ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ONCE IN A MIRROR

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ THE BIRTH OF LIFE

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 49



     มันเป็นเวลาโพล้เพล้มากแล้วในขณะที่ผมนั่งมองเหม่อออกไปผ่านหน้าต่างบานเล็กในมุมหนึ่งของห้องพักโทรมๆ สายฝนยังคงโปรยปรายลงมายังทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ ซึ่งมีฉากหลังเป็นป่าสนเขียวชอุ่ม ผมได้แต่เฝ้าหวังว่าจะได้เห็นแสงสุดท้ายก่อนอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไป แต่แล้วเหล่าเมฆฝนอันมืดครึ้มก็ได้บดบังแสงเหล่านั้นจนกลืนหายกลายเป็นหนึ่งเดียวกับความมืดของราตรีไปในที่สุด

    ผมหลับตาและสูดลมหายใจลึกๆเพื่อรับไอเย็นของสายฝนที่พัดผ่านเข้ามาพร้อมสายลม แล้วผมก็ปล่อยความคิดออกไปไกล....ไกลแสนไกล...สู่มหานคร..ที่ครั้งหนึ่งเคยเรียกว่า..บ้าน




    "คุณหนูครับ ตื่นได้แล้วครับ วันนี้จะสายไม่ได้นะครับ"


    อา..เสียงนั้น เสียงที่ผมคุ้นเคย...อองเดรย์ใช่ไหมนี่


    ผมค่อยๆลืมเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นมา แล้วผมก็ได้พบกับดวงตาสีฟ้าอันอ่อนโยนของอองเดรย์ ผู้ซึ่งเป็นทั้งบอดี้การ์ดและพี่เลี้ยงของผมเลยก็ว่าได้

    ถึงเราจะอายุไม่ห่างกันมาก แต่ด้วยเหตุที่ว่าตระกูลของอองเดรย์นั้นรับใช้ครอบครัวผมมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ จึงทำให้เขาต้องมาดูแลผมในท้ายที่สุด


    "คุณหนูไปอาบน้ำได้แล้วครับ กระผมเตรียมน้ำอุ่นให้เรียบร้อยแล้ว"
    อองเดรย์กล่าวอย่างอ่อนโยน พลางเดินจากไปอย่างเงียบๆ


    ผมค่อยๆพยุงร่างขึ้นจากเตียงด้วยความไม่เต็มใจนัก แต่อย่างน้อยก็ปลอบใจตัวเองว่า วันนี้ก็คงเป็นอีกวันสินะ ที่ผมจะได้พบแต่เรื่องดีๆ...


    ใช่แล้ว...เสียงหัวเราะเหล่านั้น คำชื่นชม คำสรรเสริญ และทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามที่ผมหวัง โดยไม่ต้องเอ่ยขอแต่อย่างใด หรือจะให้พูดเป็นสำนวนอย่างที่ใครๆเค้าเรียก ก็คงต้องบอกว่า ชีวิตของผมมันปูด้วยกลีบกุหลาบตั้งแต่วินาทีแรกที่"ลูเซียโน่"คนนี้เกิดมาแล้ว


    "ลูเซีย พร้อมรึยังลูก ลีมูซีนเค้ามารอนานแล้วนะ"

    นี่ล่ะครับ พ่อที่ผมภูมิใจที่สุดเพราะท่านเป็นถึงเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดในมหานครแห่งนี้เลยก็ว่าได้ ท่านทำให้ชีวิตของผมไม่มีคำว่า "ลำบาก"


    นอกจากนี้ยังมีแม่กับน้องสาวซึ่งห่างกับผม2ปีอีกคน มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีครอบครัวที่แสนจะเพอร์เฟ็คที่สุดก็ว่าได้


    ผมไม่ใช่เด็กที่ถูกปรนเปรอแต่เงินอย่างเดียว แต่โดนทอดทิ้งจากความรัก.... ตรงกันข้าม ครอบครัวของเราอบอุ่นรักใคร่กันดี ไม่มีใครถูกทิ้งเอาไว้ยังเบื้องหลัง มีเพียงสิ่งเดียวที่ผมกังวลใจมาตลอดและไม่อยากให้มันเกิดขึ้นแม้แต่นิดเดียว...นั่นคือการที่ต้องสูญเสียคนที่ผมรักไป...


    รถรีมูซีนที่ขับผ่านท้องถนนที่คราคร่ำไปด้วยรถ ขนาบข้างด้วยตึกสูงตระหง่านที่เรียงตัวกันไปจนสุดถนน และหนึ่งในตึกที่สูงที่สุดนั้น เป็นของพ่อผมเอง


    จุดหมายปลายทางในวันนี้คือมหาวิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่
    ปีนี้ผมเพิ่งจะเริ่มเรียนปี1ทางด้านธุรกิจ ด้วยความตั้งใจที่จะสืบทอดกิจการของพ่อได้อย่างสมเกียรติและสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ตระกูลของเรา  ที่แน่ๆ ผมจะไม่ยอมให้ใครมาพังโดมิโน่เหล่านี้ที่พ่ออุตส่าห์สร้างมาด้วยความลำบากอย่างแน่นอน

    ทันทีที่ผมก้าวขาแตะพื้นเพียงเบาๆ เหล่าเพื่อนพ้องที่รักก็จะเข้ามารุมส่งเสียงทักทายราวกับว่าผมเป็นหนึ่งในดาราที่ได้รับรางวัลออสการ์บนพรหมแดงยังไงหยั่งงั้น

    "ลูเซีย เอ้านี่ ชั้นทำการบ้านให้นายแล้วนะ ตามสัญญาๆ"

    "เฮ้ มาแล้วเหรอพวก วันนี้ไปเที่ยวกันเหอะว่ะ มีผับเปิดใหม่ สนใจป่าวว"

    "กรี้ดดดด ลูเซียขา วันนี้ไหนบอกว่าจะไปกับพวกเราไม่ใช่เหรอคะ ห้ามผิดนัดนะ "

    "ว้าว ลูเซียโน่ เสื้อนายนั่น คอเลคชั่นใหม่ช่วงซัมเมอร์ใช่รึป่าวล่ะ"

    เสียงเหล่านี้กลายเป็นความคุ้นเคยที่ก้องอยู่ในโสตประสาททุกเวลาทุกวินาที มันทำให้ผมอดที่จะยิ้มไม่ได้กับการที่ถูกเพื่อนรุมล้อมเช่นนี้ทุกวัน ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่สายตาชื่นชม ไม่เว้นแม้แต่อาจารย์

    และสิ่งหนึ่งที่ผมแสนจะภูมิใจ คือ การได้ควงกับแอนเดรีย สาวที่ป็อบที่สุดในมหาวิทยาลัยก็ว่าได้ นี่แหละ สิ่งสำคัญที่ทำให้ผมเป็นที่อิจฉาของหนุ่มๆหลายๆคน ถึงผมจะไม่ค่อยแน่ใจในความรักที่มีให้เธอ แต่การที่ได้เป็นอยู่เช่นนี้ก็เป็นอีกผลพลอยได้จากกำไรชีวิตที่พระเจ้ามอบให้ผมอย่างคุ้มค่า


    โลกเหล่านี้...ผมอาจไม่ได้สร้างด้วยตนเอง แต่ผมจะไม่มีวันให้ใครมาทำลายมันได้ ถึงแม้ผมต้องอยู่ในโลกแห่งความฝัน ผมก็ยินยอมที่จะเป็นเช่นนั้นต่อไป เพราะสิ่งที่ผมกลัวที่สุด คือ โลกแห่งความจริงที่โหดร้าย  เพราะผมรู้ตัวดีว่า ผมไม่อาจใช้ขาสองข้างนี้ยืนอยู่บนหน้าผาชันแห่งนั้นอย่างโดดเดี่ยวได้







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×