ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นายหัวยิ้ม's ไดแอรี่ (Diary of Mr. Smiling Head)

    ลำดับตอนที่ #3 : -3- 31 มีนาคม พ.ศ.2553 พิซซ่า

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 53


    31 มีนาคม พ.ศ.2553
    เวลา 23.40
     
    พิซซ่า
    อาหารขึ้นชื่อของเมืองอิตาลี่
    (หรือในเมืองไทยด้วยก็ได้)
     
    ผมมีเรื่องเล่าอันน่าถึงของมัน…ตอนที่ผมเข้าโรงพยาบาล
     
    ที่ว่าผมเข้าโรงพยาบาลน่ะ ไม่ได้เป็นเพราะผมเกิดเป็นโรคร้ายหรือประสบอุบติเหตุหรอกครับ
    แต่ผมต้องเข้าโรงพยาบาลจริงๆ
    ไปเยี่ยมเพื่อนที่พึ่งออกมาจากเตียงผ่าตัดเมื่อวานนี้เอง
    บอกไว้ก่อนเลยเธอ เพื่อนผมคนนี้อ้วนท้วมสมบูรณ์ ตัวใหญ่
    กินเก่งอีกต่างหากครับ
    แต่เธอพึ่งจะขึ้นเขียงมาไม่นานนี้เอง
    เนื่องจากเข่าข้างขวาไม่ดี ลูกสะบ้า เอ็น ข้อต่อ เสียหมด
    จึงต้องได้รับการผ่าตัดด่วน!!!
     
    โห โรงพยาบาลคนเยอะจริง
    มองไปทางไหน
    ก็มีแต่ผู้คน
    คนไข้
    เตียงพยาบาล
    หมอ
    พยาบาล
    ทำผมกับเพื่อนที่มาด้วยกันลายตาไปหมด
    พวกเราเซ่อเสียไม่มี เดินไปยังทางตันซึ่งทางโรงพยาบาลกั้นไว้
    สำหรับการก่อสร้างตึกใหม่
    เปลี่ยนเส้นทาง
    ก็ยังเจอผู้คนมาเยี่ยมญาติ และรถเข็นอีกมากมาย
     
    ผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยว่า โรงพยาบาลนี้มีตึกผู้ป่วยที่ชื่อ “ร่มฉัตร” กับ “ฉัตรแก้ว”
    ซึ่งผมกับเพื่อนง่วนอยู่กับการหาตึก
    หนำซ้ำ
    เพื่อนผมที่มาด้วยกันยังบอกอีกว่า “ที่ตึกร่มแก้ว”
    เอาแล้วไงล่ะ
    ตักอักษร คำแต่ละคำนี่สามารถเอามายำกันได้อย่างสนุกสนาน
    แต่มันก็ทำให้เราหาตึก “ฉัตรแก้ว” เสียตั้งนาน
    ความจริงคือ
    ตึกผู้ป่วยที่ว่ามีชื่อว่า “ฉัตรแก้ว” กับ “ร่มสุข” เท่านั้น
    แล้ว “ร่มฉัตร” ผมไปเอามันมาจากไหนกัน
    สงสัยจะเล่นคำจนเพลิน
     
    สรุปแล้วเราทั้งสองคนเดินตรงมายังตึก “ฉัตรแก้ว”
    เจอสักที
    ยามหน้าตึกถามว่า “ขึ้นไปชั้นไหน”
    “ชั้นห้า”
    แล้วเราก็รีบเดินเข้าตึกไป
    ยามคนนั้นน่ากลัวจริงๆ
     
    ห้อง 509
    ถึงแล้ว เพื่อนผมที่ผ่าตัดนอนใส่เฝือกที่ขาขวาบนเตียง
    หน้าตามันยังดีที่ยิ้มออกเมื่อเห็นเพื่อนสนิท
    นอกจากนี้ยังมีเพื่อนอีกคนที่มาถึงก่อนพวกเรา
    ดีแล้วล่ะครับ ไอ้คนที่พึ่งลงจากเขียงจะได้ไม่เหงา
    อ่อ ลืมไป แม่ของมันไปทำธุระ
    หน้าที่ดูแลมันก็คือเพื่อนๆ อย่างผมนี่ล่ะ
     
    เราตื่นตาตื่นใจกับเครื่องบริหารขามาก
    (ทั้งที่ความจริงแล้วควรสงสารคนป่วย ว่าจะเจ็บเพียงใด)
    มันเป็นเครื่องที่ทำให้เข่าเรางอขึ้นงอลงช้าๆ สามารถปรับองศาได้
    หลายองศาเลยทีเดียว
    แต่พอมองหน้าเพื่อนแล้ว ผมก็รู้สึกทรมานแทน
    “มันคงจะเจ็บน่าดูว่ะเพื่อน”
    มันคงไม่เร็วไปสำหรับการกายภาพบำบัดหลังผ่าตัด
    เป็นเรื่องที่ควรทำจริงๆ นั่นล่ะ
    เพราะถ้าไม่ทำกายภาพบำบัด เส้นอาจยึดได้
     
    เราผละจากเครื่องบริหารขา มาสนใจลิฟต์ประจำตึกฉัตรแก้วแทน
    ลิฟต์ที่นี่หลอนนะครับ
    ผมไม่รู้ว่ามันอาจจะทำงานผิดแผกจากที่อื่นหรือเปล่า
    กล่าวคือ…ผมกดลิฟต์เพื่อที่จะลง
    แต่มันกลับดันขึ้นไปชั้นบนสุดก่อน แล้วค่อยลงมารับผม
    ที่คอยจนเหนียงแทบยาน
    อันนี้คือลิฟต์สำหรับญาติผู้ป่วย
    แต่ที่น่าหลอนยิ่งกว่าคือ
    ลิฟต์ขนผู้ป่วย กดแล้วไม่มารับเลย
    เงียบ
    ผมงง
     
    ทั้งหมดทั้งมวล ไม่สำคัญเท่าพิซซ่า
    ตอนแรกผมกะจะไม่กิน แต่เพื่อนๆ ก็ยั่วจนผมยอมแพ้
    ต้องแชร์เงินค่าพิซซ่า
     
    เรื่องมันมีอยู่ว่า
    วันนี้ เป็นวันสุดท้ายสำหรับโปรโมชั่นซื้อหนึ่ง ฟรีอีกหนึ่ง
    (ของฟรีขอให้บอก)
    ตาลีตาเหลือกกดเบอร์ แล้วโทรหาพิซซ่าทันที
    “เอาฮาวายเอี้ยน ส่วนอีกถาดเอาเป็น ชิกเก้นทรีโอ้”
    “495 บาทค่ะ”
    เราต้องรีบเปลี่ยนขอบโดยด่วน
    พึ่งรู้ว่าพิซซ่าแพงที่ขอบนี่เอง
    ส่วนที่ต้องเปลี่ยน มันแพงเกินไป บวกกับผมที่ติดเงินมาน้อย
    (และขี้งกมากด้วย)
    “งั้นเอาเป็นขอบธรรมดา”
    ยังดีที่เราแก้ออเด้อทัน
    “325 บาทค่ะ”
    เบาขึ้นมาหน่อย
    “ที่โรงพยาบาลระยอง ตึกฉัตรแก้ว ชั้นห้า ห้อง 509…ตำบลท่าประดู่”
    เราได้แต่รอๆ ๆ แล้วก็รอ
    มันนานเสียจนเครื่องบริหารขาไม่มีผลต่อความเจ็บปวดใดๆ ของผู้ป่วยแล้ว
     
    รอ
     
    การรออาหาร สำหรับผม ผมว่ามันน่าทรมานที่สุดแล้ว
     
    รอ
     
    ในที่สุดหนุ่มพิซซ่าก็มาพร้อมกับความแปลกใจ
    “495 บาทครับ”
    “ฮะ!!!”
    จึงต้องเปิดดูกล่องพิซซ่า
    นั่นไง ทำขอบมาให้เราผิดจนได้
    ทั้งๆ ที่แก้ออเด้อไปแล้ว คนรับออเด้อน่าจะรู้
    งานนี้มีลุ้นแล้วล่ะครับ
     
    สรุป
    วันนั้นพวกเราได้พิซซ่าถาดกลางหนึ่งถาด ในราคา 325 บาท
    และยังได้ฟรีอีกหนึ่งถาด ในช่วงของโปรโมชั่น
    นอกจากนี้ ยังได้ฟรี ถาดกลางอีกสองถาด เนื่องจากรับออเด้อแล้วทำผิด
    ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นธรรมเนียมปรกติอยู่แล้ว สำหรับการได้รับอาหารที่ไม่ตรงตามออเด้อ
    เขาจะขอโทษเราด้วยวิธีนี้เองล่ะ
    อิ่มจนได้
    เพราะแค่สามชิ้นผมก็จะกระอักแล้ว
    ที่เหลือเก็บไว้ให้ผู้ป่วย และแจกจ่ายเพื่อนๆ เอากลับบ้าน
    ไปทานกันให้หนำใจไปเลย
     
    บางทีเรื่องเล่าในมุมของพิซซ่า ยังมีอีกเยอะ
    นี่ยังไม่รวมถึงการเปลี่ยนบรรยากาศในการกินพิซซ่า
    ประจวบเหมาะกับความฟลุ้ก ทำให้ได้พิซซ่าสี่ถาดมาครอง
    หวังว่าเพื่อนๆ คงจะอิ่มกันมากนะครับ
    และถ้าใครอ่านเรื่องนี้
    จะอยากลองสั่งออเด้อแบบผิดๆ ถูกๆ ก็คิดให้ดีเสียก่อนนะ
    สาวพิซซ่าเธอจดละเอียด
    แต่ถ้าใครไม่อยากคิด
    ทำเลย ก็เชิญครับ
    ไม่หวงลิขสิทธิ์
    แต่ระวังจากพิซซ่าสี่ถาด จะกลายเป็นพิซซ่าบนหน้าของคุณเสียเองครับ
    ฮ่าๆ
    ขำๆ
     
    รักทุกคนตามเคย…แล้วก็รักพิซซ่าด้วย
    บายครับ
     
    จบ 0.47
     
    นอนสักที
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×