One Night แค่คืนเดียวเหรอคะสุดสวย [SNSD TaeNy] - One Night แค่คืนเดียวเหรอคะสุดสวย [SNSD TaeNy] นิยาย One Night แค่คืนเดียวเหรอคะสุดสวย [SNSD TaeNy] : Dek-D.com - Writer

    One Night แค่คืนเดียวเหรอคะสุดสวย [SNSD TaeNy]

    ผมคิดถึงค่ำคืนนี้ เราคงจะมีอะไรกันเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์ ผมไม่กระดากใจหรอกครับ เชื่อเถอะครับว่าเธอมาที่แห่งนี้ก็เพื่อสิ่งนี้แหล่ะครับ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,173

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.17K

    ความคิดเห็น


    28

    คนติดตาม


    36
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 พ.ย. 57 / 16:48 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ผมก็แค่คนๆนึง
    ที่ไม่เคยคิดจะจริงจังกับใคร
    แต่ผมก็ต้องกลืนน้ำลายตัวเอง
    เมื่อ....เจอ เธอ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      One Night แค่คืนเดียวเหรอคะสุดสวย

       

       

       

                  ผมยอมรับครับว่าผมเป็นคาสโนว่า แต่ผมไม่ได้มอมเหล้าแล้วลากไปข่มขืนอะไรแบบนั้นนี่ครับ ถึงจะชั่วยังไง คนเราก็มีกฎกับตัวเองนะครับ ผมไม่ยุ่งกับคนที่มีเจ้าของครับ กฎง่ายๆที่ผมต้องหักห้ามใจตัวเองให้ได้ การไปพรากลูกพรากแม่คนอื่นมาน่ะ ไม่ดีหรอกนะครับ

                  วันนี้เป็นคืนวันศุกร์สิ้นเดือน ครับ วันนี้ผมอยู่ในสถานบันเทิงแห่งนึง อา ผมยังไม่แนะนำตัวล่ะสิ ผมชื่อแทยอนครับ  แต่ว่านะ กับคู่นอนน่ะ ผมให้พวกเขาเรียกว่า ทีเค จะให้เรียกว่าแทยอนคงไม่ได้ ผมมีหน้ามีตาในสังคมพอสมควรอยู่

       

                  “ขอเหมือนเดิมครับ”

       

                  แก้วที่บรรจุน้ำอำพันสีสวยถูกวางลงบนเคาท์เตอร์ตามปกติ รสชาตินุ่มลิ้นที่คุ้นเคย เปลือกตาบางของชายหนุ่มร่างเล็กปิดลงสักพักก่อนจะลืมตามขึ้นมาใหม่ ผมสั่งแบบเดิมอีก 1 แก้วและหยิบขึ้นเดินไปหาหญิงสาวที่หมายตาไว้

                  หญิงสาวยิ้มละลายใจมาให้ชายหนุ่มแปลกหน้าแบบผม เธอพยักหน้าเป็นการเชิญให้ผมนั่งลงเพื่อจะได้พูดคุยกันถนัดๆ มาที่แบบนี้ คงไม่มีอะไรมากไปกว่าหาคู่นอนหรอก

       

                  “ผมทีเคครับมาดาม”

                  “ทิฟฟานี่ค่ะ”

       

                  ผมชวนเธอคุยไปสักพัก แก้วหลายใบที่เคยบรรจุแอลกอฮอล์หลากสีถูกดื่มจนหมดแก้วแล้วแก้วเล่าจากผม และ เธอ เราคุยกันอย่างถูกคอ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากครับ แน่นอนว่า แม้เวลาเมาก็ตาม

                  ผมคิดถึงค่ำคืนนี้ เราคงจะมีอะไรกันเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์ ผมไม่กระดากใจหรอกครับ เชื่อเถอะครับว่าเธอมาที่แห่งนี้ก็เพื่อสิ่งนี้แหล่ะครับ เธอชวนผมลุกขึ้นไปเต้นหน้าฟลอร์ เสียงเพลงตอนนี้กำลังมัน

                  ผมยืนมองคนเมาหน้าหวานที่กำลังวาดลวดลายตามสเตปอย่างมีความสุข โอเคครับ ผมยอมรับ ตอนนี้ผมกำลังอมยิ้ม แต่ใช่ว่าผมจะชอบเธอในเชิงคนรักนี่ครับ ตอนนี้ห้าทุ่มแล้วครับ มันถึงเวลาที่เราจะขึ้นสวรรค์กันแล้วล่ะครับ

                  กริ๊ก เสียงล็อคประตูรถของผมดังขึ้น เธอขยับเข้ามาควงแขนผม เราขึ้นไปบนโรงแรม ผมเปิดจองห้องไว้อยู่ก่อนแล้วครับ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งยืนยันว่า ผมมั่นใจมากว่า คืนนี้ผมจะได้หิ้วสาวๆขึ้นห้องครับ

                  สิ้นเสียงประตูห้องปิดลง เราจูบกันเหมือนกับคู่รักที่รู้จักกันมานาน ลิ้นของเราตระหวัดเกี่ยวกันอย่างดูดดื่ม นิ้วเรียวของเธอปลดกระดุมเสื้อผมออกอย่างรวดเร็ว เธอลากไล้นิ้วกรีดตามแผงอกแกร่งของผมอย่างเชื่องช้าทั้งๆที่เรายังจูบกันอยู่

                  เธอดันผมเข้าไปใกล้เตียงนอนสีขาว ดูน่านอน แต่ไม่ใช่ในเวลานี้ ผมลูบสะโพกของเธออย่างหลงใหล เชื่อเถอะว่าตอนนี้ผมไม่รู้ว่าเธอยังมีสติอยู่หรือเปล่า เธอใช้มือของเธอกอบกุมน้องชายของผมไว้ด้วย 2 มือ เสียงครางของผมดังออมาจากลำคอ ตามปกติเนี่ย ผมว่าเสียงของผมค่อนข้างเคร่งขรึมนะครับ

       

                  “เสียงของทีเคเซ็กซี่จัง เรียกชื่อฉันได้มั้ยคะ”   

                  “อื้มม ทิฟฟานี่”

       

                  เสืออย่างผมไม่มีวันหมดลายครับ อย่าพึ่งดูถูกผม แบบนี้เจอมาเยอะ แต่ขอเวลาให้ผมล้อเล่นกับแมวยั่วสวาทแบบคนตรงหน้านี่ก่อนแล้วกันนะครับ เราจูบกันอีกครั้งหลังจากที่เธอผละออกมาเพื่อพูดคุยกับผม

       

                  “อ๊างงง”

       

                  ไม่ใช่เสียงผมหรอกครับ  เธอเปลี่ยนจากแมวยั่วสวาทกลายเป็นแมวเชื่องๆทันทีที่ผมสะกิดหน้าอกของเธอ ใบหน้าเธอเซ็กซี่ มาก ครับ ลิ้นของผมบรรจงโลมเลียผ่านชุดเดรสสีน้ำเงินตัวสั้นที่เธอสวมอยู่ เธอขยุ้มศีรษะของผมเพื่อระบายความเสียวซ่าน

                  ผมพลิกตัวและเป็นฝ่ายดันเธอให้เอนลงบนเตียงนอนอย่างช้าๆ ชุดเดรสของเธอหลุดลงอย่างง่ายดายเพียงแค่ผมรูดมันออกมา เธอไม่ได้ใส่บราครับ ถูกใจเหลือเกิน รูปร่างเธอดูดีมาก ผิวขาวนวล เรือนร่างสง่างามราวกับนางพญา ผมของเธอออกสีแดงเข้ม ชวนน่าหลงใหล ตายิ้มของเธอมีสเน่ห์ ถึงแม้เธอกำลังครางอยู่ใต้เรือนร่างผม โอ ผมจะหลงเสน่ห์ผู้หญิงที่เจอในสถานบันเทิงได้ใช่มั้ยครับ

                  เราเสร็จกิจกันหลังจะบทรักแสนร้อนแรงจบลงเป็นรอบที่ 3 ผมไม่ใช่คนแรกของเธอครับ อันนี้ผมรู้อยู่แล้วล่ะ เช้านี้ผมตื่นสาย เชื่อมั้ยครับว่าผมอยากจะกอดเธออีกก่อนที่เธอจะไป แต่พอผมตื่นขึ้นมา เธอกลับหายไปแล้ว

       

                  “ทิฟฟานี่”

       

                  ผมแฮงค์ครับ...ไม่แน่ใจว่าผมจะจำใบหน้าหวานของหญิงสาวที่เจอเมื่อคืนได้หรือเปล่า แต่ถ้าเจอ ผมจำได้แน่นอนครับ วันนี้วันเสาร์ ผมหยุด ผมเป็นแพทย์ควบตำแหน่งลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าของโรงพยาบาลกลางกรุงโซล บอกแล้วไงว่าผมมีหน้ามีตาในสังคม

                  เช้านี้ผมคงต้องกลับไปทำอาหารง่ายๆทานที่บ้านของผมแทนที่จะพาสาวๆที่หิ้วมาเมื่อคืนไปทานอาหารนอกบ้านตามที่เคยทำ ก็ทิฟฟานี่กลับไปแล้วนี่ครับ ผมออกจากโรงแรมเมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมเดินไปตามล็อบบี้ของทางโรงแรมเพื่อที่จะไปเช็คเอาท์

                  ผมได้รูปจากกล้องโพลารอยมา 1 ใบ พนักงานบอกว่าทิฟฟานี่ฝากมาให้ผม เป็นรูปภาพที่มีจอโทรทัศน์ของทางโรงแรม คงจะเป็นของที่อยู่ในห้องแหล่ะครับ ยอมรับว่าตอนนี้ผมสนใจเธอครับ ผมตั้งหน้าตั้งตารอวันศุกร์ที่จะมาถึงนี้ แต่ทว่าทุกสิ่งมันไม่เป็นไปอย่างที่ใจต้องการหรอกครับ ผมต้องไปผ่าตัดให้คนไข้ในการดูแลของผม

                  การผ่าตัดกินเวลาครึ่งท่อนวัน ผ่าตัดเสร็จก็ขึ้นวันใหม่พอดี ผมไม่มีแรงขนาดไปหาความสุขตามสถานบันเทิงหรอกครับ ขอเวลาให้ผมกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนละกัน

       

                  “แท คืนนี้มีงานบริจาคนะลูก ไปกับพ่อนะ”

                  “แล้วแม่ล่ะครับ”

                  “แม่ไปงานสโมสรครับคุณลูก ขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ”

                  “ตามที่ท่านพ่อบัญชาครับท่าน”  

       

                  ผมกับพ่อคุยเล่นกันไม่กี่ประโยคก็ขึ้นมานอนแผ่หลาอยู่กลางเตียงขนาดคิงไซส์สีเทาหม่น กลิ่นหอมอ่อนๆภายในห้องสีขาวช่วยทำให้ผมผ่อนคลายมากขึ้น ผมชอบนะ เวลาที่นอนเงยหน้ามองเพดานเฉยๆแล้วปล่อยให้สมองโล่งๆ ผมนอนอยู่แบบนั้นครึ่งชั่วโมงก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำให้สบายตัวแล้วกลับมานอนดังเดิม

                  ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเวลา 5 โมงเย็น เมื่อกี้คุณพ่อมาปลุกครับ ผมใส่ชุดทักสิโดสีขาวกับหูกระต่ายสีชมพูอ่อนเปลี่ยนลุคเพลย์บอยกลายเป็นชายนุ่มอ่อนโยนขึ้นมาทันทีเลยล่ะครับ งานเริ่ม 1 ทุ่ม และแน่นอนครับ คุณพ่อท่านพาผมไปตั้งแต่ 6 โมง ซึ่งนั่นเป็นเวลาทันทีที่ผมแต่งตัวเสร็จ

       

                  “สวัสดีครับคุณจอง จำเจ้าแทได้หรือเปล่าหนูสิก้า”

                  “ได้ค่ะคุณอา”

                  “ลูกผมแต่งงานแล้วนะครับคุณคิม ไม่ต้องจับคู่เลย ฮ่าๆ”

                  “โธ่ รีบแต่งทำไมน้ะ ผมอุตส่าห์จับคู่ ฮ่าๆๆ เอ้า ยูริ มาๆ มาหาภรรยามา”

                  “ไงไอ้ยูล”

                  “ว่าไงครับคุณชายแทง”

       

                  ผมจับมือกับควอนยูริ สามีของเจสสิก้าจองตามกฎหมาย จะว่าไป พวกนี้มันก็น่าอิจฉานะครับ เรียนจบปุ๊บ แต่งงาน เปิดบริษัท ดูชีวิตจะมีความสุข เอาเถอะเป็นแบบนี้ผมก็มีความสุขเหมือนกันครับ

                  คุณพ่อของผมและคุณจองท่านท่าจะคุยกันอีกนานเพราะมีมาดามจองเข้ามาร่วมด้วย เห็นเจสสิก้ายืนเงียบๆอยู่ผมจึงชวนทั้งยูริและเจสสิก้าไปหาที่เงียบๆนั่งดื่มนั่งทานอาหารก่อนที่พิธีการจะเริ่ม

       

                  “เดี๋ยวผมไปหยิบเครื่องดื่มมาให้”

                  “งั้นชั้นไปด้วย สิก้ารอตรงนี้นะ”

                  “ขอบคุณค่ะ”

       

                  เจสสิก้ายิ้มให้ผมและยูริ เธอเป็นคนสวยครับ ขี้อายด้วย เห็นยูริบอกมา ผมแยกกับไอ้ยูลแล้วเดิมมาที่โซนเครื่องดื่ม ยูริบอกว่าเจสสิก้าชอบสตรอเบอร์รี่มูส เหลือแก้วเดียวด้วยสิ ผมเลือกเดินไปทางขวาที่ไม่ค่อยมีคนเผื่อจะหยิบแก้วสตรอเบอร์รี่มูส แต่ว่าเจสสิก้าท่าว่าจะไม่ได้เครื่องดื่มแก้วนี้แล้วสิครับเมื่อมีผู้หญิงรูปร่างท้วมมาหยิบมันไปก่อน เดี๋ยวผมสั่งแล้วยืนรอดีกว่า

       

                  “ขอสตรอเบอร์รี่มูสครับ//บลูฮาวาย 1 แก้วค่ะ”

                  “คุณทิฟฟา..!!

       

                  เธอใช้นิ้วเรียวแตะริมฝีปากของผมเบาๆและใบหน้าที่ดูตกใจนั่นดูน่ารักมาก ผมเห็นหน้าเธอชัดๆแล้วล่ะครับ เครื่องสำอางบางๆที่วันนี้เธอแต่งมา ทำให้ใบหน้าหวานของเธอดูเด็กลงกว่าเดิม

       

                  “คุณชอบน้ำสตรอเบอร์รี่เหรอคะ”

       

                  ผมมองแก้วน้ำสีชมพูในมืออย่างลำบากใจ ผมไม่ชอบนี่นา ทำไงดีล่ะ จะเททิ้งก็ดูเสียมารยาทไปหน่อย ผมจึงพยักหน้ารับและส่งยิ้มให้เธอ ไอ้ยูลกับเจสสิก้าเอาไว้ทีหลังแล้วกันนะครับ ขอเวลาให้ผมอยู่กับสุดสวยตรงหน้านี่ก่อนนะ

       

                  “ดูท่าคุณทีเคจะไม่ชอบ งั้นเราแลกกันดีกว่าค่ะ”

                  “แล้วคุณทิฟ...”

       

                  เธอร้องชู่ววผ่านริมฝีปากสีแดงสดอวบอิ่มน่าจุมพิต แก้วน้ำของเราสลับกันเรียบร้อย ใช่ว่าผมจะทำตัวไม่ถูกนะครับ แต่ว่าผมกำลังไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังทำ เธอแตะที่ปากแก้วเบาๆแล้วดื่มไปนิดหน่อย ก่อนจะขยับริมฝีปากพูดกับผมอีกครั้ง

       

                  “เรียกทิฟฟานี่แค่ในที่ที่มีเรา 2 คนพอนะคะ”

                  “แล้ว..”

                  “เรียกมาดามฮวังค่ะ”

       

                  มาดามฮวัง ฮวัง...ตระกูลฮวัง!! เห้ย นี่มันลูกสาวคนที่จัดงานบริจาคนี่หว่า ผมนึกไปถึงป้ายหน้าทางเข้าที่มีชื่อของฮวังชานซองเด่นหราอยู่ โอ๊ยตายล่ะตายๆ นี่ผมไปเจาะไข่แดงลูกสาวท่านฮวังรึเปล่าเนี่ย! อร๊ากกกก ผมใกล้จะสติแตกแล้วครับ เธอในคืนนั้น คนที่ผมเจอในสถานบันเทิงกลับกลายเป็นคนที่ผมควรจะแสดงกิริยาสุภาพให้เกียรติ เพราะเราเป็นดังเพื่อนร่วมธุรกิจ

       

                  “สเตฟานี่ฮวังค่ะ”

                  “ผมคิมแทยอนครับ แล้วก็ขอโทษสำหรับการเสียมารยาท”

                  “ไม่หรอกค่ะ ตอนนี้ฉันเปลี่ยนลุค แล้วทีเคนี่ ให้สาวๆเรียกสินะ”

                  “ขอโทษจริงๆครับ”

                  “พออยู่ในงานแบบนี้คุณดูสุภาพนะคะ”

       

                  ผมยิ้มเขินในขณะที่เธอกำลังหัวเราะคิกคัก ผมรู้สึกเหมือนโดนหักเหลี่ยมนั่นแหล่ะครับ เราคุยกันสักพักเธอก็ถูกเรียกขึ้นไปบนเวที นั่นแหล่ะที่ทำให้ผมมั่นใจ ทิฟฟานี่เป็นลูกสาวของฮวังชานซอง เจ้าของบริษัทส่งออกเครื่องจักรอุตสาหกรรมหนักชั้นนำของโลก

                  ได้เวลากลับไปที่โต๊ะแล้วล่ะครับ พิธีการกำลังจะเริ่มในอีกประมาณ 10 นาที ยูริมันเอ็ดผมทันทีใน แต่ภรรยามันแค่ยิ้มบางๆเท่านั้น เธอขี้อายไปแล้วเจสสิก้าอา เสียงฟลุตค่อยๆดังผ่านลำโพงตัวใหญ่รอบๆงาน ผมหันไปมองหน้าเวทีทันที ใบหน้าหวานหำลังหลับตามพริ้มพร้อมกับบรรเลงเพลงผ่านปลายนิ้วและริมฝีปากสีชมพูอ่อน ผมจดจ้องราวกับต้องมนตร์สะกด...น่าจูบ...น่าหลงใหลเป็นที่สุดเลยครับสุดสวย

       

                  “เห้ย อย่าทำหน้าเหมือนคนบ้าได้ป่าว”

                  “อะไร เปล่า”

       

                  ผมเหล่ตามองเพื่อนตัวสูงอย่างขัดใจ มันจะมาทักอะไรตอนกำลังหลงวะครับ ทิฟฟานี่เดินลงจากเวทีด้วยท่วงท่าสง่างามพร้อมกับเสียงปรบมือดังกระหึ่ม ชายหญิงในชุดบัลเล่เดินขึ้นมาทันทีเพื่อแสดงต่อ ผมมองตามเธอจนลับสายตาแล้วหยุดการปรบมืออย่างกะทันหันเมื่อแขกเหรื่อหันมามองผมที่กำลังตบมือเพลินอยู่เพียงคนเดียว ผมต้องโค้งรัวๆและรีบนั่งลงขณะที่ใบหน้ากำลังร้อนฉ่า อายสิครับงานนี้

                  ผมหลุบตาต่ำลง นั่งมองแก้วน้ำอัดลมสีสวยในมือ งานนี้ไม่น่าจะมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นะครับ ถ้ามี คงจะเป็นดึกๆที่ผู้ใหญ่ท่านจะสังสรรค์กันแหล่ะครับ ผมค่อยๆจิบเครื่องดื่มอย่างช้าๆ มันกลมกล่อมครับ เหมือนกับเอาไวน์รสดีมาทำให้ซ่าส์เท่านั้นแหล่ะ ผมเจอเธอแล้วครับ เธอยืนอยู่ที่โซนเครื่องดื่มเหมือนเดิม ผมว่าเธอน่าจะชอบเรื่องพวกนี้นะ ดูท่าทางที่ทิฟฟานี่กำลังเขย่าแก้วนั่นสิ ไม่รอช้าครับ ผมเดินเข้าไปหาเธอทันที ปล่อยให้ยูริและเจสสิก้ามองตามอย่างงงๆ

       

                  “ขอน้ำองุ่นซ่าส์ๆหน่อยได้มั้ยครับคุณบาร์เทนเดอร์”

                  “ได้ค่ะคุณทีเคสุดหล่อ อุ๊ปส์ ฮ่าๆ”

       

                  ผมคงโดนเธอเล่นแล้วล่ะครับ ใบหน้าเธอดูจริงจังกับการทำมากเลยจริงๆนะ ปอยผมที่ปรกตาของเธอดูจะเป็นอุปสรรคอย่างมาก ผมหัวเราะกับการที่เธอพยายามจะทัดผมด้วยไหล่เหมือนเด็กๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ผมจับปอยผมสีแดงของเธอขึ้นไปทัดหูอย่างอ่อนโยน เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผมทันที

       

                  “แค่วันไนท์นะคะแทยอน”

                 

                  กลายเป็นวันไนท์สแตนด์ไปแล้วสิครับ ผมยืนอึ้งอยู่สักพัก บอกแล้วไงว่าผมหลงสเน่ห์เธอไปแล้ว สมองของผมกำลังประมวลผลในขณะที่ทิฟฟานี่กำลังชงเครื่องดื่มที่ผมสั่งไปเมื่อกี้อย่างตั้งอกตั้งใจ

       

                  “ไม่หรอก ยังไง วันนี้เราคงเป็นคืนที่ 2 นะครับมาดาม”

                  “ฉันไม่กลืนน้ำลายตัวเองหรอกนะคะ”

                  “งั้นก็กลืนน้ำ(ลาย)ผมแทนสิครับ”

       

                  ผมรับไวน์องุ่นมาจิบ เปรี้ยวครับบบ ผมว่าเธอชงค็อกเทลครั้งแรกแน่นอน ผมยิ้มให้เธอกว้างๆและชวนทิฟฟานี่ไปนั่งที่โต๊ะด้วยกัน ปล่อยไว้คนเดียวเธอคงจะเหงาน่าดู เธอยิ้มและเดินตามมาเงียบๆครับ ไม่มีการพูดคุยเพราะเรายังไม่สนิทกันสักเท่าไร พอผมเดินมาที่โต๊ะ เจสสิก้าหันขวับเลยครับ

                  .........สงสัยกลัวยูลหลงสเน่ห์

       

                  “น้องฟานนน กลับจาก LA ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”

                  “ 2 อาทิตย์เองค่ะพี่สิก้า”

                  “ไม่บอกไม่กล่าวเลยนะ”

                  “ก็เหมือนที่พี่มาก่อนโดยไม่ติดต่อกลับมาแหล่ะค่ะ”

                  “ย้อนนะเรา”

       

                  ผม..กับ..ยูริ รู้สึกเป็นเหมือนส่วนเกินครับ เธอคุยกันได้โลกนี้มีแค่เราสองมาก ไอ้ยูลมันก็คงอึ้งเหมือนกันแหล่ะครับ อยู่ดีๆเจสสิก้าที่กำลังป้อนอาหารเจ้าตัวอยู่กลับวางช้อนลงและไปสนใจหญิงสาวผู้มาใหม่ทันที น่าสงสารนะ ฮ่าๆ....ผมสงสารตัวเองด้วยดีกว่า

                  ทิฟฟานี่ทำให้เจสสิก้าผู้เหนียมอายกลายเป็นสาวขาเมาท์ได้ภายในเวลา 2 นาที  เฮ้อ ผมก็ต้องมานั่งแกร่วกับไอ้เพื่อนตัวโย่งและดำ...กว่าผม

       

                  “มาดามครับ คืนนี้ไปต่อที่ห้องผมไหม”

       

                  ผมก้มลงกระซิบเบาๆกับทิฟฟานี่ที่เดินออกมาจากเจสสิก้าและนั่งอยู่ข้างๆผม ปล่อยให้คู่สามีภรรยาคุยกันตามลำพัง เธอถลึงตาใส่ผมแล้วหยิกที่แขนผมอย่างผู้ใหญ่ตักเตือนเด็กๆ ผมยู่ปากและกระซิบถามอีกครั้งเพื่อจะเอาคำตอบ

       

                  “ว่าไงครับ”

                  “คุณไม่เห็นเหรอว่าคืนนี้ป๊าฉันเป็นเจ้าของงาน”

                  “งั้นแสดงว่าถ้าว่าง คุณก็โอสินะ”

                  “ไม่ค่ะ บอกแล้วนี่ว่าวันไนท์น่ะสุดหล่อ”

                  “คุณห้ามผมไม่ได้หรอกครับ”

       

                  ผมขยิบตาแบบขี้เล่นและชนแก้วกับเธอ การแอบมองแบบนี้ก็มีความสุขดีนะครับ ผมยิ้มกับตัวเอง หัวเราะกับตัวเองเกี่ยวกับเรื่องของเธอ แต่คืนความสุขคืนนี้ก็หมดลงอย่างรวดเร็วเมื่อถึงเวลาเริ่มวันใหม่ คุณพ่อท่านมาตามผมกลับบ้านครับ อา คงต้องกลับไปทานข้าวเช้าฝีมือคุณแม่แล้วล่ะครับ

                  ผมนับวันรอวันที่จะได้เจอเธออีกครั้ง เรียกว่าตั้งหน้าตั้งตารอแหล่ะครับ วันๆไม่ทำอะไร เปิดแอพคาเคาทอร์ค พิมพ์ไอดีที่คาดเดาว่าจะเป็นของเธอ ผมทำแบบนี้มา 3 วัน ไม่เจอครับผม J แต่คนเราก็ต้องมีโชคดีกันบ้างแหล่ะนะครับ และผมก็เจอจริงๆ ฮ่าๆ Stafan สเตฟานจริงๆด้วย ผมแทบจะกระโดดบนโต๊ะทำงานเลยล่ะครับ ผมกดเพิ่มเพื่อนอย่างไม่ต้องคิด เมื่อแน่ใจว่าเป็นเธอ

                  รูปโปรไฟล์ของเธอเป็นรูปเธอกับเจสสิก้าในงานเมื่อวานครับ สเตตัสว่า พี่เป็ดลอยน้ำ-.- ผมว่าคงมาจากเจสสิก้านะครับ เห็นไอ้ยูลเรียกว่ายัยเป็ดอยู่บ่อยๆ ผมทักเธอไปแล้วครับ

       

                  ฮายด์สุดสวย

       

                  ผมคิดว่าเธอคงไม่ตอบเร็วหรอกครับ คงต้องรอประมาณ 2 ถึง 3 ชั่วโมงล่ะมั้งเธอถึงจะจับโทรศัพท์แล้วกดพิมพ์คุยกับผม ให้เดานะครับ ตอนนี้ 8 โมงเช้า เธอน่าจะกำลังเตรียมตัวเข้าประชุมพร้อมกับป๊าของเธอแหล่ะครับ โอ๊ะ ผิดคาด เธอตอบมาแล้ว

       

                  ความสามารถเยอะจังนะคะแทยอน

                  แน่นอนสิ ผมเรียกว่าฟานี่ได้ใช่มั้ย

                  ได้ค่ะ

                  ฟานี่ไม่มีประชุมเหรอครับ

                  แอบเล่นสิคะ

      อ้าว งั้นเดี๋ยวผมทักไปอีกทีดีกว่า ตั้งใจประชุมนะ

      ค่ะ ไฟท์ติ้งเหมือนกันนะคะ

       

                  โห กำลังใจมาตรึมครับ ผมปิดหน้าจอและวางโทรศัพท์บางเฉียบสีเทาหม่นลงบนโต๊ะทำงาน มือซ้ายเลือนกองแฟ้มสีส้มและประวัติคนไข้เล่มสีเขียวข้างๆมาวางไว้ตรงหน้าเพื่อนจะเริ่มทำงานอย่างจริงๆจังๆหลังจากดองไว้ 3 วันติดๆ

                  เอกสารแผ่นแล้วแผ่นเล่าถูกเปิดอ่านอย่างพิจารนา มือซ้ายตวัดปากกาเซนต์ชื่ออย่างรวดเร็วทันทีที่อ่านจบ ผมวางแฟ้มสีเขียวไว้ด้านหน้าเพื่อรอผู้ช่วยมานำไปให้คุณพ่อตรวจทานอีกทีหนึ่ง

       

                  “เฮ้ออออ”

                  “เป็นไง พอกงานไว้น่ะ ฮ่าๆ ไปจีบสาวที่ไหนหืม”

                  “จีบอะไรล่ะพ่อ นั่งอยู่ในห้องแบบเนี้ย”

                  “โว้ สมัยนี้มีเนตไว้ทำอะไรล่ะ”

                  “คนแก่อินเทรนด์”

       

                  ผมพึมพำกับตัวเองในประโยคสุดท้ายเพื่อไม่ให้คุณพ่อบังเกิดเกล้าได้ยินแล้วบ่นผมจนหูชาเหมือนเมื่อคืนที่ผมไม่ยอมทำงาน ท่านเคาะด้ามปากกาสีเงินลงกับโต๊ะเพื่อเรียกความสนใจ ผมเงยหน้าขึ้นมองเป็นการถามว่ามีอะไร ท่านวางรูปบังกะโลและอีกแผ่น คือรูปของ

                  ทิฟฟานี่???!!

       

                  “ทำไมครับ”

                  “จำได้มั้ย ลูกสาวท่านฮวังที่เคยเจอในงานบริจาคน่ะ”

                  “จำได้ฮะ”

                  “พ่อจะไปซื้อบังกะโลต่อจากท่านที่เกาะเชจูพรุ่งนี้ แต่ว่าติดงานนิดหน่อย แม่เราก็ไปกับพ่อ เลยจะให้ลูกไปคุยหน่อยเพราะเราวัยเดียวกับสเตฟานี่”

                  “แล้วคุณฮวังไม่มาเหรอครับ”

                  “กลับแอลเอแล้วล่ะ มาอีกทีก็ปลายเดือนหน้านู่น”

                  “งั้นเดี๋ยวผมจัดการให้”

       

                  ก็ไม่ได้หวังผลเท่าไหร่อ่ะนะครับ ช่วยไม่ได้ พรหมลิขิตช่างดลบันดาลอะไรเยี่ยงนี้ ผมควรไปเตรียมของสินะ นึกได้ดังนั้นผมจึงหยิบเสื้อคลุมที่พาดอยู่กับพนักพิงขึ้นมาพาดบ่าและเก็บของทันที

       

                  “จะไปไหน”

                  “เตรียมตัว ไปละนะพ่อ จัดการต่อให้ด้วย ลาล่ะครับ รักพ่อนะจุ๊บ”

                  “โอ๊ย ไอ้ลูกคนนี้”

       

                  ผมขับรถสปร์ตคันหรูจากที่ทำงานตรงสู่เกาะเชจูทันที ขงของที่เอาไปด้วยก็แทบจะไม่มีอ่ะครับ มีแค่ กระเป๋าสตางค์ โทรศัพท์มือถือ และอะไรอีกหลายๆอย่างที่ติดมาในรถ ทั้งที่ชาร์จแบต โน้ตบุ๊ค ไอแพด นมกล่อง หลอด กล่องโฟม ชามกระดาษ โอ๊ะ ขยะเยอะฮะ

                  ใช้เวลาไม่นานรถก็เคลื่อนตัวเข้าสู่เขตเชจู ผมเผยยิ้มกว้างและจอดรถเอาไว้ริมชายหาดใกล้ๆกับบังกะโลที่ผมต้องมาติดต่อซื้อ มือสองข้างถูดสอดเข้าไปในกางเกงแสล็คสีดำแบบสบายๆ ยืนมองทะเลสีฟ้าใสอยู่นานก่อนจะตัดสินใจเดินไปที่รถ แต่ผมก็ต้องชะงัก

       

                  “เห้ย คุณมาได้ไง”

                  “จริงๆแล้วฉันมานั่งตรงนี้นานแล้วนะคะ แค่คุณมัวแต่เล่นเอ็มวีอยู่เลยไม่สนใจฉันล่ะมั้ง”

                  “บ้า ไม่ได้เล่นเอ็มวี แค่ยืนมองเฉยๆเองง”

       

                  ผมขยับกายนิดหน่อยแล้วนั่งลงเคียงข้างหญิงสาว เธอนั่งกอดเข้าแต่ผมนั่งขัดสมาธิ ลมทะเลค่อยๆพัดเข้าสู่ชายฝั่งตีหน้าจนรู้สึกเย็น ผ้าคลุมของทิฟฟานี่ปลิวไปตามลม เธอเอียงศีรษะซบลงกับไหล่ผม เสียงเพลงเบาๆถูกเปล่งออกมาจากลำคอของหญิงสาว

       

                  “ฉันอยากหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ อยากอยู่กับคุณ ฉันไม่รู้ว่านี่เรียกว่าความรักหรือเปล่า ฉันอยากให้คุณเรียกฉันว่าฟานี่ ฉันไม่ได้ต้องการให้เราทำตัวเหินห่างกันเหมือนแบบนี้ขอให้คุณรู้ไว้ บางทีฉันอาจจะฉันไม่ได้เป็นเหมือนที่คุณหวัง...”

                  “คุณก็รักคุผม งั้นเราก็รักกัน แล้วทำไม??”

                  “คุณอาจจะไม่เชื่อก็ได้ แต่ว่าฉัน...มีลูกแล้ว”

       

                  เหมือนหัวใจที่เคยพองโตเพราะคำบอกรัก หยุดเต้นลงทันที ดวงตาใสๆของทิฟฟานี่มองไปที่ทะเล เธอไม่สบตาผม และผมก็ไม่ได้หันไปสบตาเธอ หยดน้ำตาที่ถูกเก็บเอาไว้ใกล้จะหลั่งไหลออกมา ผมเงยหน้าขึ้นกับท้องฟ้าเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา

      ผมนิ่งเงียบไปเป็นนาที ยอมรับว่าตกใจมาก สมองของผมกำลังตีกันยุ่งเหยิง เธอยังสาว ยังสวย ใครจะไปคิดกันล่ะว่าเธอมีลูก ผมเอนตัวลงกับพื้นทรายสีขาวนวลและดึงเธอลงมาด้วย ผมไม่สนว่าใครจะว่าอะไร เพราะผมได้ตัดสินใจไปแล้วว่า..รักทิฟฟานี่

       

                  “ผมรับได้ คุณเป็นหม่ายใช่ไหม”

                  “อื้ม”

                  “แต่งงานกันนะ”

       

                  ทิฟฟานี่วาดมือมากอดลำตัวผมเอาไว้ เธอกระโดดขึ้นคร่อมลำตัวของผมด้วยแววตาเป็นประกาย เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเรื่อย ผมมองใบหน้าหวานด้วยอารมณ์ตกใจ มือเรียวของทิฟฟานี่เกลี่ยทรายรอบๆใบหน้าของผมออกไป เธอประทับริมฝีปากลงมาด้วยความนุ่มนวล ผมสอดมือเข้าไปใต้กระโปรงตัวสั้น มือหยาบแตะที่ส่วนนั้นเบาๆก็รู้สึกถึงความชื้น ยางองยางอายไม่ต้องมีหรอกครับ เพราะนี่มันหาดส่วนตัว

       

                  “แทอาจจะยังไม่รู้อีกเรื่องเกี่ยวกับฟานี่นะคะ” หญิงสาวพูด แทยอนขมวดคิ้วกับสรรพนามที่แตกต่างออกไปแต่ก็ยอม มันน่ารักดีนี่เนอะ

                  “หื้ม”

                  “ฟานี่ล้อเล่นค่ะ ฟานี่ยังไม่มีลูกอะไรทั้งนั้นแหล่ะ ฮิๆ”

       

                  ผมแทบจะผลักเธอออกแล้วไปกระโดดลงทะเลให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย โอ๊ยยยย เสียรู้ให้สาวที่เจอกับในผับ ผมดีดหน้าผากเธอไปและก้มลงกระซิบที่ข้างหูด้วยเสียงแหบพร่า “แล้วแต่งมั้ยครับที่รัก”

       

                  “ไม่แต่ง...อืมมม หรือแต่งดีนะคะ”

                  “ถามแท แทว่าแต่ง”

                  “ฮ่าๆ มัดมือชกหรือเปล่าคะ”

                  “งั้นถามอย่าง ทำไมแทถึงเรียกทิฟฟานี่ต่อหน้าคนอื่นไม่ได้”

                  “อืมมม คงเพราะว่าทิฟฟานี่ได้ตายไปจากโลกแล้วมีแค่แทที่รู้จักทิฟฟานี่ล่ะมั้งคะ”

       

                  ผมส่ายศีรษะ ใบหน้าใสแสดงความงุนงงออกมาอย่างชัดเจน ทิฟฟานี่หัวเราะขำ นิ้วเรียวกดลงบนหว่างคิ้วของคนตัวเล็ก ทิฟฟานี่เผยยิ้มออกมากว้างๆเพื่อที่จะเล่าผมได้เข้าใจเสียที

       

                  “บางทีอาแทอาจจะลืมไปแล้วว่าพี่เคยรู้จักผู้หญิงคนนึงที่อาเรียกเค้าบ่อยๆว่าพี่ฟาน”

                  “พี่ฟาน!!! เค้าเป็นอะไรกับเธอ สเตฟานี่”

                  “พี่ฟานของอาน่ะ แม่ของฟานี่นะ เธอตายไปแล้ว ฟานี่ยังจำอาได้เลย ทำไมอาจำฟานี่ไม่ได้ล่ะคะ ไหนตอนนั้นบอกรักฟานี่นักรักฟานี่หนา ห่างกันไปไม่ถึง 10 ปี อาลืมฟานี่แล้วเหรอ ตอนอาอายุ 16 ฟานี่อายุ 10 ขวบ อาเคยบอกว่าถ้าฟานี่โตแล้วเราจะแต่งงานกันไม่ใช่เหรอ”

                  “ยัยเด็กแก่แดดเอ๊ย อาไม่คิดว่าเธอจะกลับมา หื้มม”

       

                  ผมมองเด็กผู้หญิงที่เป็นลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องของผมอย่างไม่เชื่อสายตาเลยจริงๆ ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง หลังจากที่พี่ฟานต้องไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ ทิ้งบ้านเอาไว้และปล่อยให้ผมรอเสตฟานี่จนกลายเป็นแค่ส่วนหนึ่งของความทรงจำ

                  สเตฟานี่ร้องห่มร้องไห้แล้วซบกับอกของผู้เป็นอาที่มีอายุต่างจากเธอไม่มากนัก ผมลูบศีรษะหญิงสาวเบาๆ

       

                  “งั้น แต่งงานกับอานะ”

                  “ตกลงค่ะ ฮือออออ”

       

                  สเตฟานี่ทุบอกผมอย่างบ้าคลั่ง ผมหัวเราะอย่างบขบันกับกิริยาที่เป็นเด็กๆแบบนี้ ผมว่าผมต้องไปขอสเตฟานี่กับคุณฮวังซะแล้วล่ะ ฮ่าๆ พ่อนะพ่อ บอกดีๆก็ไม่ได้ เชื่อเถอะครับว่าพ่อผมรู้อยู่แล้วว่าเธอคือสเตฟานี่ คนเดียวกับเด็กที่ผมพามาทานอาหารที่บ้านบ่อยๆ

       

                  “ทดลองเข้าเรือนหอดูมั้ย วันจริงจะได้ไม่เขิน”

                  “บ้า ของอย่างนี้มันต้องลองด้วยเหรออาแทททท!! ปล่อยหนูน้าาาา.....”

       

      [END]

      ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
      ในที่สุดเรื่องนี้ก็จบลง
      ขอโทษที่จบแบบกากๆ
      ไรท์จบแบบดีๆซึ้งๆไม่ได้อ่า
      ฝากติดตามเรื่องต่อไปด้วยน้าาาา

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×