ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic SNSD Yuri TaeNy] Love Danger คุณทนายฟานี่กับซิงเกอร์แท

    ลำดับตอนที่ #1 : เจอกันแล้วววว แม่ของลูกของผม [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ค. 57


    Love Danger~ คุณทนายฟานี่กับซิงเกอร์แท

    Chepter 1

     

     

     

     

                “อ๊ะ!! ขอโทษค่ะ”

               

                หญิงสาวในชุดสูทแบบสตรีสีกรมท่าเข้มเอ่ยขอโทษขอโพยชายหนุ่มตัวเล็กกว่ามาตรฐานชายทั่วไปอย่างรู้สึกผิด แก้วกระดาษที่เคยบรรจุกาแฟสีเข้มจากร้านกาแฟที่ซื้อมาสดๆร้อนๆ แต่บัดนี้กลับกระเซ็นไปตามชายเสื้อของชายหนุ่ม ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าอ่อนวัย งุ่มงอลงอย่างเห็นได้ชัด เขาก้มลงเก็บแก้วกระดาษขึ้นมาจากพื้น

     

                “โอ้วววว ร้อนนนน”

     

                หญิงสาวรีบหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาจากกระเป๋ากระโปรงและบรรจงซับไปตามคราบกาแฟ ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอออกมาเล็กน้อยเมื่อสายตาเริ่มพร่ามัว เธอละจากการเช็ดเสื้อและหันไปมองรอบๆ สายตาโฟกัสไปยังแว่นสีอ่อนของเธอ มือเรียวเอื้อมไปหมายจะหยิบแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีแว่นที่ไม่คุ้นเคยถูกสวมเข้ามา

     

                “ขอโทษนะครับ แต่ผมเผลอเหยียบแว่นคุณไปแล้ว ใส่ของผมไปก่อนละกันนะ”

                “ไม่เป็นไรค่ะ”

     

                รอยยิ้มสดใสจากชายหนุ่มถูกส่งมาให้ ดวงตาตี่ๆถูกยีลงเหลือแต่เศษเสี้ยวดวงตาทรงสเน่ห์ มือหนาส่งตรงไปข้างหน้าเพื่อจะทำความรู้จักกับสาวเจ้าหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม อา ใบหน้าหวาน จมูกโด่งรั้นแสดงถึงความดื้อดึงรับกับริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพู แก้มใสถูกแต่งแต้มน้อยๆ ผมสาวสลวยสีแดงถูกมัดรวบไว้ข้างหลังเพื่อนให้ทะมัดทะแมง ช่างตรึงใจเขาเหลือเกิน

     

                “ผมแทยอนครับ”

     

                หญิงสาวขมวดคิ้วจนเป็นปม ดวงตาหรี่ลงจ้องคนที่เอาแว่นมาใส่ให้ เขาคิดว่า มันแทนกันได้หรือไงนะ ก้มมองมือที่ถูกส่งมาให้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งมือเรียวส่งแว่นคืนให้ชายหนุ่มและหยิบแว่นของตัวเองขึ้นมาสำรวจ เงยหน้าขึ้นมองผู้ทำลายทรัพย์สิน ดูแล้วหน้าตาดีกว่ามาตรฐานเชียวล่ะ ริมฝีปากอมยิ้มน้อยๆ และโค้งให้

     

                “ทิฟฟานี่ค่ะ”

     

                แทยอนรีบชักมือกลับและโค้งตอบอย่างหน้าเสียนิดๆ แต่รอยยิ้มก็ถูกระบายบนใบหน้าช้าๆเมื่อทิฟฟานี่ส่งยิ้มมาให้ ตายิ้มโค้งเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์ น่ารักสุดๆเลยครับ

     

                “ทิฟฟานี่..คุณคงไม่ได้เป็นผู้ชายหรอกใช่มั้ย”

     

                เอ่ยถามตามประสาคนขี้เล่น ใบหน้าขึ้นสีชมพูระเรื่อกับความประหม่าในตัวผู้หญิงตรงหน้าก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเธอกลับสะบัดหน้าหนีแล้วรีบจ้ำอ้าวไปยังโต๊ะที่มีผู้หญิงผมสีน้ำตาลตาลอ่อนนั่งอยู่ขณะที่มือยังง่วนอยู่กับการจิ้มเค้กช็อกโกแลตขึ้นมากิน แทยอนมองสักพักก่อนจะเดินตามไปยังโต๊ะนั้น

     

                “นั่งด้วยคนนะครับคุณทิฟฟานี่ ผมเหงา อ่า ผมแทยอนนะครับคุณผมบลอนด์”

                “มินนี่ เค้าอยากกลับบ้าน”

                “ฮโยมินค่ะ ไม่เอาน่า เค้ากินอยู่ แล้วก็เชิญนั่งเลยค่ะ ”

               

                ฮโยมิน ชี้ไปยังโซฟาด้านตรงข้ามและหันมาสนใจพี่สาวที่โตแต่ตัวแถมยังเอาหน้ามาซบไหล่อีก

                มือเรียวของทิฟฟานี่นำไปคล้องไว้กับเอวของน้องสาวแล้วใช้ปลายจมูกถูไปกับไหล่สีขาวนวล ทิฟฟานี่เบ้ปากใส่คนที่หาว่าเธอเป็นผู้ชายแล้วก็สะบัดหน้าหนี

     

                “หึ”

                “ผมขอโทษครับ”

     

                แทยอนหัวเราะในลำคอเมื่อทิฟฟานี่เบ้ปากใส่ มือหนาถูกส่งไปดึงแก้วกาแฟที่สาวตายิ้มกำลังจะหยิบขึ้นมา สำรวจมันสักพักก่อนจะหันไปทำหน้าดุๆใส่หญิงสาว

     

                “กินเข้มแต่เช้าเลยเหรอครับ”

                “เรื่องของฉัน”

                “อ๊า ตัวเสียมารยาท”

     

                “แทยอนยิ้มกว้างแบบล้อเลียนเมื่อทิฟฟานี่ถูกน้องสาวตีเพี้ยะเข้าที่แขน แต่ก็ต้องหุบยิ้มฉับเพราะทิฟฟานี่หันมายกกำปั้นใส่เขา แล้วยังหน้าตาถมึงถึงนั้นอีก โอ้ย น่ากลัวมากเลยแม่คุณ

     

                “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ นี่นามบัตรผม ผมอยากรู้จักคุณนะ ทิฟฟานี่”

                “เชิญไปเลยค่ะ”

                “เอ๊ะ ตัวนี่!! บ๊ายบายค่ะคุณแทยอน”

     

                ฮโยมินหันมาดุพี่สาวอย่างไม่จริงจังก่อนจะหยิมนามบัตรที่แทยอนทิ้งไว้ขึ้นมาดู กระดาษสีฟ้าอ่อนถูกแต่งแต้มด้วยตัวหนังสือสีน้ำตาล รูปไมค์ที่อยู่ข้างๆกับชื่อ เอ๋ เป็นนักร้องเหรอ

     

                “อ้ายยย ตัว นั่นแทแทนี่นา”

     

                ฮโยมินกรีดร้องเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาคือคิมแทยอนที่ใช้ชื่อในวงการว่า แทแท นักร้องวัย 28 ปี ที่โด่งดังอย่างรวดเร็ว แซงหน้ารุ่นพี่ที่เดบิวต์มาก่อน โอ๊ย อยากจะบ้าตาย ทำไมฉันไม่ขอลายเซ็นไว้เนี่ย เอาไปขายต่อคงจะได้หลายตังค์(?)

     

                “แทแทไหน”

                “โอ๊ย นี่ตัวมัวแต่อุดอู้อยู่ในศาลใช่มั้ยเนี่ย เค้าบอกแล้วไงว่าให้หัดดูข่าวบันเทิงบ้าง”

     

                ทิฟฟานี่มองหน้าน้องสาวอย่างงงๆ ก่อนจะหยิบแก้วกาแฟแก้วเก่าขึ้นมาจิบ เย็นชืดเลยแฮะ ไม่น่าทำหกเลยให้ตาย ทิฟฟานี่เหม่อมองออกไปนอกกระจก

                ผู้คนตอนเช้านี่จะรีบอะไรกันขนาดนั้นนะ!

                ทิฟฟานี่หันมามองน้องสาวที่เอาแต่ลูบๆคลำๆนามบัตรสีฟ้าอยู่แบบนั้น ดูเหมือนคนโรคจิตเลยแฮะ

     

                “แล้วตัวไม่ไปทำงานเหรอ”

                “ลูกค้าขึ้นศาลวันมะรืน เค้าเตรียมเอกสารอยู่น่ะ”

     

                มือเรียวของทิฟฟานี่ถูกแบออก ปลายปากกาถูกจรดลงในมือสวย จั๊กจี้นิดๆแฮะ ทิฟฟานี่พ่นลมหายใจออกจากปากเบาๆ ไอร้อนจากกาแฟแก้วที่สามที่พึ่งมาเสิร์ฟลอยขึ้นช้าๆ เธอสูดลมหายใจลึกๆ กลิ่นหอมกรุ่นของเอสเปรซโซค่อยๆเข้าสู้ประสาทรับกลิ่นช้าๆ

                สมุดเล่มสีฟ้าหม่นถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าใบหรู ทิฟฟานี่แตะปลายปากกาเข้ากับสมุด มือบางค่อยๆขยับเขียนไปตามความคิด

     

                “ตัวยังไม่เลิกเขียนอีกเหรอ”

     

                ฮโยมินถามพี่สาวที่มีรอยยิ้มฝืดๆส่งมาให้ เรียวคิ้วกดต่ำลง เธอเริ่มจะรู้สึกสงสารพี่สาวแล้วล่ะ ทำไมนะ ทั้งๆที่คุณพ่อก็เลิกกับคุณแม่ไปตั้งนานแล้ว พี่สาวเธอจะเศร้าอยู่อีกเหรอ

     

                “เค้าคิดถึงคุณพ่อ”

                “เค้ารู้น่า เดี๋ยวคุณพ่อก็กลับมา ถ้าตัวเป็นเด็กดี”

     

                ฮโยมินยกยิ้มให้คนเป็นพี่ นี่ทำไมพี่เธอยังดูเหมือนเด็กอ่อนต่อโลกอยู่อีกน้า อายุอานามก็ครึ่ง 50 แล้ว คิกๆ ฮโยมินเหลือบตาอ่านไดอารี่ช้าๆ ไดอารี่ที่คุณพ่อซื้อให้แล้วบอกว่า เขียนไว้นะลูก พ่อจะอ่าน แล้วดูตอนนี้สิ เขาทิ้งครอบครัวเอาไว้ข้างหลัง น่าสมเพชตัวเองจัง

     

                “แล้วตัวไม่ไปเตรียมตัวว่าความเหรอ เดี๋ยวก็แพ้หรอก”

                “ย๊า เค้าเก่งจะตาย”

                “ฮ่าๆๆ”

     

                ฮโยมินหลุดหัวเราะเมื่อเห็นพี่สาวคนสวยเปลี่ยนท่าทาง ตอนแรกก็เห็นว่าเศร้าๆอยู่หรอกนะ แต่ไหง๊กลายมาเป็นโมโหได้เนี่ย อย่างที่ว่า พี่สาวของเธอเป็นทนายความ เรียนจบมาแล้วสามปี แต่ว่าความเป็นสิบๆเรื่อง ก็พี่เธอเก่งนี่นา นี่ไม่ได้อวยเลยนะ

     

                “เค้าอยากอยู่กับตัวก่อน”

                “ฮื่อออ กลับไปหาคุณแม่บ้างนะ”

                “เค้าไปบ่อยกว่ามาหาตัวอีก”

     

                อ๊าาา ยัยพี่สาวปากร้าย ไปหาคุณแม่แล้วไม่เจอเค้าได้ยังไง เค้าอยู่กับแม่นะ!! ฮโยมินยู่ปาก เป็นงี้สิน่า แฟนถึงไม่มีสักที น่าสงสารจริงๆ

     

                “เค้ากลับแล้วนะ เค้าทำงานตอนบ่ายอ่ะ”

                “อื้อ เดี๋ยวจะเอาปริ๊นซ์ไปฝากที่คลินิกนะ”

                “จ่ายเงินค่าดูแลด้วย บาย อ้อ จ่ายค่าเค้กให้ด้วยนะ”

     

                ขี้งกจริงๆ ทิฟฟานี่มองอย่างเอือมๆก่อนจะบอกเช็คบิลกับพนักงาน เธอส่งเงินไปตามจำนวนและเดินออกมาจากร้าน

                ทิฟฟานี่กระชับเสื้อสูทสีกรมท่าเข้มเข้ากับตัว กระเป๋าแบรนด์เนมสีดำถูกถืออย่างสบายๆ รถราวิ่งกันอย่างรวดเร็วพาลให้ใจสั่น นี่ถ้าไม่มีทางม้าลาย เธอได้ไปบวกกับรถพวกนี้แน่ๆ

    ทิฟฟานี่ก้าวเดินข้ามทางม้าลายเมื่อสัญญาณให้คนข้ามกลายเป็นสีเขียว เธอเดินเข้ามาในคอนโดชื่อดังแห่งหนึ่งก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเคาเตอร์ของคอนโดที่จะเข้ามาอยู่ใหม่

     

                “มีห้องเหลืออยู่ไหมคะ”

                “มีค่ะ เป็นห้องเดี่ยวหรือห้องสวีทคะ”

                “เดี่ยวค่ะ”

     

                พนักงานหยิบเอกสารการเข้ามาพักขึ้นมาให้อ่าน ทิฟฟานี่อ่านสักพักก่อนจะกรอกข้อมูลเข้าไปทั้งหมด ซื้อเลยดีกว่าแฮะ เห็นยัยน้องสาวบอกว่าเจ๋ง เธอขีดลงในช่องซื้อแล้วส่งเอกสารคืน

     

                “ย้ายเข้าเลยหรือเปล่าคะ”

                “ค่ะ”

     

                ทิฟฟานี่ส่งบัตรเครดิตไปให้พร้อมกับเซนต์ชื่อกำกับที่ใบเสร็จ ง่ายดีจังแฮะ เธอโทรบอกให้พนักงานเอาของเข้ามาให้คอนโดและเอาไปส่งบนห้องเรียบร้อยแล้ว เธอมองไปรอบๆ วิวดีจริงๆด้วย เดินเข้ามาไม่ทันสังเกตแฮะ

     

                “นี่คีย์การ์ดค่ะ คุณจะตั้งรหัสห้องว่าอะไรคะ”

                “อ่า เอาเป็น 270907 ค่ะ”

                “ขอโทษค่ะ คือว่ามันซ้ำน่ะค่ะ”

                “งั้น 010889 ค่ะ”

                “ค่ะ”

     

                ทิฟฟานี่ยิ้มบางๆพร้อมกับรับคีย์การ์ดมาไว้ในมือ อยากจะแปะสติ้กเกอร์ใส่คีย์นี่จริงๆ ทำไมต้องเป็นสีมืดๆด้วยนะ สีสดใสหน่อยก็ไม่ได้ ไอ้ผู้จัดการคอนโดต้องเป็นตาแก่งุ่มง่ามชัวร์ เฮอะ

                ทิฟฟานี่เดินเข้าไปในลิฟต์ ปลายนิ้วกดลงบนหมายเลขชั้น ทำไมไม่มีคนใช้ลิฟต์เลยอ่ะ หรือว่าคนน้อยเนี่ยยย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “ผมขอพูดอีกครั้งว่าผมไม่ได้ทำอะไรอย่างที่พวกคุณเขียนข่าว ผมฟ้องคุณได้นะครับ”

     

                แทยอนประกาศกร้าว เขาจ้องตากับนักข่าวที่ไร้จรรยาบรรณอย่างไม่กลัวเกรง แสงแฟลตดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสียงของนักข่าวจากหลายๆสำนักดังขึ้นเซ็งแซ่ เขาเริ่มป่วยการจะพูดกับพวกนี้แล้ว นั่งเทียนเขียนโดยไม่มีมูลความจริงอะไรเลย

     

                “แต่รูปชัดมากนะครับ”

     

                แทยอนหันขวับทันที มันจะอะไรกันนักหนา พี่น้องร่วมค่าย กินข้าวด้วยกันไม่ได้หรือยังไง แค่ไปกินข้าวกับไอยูนี่ เอาไปเขียนซะกลายเป็นมอมเหล้าแล้วพาเปิดห้อง เฮ้อออ

     

                “ผมบอกแล้วว่าเราแค่ไปทานข้าว ระวังโดนฟ้องนะครับ ข่าวนั้นทำลายชื่อเสียงผมไปมาโขเลยล่ะ”

                “เอาล่ะๆ พอแล้ว หมดเวลาสัมภาษณ์ แทแทต้องไปอัดรายการครับ”

               

                โจควอนในฐานะผู้จัดการเดินเข้ามาปรามนักข่าวและดึงมือของแทยอนให้เดินออกมาจากวงล้อม เขาเปิดประตูรถและดันให้แทยอนเข้าไปนั่งทันที ส่วนตัวเขาก็เดินขึ้นมานั่งที่ข้างคนขับ

     

                “พี่บอกแล้วว่าให้ระวังตัว”

                “แต่มันแค่กินข้าวเองนะพี่”

                “แกเป็นคนของประชาชนนะแท ระวังหน่อย จะกินหรือทำอะไรก็ตาม”

                “นี่พี่ก็ไม่เชื่อแท”

     

                แทยอนมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง โลกในวงการมันหลอกลวงมาจริงๆ ดูกันไม่ออกหรือไงว่าไอยูชอบผู้หญิงด้วยกัน เขียนข่าวไปแบบนั้น ไอยูจะทำยังไปล่ะทีนี้

                แทยอนพ่นลมจากปากใส่กระจกรถ ปรากฏฝ้าสีขาวๆขึ้น เขาลากนิ้วมือให้กลายเป็นคำก่อนจะเติมจุดเอาไว้ข้างหลัง

     

                “คิดถึงจังเลยคุณคนสวย”

     

                แทยอนเอนตัวลงกับพนักพิง ริมฝีปากขยับฮัมเพลงเบาๆคลอไปกับเพลงที่เปิดอยู่ข้างๆหู เพลงค่อยๆดังขึ้นเมื่อโจควอนเพิ่มวอลุ่มเพราะเขาเห็นแทยอนชอบ อืม เพลงนี้ก็เพราะจริงๆแหล่ะนะ

     

                “พี่ แทอยากร้องเพลงบัลลาดบ้าง”

                “เดี๋ยวจะบอกโปรดิวซ์ให้”

     

                อื่อออ เพลงบัลลาด ร้องนุ่มๆ อา คงจะกินใจน่าดูเลยแฮะ แทยอนยกมือขึ้นมาชูไว้เหนือศีรษะ ขยับไปมาช้าๆก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาเมื่อมันแผดเสียงร้อง ฉันไปตั้งนาฬิกาปลุกตอนไหนกันนะ

     

                “แทอยากมีแฟนอ่ะพี่”

                !!!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ทิฟฟานี่เข็นรถเข็นไปมาในซุปเปอร์ใกล้คอนโดอย่างคนที่ไม่มีจุดหมายในการซื้อ เธอเห็นอะไรก็หยิบๆใส่รถเข็นแบบไม่ได้คิดอะไรเลย

    เธอกวาดสายตาไปมาแล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่ออยู่ๆก็มีคนใส่หมวกใส่แว่นปิดหน้าปิดตาเดินเข้ามาจับรถเข็นของเธอ ยังกะโจรใต้แหน่ะ

     

    “เจอกันอีกแล้วนะ”

     

    แทยอนขยับแว่นขึ้นแล้วยกยิ้มให้ทิฟฟานี่ ก่อนจะปิดแว่นลงเหมือนเดิม เขาเข็นรถเข็นเดินนำหน้า ปล่อยให้เธอยืนอึ้งอยู่คนเดียว แต่แล้วทิฟฟานี่ก็ได้สติเมื่อแทยอนหับมาแลบลิ้นให้ เธอรีบปราดเข้าไปกระชากรถเข็นขึ้นแล้วจ้องหน้าทันที

     

    “คุณมาทำไม”

    “ถามได้ ผมก็มาซื้อของน่ะสิ”

    “นี่มันของฉันย่ะ”

    “เอ๊ะ คุณนี่นิสัยไม่น่ารักเลยน้า”

     

    แทยอนเอ็ดเบาๆเมื่อเธอเดินเข็นรถตัวปลิวไปนู่นแล้ว ลงทุนแอบพี่โจควอนมานี่คุ้มหรือเปล่าหนออ

    แทยอนเดินตามไปช้าๆ สายตามองตามแผ่นหลังของทิฟฟานี่อย่างอ่อนโยน มือหนายกขึ้นมาขยับปีกหมวกให้เข้าที่มากกว่าเดิม เขาก้าวขาเร็วขึ้นไปเดินเคียงข้างหญิงสาว แทยอนเอื้อมมือไปดึงรถเข็นเอาไว้แล้วพยักหน้าให้เธอเดินไปก่อน เดี๋ยวจะเดินตาม

    ทิฟฟานี่กดหัวคิ้วลงแล้วหันไปสนใจของรอบๆตัว ทิฟฟานี่เขย่งปลายเท้าเพื่อหยิบกล่องรามยอนรสสไปซี่ แต่เธอก็ต้องผิดหวังเพราะมันอยู่สูงเกินไป เธอหันมาแสยะยิ้มให้คนข้างๆ

     

    “หยิบให้หน่อย -3- ”

    “ -,.- จ้ะ”

     

    แทยอนหยิบกล่องรามยอนลงมาแล้วหันกลับไปหาทิฟฟานี่เพื่อจะวางของ นี่เธอต้องเห็นประโยชน์ของเขาแล้วนะเนี่ย 

     

    “อ้าวเฮ้ย!!

     

    หาย!!! หายครับ ฟานี่ของผมหายไปแล้ว

    แทยอนมองซ้ายมองขวา แล้วก็ต้องคอตกเพราะเขาไม่เห็นวี่แววของสาวเจ้าเลยสักนิด แทยอนมองกล่องรามยอนในมือ ถ้าเอาวางไว้ที่เดิมคงยาก งั้นซื้อเลยละกัน

    เขาเดินถือกล่องรามยอนไปวางที่แคชเชียร์แล้วส่งเงินให้ แทยอนถือไปวางไว้ในรถ มือหนาจิ้มลงไปเปิดเพลงคลอระหว่างขับรถ เสียงเพลงบัลลาดจากไฟล์ที่พี่โปรดิวเซอร์พึ่งส่งมาให้ดังขึ้น รู้สึกจะชื่อ Set Me Free

    แทยอนแตะที่พวงมาลับไปมา เขากดวนเพลงนี้ซ้ำๆ ฝึกร้องไปด้วยก็ดีเหมือนกัน รถสปอร์ต mercedes-benz slk สีบรอนซ์เงิน ถูกจอดไว้ยังที่จอดรถของคนโด GoldZy ที่นี่คือคอนโดที่หรูที่สุดในโซล มีคนดังมากมายจากค่ายเดียวกับเขาพักอยู่ที่นี่ จะว่าไป ใครมีเงินเขาก็พักที่นี่แหล่ะน่า ห้องพักก็มีเป็นร้อย

     

    ติ้ด

     

    แทยอนกดรหัสเข้าห้องด้วยใบหน้าออกจะรำคาญนิดๆ ไอ้คนข้างๆห้องนี่มันจะตอกผนังอีกนานมั้ย ได้ยินตั้งแต่ชั้น 1 ยันชั้น 32

     

    “ฮึ่มมม”

     

    แทยอนแนบใบหูเข้ากับลำโพงจากคอมพิวเตอร์ที่บิดเพิ่มวอลุ่มจนสุดจนเสียวว่าแก้มหูจะแตกก่อนลำโพง นี่เขาไม่ได้ยินอะไรเลย โอ้ยยย รำคาญเว้ย

    แทยอนผละออกจากลำโพง เขาก้าวขาออกจากห้องโดยมีจุดหมายคือห้องข้างๆ

     

    ปั้ก!! ปั้ก!!

     

    แอ้ดด

     

                แทยอนยืนอึ้งอยู่หน้าห้องเมื่อเจ้าของเสียงดังๆเปิดประตูออกมา เขามองใบหน้าหวานของคนตรงหน้าด้วยความตกตะลึง

     

                “เอ่อ คุณคนสวยอยู่ที่นี่??”

                “คิดว่าไงล่ะยะ”

     

                ทิฟฟานี่ยืนมองแทยอนมองแทยอนด้วยสีหน้าเหวี่ยงๆ เธอกำลังเมามันกับการตกแต่งห้องให้กลายเป็นดินแดนพิ้งกี้สีชมพู แต่ไอ้ผู้ชายข้างห้องมันกลับมาขัดจังหวะเธอ

                ดูสิ เคาะแล้วก็ไม่พูด!!!

     

                “ผมช่วยไหม”

                “ไม่!!

     

                ทิฟฟานี่แทบจะปิดประตูอัดหน้าแทยอนอยู่แล้วถ้าเกิดไม่ติดว่ามันเป็นมารยาท เธอวางแขนพิงกับขอบประตูสีขาวเอาไว้ ทิฟฟานี่ผินหน้ามองแทยอน

     

                “มีอะไรอีกมั้ย”

                “ไม่..เอ่ออ มีครับมี”

     

                ทิฟฟานี่ขมวดคิ้ว เขาดูไม่เป็นตัวของตัวเอง พูดกลับไปกลับมาแบบเหม่อลอย เธอวาดมือไปโบกอยู่หน้าของแทยอน

     

                “คุณมีสติอยู่ใช่ไหม”

     

                แทยอนพยักหน้ารัวๆ เขากระพริบตาถี่เพื่อโฟกัสที่หน้าของทิฟฟานี่ อา ใบหน้าเรียวสวยได้รูป แล้วดูคิ้วนั่นสิ เธอดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดีเลยแฮะ แทยอนยกมือไปข้างหน้าเป็นครั้งที่สองของวัน

     

                “จับมือหน่อย ก็แค่ธรรมเนียมเองนะ”

                “หลอกแต๊ะอั๋งล่ะไม่ว่า”

     

                ทิฟฟานี่ยื่นมือไปจับถึงแม้ปากจะค่อนขอดเท่าไรก็ตาม แทยอนกระฉับมือให้มากกว่าเดิม รอยยิ้มระบายอยู่บนหน้าของชายหนุ่มกับการเริ่มต้นความสัมพันธ์ของเขากับเธอ

               

               

                มือนิ่มมากครับ ผมไปฟินแลนด์แปป!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    **next 6 month**

     

    “พี่ไปเป็นเพื่อนมั้ยคร้าบ”

     

                แทยอนก้าวขาให้เร็วขึ้นเพื่อเดินขนาบข้างทิฟฟานี่ วันนี้เธอดูสวยมาก ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์บางๆ ริมฝีปากมีลิปกลอสสีชมพูระเรื่อ ผมยาวสลวยสีแดงถูกปล่อยสยายกลางแผ่นหลัง แล้วชุดเอี๋ยมแบบคิกขุนั้นอีก

                โอ๊ย จะทำให้ผมหลงไปถึงไหนครับแม่คุณ

     

                “ไม่ล่ะค่ะ ต้องเข้าออฟฟิต ไกลกับค่ายพี่อยู่นะ”

                “ฟานี่ทำงานอะไรเหรอ”

                “ทนายค่ะ”

     

                แทยอนมองหญิงสาวอย่างอึ้งๆ ใส่ชุดเอี๋ยมแบบนี้เนี่ยนะ เขาและทิฟฟานี่เดินเคียงคู่กันเข้ามาในลิฟต์ คุยกันเรื่องจิปาถะทั่วไป ดูความสัมพันธ์ก็พัฒนาขึ้นอยู่นะ ไปในทางที่ดีด้วยสิ ถ้าดีกว่านี้หน่อย จะขอคบจริงๆจังๆซักที ติดอยู่อย่างเดียวก็คืออาชีพของเขานี่แหล่ะ

                คำว่าคนของประชาชนมันค้ำคออยู่ เปิดเผยอะไรมากก็ไม่ได้ เขาเป็นศิลปินมีชื่อเสียงพอดู ถ้าเปิดเผย เรตติ้งคงตก แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าเป็นห่วง บางที ทิฟฟานี่อาจจะโดนแอนตี้ ใครๆก็รู้ว่าแฟนคลับของฝั่งผู้ชายแรงแค่ไหน เขาหวงโอปป้ากันจะตาย

                คิดไปคิดมา เป็นเพื่อนกันแบบนี้ต่อไปคงจะดีกว่า แต่ว่านะ ทิฟฟานี่ก็เป็นคนสวย การงานอาชีพก็มีหน้ามีตาทางสังคม คงไม่แปลกอะไรถ้ามีคนมาชอบพอเยอะ ถ้าเขาไปสารภาพกับสาวเจ้าแล้วเปิดตัว คงจะเป็นได้แค่หมาหวงก้างล่ะมั้ง

     

     

                เฮ้อ ชีวิตผมมันเศร้าคร้าบบ TT^TT

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “ร้องได้ยัง จะได้อัดเสียงเลย”

     

                โจควอนย่างกรายเข้ามานั่งที่เก้าอี้พับสีขาวน้ำเงินข้างๆกับแทยอน ในมือถือโทรศัพท์สุดหรูโดยไม่ได้ปิดหน้าจอ โปรแกรมโซเชี่ยลยังทำงานได้ดี เนื้อข่าวปรากฏข่าวของแทยอนที่ไปตอกหน้านักข่าวของวันที่ผ่านมา

     

                “ก็พอได้ ว่าแต่ ข่าวเป็นยังไงบ้างครับ”

                “ร้องแรงพอดู ไม่ต้องห่วงหรอก ทำหน้าที่ของนายไปก็พอ”

               

                โจควอนบอกกับชายหนุ่มให้สบายใจ อายุแค่นี้มีเรื่องให้คิดตั้งมากมาย ในฐานะผู้จัดการ เขาก็ควรจะช่วยเหลือเด็กคนนี้ให้ได้มากที่สุดสิ ผู้จักการหนุ่มยิ้งบางๆให้แทยอน หน้าตาดูจะสดใสก็ไม่ใช่ทีเดียว เอาง่ายๆก็ดูหมองลงจากที่เจอกันครั้งแรกตอนมาออดิชั่นล่ะนะ

     

                “งั้นผมอัดเสียงเลยนะ”

                “อืม”

     

                แทยอนสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาลุกจากเก้าอี้แล้วเดินเข้าไปในห้องอัดอย่างมั่นใจ ตอนนี้ก็เป็นหน้าที่ของเขาที่ต้องทำให้เพลงออกมาดีที่สุดเพื่อแฟนๆ แทยอนสวมเฮดโฟนเข้ากับศีรษะ มือหนาปรับระดับเฮดโฟนเล็กน้อย เมื่อได้ระดับพอดีแล้ว เขาจึงชูมือบอกว่าโอเคกับพี่โปรดิวเซอร์

                เสียงทำนองเพลงบัดลาดค่อยๆดังขึ้นในโสตประสาทรับเสียงของแทยอน เขาหลับตาลงปล่อยใจไปตามเสียงเพลง เขาทำแบบนี้ทุกครั้งในการอัดเพลง เพลงทุกเพลงจำเป็นต้องเข้าถึงอารมณ์ แน่นอนว่าเขายึดหลักแบบนั้นถึงได้มีชื่อเสียงในวันนี้

                แทยอนเผยอริมฝีปากขึ้น ริมฝีปากหยักได้รูปค่อยๆขยับเปล่งเสียงก้องกังวานเข้าไปในไมโครโฟน มือทั้งสองข้างนำมาแตะที่เฮดโฟน แทยอนโยกตัวไปตามจังหวะของเพลงทั้งๆที่ดวงตายังหลับพริ้ม

                แทยอนทาบมือลงบนอกแกร่งของตัวเอง ท่อนฮุคที่ต้องใช้เสียงสูงเป็นสิ่งที่ยากเวลาอากาศไม่พอกับการหายใจ แทยอนเงยหน้าขึ้นเพื่อร้องเสียงสูงตามเมโลดี้และอินเนอร์ที่ส่งมาจากทำนอง

                ริมฝีปากยกยิ้มบางๆเมื่อผ่านท่อนนั้นมาได้ ดวงตาทรงสเน่ห์ลืมขึ้น เขาวิ้งค์ให้กับกล้องที่ถ่ายอยู่ทีนึงก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งเมื่อการอัดเพลงเป็นไปด้วยดี

                เสียงปรบมือดังขึ้นรอบๆตัวของแทยอนเมื่อเขาเดินออกมาจากห้องอัด โจควอนส่งยิ้มให้ตามปากติ แทยอนโค้งของคุณทุกๆคนในห้องอัดด้วยความเคารพ

     

                “น้องแทมาฟังก่อนไหมครับ”

                “ฟังครับ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “พี่ แล้วเรื่องแฟน..”

                “ยังอยากเป็นนักร้องอยู่มั้ยล่ะ”

     

                โจควอนตัดบทพร้อมกับผินใบหน้าไปมองนอกหน้าต่าง เม้มริมฝีปากเข้าหากัน ความจริงก็เห็นใจ แต่อย่างน้อย แทยอนก็ควรจะเห็นอนาคตของตัวเองบ้าง เขายังเป็นนักร้องได้อีกนาน เขาเป็นนักร้องเดี่ยว ไม่ใช่นักร้องกลุ่ม อุตส่าห์มาได้ไกลถึงขนาดนี้ด้วยตัวคนเดียว ลองหันกลับไปดูข้างหลังบ้าง

     

                “ครับ”

     

                แทยอนก้มหน้าลงมองมือของตัวเองที่กุมกันอยู่บนตัก เขาเป็นแค่คนอ่อนแอคนหนึ่งเท่านั้นแหล่ะ น้ำใสๆไหลลงมาจากดวงตาเจ้าสเน่ห์ที่ใครๆต่างหลงใหล แทยอนจิกนิ้วตัวเองแน่น ความคิดเขากำลังตีกันในเรื่องอนาคต เขาเรียนจบบริหาร แล้วก็มีเงินทุน ถ้าอำลาวงการ จะพอทำอะไรได้บ้าง

                คิ้วได้รูปเลิกขึ้น แทยอนมองไปยังร้านอาหารข้างทาง มีชายแก่คนหนึ่งกวาดใบไม้อยู่ที่โต๊ะอาหาร ริมฝีปากเผยรอยยิ้มบางๆขึ้น ใบหนาที่เคยหมองค่อยๆสดใส รอยยิ้มไม่ได้เกิดจากชายแก่กวาดใบไม้สักหน่อย แต่มันเป็นเพราะเด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่ถือไอติมยืนอยู่ข้างๆชายแก่ต่างหาก

     

     

                อาาา เริ่มอยากมีลูกด้วยแล้วซิ

     

     

    หะน่อววว พี่แทอยากมีลูกแล้วอ่ะนะ บางทีฟิคเรื่องอาจจะไม่มีดราม่า

    สนองนี้ดล้วนๆ

    **ปล.ฟิคเรื่องนี้เกิดจากมินิโซชิล่ะ พี่แทกับน้องฟานี่มีเจ้าตัวเล็กแน่นอน

    เป็นกำลังใจให้กันด้วยการเม้น

    แอดและพูดคุยกันได้ที่เฟสบุ๊ค  An Affect

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×