คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8 แรกพบ
สิ่งแรกที่องค์ชายไซราสทำเมื่อเดินทางมาถึงที่แห่งสุดท้ายที่เขาจะสามารถหาสืบหาผู้วาดวงเวท และผู้ควบคุมสมดุลธาตุที่มีธาตุดินด้วยตนเองนั้น คือเดินเข้าไปเคาะประตูบ้านที่ทำจากไม้หลังหนึ่งที่ลูกบิดประตูทำจากกุหลาบแดงที่แข็งตัวเป็นหิน ดูก็รู้ว่าเป็นบ้านซึ่งสร้างจากการวาดวงเวท
เมื่อสิ้นเสียงแรก ประตูก็แง้มออกมาน้อยๆ เหมือนผู้เป็นเจ้าของบ้านรออยู่ก่อนแล้ว
“บ้านของ ‘นิเคช’ สินะ” ผู้มาเยือนเอ่ยทัก
ประตูบ้านพลันเปิดกว้าง เผยให้เห็นหนุ่มใหญ่วัยฉกรรจ์ที่ยืนผายมือต้อนรับผู้มาเยือนด้วยท่าทีนอบน้อม
เจ้าชายหนุ่มในคราบพ่อค้าเร่ก้าวเข้าไปในบ้านอย่างช้าๆ มองสภาพบ้านไม้หลังนี้ด้วยความพึงพอใจ ก่อนเปรยถามเบาๆ “ฝีมือ ‘เขา’ สินะ”
“ขอรับ ฝีมือล่าสุดเมื่อสองเดือนก่อน” ชายเจ้าของบ้านตอบรับขณะปิดประตูเข้ามา
“มันไม่ค่อยเข้ากับเจ้านะ” บ้านหลังนี้ทำด้วยไม้ทั้งหลังก็จริง แต่เป็นบ้านที่สร้างผสานมาจากต้นไม้ ดอกไม้หลายชนิด ทำให้มีกลิ่นหอมของดอกไม้ชนิดต่างๆ กระจายอยู่ทั่ว บรรยากาศภายในบ้านก็ช่างหอมหวานสดชื่น ดูราวกับเป็นบ้านสำหรับสาวน้อยอ่อนหวานสักคน หรือเป็นบ้านของครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น มากกว่าเป็นบ้านของผู้ชายตัวโตๆ มีหนวดเครารกรุงรัง แถมยังอยู่เพียงคนเดียวอีกต่างหาก
“ก็นี่เป็นเรือนหอของ ‘ลูกสาว’ ของท่านเศรษฐีที่ข้าซื้อต่อมานี่ขอรับ” เจ้าของบ้านแย้มยิ้มด้วยอารมณ์ขัน
“เรือนหอ?”
“ขอรับ” เจ้าของบ้านรับคำ จากนั้นเล่าถึงที่มาที่ไปของการจำแลงกายไปให้ ‘เขา’ สร้างบ้านให้ และตนเอาไปขายต่อหลังจากที่จ้างให้คู่หนุ่มสาวคู่ต่างๆ อาศัยอยู่ในบ้านเหล่านั้นจนบ้านหลังที่สี่ที่ทำจากเพชรสำเร็จ
นี่เอง ที่ทำให้งบประมาณในการสำรวจของสายลับมือฉกาจผู้นี้ช่างน้อยนิดเหลือเกิน เมื่อเทียบกับสายลับคนอื่นๆ...
องค์ชายหนุ่มคิดในใจ ขณะที่ถามคำถามต่อไปยิ้มๆ “ว่าแต่ได้ความหรือยังว่า ‘เขา’ พำนักอยู่ที่ไหน”
“ยังขอรับ” สายลับฝีมือดีที่สุดตอบคำถามด้วยความเศร้าใจในความไร้สมรรถภาพของตน จนกำหนดการกลับบ้านถูกเลื่อนออกมาเรื่อยๆ
“ไม่เป็นไร” กลับเป็นองค์ชายหนุ่มที่เอ่ยปลอบ “ข้ารู้ว่าเจ้าพยายามเต็มที่แล้ว ว่าแต่ข้าอยากเห็น ‘เรือนหอ’ หลังอื่นๆ ของ ‘ลูกสาว’ เจ้าเต็มที ว่าจะสวยงามขนาดไหน”
“ข้าได้ไปขออนุญาตเจ้าของบ้านคนปัจจุบันทั้งสาม และเจ้าของโรงเรียนมนตราที่ข้าขายให้ไปแล้ว ว่าจะขอพาคนเข้าไปเยี่ยมชม”
“ดีงั้นเจ้านำทางไปเลย” องค์ชายแห่งโทลอสตอบรับ
“ฝีมือดี ละเอียดเรียบร้อย จนดูราวกับเป็นผลงานธรรมชาติมากกว่าเป็นฝีมือมนุษย์” นั่นเป็นคำชมสั้นๆ จากองค์ชายแห่งโทลอสที่ไปชมบ้านแบบเดียวกันที่ทำจากวัสดุต่างกัน อีกทั้งยังอยู่ห่างกันคนละมุมเมือง
“ขอรับ ฝีมือดีจนขนาดหลังจากหักค่าวัสดุ และค่าแรงไปแล้ว เงินที่ได้จากการขายบ้านทั้งสี่หลัง ยังสามารถสร้างบ้านหลังนี้ด้วยแบบแปลนใหม่ อีกทั้งยังเหลือพอที่ข้าจะดำรงชีวิตในบ้านหลังนี้ได้สบายๆ ถึงบัดนี้”
“แล้ว ‘เขา’ ไม่สงสัยอะไรเลยหรือ”
“ถึงสงสัย ก็มิได้ออกปากถาม” ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านตอบอย่างเรียบร้อย
“ดี ข้าต้องการคนแบบนี้แหละ ว่าแต่โรงเรียนที่ทำจากเพชรหลังนั้น เจ้าไปควบคุมด้วยตนเองหรือเปล่า ว่า ‘เขา’ เป็นผู้สร้างทุกขั้นตอน” องค์ชายแห่งโทลอสยังนึกขยาดกับผู้ใช้อัญมณีในการควบคุมสมดุลธาตุได้อย่างแนบเนียนในเอเนีย
“ขอรับ หลังจากที่ ‘เขา’ สร้างบ้านหลังนั้นเสร็จ ‘เขา’ ยังมีแรงพอสร้างกระจกมนตราจาก ‘วัสดุก่อสร้าง’ ที่เหลืออยู่ถึง 4 บานด้วยกัน” เจ้าของบ้านเคราดกตอบรับ
“ดีจริง ข้าชักอยากเห็นฝีมือ ‘เขา’ ด้วยตนเองสักครั้งเสียแล้ว” เจ้าชายหนุ่มหมายมาด
“ข้าได้ข่าวว่า ‘เขา’ จะเลิกรับจ้างวาดวงเวทเพื่อสร้างบ้านแล้ว” สายลับเคราดกเอ่ยด้วยความกังวล
“ทำไม?” องค์ชายหนุ่มฉงน
“รู้สึกว่าเขาจะไปช่วยงานที่บ้าน ส่วนคนอื่นๆ ในกลุ่มก็ได้รับการทาบทามจากหน่วยทหารช่าง มีเพียงงานที่เจ้าของร้านรับไว้ก่อนแล้วเท่านั้น ที่ ‘เขา’ ยังรับทำอยู่”
“งานที่บ้าน? งานอะไรหรือ?”
“ข้าก็ไม่ทราบ ตั้งแต่บรรดาสัตว์ป่าอาละวาดหนักเมื่อเดือนก่อน ‘เขา’ ก็ขอตัวไปช่วยงานทางบ้านทันที โดยไม่ได้ให้เหตุผลอะไรเป็นพิเศษเลย”
“แล้วในช่วงนี้มีงานไหนที่ ‘เขา’ ทำ และพอที่จะให้ข้าไปดูได้บ้าง หรือ ‘เขา’ เลิกไปแล้ว”
“ข้าจะไปสืบถามดูขอรับ” ผู้เป็นเจ้าของบ้านเอ่ยตอบด้วยความหนักใจ
“ระหว่างนี้ข้าจะไปดูทำเลที่ตั้งร้านก่อนละกัน หวังว่าเมื่อข้ากลับมาคงได้รับข่าวดี”
“ขอรับ” สายลับหนุ่มรับคำ ขณะเดินไปส่งเจ้าชายหนุ่มออกจากบ้าน
หลังจากที่ได้ทำเลที่ตั้งร้านขายผ้าจากโทลอส และอัญมณีงามๆ จากเอเนียแล้ว สิ่งต่อมาที่องค์ชายไซราสทำคือติดต่อองค์ชายไอนาสผู้เป็นเจ้าบ้าน เพื่อสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับผู้เขียนวงเวท และควบคุมสมดุลธาตุที่เป็นธาตุดิน ที่ทางมาเซียสืบได้ว่ามีอะไรเพิ่มเติมจากสายลับมือดีของเขาบ้าง เพียงไม่ถึงชั่วยาม กลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งก็มาเยือนองค์ชายแห่งโทลอสมาถึงกระโจมร้านที่ยังไม่ทันเปิด
เจ้าของร้านรีบออกมาต้อนรับกลุ่ม ‘ลูกค้า’ กลุ่มแรกด้วยความยินดี
“เชิญครับเชิญ ผ้าสวยๆ อัญมณีงามๆ จากต่างแดนจ้า
อ่า... สำหรับลูกค้ากลุ่มแรก ข้าจะเปิดร้านต้อนรับให้เข้ามาเลือกชมสินค้าแต่เพียงกลุ่มเดียวเป็นกรณีพิเศษละกัน” เมื่อเห็นหน้าผู้มาใหม่ชัดๆ องค์ชายแห่งโทลอสก็รีบเปลี่ยนคำพูดกะทันหัน พร้อมทั้งเดินออกไปปิดประตูร้านไว้ครึ่งๆ ก่อนจะเดินกลับไปต้อนรับ ‘ลูกค้า’ รายพิเศษนี้
องค์ชายแห่งมาเซียหยุดรอ แล้วเดินตามเจ้าของร้านเข้าไปในห้องด้านหลัง โดยเหล่าองครักษ์ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู
หลังจากทักทายกันอยู่ครู่หนึ่ง องค์ชายแห่งแคว้นนี้ก็เปิดประเด็นทันที
“ท่านมาได้จังหวะพอดี พรุ่งนี้ ‘เขา’ รับงานสร้างบ้านขององครักษ์ข้าเป็นหลังสุดท้าย เราจะได้ไปดูฝีมือ ‘เขา’ ด้วยกันให้เห็นกับตา”
ใครๆ ก็ทราบว่า บ้านที่สร้างด้วยวงแหวนเวท ทั้งทนทาน สะดวกสบาย และประหยัดพลังงาน ยิ่งเป็นบ้านที่สร้างโดยผู้ที่สามารถควบคุมธาตุทั้งสี่ได้อย่างสมดุลจะฟื้นฟู และเพิ่มพูนพลังเวทได้อีกด้วย ต่างจากบ้านที่ใช้อัญมณีในการควบคุมพลังเวท แต่ทว่าการหาผู้ที่สามารถควบคุมสมดุลธาตุทั้งสี่ได้นั้นช่างยากเย็นยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร แต่การที่บ้านซึ่งทำจากเพชร ซึ่งบัดนี้กลายเป็นโรงเรียนมนตราที่มีชื่อเสียงที่สุด ปรากฏขึ้นทำให้ใครๆ ต่างทราบว่าเข็มเล่มนั้นอยู่แทบจะทิ่มตาพวกตนในเมืองแห่งนี้นี่เอง...
...หลังจากข่าวนี้แพร่ออกไป บ้านทุกหลังที่ คนกลุ่มนี้เป็นผู้วาดและออกแบบราคาก็พุ่งพรวดขึ้นไป 2 5 เท่าทันที รวมถึงบ้านแบบเดียวกับโรงเรียนมนตราที่มีคนขอซื้อในราคาถึง 8 เท่าของต้นทุนในการสร้างอีกด้วย!!...
หากทว่าเพียง 4 เดือนถัดมา ผู้วาดวงเวท และควบคุมสมดุลธาตุ รายนี้กลับมีเหตุขัดข้องบางประการ จนทำให้ประกาศว่าจะเลิกวาดวงเวท แต่จะทำเพียงงานที่รับไว้แล้ว ทำให้มีการซื้อ ‘สิทธิ์’ ในการสร้างของ ‘เขา’ อย่างคึกคัก เพราะไม่ว่าจะมีใครเสนอราคาแพงขนาดไหนก็ตาม ‘เขา’ ก็ไม่รับทำเพิ่มแม้แต่หลังเดียว...
...โชคดีที่งานนี้องครักษ์ของพระองค์ไปติดต่อจองตัว ‘เขา’ ไว้แต่เนิ่นๆ ด้วยค่าจ้างมากกว่าที่ค่าจ้างในการวาดวงเวท และควบคุมธาตุด้วยอัญมณีธรรมดาถึง 4 เท่า เพื่อที่จะให้พระองค์ได้มีโอกาสเข้าชมฝีมือ ผู้วาดวงเวท และควบคุมสมดุลธาตุ ‘ผู้ลึกลับ’ คนนี้ด้วยตัวเอง...
“งานสุดท้าย?” องค์ชายแห่งโทลอสแปลกใจในความโชคดีของพระองค์ยิ่ง ที่พระองค์มาทันเวลาพอดี
“ใช่ ท่านโชคดีมากที่มาทันพอดี”
“โชคดีจริงๆ ด้วย แล้วท่านได้เรื่องอะไรเกี่ยวกับ ‘เขา’ เพิ่มเติมเป็นพิเศษหรือเปล่า”
องค์ชายไอนาส แห่งมาเซียส่ายหน้า “เปล่าเลย ข้าได้เพียงข้อมูลพื้นฐานจำพวกชื่อ และระยะเวลาในการมาทำงานที่ร้านนั่นแหละ ส่วนมาทำงานที่ร้านนี้ได้อย่างไร ใครเป็นคนแนะนำมา เจ้าของร้านไม่ยอมตอบท่าเดียว หลักฐานใดๆ ของตัวคนผู้นี้ก็ไม่มีเสียด้วย ไม่บอกแม้กระทั่งว่าหลังจากงานนี้ ‘เขา’ จะไปทำอะไร ที่ไหน!” ผู้พูดกล่าวออกมาด้วยท่าทีถอนฉุนเล็กน้อย
“ครั้นจะให้คนสะกดรอยตาม ก็เหมือน ‘เขา’ อาศัยอยู่ที่ร้านนั่น ด้วย ‘เขา’ มักปรากฏตัวออกมาจากร้าน และกลับเข้าไปในร้านทุกครั้งหลังจากเสร็จงาน ทั้งๆที่ร้านนั่นไม่มีคนอาศัยตอนกลางคืนสักนิด สุดท้ายคนของข้าทนไม่ไหว บุกไปค้นร้านนั้นจนเจอ ‘วงเวทเดินทาง*’ วาดอยู่กลางห้อง!” ว่าแล้วคนหงุดหงิด ก็ถอนใจออกมาดังๆ
(*วงเวทเดินทาง เป็นวงเวทที่ใช้ในการเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งซึ่งมีวงเวทเดินทางตั้งอยู่ เป็นวงเวทที่สร้างได้ง่าย โดยอาศัยเพียงผู้วาดวงเวทธาตุใดๆ กับมณีมนตราก้อนเล็กๆ ก้อนเดียว มักตั้งอยู่ตามสถานที่สำคัญๆ ร้านค้า และห้องอาหาร ที่มักถูกเปิดปิดตามเวลาด้วย ‘พรม เกลื่อนวงเวท’ เป็นการเดินทางที่ประหยัดเวลาไปได้มากที่สุดชนิดหนึ่ง โดยเสียเพียงเงินค่าผ่านทาง และพลังเวทที่แปรผันตามระยะทางเท่านั้น)
“ขนาดข้าให้คนไปติดต่อคนในกลุ่มให้เข้ามาเป็นทหาร พร้อมสืบถามเรื่องของ ‘เขา’ ไปด้วย แต่กลับไม่มีอะไรเพิ่มเติม นอกจากข่าวที่ว่า ‘เขา’ จำเป็นต้องไปช่วยงานทางบ้าน ซึ่งเป็นงานอะไร หรือที่ไหนก็ไม่มีใครทราบ”
องค์ชายแห่งโทลอสกลอกตา ...ถึงว่า ‘อานิช’ ยังสืบไม่ได้สักทีว่าคนผู้นี้เป็นใคร...
“ในเมื่อท่านรู้ชื่อ ลักษณะ อายุโดยประมาณ ก็น่าจะหาได้นะว่าคนผู้นี้เป็นใคร อยู่ที่ไหน หรือว่าแคว้นนี้ไม่มีการจัดเก็บข้อมูลผู้ร่วมงานฉลองเปิดตัว ไว้บ้างเลย” กล่าวจบองค์ชายที่ออกมาเร่ร่อนศึกษา ‘วิถีชีวิตชาวบ้าน’ ถึงต่างแคว้นก็เลิกคิ้วให้องค์ชายเจ้าของแคว้นอย่างท้าทาย
องค์ชายแห่งมาเซียหัวเราะขื่นๆ “นั่นแหละที่น่าแปลก ข้าให้คนไปรวบรวมข้อมูลชายที่ชื่อ ‘นาล’ ทุกๆมณฑลในแคว้นผู้เข้าร่วมงานฉลองเปิดตัว ย้อนหลังถึง 10 ปีที่มีลักษณะ และวัยใกล้เคียงหนุ่มอายุราวๆ ยี่สิบ ที่พึ่งเดินทางมาทำงานที่ร้านนี้ได้เพียงปีกว่าๆ เพื่อกันการหลงหูหลงตา แต่สายสืบที่ไปสำรวจ ‘นาล’ ทั้งห้าร้อยผู้มีธาตุดิน ต่างยืนยันตรงกันว่าไม่ใช่ ‘นาล’ ผู้วาดวงเวท และควบคุมสมดุลธาตุนี้แม้แต่คนเดียว”
“อาจเป็นพวกนักเดินทางสินะ” องค์ชายใหญ่แห่งโทลอสรำพึง
“ข้าก็คิดเช่นนั้น จึงให้คนสำรวจเอกสารผู้ผ่านแดน ที่ชื่อ ‘นาล’ ที่ยังอยู่ในแคว้นข้า ย้อนหลังไป 3 ปี แต่ก็ต้องประสบความล้มเหลวอีกครั้ง สุดท้ายวานนี้สายสืบของข้าถึงกับแอบทำตัวเยี่ยงโจร หลบไปอยู่ในห้องที่วาดวงเวทเดินทางทั้งคืน เพื่อรอดักฟังชื่อ และจุดหมายปลายทางของเจ้าหนุ่มนั่น เผื่อชื่อ ‘นาล’ จะเป็นเพียงฉายาเท่านั้น หรือไม่ก็ไปดักรอเจ้าหนุ่มนี่ยังจุดหมายปลายทางได้ แต่ผลเป็นยังไงรู้มั๊ย...” องค์ชายแห่งมาเซียทอดเสียง ขณะมองไปยังเจ้าของสถานที่ หวังให้มีปฏิกิริยาโต้ตอบ หรือท่าทางลุ้นสักนิด
หากองค์ชายใหญ่แห่งโทลอสกลับเพียงนั่งฟังอย่างสงบ ไม่เร่งเร้า ไม่ตอบคำ ไม่มีท่าทางลุ้นใดๆ จนผู้นึกอยากแกล้งหมดอารมณ์ พึมพำ “ไม่สนุกๆ” งึมงำอยู่ในคอสักพักก็เล่าต่อ
“เจ้าหนุ่มนั่นเอ่ยชื่อตัวเองด้วยเสียงดังฟังชัด ขณะที่เอ่ยถึงจุดหมายด้วยเสียงเบาแสนเบา แทบจะไม่ได้ขยับริมฝีปากเลยด้วยซ้ำ เฮ้อ...”
“สรุปว่าไม่ใช่ชื่อปลอม ไม่ใช่ชาวมาเซีย อาจจะเดินทางเข้ามาก่อน 3 ปีที่แล้ว และมีความจำเป็นต้องช่วยงานทางบ้าน ในเร็ววันนี้สินะ” องค์ชายแห่งโทลอสสรุปออกมาสั้นๆ ได้ใจความ
“มันก็ไม่แน่ คนชื่อ ‘นาล*’ เยอะมาก อาจหลงหูหลงตาสายสืบข้าไปบ้าง”
(*นาล ในภาษายูนีส แปลว่า ‘หนึ่ง’)
“อย่าถ่อมตัวไปเลย หากสืบไม่ได้ก็ไปถามเอาตรงๆ ก็หมดเรื่อง หากผลงานวันพรุ่งน่าพอใจนะ ว่าแต่ คนของท่านจะใช้วัสดุอะไรในการสร้างบ้านน่ะ” องค์ชายแห่งโทลอสเปลี่ยนเรื่องด้วยรู้ดีแก่ใจว่ายากที่จะมีสิ่งใดรอดหูรอดตาองค์ชายแห่งมาเซีย ที่ดูเหมือนจะขี้เล่น เกินกว่าจะเป็นคนช่างสังเกตแบบนี้ได้
“ผสม ตัวบ้านทำจากดินเผา ตกแต่งด้วยกลีบดอกไม้ชนิดที่ต่างกันไปในแต่ละห้อง เครื่องใช้ในบ้านทำจากไม้หอม ประดับอัญมณีล้ำค่า ส่วนลูกบิดประตูทำจากดอกไม้พันธุ์เดียวกับดอกไม้ที่ตกแต่งห้อง” องค์ชายแห่งมาเซียเอ่ย แววตาวาวระยับ “พอดีคนของข้าต้องสร้างบ้านเอาใจ ‘ว่าที่’ ศรีภรรยาน่ะ”
“ว่าที่ศรีภรรยาที่เป็นถึงองค์ชายแห่งแคว้น” ไซราสเย้ายิ้มๆ
“ว่าที่ศรีภรรยาที่เป็นถึงรานีแห่งแคว้นต่างหาก” มาราสตอบกลับหน้าตาย
...ก็บ้านหลังนี้มาจากความฝัน และจินตนาการของผู้เป็นมารดาแห่งแผ่นดินล้วนๆ นี่นา...
...บ้านที่อบอวลไปด้วยกลิ่นดอกไม้นานาพันธุ์ตลอดเวลา...
...บ้านที่องค์ราชันแห่งมาเซีย สั่งกำชับ ‘คนของพระองค์’ มาเป็นพิเศษ...
องค์ชายแห่งโทลอสแทบสำลัก ขณะเอ่ยว่า “งั้นเราคงได้แต่หวังว่าบ้านหลังนี้จะดีสมปรารถนาของ ‘ผู้ที่ตั้งความหวัง’ ละกัน”
“ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น” องค์ชายแห่งมาเซียตอบรับ
คืนนั้นองค์ชายแห่งโทลอสได้ส่งสารสั้นๆ ถึงสายลับมือดีของพระองค์ ว่าพระองค์จะไปดูผลงานของ ‘เขา’ ด้วยตนเองในวันรุ่งขึ้น เพื่อที่อานิชจะได้ไม่ต้องเหนื่อยแรงในการหาวิธีให้พระองค์สังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ตามที่ตกลงกันไว้...
+ + + + + + + + + +
นาลรู้สึกราวถูกใครสักคนทดสอบความสามารถอีกครั้ง ยามมองแปลนบ้านหลังสุดท้ายที่พวกเขาตกลงรับทำ รวมถึงรายชื่อวัสดุก่อสร้างที่ผู้ว่าจ้าง ‘รายใหม่’ ต้องการใช้ในการสร้างบ้านหลังนี้ หลังจากที่สร้างบ้านที่ทำจากเพชรเมื่อครึ่งปีก่อน บ้านซึ่งบัดนี้กลายเป็นโรงเรียนมนตราไปแล้ว...
“อย่างนี้มันแกล้งกันชัดๆ เลยนี่... ดินเผาประดับด้วยดอกไม้” ชายหนุ่มผมแดงผู้ประจำตำแหน่งธาตุไฟโวยใส่ลุงเจ้าของร้านที่รับงานไม่เลือก “พอข้าเผาดิน แล้วจะมีต้นไม้ดอกไม้ใดรอดอำนาจพระเพลิงของข้าไปได้ นี่เป็นการบังคับให้ทำงานซ้ำซ้อนชัดๆ”
“น่า ถือว่าพิสูจน์ฝีมือครั้งสุดท้าย” ชายผมดำที่เป็นหัวหน้ากลุ่มนี้เอ่ย
“ใช่ เรามาทำครั้งสุดท้ายให้ดีที่สุดเถอะ” ชายผมสีน้ำตาล ผู้ที่กำลังจะได้เป็นนายทหารช่างประจำแคว้นเอ่ย
นาลมองเพื่อนๆ ที่กำลังจะได้เป็นนายทหารทั้งสาม ก่อนพยักหน้า “ใช่ ร่วมทำงานสุดท้ายให้ดีที่สุดเถอะ”
ชายผมแดงพยักหน้ารับในที่สุด ก่อนคนทั้งสี่จะไปทำงานครั้งสุดท้ายด้วยกัน...
ทั้งสี่พูดคุยหยอกล้อกันอย่างร่าเริง ขณะเดินทางไปยังที่ตั้งบ้านหลังใหม่ที่ตั้งอยู่ทางด้านใต้ของวังหลวงแห่งแคว้น บริเวณที่พวกเขากำลังจะวาดวงเวทเพื่อสร้างบ้านนั้นติดกับชายป่าทึบพอดี
นาลมองบริเวณที่มีกอง ‘วัสดุก่อสร้าง’ นานาชนิดวางอยู่ แล้วหนักใจ
“ท่านแน่ใจหรือว่าจะสร้างบ้านที่นี่” นาลเอ่ยถาม ‘ผู้ว่าจ้างทั้งสาม’ แทนการทักทายตามปกติ ทำให้ผู้ร่วมงานทั้งสามที่มองไปยังบริเวณโดยรอบอย่างหนักใจ หันมารอคำตอบด้วย
“ข้าแน่ใจ ‘ว่าที่’ ภรรยาข้าชอบที่กว้างๆ สงบๆ ต้นไม้เยอะๆ ที่แห่งนี้นับว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว” นายทหารที่ถูก ‘อุปโลกน์’ ว่าเป็นผู้ว่าจ้างเอ่ยตอบ
“แต่มันไม่ติด ‘ป่าแห่งการล่า’ สถานที่ล่าสัตว์ของพวกชนชั้นสูงไปหน่อยหรือ” ชายผมดำที่เป็นหัวหน้าคณะของการวาดวงเวทเอ่ยถาม
“ข้าได้รับราชานุญาตแล้ว” นายทหารผู้นั้นกล่าวต่อ
“อ้อ... งั้นท่านคงใหญ่น่าดู” หนุ่มผมแดงปากเปราะตามเคย
“อยู่ตรงนี้ท่านไม่คิดหรือว่าอาจจะมีตัวอะไรเข้ามารบกวนได้” หนุ่มผมน้ำตาลรีบเปลี่ยนเรื่องแก้สถานการณ์
“แล้วพวกท่านพอมีทางแก้หรือไม่” ชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาหล่อเหลาที่ยืนขนาบนายทหารผู้นั้นเอ่ยถาม
นาลพิศชายหนุ่มที่ดูจะเยาว์วัยที่สุดในคณะผู้ว่าจ้าง ที่เป็นผู้ถามอย่างพินิจยิ่งขึ้น ขณะเอ่ยตอบ “มีวงเวทชนิดหนึ่งใช้ป้องกันสัตว์ ‘ใหญ่’ ไม่ให้มารบกวนได้”
องค์ชายไอราสแห่งมาเซียพยักหน้ารับด้วยความพอใจ
“งั้นรบกวนพวกเจ้าช่วยวาดวงเวทนี้รอบบ้านด้วย” ชายหนุ่มอีกผู้เป็นฝ่ายเอ่ยสรุป
“พวกข้าจะรับรองความปลอดภัยของพวกท่าน ขณะที่สร้างบ้านเอง” นายทหารเจ้าของงานในคราวนี้เอ่ย รับรองความปลอดภัยปิดท้ายให้
นาลพยักหน้ารับ ก่อนแยกไปวาดวงเวทชนิดที่ว่ารอบบริเวณที่จะสร้างบ้านก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อความปลอดภัยของตน และคณะ แล้วจึงถอยร่นเข้าไปวาดวงเวทสร้างบ้านรอบบริเวณที่เพื่อนร่วมงาน โปรยเมล็ดพันธุ์ต่างๆ ณ บริเวณที่น่าจะเป็นผนังของแต่ละห้องตามแบบแปลนที่ได้รับมากันอยู่
หลังจากที่เด็กหนุ่มทั้งสี่ประจำที่ตน ณ วงเวทสร้างบ้านแล้ว ดอกไม้ที่จะเป็นกำแพงในแต่ละห้องก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะผสานกันเป็นกำแพงไม้เถาที่แสนจะงดงามยิ่ง ก่อนจะมีเกล็ดน้ำแข็งบางๆ เข้าปกคลุมดอกไม้เหล่านั้นจากล่างขึ้นบน
สององค์ชาย กับนายทหารที่ถูก ‘อุปโลกน์’ ว่าเป็นผู้ว่าจ้างมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างอัศจรรย์ใจ ปนเสียดายเมื่อชั้นดินหนาทึบค่อยๆ กลืนกำแพงดอกไม้น้ำแข็งเหล่านั้นไปทีละนิดๆ
และยิ่งต้องผวาเมื่อเปลวไฟสีน้ำเงินเข้ม ค่อยๆ ลามเลียไปยังกำแพงดินเหล่านั้น จน กำแพงดินเหล่านั้นกลับกลายเป็นสีอิฐ พร้อมๆ กับเผยให้เห็นดอกไม้ที่ซ่อนไว้ในกำแพงดิน ที่เริ่มส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ไล่ตามเปลวไฟสีน้ำเงินที่ลามเฉพาะจุดอย่างช้าๆ
สี่หนุ่มผู้สร้างพลันทรุดตัวลง ทันทีที่เปลวไฟสีน้ำเงินลามไล่ไปถึงบริเวณหลังคา และสงบลงในที่สุด
‘ผู้ว่าจ้างทั้งสาม’ ต่างตรงไปดูอาการของผู้เขียนวงเวททั้งสี่ ครั้งพอเห็นว่าอ่อนเพลียเพียงเล็กน้อย ก็ช่วยกันพยุงคนทั้งสี่มายังจุดพักที่มีเตียงเปล อาหาร น้ำดื่ม รวมทั้งของว่างที่มีไว้บริการผู้ที่อ่อนเพลียจากการเสียพลังเวทมากไป ก่อนผู้ที่มียศสูงจะเข้าไปดูผลงานคร่าวๆ ทิ้งให้ผู้ถูก ‘อุปโลกน์’ ว่าเป็นนายจ้าง คอยดูแล และคุ้มครองชายหนุ่มทั้งสี่จากสัตว์ร้ายที่อาจบังเอิญผ่านมาขณะที่เพลียจนไม่สามารถดูแลตนเองได้
สองเจ้าชายต่างทึ่งกับบ้านดินเผาหลังนี้มาก แม้จะยังไม่มีเครื่องใช้ในบ้าน หรือวงเวทเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้แต่ละชนิด ในแต่ละห้อง และลวดลายอันอ่อนช้อยของมันที่ฝังตัวในผนังดินเผา ก็สามารถทำให้คนจิตใจแข็งกระด้างอ่อนโยนลงได้บ้างแน่ๆ
“น่าทึ่งจริงๆ ที่ท่านจะได้คนฝีมือดีขนาดนี้ถึงสามคนไว้ในกรมทหารช่าง” องค์ชายแห่งโทลอสเปรยออกมาก่อน
“ถ้าข้าไม่เห็นกับตาก็คงยากจะเชื่อเหมือนกัน ว่าแต่ท่านคงไม่คิดจะดึง ‘คนของข้า’ ไปสักคนหรอกนะ” องค์ชายแห่งมาเซียสนับสนุน แต่ไม่วายเหล่เจ้าชายต่างแคว้นที่ดูจะทึ่งกับผลงานชิ้นนี้มาก จนทำท่าไม่น่าไว้ใจ
“หึๆ ข้าไม่เคยคิดดึงคนของท่านไปสัก ‘คนเดียว’ หรอกนะ” องค์ชายแห่งโทลอสตอบ
“พี่ไซ!!” องค์ชายไอนาสแห่งมาเซียเรียกเสียงหนัก
“ตกลง” คนแอบแกล้งยอมอ่อนข้อให้ในที่สุด ก่อนที่ทั้งสองจะชักชวนกันออกไปดูอาการ ของผู้รับจ้างวาดวงเวทบ้านหลังนี้
เมื่อองค์ชายทั้งสองออกมาก็พบว่าคณะผู้วาดวงเวทสร้างบ้านมีแรงลุกขึ้นมาทานอาหารรอบแรกนิดๆ หน่อย ๆ แล้ว
“ตัวบ้านต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลงสิ่งใดหรือไม่” เมื่อเห็นผู้ว่าจ้างอีก 2 คนเดินออกมา ชายผมดำที่เป็นพี่ใหญ่ก็ลุกขึ้นมาถาม
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี” ชายหนุ่มที่ดูจะมีอายุน้อยที่สุดในกลุ่มผู้ว่าจ้างเป็นผู้ตอบคำถามนี้
“หากท่านมั่นใจ พวกข้าจะได้ไปวาดเวทเวทเครื่องเรือน และวงเวทอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้ เนื่องด้วยเครื่องเรือนทำจากไม้หอม ซึ่งไม่ทนไฟ ทำให้ไม่สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ‘ตัวบ้าน’ ได้อีก เว้นแต่จะทำลายเครื่องเรือนเหล่านั้นก่อน” พี่ใหญ่ของกลุ่มนี้ย้ำอีกครั้ง
“ข้ามั่นใจ” ชายคนเดิมย้ำอีกครั้ง คณะผู้วาดวงแหวนเวทจึงเดินไปจัดการงานเล็กๆ น้อยๆที่เหลือในตัวบ้าน โดยไม่ลืมหยิบเมล็ดพันธุ์ไม้หอม และอัญมณีชนิดต่างๆ เข้าไปด้วย
เพียงไม่นานบ้านในฝันของ ‘แม่แห่งแผ่นดิน’ ก็สำเร็จสมบูรณ์ สมดังหวังทุกประการ ‘คณะผู้ว่าจ้าง’ ต่างชื่นชมผลงานของทั้งสี่ไม่หยุดปาก พลางถามถึงหนทางข้างหน้าของทั้งสี่อย่างเนียนๆ
“พวกข้าทั้งสามจะไปเป็นทหารช่าง” เจ้าหนุ่มผมแดงที่รู้สึกเป็นกันเองกับคณะผู้ว่าจ้างรายสุดท้ายนี้ ตอบออกไปอย่างไม่คิดอะไรมาก ขณะที่กำลังสวาปามอาหารว่างมื้อที่สองอย่างไม่หยุดปาก “ส่วนเจ้านี่จะไปช่วยงานที่บ้าน” เอ่ยพลางชี้ไปยังผู้วาดวงเวทและควบคุมธาตุประจำคณะ
“หือ งานอะไรล่ะ” นายทหารที่ถูก ‘อุปโลกน์’ ว่าเป็นผู้ว่าจ้างเอ่ยถามอย่างสนใจ
“โอ๊ย ไม่ต้องไม่ง้างปากเค้าหรอก พวกข้าคาดคั้นมาตั้งกี่ครั้ง ต่อกี่ครั้งเจ้านี่ยังไม่ยอมปริปากสักนิด” คนปากเปราะยังคงเอ่ยพร้อมโบกมือเบาๆ พลางหันมาทำท่าถามความเห็นของคนที่เหลือ
นาลเพียงยิ้มบางๆ ขณะที่เพื่อนทั้งสองเพียงพยักหน้าเบาๆ เท่านั้น
“แม้ว่าผู้ถามจะเป็น ‘นายเหนือหัว’ อย่างนั้นหรือ” นายทหารผู้ว่าจ้างถามยิ้มๆ
“ใช่ลุงเจ้าของร้านถามตั้งหลายครั้ง แต่เจ้านี่ก็มัวแต่อมยิ้ม แล้วตอบเลี่ยงไปเลี่ยงมาอยู่ได้” หนุ่มผมแดงยังไม่สะดุดใจ ขณะที่อีกสามคนชะงักกึก เงยหน้าขึ้นมาจากอาหารว่างตรงหน้า มองหน้ากันเอง ก่อนหันไปมองคณะผู้ว่าจ้างทั้งสามอย่างพินิจ
“ข้าเดาว่าบางทีน่าจะเกี่ยวกับป้ายนั่น” องค์ชายไซราส แห่งโทลอส ตั้งข้อสังเกต
“นาลใจหายวาบ รีบเก็บ ‘ป้ายประจำตัวผู้บำบัดชั้นสูง’ ที่หลุดออกมาจากคอเสื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบเข้าไปทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่นาลพก ‘ป้ายประจำตัวผู้บำบัดชั้นสูง’ ออกมาเพราะความประมาท ด้วยที่ว่างานคราวนี้เป็นงานครั้งสุดท้ายแล้ว เมื่อ ‘ป้ายประจำตัวฯ’ ติดมาโดยบังเอิญ จึงมิได้ใส่ใจเอาไปเก็บไว้ที่บ้านเช่นทุกครั้ง
นาลใจหายวาบ แต่ขณะที่กำลังคิดหาข้อแก้ตัวดีๆ นั้น หางตาเขาก็เห็นอะไรไหวๆ
“นั่น!!” นาลอุทานเสียงเครียด แล้วคว้าไม้แถวนั้นมาเป็นอาวุธป้องกันตัวทันที
ความคิดเห็น