ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic TVXQ] Hug...อ้อมกอดดวงดาว

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue::Rainy Day

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 52















    ปลายเดือนมีนาคมของปีนี้ มีอากาศปรวนแปรมากมาย ช่วงท้ายของเดือน
    ซึ่งเป็นปลายฤดูหนาวกลับยังมีเกล็ดหิมะสีขาวโปรยปรายลงมาไม่หยุดหย่อน
    ซ้ำฝนที่ไม่ควรจะตกก็กระหน่ำลงมาพร้อมกับลูกเห็บขนาดเล็ก ตกต้องลงบนกิ่งไม้ที่ไร้ใบ
    แล้วก็ละลายหยดน้ำลงสู่พื้นดิน เกิดเป็นหล่มโคลนเล็กๆ ที่สร้างความลำบาก
    แก่ผู้สัญจรในกรุงโซล



    ไม่ว่าใครก็ไม่อยากจะสลัดร่างกาย ออกจากผ้านวมอุ่นที่หุ้มห่อเอาไว้ทั้งคืน
    เพื่อมาผจญกับความเฉอะแฉะและความสกปรกของอากาศที่เลวร้ายเช่นนี้อีก



    หากเป็นที่น่าประหลาดนัก ท่ามกลางหยดน้ำและหย่อมโคลนอันแสนน่ารังเกียจ
    กลับมีฝูงชนจำนวนมหาศาลที่นั่งๆ ยืนๆ อยู่หน้าตึกสูงระฟ้าซึ่งกรุด้วยกระจกสีชา
    ตั้งแต่ในยามที่เข็มนาฬิกายังไม่พ้นตัวเลข 7 ดี



    คนเหล่านั้นสะพายกล้องถ่ายรูปขนาดใหญ่ บ้างก็มีไมโครโฟนถืออยู่ในมือ
    และบ้างก็กำลังพลิกเอกสารปึกหนามือเป็นระวิง เพื่อควานหาข้อมูลที่อาจจะซ่อนเร้น
    ใต้บทสัมภาษณ์ของชายหนุ่มทั้ง 5 คน หลังจากการสิ้นสุด The 3rd World Tour
    Seductive Sin เมื่อคืนที่ผ่านมา



    "ตกลงว่าหายตัวไปทั้ง 5 คนใช่ไหม" เสียงใครคนหนึ่งตะโกนกรอกใส่โทรศัพท์
    เครื่องบางเฉียบ และด้วยประสิทธิภาพของเทคโนโลยีชั้นเยี่ยม เสียงที่ตอบออกมา
    ก็ก้องกังวานในหมู่คนที่รายล้อม



    "ไม่เห็นแม้แต่เงา หายหัวไปพร้อมกันทีเดียว 5 คน ตอนตี 4 นี่เอง"



    "ก็แสดงว่าหลังจากที่โพสต์ข้อความไว้บนเวปบอร์ดครึ่งชั่วโมงเองสิวะ
    ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งไม่น่าจะตามตัวยากสักเท่าไร"



    "โธ่ พี่" คนปลายสายร้องบอกปนหัวเราะ



    "นี่มันสมัยไหนแล้ว ขนาดอยู่ในทะเลยังเล่นอินเตอร์เนตได้เลย ถ้ามือถือรับสัญญาณ
    ดาวเทียมได้ ผมว่าคงเป็นตัวลีดเดอร์เองนั่นล่ะที่แปะข้อความนั้นทิ้งไว้ ขณะที่ตัวเอง
    กำลังตะลอนๆ อยู่ที่ไหนสักแห่งในโลก"



    "ก็อาจจะยังไม่พ้นสหรัฐอเมริกา ปิดคอนเสิร์ตที่นั่นไม่ใช่หรือ"



    "โธ่ พี่" เสียงอุทานเดิมๆ ดังเหมือนเดิมอีกครั้ง เขากลุ้มใจกับเพื่อนรุ่นพี่ที่อยู่อีกฟากหนึ่ง
    ของสัญญาณสื่อสารเต็มประดา ชายคนนั้นไม่เคยจะพาตัวเองก้าวพ้นปี ค.ศ.2010 ได้เลย
    ยังคงคิดว่าเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดคือนาโนเทคโนโลยี ความเร็วสูงสุดของอินเตอร์
    เนตคือ 3000 เมกกะบิท และรถยนต์ธรรมดาไม่สามารถวิ่งได้เร็วกว่า 200 กิโลเมตรต่อ
    ชั่วโมง



    แต่พี่ครับ...นี่มันปี ค.ศ. 2020 ที่นาโนเทคโนโลยีกำลังกลายเป็นเรื่องล้าหลัง ตอนนี้มัน
    เป็นพิโคเทคโนโลยี สิบยกกำลังลบสิบสองแล้วนะครับ เครื่องบินพาณิชย์บินได้เกือบเท่า
    ความเร็วเสียง รถยนต์วิ่งได้ไม่ต่ำกว่า 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ป่านนี้หนุ่มๆ นักร้องที่
    แสนจะโด่งดังพวกนั้น คงจะไปเดินปร๋ออยู่บนยอดเอเวอร์เรสได้แล้ว ถ้าพวกเขาคิดจะทำ
    อย่างนั้นนะครับพี่



    ...แต่แน่นอน เขาไม่ได้พูดมันออกมาอย่างที่ใจคิด สิ่งที่เหมาะจะอยู่กับใจก็ให้มันเก็บเอา
    ไว้ที่นั่น ปากสำหรับเขาคือสิ่งที่มีไว้พูดมธุรสวาจา เพื่อความปลอดภัยทางหน้าที่การงาน
    และสวัสดิภาพของเงินในกระเป๋า



    "ไม่มีใครรู้หรอกครับว่า 5 คนนั่นหายไปไหน เอาเป็นว่าขนาดทีมงานที่ฟลอริด้า
    ที่พวกเขามาปิดคอนเสิร์ตเมื่อคืน ยังวุ่นวายเพราะตามหาตัวนักร้องกันอยู่เลย"



    "แล้วยังไง ที่นายไปที่ฟลอริด้า ตกลงว่ามันไร้ประโยชน์ใช่ไหม" คนที่ถูกเรียกว่าพี่
    รวนเสียงแข็ง แถมยังพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างหงุดหงิดใจอีก



    "ผมก็เก็บภาพคอนเสิร์ตที่ฟลอริด้าได้นะครับ ช็อตเด็ดๆ เยอะ อย่างตอนที่พวกนั้นใส่ชุด
    ซีทรูแล้วก็โดนน้ำเข้าไปเต็มๆ ฉากโชว์ที่แสนเร่าร้อน แล้วก็..."



    "พอ พอเลย" คนฟังตัดบทกลางคัน "ถ้าแค่ต้องการรู้ว่าพวกนั้นโชว์อะไรในคอนเสิร์ต
    ฉันเสิร์ชหาตามเวปไซต์ก็ได้แฟนแคมมีเยอะแยะจนจะดูไม่หวาดไม่ไหว ที่ฉันต้องการให้
    นายไปเกาะติดก็คือ ข่าวลือ ภาพเด็ดๆ ของ 5 หนุ่มกับสาวๆ ที่ไปเป็นเกสต์ในคอนเสิร์ต
    ต่างหาก ภาพนอกเวทีน่ะ ไม่มีหรือไง"



    ปลายสายเงียบไปครู่ใหญ่ เมื่อหวนนึกไปถึงแสงไฟสีแดงที่เร่าร้อนกับฉากรักร้อนฉ่าของ
    หนุ่มๆ ทั้ง 5 คนในคอนเสิร์ตเมื่อคืนที่ผ่านมา คนหนึ่งร้องเพลงคลอไปกับเปียโน ขณะที่มี
    นางแบบสาวสะอิ้งกายยั่วยวนบนแกรนด์เปียโนสีขาวสะอาดและจบลงด้วยจุมพิตแนบ
    แน่น จากนั้นอีกคนก็ออกมาเต้นกับหญิงสาวท่ามกลางหยดน้ำที่โปรยปรายไม่ผิดจาก
    หยาดฝน เนื้อแนบเนื้อเกลือกกลิ้งไปบนพื้นเวทีจนมันแทบจะลุกเป็นไฟ อีกหนึ่งหนุ่มมา
    พร้อมกับ การโพสต์ท่ายั่วยวนเหมือนกับกำลังถ่ายภาพลงหนังสือศิลปะเรตอาร์แรงๆ สัก
    ฉบับกับหญิงสาวที่ทำตัวประหนึ่งเป็นหมอนอิงเนื้อนุ่ม ส่วนอีกคนก็มาพร้อมกับโซ่ตรวน
    และการจองจำแสนหวานระหว่างนายทาสและบ่าวหนุ่มในบังคับบัญชา และสุดท้ายที่แรง
    ที่สุดเห็นจะไม่พ้นพ่อหนุ่ม ที่มีใบหน้าและเอกลักษณ์บริสุทธิ์ไร้เดียงสาในชุดนักบวชที่ถูกล่อลวงด้วยปีศาจแสนสวย จนต้องกอดจูบลูบไล้กลางวิหาร



    เป็นคอนเสิร์ตที่สมบูรณ์แบบที่สุด พรั่งพร้อมด้วยแสงสี ฉากและเวทีอันงดงามตระการตา
    และด้วยฝีมือการแสดงอันจัดจ้านของผู้ชายทั้ง 5 คน มันก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นอีกโลกหนึ่ง
    ที่สามารถล่อลวงผู้ชมทุกคนเข้าสู่บาปผิด อย่างไม่มีความรู้สึกเสียดายหรือละอายใจใดๆ
    ทั้งสิ้น หากที่เหนือไปกว่านั้นคือการขับร้อง...เขาอยากจะเรียกว่ามันคือที่สุดของความสมบูรณ์แบบ



    'โอเปร่าแดนซ์' เขาจำได้ว่ามันคือการจำกัดความเช่นนั้น การเปลี่ยนวิธีการร้องจาก
    นักร้องไอดอลสู่การเป็นนักร้องอาชีพ คู่เสียงเทเนอร์ที่โหยหวนบาดใจ ระดับเสียง
    บาริโทนที่ก้องกังวานมั่นคง และการฉุดลงสู่ห้วงน้ำลึกล้ำของคู่เบส ทั้งหมดคือ
    ความงดงาม ความเพียบพร้อม เหนือไปกว่าการร้องอะแคปเปล่า-แดนซ์แบบเดิม



    หากจนบัดนี้เมื่อล่วงเข้าสู่เจ็ดนาฬิกาของเช้าวันใหม่ ผู้ชายที่รังสรรค์บทเพลงอันไพเราะ
    เหล่านั้นกลับหายตัวอย่างเงียบงันท่ามกลางความสับสนของคนรอบข้าง ทิ้งไว้ก็แต่ข้อ
    ความสั้นๆ ที่เขียนไว้ในเวปไซต์อย่างเป็นทางการของวง ข้อความที่เขียนว่า



    'พวกเราขอไปเติมพลัง 3 เดือนนะครับ แล้วจะกลับมา'



    ความวุ่นวายเป็นโกลาหลก็บังเกิดขึ้น



    "ไม่มีภาพนอกเวทีครับ พวกเขาระวังตัวกันมาก" เสียงบอกกดต่ำอย่างอึดอัด



    "ขนาดมีเกสต์เป็นผู้หญิงที่ได้รับการยอมรับว่า เซ็กซี่ติดอันดับหนึ่งในสิบของโลก
    อย่างลาร่านะ" รุ่นพี่อุทานอย่างหงุดหงิดใจ



    "ไม่ว่าจะเป็นลาร่า มิยู นาตาชา ฌีเซลล์ หรือแม้แต่วิเวียน ก็ไม่มีข่าวทั้งนั้นล่ะครับ
    มีแต่สาวๆ ออกไปช็อปปิ้งกันเอง ส่วนพวกนั้นก็หมกตัวอยู่แต่ในโรงแรม"
    ชื่อของหญิงสาว 5 คนที่ถูกเอ่ยออกมาคือ ท็อปไฟว์ของดารานางแบบระดับโลก
    ที่ถูกเชื้อเชิญให้เป็นเกสต์ในคอนเสิร์ตครั้งนี้



    "หรือว่าเป็นเกย์จริงอย่างข่าวลือเก่าๆ"



    "หึ ถ้ามันเป็นจริงอย่างนั้น ก็ไม่มีข่าวคบๆ เลิกๆ ของคนที่ถูกหาว่าเป็นคนสวยประจำวง
    กับนางงามเกาหลีคนนั้นออกมาสิครับพี่" เสียงที่ปลายสายช่วยเตือนความทรงจำให้
    อันที่จริงข่าวเก่าๆ พวกนั้นมันก็ซาไปมากแล้วเมื่อสมาชิกในวงโตขึ้น พร้อมกับรูปลักษณ์
    ที่ถูกปรับเปลี่ยนไปตามวัย คงจะไม่มีใครหวนกลับไปคิดถึงเรื่องเก่าๆ อีก ถ้าไม่ใช่คนที่ยังหลงจมอยู่ในทศวรรษเก่าอย่างรุ่นพี่เขา



    "เออ จริง" พอถูกท้วงอย่างนั้นเข้าคนที่อาวุโสกว่าก็ยอมรับง่ายๆ ใจจริงก็อยากจะไต่ถาม
    ข้อมูลให้ได้มากกว่านี้สักหน่อย แต่เมื่อหางตาหันไปเห็นว่า บานเลื่อนที่ถูกปิดไว้ทั้งคืน
    เริ่มขยับขึ้น เขาก็รีบบอกกับคนในโทรศัพท์ว่า



    "เฮ้ยแค่นี้ก่อน จะมีการแถลงข่าวแล้วเว้ย"



    ไม่ทันที่ฝาพับของโทรศัพท์เครื่องเล็กจะปิดได้สนิทดี มันก็มีอันต้องถูกขว้างลงใน
    กระเป๋าสะพายใบใหญ่แรงๆ และ พร้อมกันนี้เจ้าของโทรศัพท์ ก็วิ่งผลุนผลันตามฝูงชน
    ร่วมร้อยที่อออยู่บริเวณลานจอดรถของตึก SM Town กรูเข้าไปหาประตูกระจกสีชา
    ที่เพิ่งเผยกว้างอย่างกระเหี้ยนกระหือรือในทันที



    ในนาทีนี้ ไม่ว่าใครต่างก็ต้องการคำตอบ ของข้อความปริศนาที่ถูกแปะเอาไว้
    ที่หน้าเวปไซต์อย่างเป็นทางการของดงบังชินกิ...บอยแบนด์อันดับหนึ่งของโลก



    ข้อความที่บอกว่าขอไปเติมพลัง 3 เดือน



    มันหมายความว่าอย่างไรกัน!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×