ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หนุ่ม เ ฮี้ ย ว เปรี้ยวใจกับสาว น้ อ ย หน้าใสหัวใจเทวดา

    ลำดับตอนที่ #1 : Act.1 พินัยกรรมเจ้ากรรม

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 48


        “โห บ้านหลังใหญ่จังอย่างกะคฤหาสน์แน่ะ”

        เนี่ยหนะหรอบ้านของคุณตา ใหญ่โตจริงๆ เลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้ไปอยู่ในโรงพยาบาลดีๆแบบนั้น

        ติ่งต่อง ~ ติ่งต่อง ~

        “เฮ้ นั้นใคร เธอเป็นใคร”

        “เอ่อ ฉันมาหาคุณตา”

        “ตาไหน ใครตาเธอกัน”

        “ก็คุณตา T-T”

        ดุจังเลยอ้าาา นี่หนะหรอหลานชายของคุณตา

        “คุณฟ้าใส ใช่มั้ยครับ”

        อ้าว แล้วนี่เสียงใครล่ะเนี่ย

        “คะ...ค่ะ”

        “เชิญเข้ามาก่อนครับ”

        “เฮ้ หล่อนใครกันให้เข้ามาได้ไง ฉันจะตัดเงินเดือนแก….”

        - -“….



        ประตูบานใหญ่ค่อยๆ เปิดออก ฉันเดินเข้าไปในบริเวณบ้านมันกว้างมากเลยให้ตายซิ มีทั้งคนสวน แม่บ้าน มีชิงช้าด้วย ว้าว *-* น้ำพุเล็กๆ ตรงหน้าบ้านที่คุณตาเลยเล่าให้ฟัง โห คุณตาดีจังเลยที่ได้อยู่ในที่แบบนี้ ฉันละอยากจะเจอท่านจริงๆ ไม่ได้เจอท่านมานานมากแค่ไหนแล้วเนี่ย ใช่ ใช่ แล้วไหนจะหลานชายท่านอีก โอ้ยคงจะนิสัยดีน่าดูเลย ถ้าเป็นอย่างที่คุณตาเล่าให้ฟังน่ะเขาคงเป็นผู้ชายที่ดีมากๆ



        ฉันขึ้นบันไดหินอ่อนไป คนที่นั้นต่างมองฉันแล้วซุบซิบกัน ฉันทำอะไรผิดไปเนี่ย การแต่งตัวงั้นหรอ ฉันมองตัวเองอีกครั้งก่อนจะเข้าไปในตัวบ้าน - - ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ฉันถอดรองเท้า แล้วก้มลงจัดรองเท้าให้เป็นระเบียบแล้วเดินเข้าไปในตัวบ้าน



        “อะไรของแก!!!!”

        เสียงโหวกเหวกอะไรกันเนี่ย ต้องเป็นหลานชายของคุณตาแน่ๆ ฉันวิ่งไปตามเสียงนั้น

        “ฉันจะตัดเงินเดือนแกจริงๆ น่ะ”

        “โธ่ คุณหนูครับ อย่าเลยน่ะครับ ผมแค่ทำตามหน้าที่”



        ฉันยืนนิ่งเมื่อ ฉันเห็นห้องๆ หนึ่ง ที่มีคนนั่งอยู่บนโต๊ะใหญ่ทรงวงลีเต็มไปหมด ฉันเห็นชายคนหนึ่งอายุราวๆ ยี่สิบเอ็ดยี่สิบสอง ยืนชี้หน้าคนๆ หนึ่งที่ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นทนาย และไม่นานนักทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะ ชายที่อายุราว ยี่สิบเอ็ดยี่สิบสอง และคนที่น่าจะเป็นทนายคนนั้น ก็หันมาหาฉันพร้อมกัน เป็นสายตาเดียว



        “เชิญเลยครับ คุณหนูฟ้าใส”

        “อะ ฉันหรอค่ะ”

        คุณทนายคนนั้นเรียกฉัน บนโต๊ะวงลีใหญ่ตัวนั้นมีที่ว่างอยู่หนึ่งที่ มันอาจจะเป็นที่ว่างสำหรับฉันก็ได้ล่ะมั้งน่ะ - - ฉันค่อยๆ เดินเข้าไป สายตานับสิบคู่จ้องมองมาที่ฉันอย่างไม่กระพริบตา  T-T ฮือออ น่ากลัว

        “มากันครบแล้วใช่มั้ยน่ะครับ ได้เวลาแล้วมาเปิดพินัยกรรมกัน”

        พินัยกรรม อะไรเนี่ยแล้วฉันจะมาทำไม

        “พินัยกรรมหรอค่ะ เอ่อ...ฉันว่า ฉันอาจจะไม่เกี่ยวก็ได้มั้งค่ะ”

        “ไม่ทราบน่ะครับแต่คุณท่านสั่งไว้ว่าให้รอคุณหนูฟ้าใสมา”

        คุณท่าน คุณตาหรอ

        “คุณตาหรอค่ะ แล้วคุณตาล่ะ”

        “เสียแล้วครับ”

        “ไม่จริงค่ะ ไม่จริง ไม่เชื่อหรอก”

        “จริงๆ ครับ”

        “หยุดพูดกันได้แล้ว จะเปิดก็รีบเปิด เสียเวลาจริงๆ ไม่รู้หรือไงว่าคนอารมณ์เสียอยู่ เธอก็เงียบด้วยทำตัวมาเป็นคนรู้จักมักซี้กับคุณปู่ของฉัน ถ้าไม่อยากตายก็เงียบๆ รำคาญ”



        เนี่ยหรอ หลานชายคุณตาผู้แสนดี T^T ฮืออออ คุณตาใจร้าย คุณตาท่านเสียแล้วจริงๆ หรอไม่อยากจะเชื่อเลย คุณตาที่แสนใจดีคนนั้น

        

    ……….หนึ่งเดือนก่อน..........

        “อ่า ขอโทษค่ะเข้าห้องผิด”

        “ไม่เป็นไรๆ”

        ฉันติดนิสัยซุ่มซ่ามเสมอตอนไปทำงานที่โรงพยาบาล ไม่ได้ไปเป็นพยาบาลหรอก เป็นแค่คนทำความสะอาดเท่านั้นแหละ

        “หนูเป็นคนทำความสะอาดที่นี่หรอ”

        “ใช่ค่ะ ^-^”

        “อ่อ งั้นหรอ”

        คุณตาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

        “อยู่เป็นเพื่อนตาก่อนได้มั้ย”

        “ได้ค่ะ ได้แน่นอนค่ะ”



        คุณตาเป็นคนขี้เหงาน่ะ ฉันทำงานตอนเย็นแล้วกลับตอนดึก ฉันมาหาคุณตาทุกวันนั้นแหละหลังจากวันนั้น ฉันไม่รู้หรอกว่ามีคนมาเยี่ยมท่านบ้างมั้ย แต่ที่รู้อยู่อย่างหนึ่งเวลาที่อยู่ด้วยกัน ท่านเป็นเหมือนคุณตาของฉันแท้ๆ ท่านมักจะเล่าเรื่องของหลานชายของเขาให้ฉันฟัง ถึงเขาจะเล่าให้ฉันฟังซ้ำกันแทบทุกวันฉันก็ฟังท่านไม่เคยเบื่อ ท่านเป็นคนใจดีมากเลย ฉันไม่รู้หรอกน่ะว่าท่านเป็นโรคอะไร แต่ว่าท่านก็แก่มากแล้วแหละถึงจะแก่ยังไงท่านก็มีอารมณ์ขันน่ะ ทำฉันขำได้ทุกวันเลยเชื่อมั้ย ทุกวันที่ฉันได้มาคุยกับท่านพวกเราเริ่มผูกพันธุ์ถึงมันจะเป็นแค่ระยะเวลาสั้นก็เถอะน่ะ



        “หนูเป็นคนดีน่ะ”

        “อ๋อ ไม่หรอกค่ะ หนูก็เป็นแบบนี้ของหนู”

        “ถ้าหลานชายของฉันได้เจอคนอย่างเธอก็คงจะดี...”

        “เห็นคุณตาพูดถึงหลายชายคุณตาบ่อยๆ หนูก็คิดว่าเขาน่าจะเจอผู้หญิงดีๆ ไม่ยากหรอกน่ะค่ะ”

        “ฮ่า ฮ่า มันไม่ได้เป็นแบบนั้นน่ะซิ”

        “อ้าว? หรอค่ะ”

        “เธอเป็นคนดีแบบนี้ ก็ต้องมีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ตาจะให้ของสิ่งหนึ่งน่ะฟ้าใส ถ้าตาบอกให้ฟ้าใสมาที่บ้าน ฟ้าใสต้องมาน่ะสัญญากับตาก่อน”

        “แล้วถ้าหนูไปจะได้เจอคุณตามั้ยค่ะ”

        “ได้เจอซิ ได้เจอแน่นอน”

        “งั้นหนูสัญญา”

        คุณตาขอกระดาษและปากกาจากฉัน คุณตาเขียนแผนที่และวันที่จะให้ฉันไปที่บ้านของคุณตา และวันนั้นก็คือวันนี้ คุณตาผิดสัญญา



        “พินัยกรรม ฉบับนี้เขียนไว้ว่า จะยกทรัพย์สินทั้งหมดและกิจการของครอบครัว รัตนะยินดีกิจโกสนทร์ ให้กับ ‘คุณหนูภูผา’ เพียงผู้เดียว แต่มีข้อแม้ว่า จะต้องแต่งงานหรืออยู่ด้วยกันชั่วคราว ‘คุณหนูฟ้าใส’ โดยที่แยกห้องกันอยู่และจะต้องไม่มีอะไรกัน แต่ถ้าจะเป็นแฟนกันนั้นไม่ขัด และ ‘คุณหนูภูผา’ ต้องไปรับส่ง ‘คุณหนูฟ้าใส’ ไปกลับจากโรงเรียนทุกวัน เป็นเวลา สามร้อยหกสิบห้าวัน หรือหนึ่งปี และ ’คุณหนูภูผา’ จะได้ทรัพย์สินทั้งหมดไป แต่ถ้าไม่ทำตามเงื่อนไขทั้งหมดนั้นละก็     ทรัพย์สินทั้งหมดจะเป็นของ ‘คุณหนูฟ้าใส’ แต่เพียงผู้เดียว”

        “พินัยกรรมบ้าบอ อะไรของแก อ่านผิดคนรึเปล่า แล้วยัยนี่มันใครกัน ฉันไม่รู้จักจะมาอยู่กับฉันงั้นหรอ โธ่เอ้ย”

        ฉันได้แต่อึ้งกับพินัยกรรมนั้น นั่นเป็นของคุณตางั้นหรอ นี่หนะหรอที่จะให้ฉัน T-T มันเป็นสิ่งดีหรอเนี่ยฉันว่ามันเลวร้ายมากกว่าน่ะ ฮืออออ

        “อย่าเอาแต่ก้มหน้า เงยหน้าขึ้นมาคุยกับฉัน”

        “ T-T ฮึก ฮึกก ฮือออ”

        “เธอเป็นบ้าอะไของเธอ เธอจะบ้าหรอ ร้องไห้ทำไม”

        “ก็คุณตา  T^T คุณตาเสียแล้วหนะซิ ฮืออออ”

        ทุกคนในที่นั้นเงียบไม่มีใครพูดอะไรเลยซักแอะเดียว

        “พรุ่งนี้คุณฟ้าใสมาอยู่ที่นี่ได้เลยน่ะครับ นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นวันแรก”

        “แต่...”

        ฉันพูดออกไปพร้อมน้ำตา

        “มีคนดูแลครับ คุณฟ้าใสก็อยู่ตัวคนเดียวอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ ออกจากงานได้เลยน่ะครับเดี๋ยวผมทำเรื่องให้ แล้วเรื่องที่มาอยู่ที่นี่ก็ไม่ต้องกลัวครับเพราะที่นี่ผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ และอีกอย่างน่ะครับ ตอนนี้เจ้านายของพวกเราก็มีแค่คนเดียวคือ คุณหนูภูผา ผมจัดพี่เลี้ยงไว้ให้แล้วครับ ทุกคนที่นี่ไม่มีคนรังเกลียด คุณหนูฟ้าใส น่ะครับหวังว่าพรุ่งนี้เราคงได้เจอกันที่หน้าโรงเรียนน่ะครับ พรุ่งนี้ผมจะไปรับพร้อมกับ คุณหนูภูผา และก็...พี่เลี้ยงของคุณหนูฟ้าใส”



        “ถ้านี่เป็นสิ่งที่คุณตาต้องการละก็...”

        “ทำไมแกถึงไปพูดดีกับยัยนี่นัก...ยัยนี่มีอะไรดีถึงได้ถูกใจคุณปู่นัก...มีฉันคนเดียวไม่พอหรือไง ทำไมถึงได้...ถึงได้...”

        คุณภูผาวิ่งออกจากห้องนั้นไปอย่างรวดเร็ว แววตาเมื่อกี้มันเหมือนกับเขากำลังน้อยใจอย่างไงอย่างงั้นแหละ

        “อย่าไปถือสาเลยน่ะครับ เพราะว่า...คุณหนูรักคุณปู่มาก ก็มีกันแค่สองคนก็เลย...คงเข้าใจน่ะครับ พรุ่งนี้น่ะครับเจอกันหน้าโรงเรียนผมจะไปรับ ^-^”

        “แล้วรู้หรอค่ะว่าโรงเรียนฉันอยู่ไหน”

        “แน่นอนครับ คุณท่านเล่าให้ผมฟังบ่อยๆ ไปครับผมจะไปส่งที่บ้าน”

        “ขอบคุณค่ะ ไม่เป็นไรกลับเองดีกว่าน่ะค่ะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ ^-^”



        ฉันเดินออกมาจากบ้าน ทุกคนในบ้านต่างทำงานกัน โดยไม่สนอะไร ฉันเดินออกมาอย่างช้าๆ ใจคิดถึงแต่คุณตาที่คอยส่งยิ้มให้ฉันตอนฉันพูดคุยกับเขา T^T ฮือออ



    ..........ที่บ้านของฉัน..........

        ฉันว่าฉันคงต้องเก็บของแล้วแหละ ฉันหยิบกระเป๋าเป้ใบใหญ่สีส้มมาวางไว้บนเตียงและค่อยๆ หยิบเสื้อผ้าจากตู้เสื้อผ้ามาพับและใส่ไว้ในเป้ เสื้อผ้ากางเกงยีนอยู่ในนั้นทั้งหมด ฉันหยิบกระเป๋าเป้พิงไว้ข้างเตียง และนอนลงบนเตียงเพราะพรุ่งนี้เช้าฉันยังต้องมีเรียนอีก



    ..........วันรุ่งขึ้น..........

        ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความอ่อนร้า “อื้ดดด“ ขอบิดขี้เกียจหน่อย ฉันลุกขึ้นจากเตียงและไปอาบน้ำ ตอนนี้ฉันเรียนอยู่ ม.6 จะเอ็นทรานแล้ว คิดแล้วก็เหนื่อยใจเพราะฉัน - - เรียนไม่ได้เรื่องเอาซะเลย ฉันอาบน้ำเสร็จ และหยิบชุกนักเรียนที่ยังอยู่ในตู้มาใส่  ถือกระเป๋านักเรียนที่มีหนังสืออยู่น้อยนิด และเดินออกจากบ้านไป



        ฉันขึ้นรถเมย์สายเดิม ฉันนั่งที่ริมหน้าต่างมองวิวไปรอบๆ ไม่นานนักฉันก็ถึงโรงเรียน ฉันลงจากรถ นั้นไงเพื่อนฉัน

        “เมย์ รอนานมั้ย”

        “รอซายก่อนน่ะฟ้าใส”

        “อืม ^-^”

        ไม่นานนัก ซายก็มาถึง พวกเราเป็oเพื่อนซี้กัน ช่าย สนิทกันมานานแล้ว เขารู้ทุกอย่างทั้งเรื่องที่ฉันอยู่คนเดียวในบางเวลาที่ฉันเหงาพวกเขาก็จะมานอนเป็นเพื่อนฉัน การบ้านที่ฉันทำไม่ได้ก็จะคอยสอนฉัน รู้ทั้งเรื่องที่ฉันทำงานดึกๆ ดื่นๆ แล้วค่อยกลับบ้าน พวกเขาทั้งสองคนเนี่ยแหละที่ค่อยช่วยเหลือฉันทุกอย่างไม่ว่าจะทุกหรือสุขพวกเราก็จะยิ้มไปด้วยกัน



        “เมย์ ฟ้าใส”

        “หือ?”

        เราสองคนพูดพร้อมกัน

        “เมื่อวานน่ะ เจมส์เขาพาฉันไปกินข้าวด้วย พาฉันไปรู้จักกับพ่อแม่เขาด้วยแหละเธอรู้มั้ยฉันมีความสุขมากเลย”

        “อะจ๊ะ”

        เราสองคนพูดพร้อมกันเช่นกัน ซาย ยังคงพูดต่อไปถึงเรื่องเมื่อวานที่แฟนสุดที่รักของเธอที่คบกันมานานห้าปีพ่อเธอไปเจอกับพ่อแม่ของเขา

        คาบที่หนึ่ง สอง สาม สี่ พักกินข้าวกลางวัน คาบที่หก เจ็ด และ กริ่งงงงงงงงงงง เสียงอ๊อดดังขึ้น ทุกคนต่างทยอยกันกลับบ้านและฉันก็เช่นกัน



        “นี่ กลับบ้านกัน”

        “อืม แป๊บน่ะเก็บของอยู่”

        ฉันพูดกับเมย์

        “เฮ้ ดูนั้นซิ รถบีเอ็ม โอ้ว รถของใครกัน อ๊ายยย ดูนั้นซิไม่น่าเชื่อ ภูผา คุณภูผา”

        ซายตาลุกวาว ทันทีที่ซายพูดจบ เมย์รีบวิ่งไปที่หน้าต่าง

        “ไหน อ๊าย จริงๆ ด้วยคุณภูผา รอใครมารอใคร”

        ภูผา - - รอฉันหนะซิ

        “รอฉัน”

        “ห๊ะ ว่าไงน่ะ”

        “ก็.....”

        ฉันเล่าเรื่องทุกอย่างให้ เพื่อนซี้ทั้งสองของฉันฟัง พวกเธอเดินไปฟังไปหูผึ่งเชียว

        “แล้วรู้จักได้ไงอะ เขาดังขนาดนั้นเลยหรอ”

        “แน่หละ หล่ออกจะขนาดนั้น”

        “ช่าย”

        พูดสนับสนุนกันน่าดู

        “งั้นฉันไปล่ะน่ะ”

        “จ๊ะ บ๊ายบาย”

        พวกเธอกล่าวลาฉัน

        “เฮ้ มาช้าชิบ ฉันไม่ชอบรอรู้มั้ย”

        “ขอโทษๆ แล้วคุณคนนั้นล่ะ”

        “น้าเสริม ไม่มา ไปขึ้นรถ รำคาญจริงชักช้า”

        “...”

        ฉันก้าวขึ้นรถไป

        “บอกบ้านเธอมา”

        “อะ....อืม”



        ฉันได้แต่ก้มหน้าคุยกับเขา เฮ่อ >.< ชีวิตฉันต้องมาเจออะไรที่เลวร้ายกว่านี้มีอีกมั้ยเนี่ย เหมือนชีวิตทั้งหมดต้องเริ่มใหม่เมื่อฉันต้องมายืนอยู่ตรงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่หลังนี้



    .......... ณ คฤหาสน์ ..........



        “เฮ้ ซักผ้าน่ะ ถูพื้นแล้วก็ขัดห้องน้ำ เอาผ้าม่านไปซักด้วยน่ะแล้วก็ อืมมมมอะไรอีกดี...”

        T-T นี่ไงล่ะที่เลวร้ายเสียกว่า นี่หนะหรอหลานชายผู้แสนดีของคุณตาผู้น่ารัก
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×