คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 สืบเสาะ
หลังจากนาลได้รับป้ายประจำตัวผู้บำบัดชั้นสูงแล้ว นาลยังคงช่วยผู้เป็นมารดารักษาผู้ป่วยในหมู่บ้านถึงสัปดาห์ละ 4 วัน ส่วนอีก 3 วันที่เหลือยังคงแปลงตัวเป็นเด็กหนุ่มคงเดิมรับจ้างควบคุมสมดุลธาตุในการสร้างวงเวท กับผู้ที่คอยช่วยหางานให้ระหว่างที่นางไปทดสอบความสามารถในตัวเมือง
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เด็กหนุ่มวัยประมาณ 20 ปี รับงานควบคุมสมดุลธาตุในการสร้างวงเวทเพื่อสร้างบ้านตามแบบของเศรษฐีรายหนึ่งในตัวเมืองมาเซีย
“อีกแล้วหรือ
” นาลในร่างเด็กหนุ่มวัยต้นยี่สิบเอ่ย หลังจากมองแบบแปลนบ้านที่เจ้าของร้านส่งมา
“อีกแล้ว?” ลุงเจ้าของร้านที่รับงานให้นาลทวนคำ
“ก็แปลนชุดนี้อีกแล้วไงลุง
คราวนี้ให้สร้างด้วยอะไรอีกล่ะ ดินเผา ไม้ หรือดินเคลือบเงิน แบบอาทิตย์ที่แล้วอีก”
“อะไรกัน อาจเป็นแปลนคนละชุดก็ได้” ลุงเจ้าของร้านยังแย้ง
“งั้นลุงดูนี่” เด็กหนุ่มว่าพร้อมคว้าแบบแปลนใบแรกมาใช้เวทคัดลอก จนได้แบบแปลนใบใหม่ที่เหมือนแบบแปลนใบเดิมทุกประการเว้นแต่รอยตราสัญลักษณ์ร้านถึง 3 รอยที่ประทับเรียงกัน*
(*ตราประทับร้านนี้ทำด้วยหมึกชนิดพิเศษซึ่งมีความไวกับเวทคัดลอก และจะแสดงรูปร่างที่แท้จริงออกมา ในแผ่นกระดาษที่ใช้เวทคัดลอกขึ้นมาเท่านั้น)
“เป็นไปไม่ได้” ลุงเจ้าของร้านอุทานออกมา “ก็ผู้ว่าจ้างเป็นคนละคนกันนี่นา”
“แต่มันเป็นไปแล้ว” เด็กหนุ่ม 3 คนที่ยืนอยู่หน้าประตูเอ่ย พลางก้าวเท้าเข้ามานั่งข้างๆ นาล
ชายเจ้าของร้านมองคณะสร้างบ้านด้วยวงเวททีมที่ดีที่สุดของแกด้วยความแปลกใจ
“พวกเจ้าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“พวกข้าหมายเข้ามาถามเรื่องนี้อยู่พอดี เห็นนาลกำลังคุยกับลุงอยู่เลยหยุดฟัง” ชายผมแดงวัยต้นยี่สิบเอ่ย
“สรุป
พวกเจ้ามายืนฟังตั้งแต่ต้น” ลุงเจ้าของร้านสรุปง่ายๆ
ชายหนุ่มทั้งสามพยักหน้ากันพร้อมหน้า
“สร้างบ้านให้เป็นเรือนหอลูกสาวอีกตามเคยล่ะสิ” ชายหนุ่มผมแดงคาดการณ์
“ผู้จ้างวานคราวนี้เป็นคนละรายกับครั้งก่อนๆ อีกใช่มั้ยลุง” ชายหนุ่มผมดำวัยต้นสามสิบเอ่ยถาม หากลุงเจ้าของร้านยังไม่ทันตอบชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่นั่งข้างๆ ก็ถามแทรกขึ้น
“ว่าแต่คราวนี้ ‘ผู้จ้างวาน’ จะสร้างบ้านด้วยอะไรอีกล่ะลุง”
“เห็นมั๊ยล่ะลุง ใครๆ ก็รู้มุขของผู้จ้างวานรายนี้หมดแล้ว” นาลสรุป ก่อนเด็กหนุ่มทั้งสี่จะมองเจ้าของร้านเป็นตาเดียว
ลุงเจ้าของร้านถอนหายใจก่อนไล่ตอบคำถามของพวกช่างสังเกตไปทีละคน “ใช่ ผู้จ้างวานรายนี้จะสร้างเรือนหอให้ลูกสาว
ใช่ผู้จ้างวานรายนี้เป็นคนละคนและอยู่คนละมุมเมืองกับผู้จ้างวานสามรายก่อน
และคราวนี้ผู้จ้างวานจะสร้างบ้านด้วยเพชร โดยให้
”
“เพชร!!” สี่หนุ่มประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน
“กะแกล้งกันชัดๆ ให้ใช้แร่แข็งอย่างนั้นมาสร้างบ้าน” ชายหนุ่มผมแดงกล่าวด้วยท่าทีฉุนเฉียว
“คราวนี้เล่นของแพงเลยนะลุง” เด็กหนุ่มผมน้ำตาลเปรย
“เค้าเตรียมวัสดุก่อสร้างมาเองน่ะ เห็นว่า
” ลุงเจ้าของร้านตอบยังไม่ทันหมดก็ถูกจอมขัดจังหวะคนเดิม เอ่ยแทรกขึ้นมา
“แน่ใจหรือลุงว่าเค้าต้องการสร้างเรือนหอน่ะ” เด็กหนุ่มผมแดงเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“เจ้าสาวมีมนตราอ่อนด้อยมากเลยหรือไงลุง ถึงต้องใช้เพชรช่วยเสริมมนตราขนาดนั้น” นายผมน้ำตาลเสริม
“มันไม่อย่างนั้นน่ะสิ หากใช้เพชรจำนวนมากขนาดนั้น สร้างบ้านอย่างนั้น มันจะช่วยจำกัดขอบเขตของมนตราให้อยู่ในบริเวณบ้าน
แน่ใจว่าเป็น ‘เรือนหอ’ แน่หรือลุง” นาลเอ่ย พลางนึกถึงห้องซ้อมเวท ที่ต้องการความทนทานเป็นพิเศษตาม โรงเรียน และสถานที่ราชการสำคัญต่างๆ
“อย่างนั้นเราต้องแจ้งให้ทางการทราบก่อนหรือเปล่าลุง” หนุ่มผมดำเอ่ยเสริม
“ก็เจ้าของบอกให้ใช้เพชรใส โดยใช้
” ลุงเจ้าของร้านตอบยังไม่ทันหมดก็ถูกจอมขัดจังหวะคนเดิม เอ่ยแทรกขึ้นมา
“เพชรใส! ช่างเป็นพ่อตาที่ใจดีซะจริง” เด็กหนุ่มผมแดงผิวปากหวือ
“พิลึกใหญ่แล้ว มีแต่คนพิลึกๆเท่านั้นแหละที่จะใช้เพชรใสอย่างนั้นกั้นห้อง” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเอ่ย
“ตอนเข้าห้องน้ำคงสนุกน่าดู” ชายผมดำเอ่ยเสริม
“คราวนี้จะให้ใช้อะไรเคลือบอีกล่ะลุง เพราะคงไม่มีใครพิลึกเข้าขั้นอยู่ในบ้านที่ใสแจ๋ว อย่าง 2 คนนั้นว่าได้หรอก” นาลหันไปถามเจ้าของร้านที่ถูกขัดจังหวะการพูดมาถึง 2 ครั้ง 2 หน
“ข้ากำลังจะพูดอยู่นี่แหละ พวกเจ้าก็มาขัดข้าได้ พอข้าจะอธิบายทำไมพวกเจ้าถึงไม่ฟัง วันหลังจะพูดจะจาอะไรหัดมองข้าซะบ้างว่าข้ากำลังพูดอยู่หรือเปล่า
ฯลฯ”
ZZZzz
เด็กหนุ่มทั้ง 4 นั่งฟังลุงเจ้าของร้านบ่นจนหลับไป 3 ยกแล้ว ลุงท่านก็ยังไม่หยุดบ่นไม่ลืมหูลืมตา จนกระทั่ง
โครม!!
“โอย ใครแกล้งดึงเก้าอี้ข้าฮะ” เด็กหนุ่มผมแดงที่ลงไปนั่งเค้เก้อยู่ที่พื้น โวยวายใหญ่ จนบรรดาคนแอบทำเพราะหมั่นไส้คนหลับลึกทั้งหลายที่ต้องกลั้นยิ้มแทบแย่
“นี่พวกเจ้าไม่ได้ฟังข้าเลยใช่มั้ย” ลุงเจ้าของร้านชักฉุน หากก่อนที่ลุงแกจะได้บ่นยก 2 หนุ่มๆ ทั้งหลายก็รีบห้ามไว้แทบไม่ทัน
“พอๆ เหลืออีกแค่ครึ่งชั่วยามก็จะได้เวลานัดแล้ว พวกข้ายังไม่ได้รายละเอียดเลย” ชายหนุ่มผมดำตัดบท
ขุนพลอยพยักทั้งหลายรีบสนับสนุนทันที
“เฮ้อ” ลุงเจ้าของร้านถอนใจก่อนจะร่ายรายละเอียดว่าผู้จ้างวานสุดพิลึกที่ต้องการสร้างบ้านจากเพชรใสเคลือบภายนอกทรายละเอียด ก่อนแอบยิ้มเมื่อบอกว่าผู้จ้างวานต้องการสร้างเรือนหอให้ลูกสาว ณ ที่แห่งใดในเมืองนี้ ขณะที่มือยังคงประทับตราร้านลงบนแปลนแต่ละแผ่นอย่างไม่เร่งรีบ
แต่เมื่อหนุ่มๆได้ฟังก็ต้องตาเหลือก ด้วยระยะเวลาที่เร็วที่สุดในการไปถึงที่นัดหมายคือ 1 ชั่วยาม ทั้งๆที่ตอนนี้เหลืออีกไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็จะถึงเวลานัดหมายแล้ว
แม้งานนี้จะเป็นงานเดิมๆ แต่ค่าจ้างในคราวนี้สูงกว่าเดิมถึง 10 เท่า เนื่องด้วยความยากของงาน และหาก ‘วัสดุก่อสร้าง’ ที่ใช้ในการก่อสร้างเหลือพวกตนก็สามารถเก็บมาได้ด้วย หากพวกตนไปไม่ทัน แล้วผู้ว่าจ้างยกเลิกงานคงได้แต่กลับไปดักตีหัวลุงพูดมากได้อย่างเดียว!!
เมื่อพวกนาลสร้างบ้านแบบเดิมๆ ด้วยวัสดุก่อสร้างสุดอลังการเสร็จแล้ว เหลือเพชรดิบเพียงก้อนเท่ากำปั้นเพียงก้อนเดียวเท่านั้น
ผู้ช่วยหนุ่มทั้งสามมองหน้ากัน พลางเหลือบไปยังผู้ควบคุมสมดุลธาตุในการสร้างวงเวทครั้งนี้ ซึ่งกำลังนั่งพักด้วยท่าที ‘คล้ายจะ’ อ่อนแรง ก่อนจะเกี่ยงกันให้อีกฝ่ายเดินไปหาผู้มีธาตุดินคนเดียว เสกสรรกระจกมนตราจากเพชรก้อนที่เหลือนี้ สุดท้ายหนุ่มผมแดงที่แสนจะโชคร้ายก็ถูก 2 เพื่อนทรยศร่วมใจกัน(ถีบ)ส่งออกมาเป็นแนวหน้า
เด็กหนุ่มผมแดงหันไปมองเพื่อนชายทั้งสองอย่างเคืองนิดหน่อย ก่อนคว้าเพชรดิบที่เหลืออยู่เดินตรงไปหาคนที่ทำท่า ‘คล้ายจะ’ เป็นลมได้ทุกเมื่อ
“เอ้า พวกผู้จ้างวานเข้าไปดูข้างในบ้านกันหมดแล้ว ถึงแกล้งทำท่าไม่ไหว ก็ไม่มีใครมาเพิ่มค่าจ้างให้หรอก”
นาลมองชายตรงหน้าคล้ายจะค้อน
“พอๆ ไม่ต้องทำเป็นมองอย่างนั้นเลย เจ้าไม่ใช่ผู้หญิงนะ ถึงค้อนไปข้าก็ไม่ง้อให้เสียเวลาหรอก”
“งั้นมีอะไร” นาลถามเสียงห้วน
“แหะๆ เจ้าช่วยเปลี่ยนเจ้านี่เป็นกระจกมนตรา*ให้พวกข้าทีสิ” ชายผมแดงยิ้มแหยๆ ขณะส่ง ‘วัสดุก่อสร้าง’ ที่หลงเหลืออยู่เพียงก้อนเดียวให้
(*กระจกมนตรา เป็นสิ่งที่จะใช้เสริมพลังเวท หรือธาตุ อีกทั้งยังช่วยควบคุมสมดุลในการร่ายเวท หรือธาตุด้วย มักทำจากผลึกแร่อัญมณีต่างๆ เจียรนัยเป็นแผ่นบางๆ รูปร่างต่างๆ ตามแต่ผู้สร้างจะสร้างสรร ว่ากันว่ายิ่งใช้แร่ที่ใส และแข็งเท่าใด กระจกมนตราที่ได้จะมีคุณภาพดีเท่านั้น กระจกมนตราที่ดีที่สุดมักทำจากเพชร ที่ผู้มีธาตุดินที่แข็งแกร่ง และสามารถวาดวงเวทธาตุดินเท่านั้นจึงจะสร้างกระจกมนตราเพชรนี้ได้)
“ข้ายังเหนื่อยอยู่” นาลตัดบทห้วนๆ
“ข้าบอกแล้วมั๊ยล่ะว่าให้เจ้านั่นไปจะไม่ได้เรื่อง” ชายผมดำเปรยกับชายผมน้ำตาลที่ก้าวตามมาติดๆ
“เอาน่าอย่าไปถือเจ้าหัวแดงนั่นเลย พวกข้ารู้ว่าเจ้าพักพอแล้ว พวกผู้ว่าจ้างยังสำรวจภายในบ้านไม่เสร็จรีบลุกขึ้นมาทำกระจกมนตราให้ข้าดีกว่าน่ะ” ชายหนุ่มผมน้ำตาลเอ่ย
นาลมองไปยังบ้านที่ ‘ดูเหมือน’ สร้างจากทราย ครั้งไม่เห็นใครออกมาก็ยอมรับเพชรก้อนเท่ากำปั้นนั้นมาอย่างง่ายๆ แล้ววางบนพื้นจากนั้นก็วาดวงเวทธาตุดินล้อมรอบเพชรเม็ดนั้นไว้ ทันทีที่เด็กหนุ่มธาตุดินวางฝ่ามือลง เพชรเม็ดงามก็ค่อยๆ หมุนเร็วขึ้นๆ พลางดึงดูดอักขระในวงเวทก่อนจะแปรเป็นกระจกมนตราขนาดเท่ากัน 4 บาน พร้อมๆ กับวงเวทธาตุดินที่สลายไป
ชายหนุ่มทั้งสามผิวปากหวือ แม้เห็นคนตรงหน้าทำเช่นนี้มาหลายครั้ง แต่พวกตนยังอดทึ่งไม่ได้ทุกที ขณะที่ชายหนุ่มผมแดงจะเอ่ยปากแซวอย่างทุกทีนั้น พี่ใหญ่ของกลุ่มก็เหลือบไปมองเห็นผู้ว่าจ้างกำลังเดินออกมาจากตัวบ้านพอดี จึงรีบสะกิดให้ผู้ร่วมงานคนอื่นๆ รู้ตัว ชายหนุ่มอีกสามจึงรีบเก็บกระจกมนตราที่ทำมาจากเพชรอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้เป็นพี่ใหญ่ในคณะออกไปรับหน้าผู้จ้างวาน
“เข้าไปดูข้างในแล้ว เป็นไงบ้างครับ ต้องการปรับเปลี่ยนอะไรหรือเปล่า เพราะบ้านที่สร้างจากเพชรอย่างนี้ การปรับเปลี่ยนทำได้ด้วยวงเวทอย่างเดียวนะครับ” ชายผมดำเอ่ยด้วยท่าทียิ้มแย้ม ขณะปรายตาไปมองผู้ที่พึ่งสร้างวงเวทสุดแข็งแกร่งอีกวงที่กลับไปทำทีเหมือนเหนื่อยเต็มประดาอย่างปลงๆ
ผู้จ้างวานยิ้ม “ไม่ต้องหรอกท่าน ก็พวกท่านสร้างได้ตามแบบเลยนี่ แถมพวกท่านยังลงวงเวทเรียกแสง* วงเวทปรับอากาศ** และวงเวทเรียกน้ำ***ให้เรียบร้อยอีกด้วย”
(*วงเวทเรียกแสง (เขียนบนเพดาน) ต้องใช้ผู้มีธาตุทั้ง 4 สร้าง ใช้สำหรับเรียกแสงสว่างในที่มืด วิธีใช้ก็ง่ายๆ คือจุดไฟขึ้นมาใต้วงเวท เพื่อให้วงเวททำงาน หรือดับวงเวท
**วงเวทปรับอากาศ (เขียนใต้ช่องลม) ต้องใช้ผู้มีธาตุทั้ง 4 สร้าง ใช้สำหรับปรับอากาศให้สมดุล วิธีใช้เริ่มจากปิดประตู หน้าต่างห้องให้หมด จากนั้นเทน้ำเพื่อปรับระดับความเย็น หรือจุดไฟเพื่อเพิ่มอุณหภูมิหน้าวงเวท โดยหากเปิดประตู / หน้าต่าง ผลของวงเวทจะสลายไป
***วงเวทเรียกน้ำ (เขียนที่กำแพงห้อง) ต้องใช้ผู้มีธาตุน้ำสร้าง หรือจะให้ผู้มีธาตุน้ำถ่ายพลังไปยังผู้เขียนวงเวทก็ได้ วิธีใช้เพียงเทน้ำใต้วงเวท เพื่อให้วงเวททำงาน และหยุดการทำงาน)
“ถ้าอย่างนั้น พวกข้าขอตัวกลับก่อน” ชายผมดำสรุป และนำหน้าทุกคนเดินจากไป
ผู้จ้างวานมองตามชายหนุ่มทั้งสี่ยิ้มๆ ก่อนจ้องเขม็งไปยังเด็กหนุ่มผู้เขียนวงเวท และควบคุมสมดุลธาตุ
ผู้เขียนวงเวทที่มีธาตุดิน ซึ่งมีมนตราแข็งแกร่ง
ผู้ที่ถ่อมตัวอยู่เสมอ อีกทั้งยังไม่ปากมาก ซักถามอะไรไร้สาระ
นึกแล้วก็มองแปลนบ้านที่อยู่ในมือ แปลนบ้านที่เมื่อร่ายเวทคัดลอกแล้วปรากฏตราร้านถึง 4 รอย!!
แค่คุณสมบัติ 2 ข้อนี้ก็เหลือพอที่จะรายงานให้องค์ชายทราบแล้ว
ชายหนุ่มนึกถึงผู้ที่พึ่งสร้างบ้านจากเพชร แล้วไปวาดวงเวทสร้างกระจกมนตราต่อได้อย่างง่ายดาย ยิ้มๆ
อีกไม่นานข้าก็คงจะได้กลับบ้านแล้ว
+ + + + + + + + + +
ทางด้านเจ้าชายไซราสแห่งโทลอส ที่ออกมาเรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้านมาครึ่งปีกว่าแล้ว
ตลอดเวลาครึ่งปีมานี้เขาใช้ชีวิตเป็นพ่อค้าเร่ เร่ขายสินค้าต่างๆ ไปทั่วแคว้น พร้อมทั้งรวบรวมข่าวสารเพื่อหาทางฟื้นคืนชีพพยัคฆ์สีรุ้งตามคำของเออม่า นกสีฟ้าที่ ‘บังเอิญ’ พบเจอก่อนที่จะออกมาเรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้านในไม่กี่วันถัดมา
การเสาะหาผู้ที่จะร่วมเดินทางเพื่อการกำเนิดใหม่ของพยัคฆ์สีรุ้งช่างเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เนื่องจากผู้ที่ทั้งเขียนวงเวท และควบคุมสมดุลธาตุได้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย ในแคว้นโทลอสมีเพียง 50 คนเท่านั้น อีกทั้งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ถือครองธาตุน้ำ และไฟ ผู้ที่ถือครองธาตุดิน 3 คน ก็ชราภาพจนเดินแทบไม่ไหวถึงสอง ส่วนอีกหนึ่งนั้นมนตราก็ช่างอ่อนด้อยนัก ช่างเสียเวลาในการเดินทางมาตรวจสอบด้วยตนเองเสียจริง
เจ้าชายหนุ่มมองสารจากนกพิฮอร์ทั้งสี่ จากสายสืบมือดีที่พระองค์ส่งให้ไปความหาผู้ที่เหมาะสมจากแคว้นต่างๆ เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ผู้ที่มีธาตุดินที่สามารถเขียนวงเวท และควบคุมสมดุลธาตุมากกว่าเพียงแค่เขียนวงเวทเรียกแสง และน้ำ โดยไม่ต้องใช้อัญมณีต่างๆ ช่วยเสริมพลัง
“หึๆ ทีจะมาก็มาพร้อมกันเชียวนะ” เจ้าชายหนุ่มรำพึง “เอ้า ตัวไหนมีข่าวดี ก้าวเข้ามาหาข้าก่อน”
พิฮอร์ทั้งสี่มองหน้ากัน ก่อนที่พิฮอร์ 2 ตัวจะก้าวถอยหลัง พิฮอร์ 1 ตัวจะก้าวขึ้นมาข้างหน้า ขณะที่พิฮอร์อีกตัวมองซ้ายมองขวา ก่อนจะยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“เอ้าตกลงเจ้ามีข่าวดีหรือข่าวร้ายกันแน่” พิฮอร์ที่ถอยไปเป็นตัวแรกเอ่ยถามพิฮอร์ที่ไม่ขยับไปไหน
“ข้าไม่ทราบ นายข้าไม่ได้สั่งอะไรไว้” พิฮอร์ที่อยู่ที่เดิมตอบ ขณะมองผู้รับสารที่รับสารจากพิฮอร์ตัวหน้า แล้วกำลังซักถามที่มาของมันอยู่
“เจ้ามาจากไหนกัน” องค์ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“ข้าบินตรงมาจากแคว้นเอเนียขอรับ” นกน้อยตอบ
เจ้าชายหนุ่มเพียงก้มลงไปใช้ดินสอเขียนคำว่า “เอเนีย ดี” หน้าสารที่ได้จากนกน้อย ก่อนเดินไปหาพิฮอร์อีกสองที่ถอยไปด้านหลัง และเอ่ยถามขณะรับสารมาเช่นกัน คำว่า “โอมิส ร้าย” และ “ซูจีน ร้าย” จึงถูกเพิ่มลงหน้าซองตามลำดับ
“เจ้ามาจากมาเซียสินะ” องค์ชายหนุ่มหันไปถามพิฮอร์ที่เหลือ โดยไม่สนใจพิฮอร์ทั้งสามตัวที่ค่อยๆ ถอยออกไปแม้แต่น้อย
“ขอรับ” พิฮอร์น้อยมองเพื่อนที่บินกลับไปหานายตนด้วยความอาวรณ์ ขณะตอบรับ
“เหตุใจเจ้าจึงไม่ทราบว่าในสารของเจ้าเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายเล่า” องค์ชายหนุ่มซัก ขณะรับสารมาเขียนคำว่า “มาเซีย” ไว้เฉยๆ
“เพราะนายข้าไม่ยอมเอ่ยอะไร เอาแต่กำชับให้ข้ารีบบินมาโดยเร็วที่สุดเท่านั้นขอรับ” พิฮอร์ที่เหลือเพียงตัวเดียวตอบ
“นายเจ้า ‘นิเคช’ สินะ” เจ้าชายหนุ่มเอ่ยชื่อสายลับมือดีที่มีความฉลาดหลักแหลม และความรอบคอบเป็นอาวุธ ทำให้ข่าวที่ได้ล้วนแล้วแต่ถูกต้องสมบูรณ์ยิ่ง
“ขอรับ” นกน้อยรับคำ
“ดีงั้นเจ้าไปได้แล้ว” เจ้าชายหนุ่มเขียนชื่อนายของพิฮอร์น้อยหลังที่แคว้นที่มันจากมา แล้วจึงคลี่สารทั้งสี่ขึ้นมาอ่าน
สารทั้งสี่ล้วนเขียนคล้ายๆ กัน คือรายงานจำนวนผู้วาดวงเวท และควบคุมสมดุลธาตุทั้งหมดในแต่ละแคว้น ตามแต่ละธาตุของผู้วาดวงเวท โดยจะมีรายงานประวัติโดยสังเขปของผู้วาดวงเวทที่มีธาตุดินติดมาด้วย พร้อมทั้งรายงานงบประมาณรายรับ รายจ่ายที่ใช้ไปในการนี้
ดังคาดข่าวร้ายจากพิฮอร์ทั้งสอง นอกจากผู้สืบข่าวที่ใช้เงินจนเกือบเต็มงบประมาณแล้ว ผู้เขียนวงเวทในแคว้นทั้งสองเป็นธาตุดินไม่เกิน 3 คน อีกทั้งยังเป็นผู้ชราทั้งนั้นด้วย!!
สารจากเอเนีย แม้จะใช้เงินในการสืบเกินงบประมาณนิดหน่อย แต่ประวัติโดยสังเขปของผู้เขียนวงเวท และควบคุมสมดุลธาตุที่มีธาตุดินหนุ่มฉกรรจ์คนหนึ่ง ก็ยืนยังได้ว่าเป็นข่าวดีจริงๆ
และที่ทำให้ไซราสแปลกใจที่สุดคงไม่พ้นสารจากมาเนีย ที่ใช้งบประมาณในการสืบหาน้อยที่สุด อีกทั้งยังค้นพบผู้เขียนวงเวท และควบคุมสมดุลธาตุที่มีธาตุดินหนุ่มฉกรรจ์ 1 คนเหมือนสารจากแคว้นเอเนีย ทว่า ‘นิเคช’ สายลับมือดีที่สุดกลับสืบได้เพียงชื่อ อายุโดยประมาณ และสถานที่ติดต่อเท่านั้น ประวัติอื่นๆ รวมทั้งที่อยู่ล้วนเป็นความลับ!
เจ้าชายหนุ่มตัดสินใจเดินทางไปยังแคว้นของคู่หมั้นก่อน เพื่อไปสำรวจคุณสมบัติคนที่มีสิทธิจะร่วมเดินทางเพื่อฟื้นคืนชีวิตให้สัตว์ในตำนานอย่างพยัคฆ์สีรุ้งด้วยตัวพระองค์เอง
1 สัปดาห์ถัดมา เจ้าชายไซราสแห่งโทลอส ก็ได้รับสาสน์อนุญาตจากกษัตริย์แห่งโทลอสผู้เป็นพ่อ และสาสน์อนุญาตให้เข้าเมืองจากคู่หมั้นที่แสนกระตือรือร้น ที่ชาวเอเนียจะมีส่วนร่วมในการเดินทางในครานี้ด้วย หลังจากที่ตนถูกกีดกันออกจากคณะเดินทางด้วยเหตุผลที่ว่าตนเป็นผู้หญิง!
จากสำนวนในสารที่แนบมากับใบอนุญาตเข้าเมืองนั้น องค์ชายใหญ่แห่งโทลอสได้หมายเหตุในใจว่าหากผู้เขียนวงเวทธาตุดินผู้นี้ มิได้มีข้อห้ามอันน่ารังเกียจกระไรนัก หรือแม้กระทั่งมีมนตราน้อยยิ่งกว่าเด็กหนุ่มธาตุดินชาวโทลอสที่เขาปฏิเสธไปนั้น เขาก็ต้องนำชาวเอเนียผู้นี้ไปกับคณะเดินทางให้ได้
เมื่อมาถึงเอเนียและหาที่ตั้งร้านเป็นที่เรียบร้อย ในอีก 1 เดือนถัดมา องค์ชายใหญ่แห่งโทลอสก็ส่งสาสน์แจ้งให้พระคู่หมั้นทราบ
เพียงไม่ถึงครึ่งวัน ‘คุณหนู’ ผู้แสนเรียบร้อย พร้อมผู้ติดตามร่างยักษ์ถึงสี่ ก็มาถึงกระโจมที่พ่อค้าเร่คนใหม่มาตั้ง ณ ใจกลางตลาดผ้าสำคัญแห่งเอเนีย
“ผ้างามๆ จากโทลอส เชิญทางนี้จ้า สีก็สวย เนื้อก็ดี ราคาก็คุยกันได้
อ้าว คุณหนูคนนั้นสนใจมาดูผ้างามๆ จากต่างเมืองไหมจ๊ะ” เสียงโฆษณาของพ่อค้าหนุ่ม ที่หันมาทักตนเรียกความสนใจจาก ‘คุณหนู’ ได้เป็นอย่างดี หญิงสาวเดินเข้าไปดูผ้าภายในร้านที่ตั้งใหม่นั้นด้วยความสนใจ
‘คุณหนู’ เพียงกวาดตามองผ้าสีสันสดใสนั้นอย่างผ่านๆ แล้วเอ่ยถาม ‘พ่อค้าหนุ่ม’ ว่า “ผ้าพวกนี้ก็ดีอยู่หรอก ว่าแต่ร้านท่านมีผ้าเกาะเสมหรือไม่”
“ผ้าเกาะเสม” พ่อค้าหนุ่มทวนชื่อผ้าด้วยความไม่แน่ใจ ด้วยไม่เคยได้ยินผ้าชื่อพิลึกแบบนั้นมาก่อน แล้วต้องร้องอ๋อทันทีเมื่อ ‘คุณหนู’ ขยิบตาให้
“มีครับๆ อยู่หลังร้าน เชิญ ‘คุณหนู’ ตามเข้ามาดูผ้าข้างในได้เลย”
‘คุณหนู’ ตาม ‘พ่อค้าหนุ่ม’ เข้าไปหลังร้านอย่างง่ายดาย โดยไม่วายหันมาส่ายหน้าให้ผู้ติดตามทั้งสี่ที่ทำท่าจะตามเข้ามา ผู้ติดตามทั้งสี่นายจึงกลายเป็นผู้เฝ้าต้นทางไปโดยปริยาย
ทันทีที่ลับตาคน พ่อค้าหนุ่มก็คว้าร่างบางมากอดด้วยความคิดถึง หากเพียงครู่ร่างบางก็ผละออก
“คิดถึงจัง” พ่อค้าหนุ่มเอ่ย
‘คุณหนู’ เพียงคลี่ยิ้มน้อยๆ
“ไม่ได้พบกันเกือบปี ‘คุณหนู’ คงลืมหน้าข้าไปแล้วกระมัง” พ่อค้าหนุ่มพ้อด้วยความน้อยใจ
“ไม่ได้พบอะไรกัน แล้วที่เจอหน้ากันทุกวันผ่านกระจกมนตราคู่จะเรียกว่าอะไร” ว่าแล้ว ‘คุณหนู’ ค้อนงามๆ เข้าให้
“ก็มันไม่เหมือนกัน” พ่อค้าหนุ่มตัดพ้อ
“งั้นกระจกมนตราคู่*บานนี้ก็ไม่จำเป็นแล้วสินะ” ว่าแล้ว ‘คุณหนู’ ก็ทำท่าจะขว้างหินสีชมพูที่เจียรนัยบางเฉียบเป็นกระจกใสทิ้ง
(*กระจกมนตราคู่ จะถูกสร้างขึ้นมาคู่กัน จากเพชรสีชมพูสดใสที่หาได้ยากยิ่ง หากคนที่สร้างได้กลับหายากยิ่งกว่า ด้วยต้องเป็นผู้ที่สามารถเขียนวงเวท และควบคุมสมดุลธาตุที่มีธาตุดินที่เข้มแข็งมาก และต้องเคยทำกระจกมนตรามาไม่ต่ำกว่า 20 ปี โดยผู้ถือกระจกมนตราคู่สามารถติดต่อผู้ถือกระจกมนตราคู่อีกบานที่เป็นคู่ของมันได้ตลอดเวลา หากผู้อือกระจกมนตราคู่อีกบานตอบรับ
)
“อย่านะ” พ่อค้าหนุ่มคว้ามือบางไว้ทันที ก่อนโอดต่อ “ผู้ทำกระจกมนตราคู่ คู่นี้ได้สิ้นไปแล้ว หากเจ้าเขวี้ยงมันทิ้ง ข้าคงตรองใจด้วยความคิดถึงเจ้า แต่หากเจ้ายืนยันจะเขวี้ยงมันทิ้งละก็ จงเขวี้ยงของข้าอีกบานเถิด หากกระจกมนตราคู่นั้นร้างไร้คู่เสียแล้ว มันคงไม่มีความหมายใดๆ อีก”
มือไม้ของ ‘คุณหนู’ อ่อนลงทันที สบตาพ่อค้าหนุ่มที่คว้าร่างตนมาสวมกอดอย่างมีความหมาย ก่อนค่อยๆผละตัวออกมาอีกครา พลางรีบเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างรวดเร็ว
“ท่านมาตามสืบเรื่องผู้วาดวงเวท ที่ใช้ธาตุดินคนนั้นใช่มั๊ย”
องค์ชายใหญ่แห่งโทลอสยิ้มอย่างเอ็นดู ก่อนจะยินดีเปลี่ยนเรื่องตามประสงค์ขององค์หญิงเอมิเรียคู่หมั้นสาวแต่โดยดี
“ข้าให้คนของข้าช่วยสืบข้อมูลมาให้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะมีอะไรแปลกๆ ท่านรองฟังดูละกัน” ว่าแล้วก็เรียกให้ผู้ติดตามทั้งสี่เข้ามา ก่อนสั่งให้ผู้ติดตามนายหนึ่งรายงานผลที่ไปสืบมาให้องค์ชายไซราสแห่งโทลอสรับทราบ
“ข้าซาอิส แห่งกองร้อยที่ 18 กองกำลังอารักขา
”
“หยุด/ เข้าเรื่องเลย” ชายหนุ่มรายงานตัวยังไม่ทันจบ คู่หมั้นที่รู้ใจกันอย่างยิ่งก็ขัดขึ้นพร้อมกัน
นายทหารผู้นั้นกลืนน้ำลายเอื๊อก ก่อนที่จะรายงานเรื่องราวที่ตนสืบมาได้ “ข้ากับสหายอีกนับสิบตามสืบเรื่อง ‘ชายผู้นั้น’ ทุกฝีก้าวแล้วปรากฏผลดังนี้
ชายผู้นั้นมิใช่ ผู้สร้างวงเวทและผู้ควบคุมสมดุลธาตุ ธาตุดินดังที่พยายามแสดงตัวมาตลอด หากแต่เป็นผู้สร้างวงเวท และใช้อัญมณีควบคุมสมดุลธาตุ
”
องค์ชายหนุ่มในคราบพ่อค้าเร่ขมวดคิ้ว
คนของพระองค์สะเพร่าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“
การที่เขาแสดงตัวว่าเป็นผู้สร้างวงเวท และผู้ควบคุมสมดุลธาตุเพื่อโก่งราคาการควบคุมการสร้างวงเวทให้แพงขึ้นเพื่อเอาเงินที่ได้มาจ่ายค่าสมุนไพรแพงระยับที่ลูกสาวของตนจำเป็นต้องใช้
” แม้นายทหารหนุ่มจะรู้สึกเห็นใจ แต่นี่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่ควรกระทำเช่นนี้ จึงรายงานต่ออย่างถี่ถ้วน
“การที่ ‘ชายผู้นั้น’ แสดงตนว่าเป็นผู้สร้างวงเวทและผู้ควบคุมสมดุลธาตุได้อย่างแนบเนียน เพราะกระจกมนตราเพชรบานใหญ่ที่ได้รับมาจากพ่อตา ผู้สิ้นลมไปแล้ว ซึ่งถูกเย็บติดไว้ยังบริเวณแผ่นหลังด้านในเสื้อคลุมนำโชคที่เขาใส่ทุกครั้ง และดูแลซ่อมแซมกระจกมนตราบานนี้อย่างดี อีกทั้ง ‘เขาคนนั้น’ ยังไม่รับควบคุมสมดุลธาตุในการสร้างบ้านที่ทำจากแร่ที่สามารถใช้ทำกระจกมนตราได้ทุกชนิด”
องค์ชายหนุ่มหรี่ตามองผู้รายงานอย่างครุ่นคิด แล้วนึกอายที่สายสืบของตนช่างขาดความถี่ถ้วน ไม่ได้ทดสอบ ‘ชายผู้นั้น’ ด้วยการให้สร้างบ้านที่ทำจากแร่ที่สามารถใช้ทำกระจกมนตราได้ ทั้งๆ ที่ตนกำชับให้ตรวจสอบให้แน่ชัดว่าไม่ใช่ผู้ใช้อัญมณีในการควบคุมสมดุลธาตุที่มีอย่างเกลื่อนกลาด และให้งบประมาณในการสืบเสาะงานนี้สูงลิบทีเดียว
เอมิเรียเห็นชายหนุ่มครุ่นคิดจนคิ้วขมวดมุ่น จึงโบกมือให้องครักษ์ในคราวนี้ออกไปเฝ้าต้นทาง รวมถึงช่วยดูแลร้านให้ด้วย แล้วรอจนกระทั่งเห็นแววตามุ่งมั่นของคนรักกลับคืนมาจึงเอ่ย
“เห็นท่าคนผู้นี้จะใช้ไม่ได้ซะแล้ว อย่างไรก็ตามข้าจะให้คนของข้าร่วมเสาะหาผู้วาดวงเวท และควบคุมสมดุลธาตุ ผู้มีธาตุดินในแคว้นข้าอีกแรงหนึ่ง”
ไซราสในคราบพ่อค้าเอ่ยรับ หากเจ้านกยักษ์สีฟ้าเออม่าไม่ย้ำแล้วย้ำอีกว่าในป่าต้องห้ามมิอาจใช้อุปกรณ์เวท หรือแม้กระทั่งอัญมณีใดๆ ช่วยเสริมพลังได้ คงไม่ต้องยุ่งยากถึงเพียงนี้
กว่าองค์ชายไซราสจะจากเอเนียไปยังแคว้นแห่งสุดท้าย ซึ่งมีความหวังอันน้อยนิดที่จะเจอผู้สร้างวงเวท และควบคุมสมดุลธาตุ ก็ย่างเข้าเดือนสุดท้ายในการออกมาเรียนรู้วิถีชีวิตชาวบ้านขององค์ชายแห่งโทลอสแล้ว
เดือนสุดท้ายที่พระองค์จะได้ค้นหาด้วยตนเอง
เดือนสุดท้ายที่พระองค์จะเก็บเรื่องการถือกำเนิดใหม่ของรานีแห่งสรรพสัตว์ได้ ตามที่ตกลงกับผู้เป็นบิดา และราชาของแคว้นไว้!!
<><><><><><><><><><><><>
ขออภัยที่ส่งบทใหม่ช้าค่ะ บทนี้มีการเขียนไปได้ครึ่งหนึ่งแล้วแก้ใหม่ถึง 5 ครั้งด้วยกัน จึงได้แต่ขออภัยจากใจเท่านั้นค่ะ...
ความคิดเห็น