คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [SF]_Ishigo x Uryuu_To you, who is in my heart
Pairing : Kurosaki Ichigo x Ishida Uryuu
Rate: PG-15
เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น .
ครั้งนั้น....ที่นายมองผม...ด้วยนัยน์ตาเปี่ยมความมั่นใจนั้น...
...เพียงครั้งเดียว...ผมก็ดีใจแล้วล่ะครับ...
บ้านอิชิดะ...
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มสวยค่อยๆ เปิดขึ้น ภาพบรรยากาศในห้องนอนของตนปรากฏชัดในระยะการมองเห็น ร่างบางค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างช้าๆ เสื้อชุดที่ใส่นอนตัวบางถูกถอดส่วนบนออก และถูกนำไปกองไว้บนเตียงอย่างไม่ใส่ใจนัก ชายหนุ่มหน้าสวยหยิบแว่นขึ้นมาใส่เพื่อให้ภาพชัดขึ้น ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อชำระร่างกาย
น้ำเย็นใสสะอาดไหลผ่านร่างเนื้อขาวผ่องไปอย่างช้าๆ อิชิดะ อุริว จงใจให้น้ำจากฝักบัวไหลกระทบใบหน้าสวยของตัวเองอย่างจังเพื่อไล่ความง่วงออกไป แต่ถึงแม้น้ำจะเย็นชวนตื่นเพียงใด...
...ความหม่นหมองภายในนั้น ก็มิได้ถูกขจัดไปอยู่ดี...
ร่างบางในชุดผ้าขนหนูผืนเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำ หยดน้ำร่วงหล่นลงกระทบและซึมหายเข้าไปกับพื้นพรมหยดแล้วหยดเล่า...ประตูตู้เสื้อผ้าถูกเปิดออก แขนเรียวค่อยๆ หยิบเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่ในวันนี้ขึ้นมา...หากแต่สิ่งที่ทำเอาหัวใจของเขากระตุก...คือชุดแขนยาวสีขาวที่ถูกแขวนอยู่ในสุดของตู้....ชุดเครื่องแบบของควินซี่...
เผาะ...เผาะ...
น้ำตาหยดใสไหลออกมาจากดวงตาเรียวสวย ก่อนดวงตานั้นจะก้มลงมองมือของตนเอง...มือที่ไม่สามารถจะสร้างคันธนูออกมาได้อีกแล้ว...ไม่สามารถที่จะสร้างอาวุธใดๆ ที่จะปราบเหล่าฮอลโลว์ได้อีกแล้ว...
หลังจากกลับมาจากโซลโซไซตี้ สิ่งที่ควินซี่หนุ่มผู้นี้ได้รับกลับมา กลับเป็นความว่างเปล่า เขาสูญเสียพลังของควินซี่ไปในศึกครั้งนั้น ความเจ็บปวดนั้นมากเกินจะรับได้ ...ใช่ แน่นอนเขารับไม่ได้ที่เขาเสียสิ่งล้ำค่าที่ประหนี่งจะค้ำชูชีวิตของเขาเอาไว้จนถึงทุกวันนี้ไป...
แต่อย่างน้อย...ในวันนั้น...วันที่เขากลับมาจากโซลโซไซตี้...แววตาสุดท้ายที่ชายคนนั้นมองเขา...ก่อนที่เขาจะโดนพ่อกักตัวไว้ที่บ้าน...แววตานั้น เพียงมันสื่อมาที่เขาอย่างมั่นใจและมุ่งมั่น เพียงแค่นั้นเขาก็ชื่นใจแล้ว...
ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน....
....นายแสดงความมั่นใจอย่างมากที่จะสามารถเอาชนะผมได้...
....โดยการที่แข่งกันกำจัดฮอลโลว์...หากแต่สุดท้าย เมนนอสกรังเด้ ก็โผล่มา...
....ผมได้ช่วยชีวิตคุณเอาไว้...ปกป้องคนที่ผมรู้สึกผูกพันธ์ด้วยอย่างแกะไม่ออก...
....ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะว่าทำไมผมจึงทำอย่างนั้น....
....แล้วนายล่ะ?....
“แฮ่กๆ...”
การต่อสู้สุดโหดกับผู้เป็นพ่อยังคงดำเนินต่อไป โดยบุตรชายเพียงคนเดียวของ อิชิดะ ริวเค็น นั้นต้องต่อสู้กับเจ้าตัว โดยปราศจากอาวุธคู่ใจ ประจำเผ่าพันธุ์ควินซี่...ซึ่งก็คือ ธนู
เปรี้ยง!
ลูกธนูที่เล็กและแม่นยำถูกยิงออกไปเรื่อยๆ กระทบกับกำแพงที่สร้างขึ้นจากพลังวิญญาณ แต่ก็สร้างความเสียหายให้กับห้องที่ไม่ได้เป็นของจริงไม่มากนัก
ฟุ่บ!
โครม!
“ไม่ไหวแล้วงั้นเรอะ....” น้ำเสียงเย็นชาเปล่งออกมาจากชายผุ้มีเรือนผมสีเงิน แว่นไม่หนาที่สวมอยู่ถูกดันให้กระชับ ก่อนจะขยับเข้าไปหาลูกชายที่นอนหมดแรงอยู่ที่พื้น ริมฝีปากเหยียดยิ้ม
“ไว้มาต่อพรุ่งนี้ละกันนะ”
“ชิ...”
คนที่นอนหมดแรงสบถอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก...เขาไม่อยากแพ้พ่อ...เขาไม่อยากแพ้ผู้ชายที่ไม่เห็นค่าของความเป็นควินซี่เพียงเพราะเหตุผลว่ามันทำเงินไม่ได้!!!!
หากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้...ในเมื่อชายคนนี้เป็นเพียงผู้เดียวที่มีโอกาสจะฟื้นพลังควินซี่ให้เขาได้มากที่สุด...
เพียงพริบตาเดียวเตียงที่ห้องนอนก็ถูกร่างบางทาบทับลงไปนอน ความเหนื่อยล้าเกาะกุมกล้ามเนื้อทุกมัด บอกตัวของเขาว่ามันต้องการจะพักผ่อน ห้วงนิทราติดตามมาในเวลาไม่นาน ลากให้เด็กหนุ่มเข้าสู่ภวังค์แห่งการหลับไหลได้อย่างรวดเร็ว...
“งั้น ชั้นขอคำตอบแกเลยละกัน...” เสียงหนึ่งจากผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ทำงานเอ่ยขึ้นทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในห้อง ความตึงเครียดเกาะกุมหัวใจที่เศร้าหมองให้อาการหนักกว่าเดิมของเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสั้นสีน้ำเงิน
“ผม...อยากได้พลังของควินซี่คืน....” ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกไป...ด้วยความลังเล
“แล้ว..?”
“ผมสัญญาว่า...” มันเป็นประโยคที่เขาไม่อยากกล่าวเป็นที่สุด
“...ผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยมทูตอีก...” แม้น้ำเสียงจะเยียบเย็น...หากแต่ภายในนั้น...กำลังกรีดร้อง...กรีดร้องอย่างเจ็บปวดทรมาน...มันกำลังร้องไห้...เขาเพิ่งเอ่ยวาจาสัตย์ ออกไปว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนที่เขาได้มอบหัวใจทั้งดวงให้ คนที่เขาทำได้เพียงเฝ้ามองดูใบหน้าที่ยิ้มแย้มและความมั่นใจที่มีเกินร้อย ใบหน้าที่ทำให้เขามีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้...
. . . . . . . . .
....แรงสั่นสะเทือนวิญญาณหยุดแล้ว...
นัยน์ตาสีน้ำเงินเหลือบมองออกไปนอกกระจกบานใสที่กั้นตัวเขาเอาไว้กับโลกแห่งความเป็นจริง
...มันเกิดอะไรขึ้น?...แล้ว...เขาล่ะ??
ฟุ่บ!
เปรี้ยง!
“เป็นห่วงรึไง...การต่อสู้ของยมทูตน่ะ?” เสียงที่แฝงความดูถูกจากผู้เป็นพ่อเหมือนจะจิ้มแทงใจดำของร่างบางเป็นอย่างมาก ต่อให้ลูกธนูไม่โดนแต่คำพูดนั้นปักเข้าหัวใจเต็มๆ
“พูดเรื่องอะไรน่ะ..?” แสร้างตอบออกไปแบบนั้น พยายามรักษาน้ำเสียงให้เป็นปกติที่สุด ทั้งๆ ที่ในใจก็เป็นห่วงจะแย่...
...เป็นห่วง...ว่าเขาคนนั้นจะเป็นอะไรรึเปล่า...
ภาพเพดานห้องของตัวเองปรากฎแก่สายตาอีกครั้ง ร่างผอมเพรียวสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าที่ดวงตาของตนมีคราบใสๆ เกาะอยู่ มือเรียวรีบปาดมันทิ้งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง...
ก๊อก ก๊อก....
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่ร่างสูงของบิดาจะเยื้องย่างเข้ามา นัยน์ตาสีเข้มเป็นประกายจ้องมองลูกชายที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงที่มุมห้องด้วยสายตาที่ยากจะอ่านออก ฝ่ายที่ถูกจ้องมองดูเหมือนจะรู้สึกตัวจึงเงยหน้าขึ้นมามอง นัยน์ตาที่มองนั้นดูแข็งกล้าและไม่เป็นมิตรอย่างมาก...หากแต่ใบหน้านั้นก็ยังคง...งดงาม...
“เป็นอะไรไป...ปกติจะต้องแสดงอาการต่อต้านฉันไม่ใช่รึไง?”
“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ...ออกไป...นี่มันยังเป็นเวลาพักของผม”
“หึ...ยังออกปากไล่พ่อเหมือนเดิมเลยนะ...”
ใบหน้าของเจ้าของเรือนผมสั้นสีเงินยิ้มเยาะเล็กน้อย ถึงแม้ลูกชายจะออกปากไล่แต่เจ้าตัวก็เลือกที่จะเดินเข้าไปใกล้เจ้าคนที่นั่งอยู่
“แล้วถ้า...ฉันบอกว่าไม่ล่ะ?”
“ผมก็จะไล่คุณออกไปเอง...”
“จะไล่ได้ยังไง...ในเมื่อฉันมาเพื่อจะบอกแกว่า...ไอ้ยมทูตสุดที่รักของแกน่ะ กำลังจะจากแกไปฮูเอโก้มุนโด้แล้ว”
“หา!!!!”
ท่าทางของคนตรงหน้าที่ดูเป็นเดือดเป็นร้อนกับสิ่งที่ตนเพิ่งกล่าวไปนั้นสร้างความหงุดหงิดให้กับ อิชิดะ ริวเค็น เป็นอย่างมาก หากแต่ก็ต้องเก็บความหงุดหงิดเอาไว้ในใจเท่านั้น
“คุณอย่ามาล้อผมเล่นนะ .!”
“...ฉันจะล้อแกเล่นทำไม?! อ๋อ...ใช่สิ...ถ้าไม่ใช่เจ้านั่นมาพูดเองแกคงไม่เชื่อสินะ!...ได้...ฉันจะทำให้แกลืมมันอย่างสมบูรณ์เอง!!” ว่าจบวิชาเท้าเหินที่เป็นการเคลื่อนที่อย่างเร็วของควินซี่ก็ถูกนำออกมาใช้ พุ่งเข้าปะทะกับร่างที่กึ่งนั่งกึ่งยืนของลูกให้เสียหลักล้มลงไปนอนบนเตียงโดยมีตัวเขาคร่อมอยู่ได้อย่างง่ายดาย
“จะ...จะทำอะไรน่ะ!!!” ไร้คำตอบจากคนที่คร่อมอยู่ ผู้เป็นพ่อก้มลงจัดการกับซอกคอขาวทันที สร้างความตื่นตระหนกให้แก่คนด้านล่างเป็นอย่างมาก ริมฝีปากหนาของชายผมสีเงินขบเม้มสร้างรอยแดงไว้บางจุดบนร่างกายขาวผ่อง มือหนาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของคนด้านล่าง เผยให้เห็นแผ่นอกขาวบางน่าสัมผัส และหน้าท้องแบนราบเนื้อนวลละเอียดที่พร้อมจะทะลายความอดทนของผู้พบเห็นได้ทุกเมื่อ
“แกนี่ก็น่ากินเหมือนกันนี่หว่า...”
“อึก...ออกไปนะ!!!!”
“ทำไม? รึแกอยากให้คนที่ทำแบบนี้กับแกเป็นไอ้ยมทูตนั่น? ช่างเป็นฝันที่เป็นไปไม่ได้เสียจริงๆ! มันสนใจแกที่ไหนล่ะ?”
“บอกให้ออกไป!! ...ฮึก...”
น้ำใสๆ เริ่มไหลออกจากดวงตาคู่สวย สติเริ่มเลือนลางเมื่อสัมผัสจากคนข้างบนรุกเร้าไล่ไปตั้งแต่หน้าอกของเขาจนถึงหน้าท้อง รอยรักถูกสร้างขึ้นรอยแล้วรอยเล่าโดยที่คนด้านล่างไม่เต็มใจและไม่มีโอกาสจะต่อต้าน หัวสมองเริ่มตื้อไปหมดหากแต่เจ้าตัวก็พยายามจะคิดหาทางหนีรอดให้ได้ แต่ก็มองอะไรไม่ค่อยชัดเพราะหยาดน้ำที่ขอบตามันบดบังทุกสิ่งทุกอย่าง
ส่วนลับส่วนหวงที่อยู่ใต้ท้องเริ่มถูกรุกรานแล้ว อุริวสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือหนาของพ่อปรนเปรอส่วนอ่อนไหวของเขาเบาๆ แต่ต่อเนื่อง
“ยะ...อย่า....ฮึก...” เริ่มพูดไม่เป็นภาษา แรงจะดิ้นก็ไม่มี...ในขณะที่คนด้านบนยิ้มอย่างสะใจที่เห็นคนตรงหน้าแสดงด้านที่อ่อนแอและสิ้นหวังที่สุดออกมา
“อื้อ!....อื้อ!!!!” พูดไม่ออก เลยทำได้เพียงครางอย่างต่อต้าน เมื่อซิบกางเกงเริ่มจะถูกรูดออก ความต้องการที่จะหนีรอดเรียกสติกลับคืนมาได้ในวินาทีนั้น ประตูที่เปิดอยู่คือทางออกเพียงหนึ่งเดียว ในขณะที่คนด้านบนกำลังไปสนใจส่วนล่างของเขา ฉับพลันร่างบางลุกพรวดขึ้น กำปั้นดุ้นๆ เหวี่ยงปะทะกับใบหน้าของผู้เป็นพ่ออย่างแรงจนใบหน้าหล่อเหลานั้นหันไปตามแรงต่อย ก่อนที่ผู้เป็นลูกชายจะใช้วิชาเท้าเหินวิ่งออกนอกห้องไป...
ริมฝีปากของเจ้าของนัยน์ตาสีเข้มเผยอยิ้มออกมา....ก่อนที่จะหายไปจากจุดที่เคยอยู่อย่างรวดเร็วตามคนที่เพิ่งหนีออกไป
“แฮ่กๆ...” ยังตกใจกับเหตุการณ์เมื่อกี้อยู่ แต่ร่างบางก็เลือกที่จะวิ่งต่อไป ถึงแม้จะรู้ว่าถูกห้องกระจกที่สร้างจากแรงดันวิญญาณของพ่อปิดกั้นเอาไว้ก็ตาม เด็กหนุ่มรูดซิบกางเกงตัวเองขึ้นพลางคิดทางออก จิตใจที่ตื่นตระหนกยังไม่สงบเสียทีเดียว แต่ในขณะที่กำลังหนี ร่างของคนที่เขาไม่อยากเจอที่สุดก็โผล่มาดักหน้าเสียก่อน!
“จะหนีไปไหนรึ? อุริว?”
“บัดซบ!” ร่างบางเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว พลางงัดอาวุธที่มีลักษณะเหมือนแท่งเหล็กสีเงินเล็กๆ ออกมาสู้ แต่ก็ไร้ประโยชน์เพราะชายตรงหน้าไวกว่าเขา ยิ่งเป็นตอนที่น้ำตาไหลออกมาบังระยะการมองเห็นด้วยแล้ว...
ฟุ่บ!
ฉึก!
เสร็จกัน! ในจิตใจของเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินบัดนี้มีแต่ความตกใจและความเจ็บแค้น...ที่ไม่สามารถหลบลูกศรอันเล็กกระจิดของพ่อตนได้ ถึงแม้จุดที่โดนยิงจะไม่ใช่หัวใจ หากแต่มันก็ใกล้เคียง อย่างมากก็ห่างไปประมาณ 20 มม.เท่านั้น...นี่เขาอ่อนหัดถึงขนาดนี้เลยเหรอ?
“หึ...เสร็จซะทีนะ....” ร่างสูงของผู้เป็นพ่อที่ยืนค้ำหัวอยู่ราวกับจะตอกย้ำความอ่อนหัดของเขา...
“ลดพลังกายและพลังใจจนถึงขีดสุด...แล้วยิงลูกศรเข้าไปที่จุดตัด 19 มม.ทางด้านขวาของหัวใจ...”
“เป็นวิธีฟื้นพลังให้กับควินซี่ที่สูญเสียพลังไป...เพียงวิธีเดียว...”
ทันทีที่ร่างบางได้ยินดังนั้น ดวงตาสีน้ำเงินพลันเบิกกว้าง...นี่ตลอดมา...พ่อทำเพื่อเขา...งั้นเรอะ...ทั้งที่พูดเหยียดหยามเขา...ตัดกำลังใจ...และที่ทำ..แบบนั้น..กับเขา...
“จะไปก็ไปซะสิ...” เสียงพึมพำที่แทบจะไม่ได้ยินของชายตรงหน้าทำให้อุริวเบิกตากว้างกว่าเก่า...ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก ริมฝีปากบางยิ้มให้คนตรงหน้าเล็กน้อยที่มุมปาก ก่อนที่ร่างบางจะหายไปจากจุดที่นั่งอยู่เมื่อครู่ในพริบตา...เขายังมีเรื่องที่ต้องสะสางอยู่...
“ปล่อยไปแบบนั้นจะดีเหรอ...” ร่างหนาร่างหนึ่งเอ่ยถาม นัยน์ตาของอิชิดะ ริวเค็นเหลือบมองไปยังผู้มาใหม่ที่ค่อยๆ เดินออกมาจากในมุมๆ หนึ่งของโรงพยาบาล คุโรซากิ อิชชิน เผยอยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเมื่อได้เห็นใบหน้ายากที่จะเข้าใจของเจ้าของผมสีเงินจ้องมองเขายิ้มๆ ก่อนร่างบางนั้นจะเดินเข้ามาหาเขาช้าๆ
“แล้วนายคิดว่ามันดีมั้ยล่ะ?”
“...เป็นคนไปห้ามเขายุ่งกับลูกฉันเองยังจะทำแบบนี้อีก...ไม่เคยเข้าใจนายจริงๆ เลยนะเนี่ย...”
“หึ...”
ใบหน้าหล่อเหลาของชายสวมแว่นค่อยๆ เงยมองร่างหนาในชุดยมทูตตรงหน้าช้าๆ สองร่างโน้มเข้าหากันเล็กน้อยก่อนประกบริมฝีปากเข้าหากัน วงแขนแกร่งของผู้ใช้ดาบโอบรอบเอวร่างบางกว่าไว้ก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“ที่เหลือจะเป็นยังไง....ก็ขึ้นอยู่กับสองคนนั้นแล้วล่ะนะ...”
บ้านคุโรซากิ
ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีส้มกำลังนอนแผ่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ในห้องคนเดียว ในไม่ช้านี้เขาจะต้องไปที่ฮูเอโก้ มุนโด้...เพื่อไปช่วยเพื่อนคนสำคัญของเขา อิโนะอุเอะ โอริฮิเมะ...ที่ถูกเจ้าบ้าไอเซ็นนั่นลักพาตัวไป หากแต่ร่างสูงก็ยังชั่งใจ...
ยังมีสิ่งหนึ่งที่เขาลำบากใจอยู่...เขายังไม่ได้บอกร่างบางที่จนบัดนี้ไม่โผล่หัวมาให้เห็นเลย เจอหน้ากันที่โรงเรียนก็ไม่ยอมพูดกับเขา ทั้งๆ ที่เขาอยากจะเข้าหาอย่างมาก....เขาเพียงแค่ต้องการจะบอกลา...ก่อนที่เขาอาจจะไม่ได้เจออีกเท่านั้นเอง...อิชิดะ อุริว...
ชู่วว...
นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างทันทีที่สัมผัสแรงดันวิญญาณที่คุ้นเคยได้ แถมคนที่เป็นเจ้าของยังอยู่ในบ้านเขาอีกด้วย! ร่างสูงลุกพรวดขึ้นจากเตียงและรี่ไปที่ประตูห้อง แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรอื่น
ปัง!
“อั่ก!!”
“คุณคุโรซากิ!”
“เจ้าบ้า!!! เปิดเข้ามาหัดดูซะมั่งสิโว้ย...เฮ้ย! อิชิดะ! นายไปโดนอะไรมา?!” ทันทีที่สังเกตุตัวร่างตรงหน้าดีๆ แก้วตาสีเปลือกไม้ถึงกับเบิกกว้าง...ก็เพราะคนที่เขาเห็นในตอนนี้ใส่เสื้อเชิ้ตที่ถูกปลดกระดุมออกหมดทุกเม็ด เหงื่อผุดพรายทั่วตัว หนำซ้ำ...หนำซ้ำไอ้รอยแดงๆ ที่อยู่ตามตัวนั้นมันคืออะไร???
ฝ่ายตรงข้ามดูจะตกใจไม่แพ้กัน ใบหน้าน่ารักนั้นขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อยเมื่อถูกทักเรื่องร่องรอยบนร่าง แต่แล้ว...สิ่งที่คุโรซากิ อิจิโกะไม่ปรารถนาจะเห็นมากที่สุดก็หลั่งออกมาจากดวงตาของร่างบางสวมแว่น...น้ำตา...
“ทำไมคุณไม่บอกผม?!”
“หา?” อิจิโกะทำหน้าเหลอหลา...จู่ๆ ร่างบางก็ตวาดเขาขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ทำไมคุณไม่บอกผมว่าคคุณจะไปฮูเอโก้ มุนโด้???”
“เอ่อ....”
“ผมไม่ใช่เพื่อนคุณงั้นเหรอ? รังเกียจผมมากงั้นเหรอ? ทำไม...ทำไม...ทำไมถึงไม่บอกผม...ฮึก...”
ระงับเสียงสะอื้นไม่อยู่...ร่างเล็กกว่าเอามือปิดปากตัวเองไว้เพื่อปกปิดน้ำตาและเสียงร้องไห้ของตนเอง แต่มันก็ยังอุตส่าห์เล็ดลอดออกมาให้ได้ยินก้องห้อง ใบหน้าของเจ้าของบ้านหัวส้มซีดลงทันตาเห็น ทำตัวไม่ถูกไปเลยเพราะจะเข้าไปกอดปลอบมันก็กระไรอยู่ แต่ก็มิอาจปล่อยไว้ได้...
“มะ...ไม่ใช่นะ...จริงๆ ฉันก็ชั่งใจอยู่เหมือนกันว่าจะไปบอกนายดีมั้ย...แต่มันก็ไม่กล้า...”
“ทำไมล่ะ...”
นัยน์ตาสีน้ำตาลเสมองทางอื่นเล็กน้อย...เขาไม่อยากสบตากับร่างบางในตอนนี้เลย...เพราะกลัว...เขากลัวมาตลอดว่าคนตรงหน้าจะรับรู้สิ่งที่เขาคิด...และกลัวว่าจะรับไม่ได้
“...ตอบผมมาสิ...คุโรซากิ...”
“เพราะว่าฉัน...ปะ....เป็นห่วง...เพราะถ้านายรู้ว่าฉันจะไป นายจะต้องตามไปด้วยแน่นอน...แล้วมันเสี่ยงมาก...แถมมันก็เป็นเรื่องของยมทูต นายที่เป็นควินซี่อาจจะไม่อยากเอาตัวเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยก็ได้...”
ในใจของยมทูตแทบอยากจะร้องอ๊าก...ไม่นึกว่าจะกะทันหันแบบนี้ที่จะต้องมาพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด โดยเฉพาะกับคนที่เขา...จะเรียกว่าคิดไม่ซื่อด้วยก็คงจะไม่ผิดนักกระมัง...
“...คิดว่าผม...ไม่ได้แคร์นายเหรอ...?”
“หา?”
“คิดว่าผมเย็นชาขนาดนั้นเลยเหรอ...”
“ปะ...เปล่านะ! คือ...มัน...มันก็อันตราย ฉันก็แค่กลัวว่าถ้านายไปนายจะ...”
“คิดว่าผมอ่อนหัดขนาดนั้นเลยรึยังไง??? คิดบ้างมั้ยว่าคนเขาก็เป็นห่วงเหมือนกัน! คิดบ้างมั้ยว่าถ้านายไปผมจะเหงาแค่ไหนที่....ฮึก...ทั้งๆ ที่...ผมเป็นห่วงขนาดนี้...แล้วแท้ๆ...ฮึก...”
ชายหนุ่มผมส้มถึงกับอึ้ง...
“ผมกลับล่ะ...อยู่ที่นี่ไปก็เปล่าประโยชน์...” ประกายน้ำตาหยดใสที่กระทบกับแสงธรรมชาติที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาปรากฏชัดในภาพที่ยมทูตหนุ่มเห็น ร่างบางเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว...เขาไม่อยากจะเห็นหน้ายมทูตคนนี้อีกแล้ว...เขาเจ็บ...เจ็บที่อกข้างซ้าย...เจ็บที่ร่างตรงหน้าไม่ยอมบอกเขา...เจ็บที่ไม่ไว้ใจในตัวเขาหรอกหรือ?...และที่เจ็บที่สุด...
ผมรักนายจะตาย...ผมอยากจะต่อสู้เคียงคู่กับนายได้อีก ถึงกับยอมไปก้มหัวให้ไอ้พ่อบ้านั่นเรียกความสามารถกลับคืน...เพื่อที่จะให้นายมาบอกว่า ‘มันอาจเป็นเรื่องที่ควินซี่อย่างนายไม่อยากยุ่งด้วยก็ได้’ งั้นเหรอ??
เรียวขากำลังจะก้าวหนี หากแต่มือนั้นถูกคว้าไว้ด้วยอีกหนึ่งมือที่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย ก่อนคนที่รั้งร่างบางไว้จะกระตุกแขนเรียวขาวผ่องนั้นเข้าหาตัว ส่งผลให้ทั้งร่างของเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเสียหลักและเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของร่างสูงอย่างง่ายดาย
“นายจะทำอะไรน่ะ! คุโรซากิ ผมจะกลับแล้ว...ฮึก...ปล่อยนะ!” คนในอ้อมแขนพยายามออกแรงอันเหลือน้อยนิดเพื่อดิ้นให้หลุดจากการกอดนี้...เพราะมันกำลังทำให้เขาเจ็บ...น้ำตาน่ะมันไหลออกมามากพอแล้ว!
“คุโรซากิ.....!!!”
“เงียบนะ! อิชิดะ!” จู่ๆ คนที่กำลังกอดก็ตวาดขึ้นมาเสียดื้อๆ ทำเอาร่างเล็กอึ้งไป...
“คุโร...”
“บอกให้เงียบไง...แล้วฟังฉัน...” วงแขนนั้นแคบลงเรื่อยๆ ตามความตึงเครียดที่เกิดขึ้น ซึ่งคนในอ้อมกอดนั้นรับรู้ได้เป็นอย่างดี
“ที่ฉันไม่อยากให้นายไปด้วย...เพราะคู่ต่อสู้ในครั้งนี้คือไอเซ็น...และฉันก็สัมผัสแรงดันวิญญาณของนายในช่วงนี้ไม่ได้...ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาย นายจะไม่สบายรึเปล่า?...นายมีอะไรรึเปล่า?...ฉันเลยไม่กล้าบอกนาย...”
ร่างบางไม่ตอบอะไร แต่จิตใจที่เศร้าหมองเริ่มดีขึ้นแล้ว
“ฉันดีใจมากนะ...ที่นายเป็นห่วงฉัน...อึ้งมากเลยตอนที่นายบอกว่านายแคร์ฉัน...จริงๆ ฉันก็ชั่งใจอยู่เหมือนกันว่าจะไปบอกนายดีมั้ย ตั้งใจจะบอกนายวันนี้ด้วยซ้ำไป...”
“แต่ช่วงนี้นายไม่ยุ่งกับฉันเลย อยู่ที่โรงเรียนก็ไม่มาคุยด้วย...สำหรับ...ฉัน...ที่....”
จู่ๆ คนผมส้มก็เงียบเสียงไป นั่นทำให้คนถูกกอดเริ่มสงสัย แต่แล้วอ้อมกอดแกร่งนั้นก็กอดรัดร่างเล็กแน่นกว่าเดิมจนแทบหายใจไม่ออก ก่อนคำพูดที่ร่างบางคิดว่าจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะได้ยินแล้วในชีวิตนี้จะออกมาจากริมฝีปากของเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาล
“สำหรับฉันที่...แคร์นายที่สุด...รัก...และเป็นห่วงนายไม่ว่านายจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม...ฉันก็น้อยใจนะที่นายไม่มายุ่งด้วยอ่ะ...” ดีว่าเจ้าของเรือนผมสีน้ำเงินไม่ได้มาเห็นใบหน้าของคนพูดตอนนี้ เพราะมันแดงราวกับลูกตำลึง ความรู้สึกที่เก็บกดมานานถูกพูดออกไปแล้ว...
“คุโรซากิ...”
“ฉันรักนายนะ อิชิดะ...รัก...มากๆ เลยด้วย...” นัยน์ตาสีน้ำตาลถูกซ่อนไว้หลังเปลือกตาที่ปิดลงแน่น ในจิตใจตอนนี้ของคุโรซากิ อิจิโกะมีเพียงเสียงร้องอ๊ากๆ ของตัวเองที่ต้องพูดความรู้สึกของตนเองออกไป...ก็เกิดมาเขาไม่เคยสารภาพรักกับใครมาก่อนเลยนี่นา!!
“ฮึก...คุโรซากิ...ฮึก...ฉันก็...รักนาย...ฮึก....ฮือออออ” ใบหน้าหวานซุกลงที่แผ่นอกแกร่งของคนตรงหน้าทันที...คำพูดที่เขาเฝ้ารอมานาน...รวมทั้งสิ่งที่เขาต้องการจะบอกคนตรงหน้า บัดนี้เขาได้บรรลุเป้าหมายทั้งหมดแล้ว...สองร่างกอดกันแน่นราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีหายไปไหนอย่างไรอย่างนั้น ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันถูกปลดปล่อยและถ่ายทอดซึ่งกันและกัน อุริวเงยใบหน้าสวยนั้นขึ้นมา นัยน์ตาสีไพลินสบกับแก้วตาสีน้ำตาลมีเสน่ห์ของคนที่สวมกอดตนเองอยู่ ข้อความที่สื่อถึงกันผ่านสายตานั้นมีเพียงคำว่า รัก รัก แล้วก็...รัก ก่อนที่ใบหน้าทั้งสองจะโน้มเข้าหากันอย่างช้าๆ
แพขนตางอนงามแผ่ปกปิดดวงตาซึ่งบัดนี้หลับพริ้มพร้อมรับการจุมพิตจากคนตรงหน้า ยมทูตผู้มีเรือนผมสีส้มค่อยๆ ประทับริมฝีปากของตนลงไปบนเรียวปากอวบอิ่มเย้ายวนนั้น...สัมผัสอ่อนนุ่มราวกับขนมมาชเมลโล่ รสชาติหอมหวานที่มิอาจหาได้จากที่ใดอีกแล้ว และสายสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองที่ผูกเข้าไว้ด้วยกันราวกับเกลียวเชือกที่มัดรวมกันผสานกันอย่างแน่นแฟ้น คุโรซากิ อิจิโกะ กอบโกยเอาสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเท่าที่ต้องการจากร่างบางตรงหน้า ในขณะที่ร่างบางเจ้าของใบหน้างดงามน่าหลงใหลก็ยินดีมอบและตอบรับการจูบจากคนตัวโต กว่าเป็นอย่างดี
...ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า ท่วงทำนองรักอันเร่าร้อนบทหนึ่งถูกบรรเลงโดยคนสองคนที่รักและผูกพันธ์กันจนยากที่จะแยกออก ความสุขที่ได้นอนกอดก่ายอยู่กับคนที่รักและมอบความจริงใจให้กันมันช่างหอมหวานนัก...
...และต่อจากนี้ไป ไม่ว่าพวกเขาจะต้องเจออะไรก็ตาม...หากเพียงมีกันและกันอยู่ในใจเท่านั้น ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาสามารถฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นไปได้...
ขออวยพรแด่ คุโรซากิ อิจิโกะ และ อิชิดะ อุริว
จากใจไรท์เตอร์ค่ะ
จบ
ความคิดเห็น