอร์ไซด์ของเขา



        “ใส่มันซะ อยากตายก่อนวัยอันควรรึไง”



        ฉันค่อยๆ ใส่หมวกกันน๊อคของเขา



        “แล้วของนายละ”



        “คนอย่างฉันสะกดคำว่าตายไม่เป็นหรอก ฮ่า ฮ่า ไปล่ะน่ะ”



        ว่าแล้วเขาก็บิดมอเตอร์ไซด์อย่างแรง นั่นมันทำให้ตัวของฉันเกือบจะปลิวลงไปอยู่ที่ข้างถนน ฉันดึงเสื้อของเขาไว้แล้วเขาก็บิดแรงขึ้นอีก



        “เกาะแค่เสื้อจะไหวหรอ”



        พอจะเข้าใจความหมายอยู่ ฉันไม่มีทางกอดนายหรอกย่ะ แต่เขาก็บิดมันแรงขึ้นไปอีก TT^TT ถ้าฉันไม่กอดหลังเขาไว้ฉันอาจจะต้องตายแน่ๆ อ๊าก พอแล้วนายจะบิดแรงไปถึงไหน เฮ้ยที่ไม่ใช่ทางผ่านที่จะไปบ้านฉันนี่



        “นาย ผิดทางแล้ว”



        “ถูกน่ะฉันว่า”



        “ผิดแล้ว เมื่อกี้ต้องเลี้ยวซ้ายซิ”



        “ห๊ะ อะไรน่ะฉันไม่ได้ยินที่เธอพูดเลยยัยบ๊อง”



        “ฉันบอกว่าเมื่อกี้ต้องเลี้ยวซ้ายไงเล่า”



        “ห๊ะ อะไรน่ะ”



        “นายคิดจะแกล้งฉันรึไงห๊ะ”



        “ฉันไม่ได้คิด... แต่ฉันกำลังแกล้งเธออยู่ ฮ่า ฮ่า แม่ของเธอบอกให้ฉันเฝ้าร้านถึงสามทุ่มแล้วมาส่งเธอให้ถึงบ้านตอนสี่ทุ่ม เวลาของฉันที่จะต้องไปส่งเธอเหลือเฟือไปเที่ยวกับฉันก่อนเป็นไง”



        “ไม่เอาฉันไม่ไป้ อ๊ายยยยยยยยยยย!!!!”



        ฉันต้องกอดหลังของเขาไว้แน่นเพราะฉันยังห่วงชีวิตน้อยๆ ของฉันอยู่ งือ งือ TT^TT ฆ่าฉันซะเลยซิ ถ้านายคิดจะให้ฉันไปเที่ยวเป็นเพื่อนนาย ฆ่าฉันซะ เขาขับรถเข้ามาถึงถนนเส้นหนึ่งที่มีแต่แสงสีเต็มถนน อ๊าย นายจะพาฉันมาขายรึไงย่ะ



        “ลงจากรถของฉันเดี๋ยวนี้”



        “ไม่เอาฉันไม่ลง ถ้าฉันลงนายคงจะต้องพาฉันไปขายแน่เลยใช่มั้ย นายบ้าไปแล้วหรอไง แม่ฉันรับนายเข้ามาทำงานได้ยังไงเนี่ย”



        ฉันพูดพลางเกาะอยู่บนรถแน่น



        “จะลงดีๆ หรือจะให้ฉันลากเธอลงมา ห๊ะ”



        “ไม่เอาฉันไม่โล้งงงงงงงงง”



        พอฉันพูดจบประโยคหมอนั่นทำท่าจะตีฉัน ฉันเลยต้องจำใจลงมาจากรถของเขา พอฉันลงจากรถของเขา เขาก็จอดรถของเขาไว้ข้างๆ ร้านๆ หนึ่งที่อยู่บนถนนเส้นนั้นแล้วเขาก็ลากฉันเข้าไปในนั้น ฮือ ฮือ T^T ฉันยังไม่อยากเสียสาวตอนนี้น่ะย่ะ ถ้านายข่มขืนฉันละก็ฉันจะไปฟ้องปวีณาแล้วเขาก็ลากแขนของฉันมานั่งอยู่ที่หน้าบาร์ และผู้หญิงที่อยู่หลังบาร์ก็มองฉันกับหมอนี่ด้วยตาอันกลมโตของเธอ เพราะเธอทำตาเบิกกว้างออกนั่นเลยทำให้เธอดูตาโตขึ้นไปเป็นทวีคูณ



        “โอ้!! ไม่อยากจะเชื่อ พาเพื่อนมาด้วยหรอจ๊ะ”



        “เปล่าครับ”



        มีนพูดเขาส่ายหัวเบาๆ แล้วแอบอมยิ้ม



        “หึ หึ อ๋อ งั้นหรอจ๊ะ เหมือนเดิมมั้ยวันนี้”



        “ครับ”



        ฉันมองหน้าของเขาด้วยความสงสัย



        “นายมาบ่อยรึไง”



        “มันแน่อยู่แล้ว นี่เป็นที่ประจำของฉันเลยน่ะ เธออยากรู้รึไงว่าฉันมาบ่อยแค่ไหน”



        “เปล่าน่ะ”



        ฉันตอบเขาพลางทำปากเบี้ยวใส่เขา



        “มีน มีนโว้ย ขึ้นเวทีได้แล้ว ไปๆ ฉันหาแกแทบตายแน่ะรู้มั้ย”



        “พี่สาว น้ำแก้วนั้น…”



        เขาพูดกับผู้หญิงที่อยู่หลังบาร์ เขาขยิบตาแล้วเอียงหัวของเขามาทางฉัน และส่งยิ้มหวานให้ผู้หญิงคนนั้น เธอส่งยิ้มกลับให้เขาแล้วยื่นแก้วทรงสวยที่ในแก้วนั้นมีน้ำสีฟ้าอยู่เต็มแก้ว



        “เขาให้เธอแน่ะสาวน้อย”



        เธอกระซิบบอกฉันและขยิบตาให้ฉัน ฉันมองไปตามทางที่มีนเดินไปเหมือนว่าเขาจะเดินมุ่งหน้าไปที่หน้าเวที เขาก้าวขึ้นเวทีเขานั่งลงบนเก้าอี้และหยิบกีต้าร์โปล่งไฟฟ้าขึ้นมา ฉันมองขึ้นไปบนเวทีอย่างอึ้งๆ

        

        “เธอไม่เคยเห็นแฟนของเธอเล่นพลงบนเวทีรึไงจ๊ะสาวน้อย”



        “ไม่ค่ะ เอ้ย... ไม่ใช่ นั่นเข้าไม่ใช่แฟนฉันน่ะค่ะ”



        “คิก คิก จริงรึเปล่าน้า”



        “ไม่ใช่จริงๆ ค่ะ”



        เธอมองหน้าฉันแล้วอมยิ้ม เธอมองขึ้นไปบนเวทีนั่นทำให้ฉันต้องมองตามเธอไปด้วย



        “รอผมอยู่รึเปล่าละเนี่ย ผมมาช้าไปห้านาทีให้ตายซิ ผมต้องขอโทษด้วย”



        เขาพูดใส่ไมค์ที่อยู่บนขาตั้ง



        “ไม่เป็นไรค่ะ พวกเรารออยู่ค่ะ”



        “หล่อจังเลย ดีน่ะที่ฉันรอเขา”



        “หล่อชะมัดเลย”



        “ทางนี้ค่ะสุดหล่อยิ้มหน่อยค่ะ”



        ผู้หญิงพวกนั่นพากันกรี๊ดกราดดังไปทั่ว พลางหยิบกล้องถ่ายรูปหรือไม่ก็มือถือของเธอขึ้นมาถ่ายรูปของเขากันใหญ่



        “เพลงนี้ผมแต่งเองน่ะ อย่าถ่ายรูปผมเซ่อายน่ะเนี่ย มาฟังกันเลยดีกว่า”



        เขาส่งยิ้มให้พวกสาวๆ และเขาก็มองมาที่ฉัน



        “ผมรับรู้สิ่งนั้นได้ตั้งแต่เริ่มแรก รู้สึกกับคุณมาตั้งแต่นั้น

         ผมก็ตกหลุมรักคุณ ทุกคราวที่ผมเห็นหน้าคุณ

        มันยากนักที่จะเก็บซ่อนหัวใจของผมเอาไว้

        มันเป็นคำขอเกินไปมากงั้นหรอ

        ความรักที่ผมมีต่อคุณ มันยากเกินไปนักสำหรับคุณหรือ

        ผมอยากอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป

        ความรักของเรามันอาจจะเป็นไปไม่ได้

        มันยากเกินไปที่ผมจะฉุดรั้งคุณเอาไว้

         ถึงอย่างงั้นผมจะขอรักแต่คุณตลอดไป

        ผมจะรักแต่คุณตลอดไป...”



        หลังจากที่เขาร้องเพลงหนึ่งท่อนของเขาจบผู้หญิงพวกนั้นก็พากันส่งเสียงร้องกรี๊ดกราดกันอีกครั้ง เขาเดินลงมาจากเวทีพลางโบกไม้โบกมือให้กับผู้หญิงพวกนั้น ฉันได้แต่นั่งอึ้งฟังเขาร้องเพลงจนจบและเสียงของผู้หญิงที่อยู่หลังบาร์ทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์



        “เป็นไงล่ะ เสียงเขามีเสน่ห์มากเลยใช่มั้ยละ ฉันว่าแล้วว่าเธอต้องถูกใจสาวน้อย”



        ว่าแล้วเขาก็หยิบแก้วใบหนึ่งที่มีน้ำสีฟ้าอยู่เต็มแก้วยื่นมาทางฉันอีกครั้ง



        “อีกแก้วมั้ย ^-^”



        เธอยิ้มหวานให้ฉันด้วยความหวังดี



        “อ่า... ไม่เป็นไรค่ะ แก้วนี้ฉันยังแทบไม่ได้แตะมันเลยด้วยซ้ำ”



        “อ๋อจ๊ะ นั่นเขากลับมาแล้ว”



        เธอพูดพลางยกแก้วใบนั้นและจิบน้ำสีฟ้าในแก้ว



        “ฉันร้องเพราะใช่มั้ยละ”



        “โธ่เอ้ย... ก็งั้นๆ นั่นแหละ คิดว่าฉันเทิดทูนนายนักรึไง ก็แค่ร้องเพลง”



        “เธอดูผู้หญิงพวกนั้นเขาออกจะครั่งไคล้ฉัน แล้วทำไมเธอถึง... ได้...”



        เขาตะหวาดใส่ฉัน



        “ก็เพราะฉันเกียดนายนะซิ รู้ไว้ซะ นายบ้องตื้น”



        “อ่อ งั้นหรอ บ้องตื่นใช่มั้ย แล้วไอพวกบ้องตื้นที่เธอว่ามันทำแบบนี้ได้รึเปล่าล่ะ...”



        เขาจับไหลของฉันทั้งสองข้างแล้วจูบฉันอย่างที่ฉันไม่ทันตั้งตัว ฉันยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำฉันดิ้นสุดแรงเกิด อ๊าก!!!! นายจูบฉันอีกแล้ว TT^TT



        “อู้ว้าว! มีฉากเด็ดๆ ให้ดูด้วยแฮะ”



        พี่ผู้หญิงที่อยู่หลังบาร์พูดขึ้น ในมือของเธอมีมือถือที่ถ่ายวีดีโอได้อยู่ เธอหยิบมันขึ้นมาถ่ายฉันกับเขา ตอนนี้รอบๆ ตัวฉันเหมือนกับว่ามีฉันยืนอยู่บนฟรอเต้นรำที่มีแต่ฉันกับเขาที่ยืนอยู่ตรงกลางลงล้อมของผู้คนที่อยู่ในบาร์เท่านั้น ผู้หญิงพากันกรี๊ดกราดหวีดร้องกันใหญ่



        “อ๊าย ดูยัยผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นซิ ดูเขาจูบซิ”



        “นั่นมัน... ไม่น่ะ สุดที่รักของฉัน”



        เขาปล่อยมือของเขาอาจจากไหลของฉัน ฉันก้าวถอยออกมาทันที



        “นายทำบ้าอะไรเนี่ยห๊ะ นายบ้ารึไง ดูคนซินับร้อยเลยน่ะ มาจูบฉันต่อหน้าคนเยอะๆ อย่างงี้ได้ไงห๊ะ”



        “อ๋อ ถ้าคนน้อยๆ ก็จูบได้ใช่ม่ะ”



        “จะบ้าหรอ”



        ฉันหันหลังให้เขาและทำท่าจะเดินออกจากร้านแต่เขาก็คว้าข้อมือของฉันเอาไว้ และดึงฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของเขา



        “ศรีภรรยาของผมเองครับ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×