ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาระดีๆสำหรับนักเขียนทุกๆท่าน

    ลำดับตอนที่ #11 : นิยายที่น่าสนใจ ของแต่ละคนเป็นแบบไหน

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 49


    บทความนี้...ผู้เขียนได้เขียนด้วยเจตนาที่ positive  เพื่ออยากกระตุ้นชัก

    ชวนให้เกิดการพัฒนา..แต่ ถ้ากระทบความรู้สึกของบางท่านโดยไม่ตั้งใจ
    จนอาจจะแปลเจตนาของผู้เขียนผิดไป ก็ต้องขอโทษจริงๆ จึงอยากขอให้

    อ่านช้าๆ อย่าอ่านข้าม หรือ อ่านแบบรวดเร็วเกินไปนะคะ เพราะท่าน

    อาจจะแปลความคลาดเคลื่อนได้



    ****************************************


    เรื่องของเรื่องก็คือ อยากจะชวนมาวิเคราะห์และสำรวจตัวเองกันเล่นๆ..

    ว่านิยายที่น่าสนใจ ของแต่ละคนเป็นแบบไหน


    อันนี้คิดว่านานาจิตตังนะ ว่าใครจะชอบสไตล์ไหน  แต่ว่ามันน่าจะมีหลักหรือมีข้อ

    สังเกตอะไรสำหรับตนเองสักอย่างนึงล่ะว่า  นิยายแบบไหน ที่สามารถกระตุ้นสาย

    ตาของเราให้เปิดเข้าไปดู และตรึงเราไว้ให้อ่านตั้งแต่บรรทัดแรกจนสุดท้าย จาก

    นั้นแล้วก็กระหาย. รออยากจะติดตามอ่านตอนต่อไป



    เคยคุยกับน้องคนหนึ่ง... ที่เคยมาบ่นให้ฟังว่า บางครั้งเมื่อเขียนนิยายมาโพสต์แล้ว

    ไม่ค่อยมีคนคอมเม้นต์ หรือ ว่าคนอ่านมีน้อยลง หรือว่า.. งานเขียนของตนเองมัน

    ไม่ดีหรือเปล่า คนจึงไม่ค่อยเข้ามาพูดอะไร



    คนเขียนนิยายฟรีในเนต  สิ่งที่ต้องการมากๆ ก็คือคำคอมเม้นต์จากคนอ่าน เพราะ

    ว่ามันไม่แค่เพียงสะท้อนผลงาน และช่วยชี้แนะแนวทางว่าจะปรับปรุงการเขียนยัง

    ไงบ้าง แต่สิ่งที่สำคัญลึกยิ่งกว่านั้น ก็คือ "กำลังใจ"  เสียงทักทาย เสียงพูดคุย

    ตลอดจนเสียงทวง.. มันเป็นเหมือนน้ำมัน หรือเชื้อไฟที่ดีเยีย่ม ที่กระตุ้นคนเขียน

    ให้เขียนออกมา แต่ถ้าเสียงนั้นห่างจางหายไป.. ไฟในตัวนักเขียนมันก็ค่อยๆมอด..


    มอด..ลง






    จริงอยู่..แม้ว่าตอนนี้จะมีคนอ่านน้อย.. น้อยกว่าคนเขียน ในบางครั้งก็เหมือนการ

    ปลอบใจตนเองว่า  นักอ่านเงา..อาจจะเข้ามาอ่านแล้วก็จากไปเงียบๆ.. แต่สิ่งหนึ่ง

    ที่เราคงจะไม่อาจปฏิเสธได้เลย.. นั่นคือ.. ผลงานชิ้นนั้น ก็มีผลเหมือนกัน



    ความเงียบ.. บางทีมันก็เหมือนเป็นสิ่งสะท้อนได้ดีว่า.. ผลงานนั้นเป็น

    อย่างไร 



    แน่ใจหรือว่า.. ถ้าหากผลงานนั้น พอเราอ่าน แล้ว "โดนใจ.."   เราจะเงียบ ไม่

    ฝากความเห็น หรือเสียงทักทายใดใดไว้เลย   ถ้างานนั้นมันโดนใจให้เราชอบ ให้


    เราติด... คนอ่าน ต่อให้เป็น "นักอ่านเงา" ก็ต้องโดดออกมาปรากฏตัวให้เรารู้สิน่า

    การที่พี่พูดแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่า จะบั่นทอนกำลังใจของคนเขียนหรอกนะคะ 
    แต่ว่า.. อยากให้เรามองสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นโอกาสมากกว่า  หลายคนอาจจะบอกว่า..

    ก็คนอ่านมัวแต่เงียบ ไม่บอกว่าชอบไม่ชอบตรงไหน  แล้วคนเขียนจะแก้ไขได้ถูก

    หรือ



    อยากจะให้เข้าใจว่า... คนเขียนไม่ใช่เด็กนักเรียน และคนอ่านก็ไม่ใช่ครู   ไม่ใช่

    หน้าที่ของคนอ่าน ที่จะมาชี้แนะว่า ตรงนั้นดี ตรงนั้นไม่ดีนะ  นอกจากนี้.. ร้อยคน

    ก็อาจจะมีสักคน ที่กล้าจะเปลืองตัว  มาบอกสิ่งที่อาจจะทำให้เกิดความขุ่นเคืองใจ

    ต่อกัน  ในบางครั้ง.. คนอ่านก็รู้สึกเกรงใจ ไม่อยากให้คนเขียนลำบากใจ ไม่อยาก

    ให้เสียใจ   ดังนั้น.. ความเงียบจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด



    พี่ถึงอยากจะชักชวนทุกๆคน.. มาใช้ความเงียบแทนคำวิจารณ์ ที่สะท้อนงานที่เรา

    กำลังทำอยู่ .. ไม่อยากให้แปลผล  ว่างานที่กำลังเขียนอยู่นี้ "ยังไม่ดี"  แต่อยากจะ

    ให้แปลผลว่า "มันยังไม่โดนใจคนพอ" 



    แล้วทำอย่างไร ถึงจะให้งานนั้นโดนใจ ?



    หัวข้อนี้แหล่ะ... ที่เราจะมาคุยกัน



    อาจจะไม่มีคนอ่านคนไหน จะมาบอกเรา แต่ในบ้างครั้ง เราก็สามารถบอกตัวเรา

    เองได้ ... โดยเอาตัวเราเองนี่แหล่ะ  เป็นคนทำการสำรวจ .. มาสำรวจ ความคิด

    และความต้องการของเราดู  อาจจะลองไปอ่านงานของคนอื่นๆดู  ไม่ต้องบอกว่า

    อ่านงานของใครหรอก  แล้วลองมาย้อนถามตัวเราเองว่า.. เราอ่านแล้วรู้สึกอย่าง

    ไร มันสะดุดตา มันโดนใจ มันมัดใจเราไหม.. แล้วงานนั้นๆ ที่มันโดนใจเรานั้น..

    คนเขียนเขาเขียนอย่างไร เนื้อเรื่องอย่างไร .. มันจึงสามารถโดนใจเราได้สำเร็จ



    เมื่อก่อน..งานเขียนในเนตยังมีน้อย เวบบอร์ดนิยายยังมีน้อย ส่วนใหญ่หากจะอ่าน

    ก็ต้องไปอ่านในห้องสมุด หรือซื้อมาอ่าน ดังนั้น นิยายในเนตจึงเป็นเหมือนขนม

    หวานยี่ห้อใหม่ที่เพิ่งออกมา  ถึงแม้ว่าจะเป็นขนมที่ไม่อร่อยมากนัก แต่ความ

    แปลกใหม่ของมัน..เป็นเสน่ห์ที่ทำให้มันอร่อย น่าลิ้มลอง



    แต่ต่อมา..เมื่อขนมชิ้นนี้ได้รับความนิยม.. หลายบริษัทก็หันมาผลิต.. จนทำให้ผู้

    บริโภค ซึ่งก็คือผู้อ่าน มีตัวเลือกมาขึ้น  จากขนมอะไรก็ได้ ที่กินได้... ก็จะเลือกหา

    "คุณภาพ"
    และ "รสชาติ" ที่ตนเองชอบ



    มันจึงถึงเวลาแล้วนะ ที่เราจะมาปรับปรุง และพัฒนาผลงานของเรา  อย่าบอกว่า..

    ฉันจะเขียนนิยายเพื่อตัวฉันเอง เขียนตามความชอบของฉัน เขียนด้วยความฝัน ไม่

    สนใจอะไรหรอก... อันนั้นมันก็จริง.. แต่นั่นมันเป็นความคิด ตอนเริ่มจรดปากกา

    จุดประกายความคิด เขียนเรื่องแรกเท่านั้น... เชื่อว่า.. ไม่มีใครหรอก ที่จะลงทุน

    ทำขนมขึ้นมา เพื่อชิมหรือเก็บไว้กินคนเดียว



    ในเมื่ออุตส่าห์นำมาลงให้อ่านกัน.. สักนิดน้อย..ก็เชื่อว่า มีความต้องการอยากจะ

    ให้นิยายของตนเอง เป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นเหมือนกัน  ด้วยเหตุนี้...การเปิดใจ

    กว้าง.. มองความคิดและความต้องการของคนอื่น (คนอ่าน) บ้าง .. สิ่งนี้จึงสำคัญ

    มาก ในการนำมาพัฒนาผลงานของตัวเราเอง



    เขียนมาซะยาว...สรุปก็คือ.. อยากชักชวนให้ทุกคนมาหยุดมองตัวเอง

    ทบทวนงานที่เรากำลังเขียนอยู่ แล้วกันไปมองความต้องการของคนอ่าน

    โดยผ่านความคิดและความต้องการของตนเอง..หากอยู่ในฐานะของผู้

    อ่าน เพื่อรวบรวมสิ่งที่ได้ มาพัฒนางานของเรากันเถอะ



    โลกเดี๋ยวนี้เราอยู่กันเป็นสังคม... สังคมแห่งธุรกิจ... การกระทำใดใดสักอย่าง..

    สิ่งสำคัญคือ ตลาด... หรือ ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย  ไม่ได้ชวนน้องๆให้

    เขียนเพื่อการค้า แต่เราก็ยังคงเขียนเพื่อความฝันของเรา เพียงแต่.. การมีทิศทาง

    จะทำให้เรามีหลักการ และมีเส้นทางที่เราจะเดินไปข้างหน้า



    อย่างไรก็ตาม.. เราไม่ได้จำเป็นต้องทำตามความต้องการของตลาดเสมอไป  ไม่

    จำเป็นต้องทำตามความต้องการของผู้อ่านเสมอไป  เพราะสิ่งสำคัญเรายังคงต้อง

    เป็นตัวของตัวเอง  อย่าว่าแต่..ความต้องการของตลาดนั้นมันเปลี่ยนไปได้.. ซึ่งมัน

    ย่อมเกิดขึ้นแน่ เมื่องานเขียนที่คนต้องการนั้นล้นตลาด จนเกิดการเบื่อ และเริ่ม

    มองหาแนวใหม่ที่น่าสนใจ...แต่ใครล่ะ จะสามารถเป็นผู้นำที่จะเบี่ยงเบนทิศทาง

    ความต้องการของตลาดนั้นออกไปอีกทิศหนึ่ง..  เป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆนะ



    สรุปสุดท้าย.. ขอสรุปจากประสบการณ์หลายปีที่ตนเองเขียน แม้ว่าไม่ถึงกับประสบ

    ความสำเร็จอะไรมากนัก  แต่ก็พอจะเห็นและได้คิดอะไรมาไม่น้อย... อยากจะ

    บอกน้องๆว่า .. การเขียนอะไรสักอย่างหนึ่งให้ประสบความสำเร็จนั้น  สิ่งสำคัญ ไม่

    ได้อยู่ที่ฝีมือ...แค่เพียงอย่างเดียว



    คนเขียนดีฝีมือดี.. งานเขียนของเขา อาจจะไม่ดัง ไม่ประสบความสำเร็จ

    ก็ได้  แต่ยังมีอีก 2 สิ่ง ที่เป็นตัวจักรสำคัญ ที่จะทำให้งานชิ้นนั้นประสบ

    ความสำเร็จ .. นั่นก็คือ โอกาส.. และ.. ความต้องการของตลาด (ผู้อ่าน) 


    ข้างบนก็พูดความต้องการมาเยอะแล้ว.. ตรงนี้ขอเน้นตรงเรื่องของโอกาส   ซึ่ง

    สำหรับเรื่องของโอกาส.. บางทีมันก็ใช่ว่าจะเข้ามาทุกคน แต่เมื่อใดที่มีใครมา

    หยิบยื่นให้ เมื่อใดที่เรามีโอกาส  อย่างเช่นเรื่องนั้น กำลังได้รับความสนใจ ได้รับ

    การติดตาม.. ขอบอกว่า.. รีบต่อโอกาสนั้นออกไป เขียนเรื่องๆนั้นต่อไปให้จบ อย่า

    วางทิ้งไว้ อย่าปล่อยไว้นาน  อย่าทิ้งผู้อ่านไป เพราะว่า...เมื่อกลับมาเขียนใหม่อีก

    ครั้ง.. บางทีมันอาจจะไม่ได้ฟู่ฟ่าเหมือนเก่าแล้ว



    นอกจากนี้..โอกาสที่เราจะได้เขียน มันก็จะมีไม่มาก.. น้องๆยังเด็กๆ ความคิดยัง

    ใสใส ยังไม่มีภาระอะไรมารกหัว  แต่โอกาสของการเขียนของน้อง จะลดลงตาม

    เวลาและอายุ  เพราะว่าคงมีน้อยคน ที่จะเข้าสู่อาชีพนักเขียน  ในร้อยรับรองว่า 90

    กว่าคน ต้องไปตามทางของตนเอง.. แล้วเมื่อน้องเรียนหนักขึ้น หรือจบออกมาทำ

    งาน.. น้องจะพบว่า.เวลาของการเขียนจะน้อยลงจนเกือบหมด... บางคน..อาจจะ

    กลับมาเขียนไม่ได้แม้แต่บรรทัดเดียวด้วยซ้ำ



    ***************************

    from...............................

    http://www.jj-book.com/jjtalk1/view.php?qs_qno=56

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×