ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แสงจันทร์ นักท่องภพ

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 6 เพื่อนใหม่(1)

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 47


         คืนนั้นแสงจันทร์ได้ขออนุญาตเอลฟาเดินทางกลับโลก…ไม่ได้กลับบ้านนะแต่กลับไปโทรศัพท์หาพ่อกับแม่ตามสัญญาตะหาก

    แสงจันทร์ตัดสินใจเปิดช่องว่างระหว่างมิติในตอนกลางคืน กำหนดจุดหมายเพียงแต่แถวตู้โทรศัพท์สาธารณะในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ เมื่อมองดูแน่แล้วว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นก็ออกมาโทรศัพท์หาบิดามารดาทันที



         ตรูด…ตรูด…ตรูด…

        ดังเพียง 3 ครั้งก็มีผู้มารับโทรศัพท์

        “…”

        “พ่อเหรอคะ จันทร์เองค่ะ”

         “…”

        “พึ่งมาถึงค่ะ พอจันทร์มาถึงลำพูนปุ๊บ จันทร์ก็โทรหาพ่อเลย”

        “…”

         “จันทร์พึ่งมาถึงนะคะ ยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย”

         “…”

         “ถ้าจันทร์ไปเที่ยวจันทร์ต้องสนุกแน่เลย”

         “…”

         “ค่ะ จันทร์ก็กำลังจะขอคุยกับแม่พอดี”

         “…”

         “สบายดีค่ะ อากาศไม่หนาวเกินไปหรอกค่ะ”

         “…”

         “ค่ะ จันทร์จะห่มผ้า และใส่เสื้อหนาๆ ค่ะ แม่ก็ต้องดูแลสุขภาพดีๆ เหมือนกันนะคะ จันทร์เป็นห่วง”

        “…”

         “คงกลับใกล้ๆ เปิดเทอมแน่ะคะ คิดถึงแม่จังเลย”

         “…”

         “แม่คะ คือว่าเหรียญจะหมดแล้วค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ”

         “…”

         “จันทร์ ลืมมือถือไว้ที่บ้านนี่คะ แค่นี้ก่อนนะคะ จะตัดแล้ว ฝันดีนะ…”



         โทรศัพท์ก็ตัดลงโดยที่แสงจันทร์ยังพูดประโยคสุดท้ายไม่จบเลยด้วยซ้ำ



         แสงจันทร์มองรอบด้านแล้วตัดสินใจเดินไปบนถนนในซอยที่มืดมิดก่อนรีบร่ายคาถาเปิดช่องว่างระหว่างมิติ โดยกำหนดห้องนอนของตนในบ้านเอลฟาในมิติเรย์เชียเป็นเป้าหมาย



                                                      ****************************************



    เช้าวันต่อมา…ที่ห้องนั่งเล่น…หลังทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว…



         “ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าอยากทราบอดีตของข้า ท่านเคยบอกว่าเจ้าหญิงลูน่าเป็นเจ้าหญิงแคว้นไหนนะ” แสงจันทร์แกล้งถามดักคอ



         “ข้าไม่ได้บอก” เอลฟาตอบ



         “…” แสงจันทร์นิ่งเงียบ ไม่พูดอะไร



         “กลาด้า” อยู่ๆ เอลฟาก็พูดทำลายความเงียบขึ้นมา



         “อะไรนะ” แสงจันทร์ไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน



         “ข้าบอกว่าแคว้นกลาด้า” เอลฟาตอบอีกครั้ง



         “งั้นอีกคำถาม หอสมุดประจำเมืองอยู่ที่ไหน” แสงจันทร์ลองถามอีกครั้ง ‘การที่จะสืบประวัติบุคคลระดับเจ้าหญิง ทำได้ง่ายมาก…ยังไงก็ต้องมีบันทึกในประวัติศาสตร์บ้างแหละน่า’ แสงจันทร์คิดอย่างนั้นจึงถามออกไป



         “เฮ้อ…เจ้าจะไม่เลิกใช่มั้ย เอางี้ข้าพาเจ้าไปเอง” แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสีหน้าที่สลดลงของแสงจันทร์จึงกล่าวว่า “ก็ได้ๆ เดี๋ยวข้าเขียนแผนที่ให้” ว่าแล้วก็มองหน้าที่แสดงความดีใจของแสงจันทร์แวบหนึ่ง จากนั้นจึงหยิบดินสอขึ้นมาเขียนแผนที่ให้พลางนึกในใจว่า ‘เด็กหนอ…เด็ก อยากแวะเที่ยวระหว่างทางด้วยล่ะสิ’



         “อ้ะ นี่” กล่าวพร้อมยื่นแผนที่ที่เขียนเสร็จแล้วให้แสงจันทร์



         เด็กสาวยื่นมือออกไปรับ พร้อมทั้งยกมือไหว้ขอบคุณ



         เอลฟารีบชักแผนที่กลับพร้อมมองซ้ายมองขวาทันที แล้วเอ่ยด้วยเสียงตำหนิว่า



         “เจ้า…ทำไมทำอย่างนั้น อย่าลืมนะว่าที่นี่ที่ไหน”



         “ทำไมล่ะ ที่นี่ก็…แคว้นมูนัสไง” ประโยคท้ายแผ่วลงแทบไม่ได้ยินเสียง เพราะเริ่มรู้ตัวแล้วว่าทำผิดตรงไหน หญิงสาวจึงกล่าวต่อไปด้วยเสียงอ่อนๆ และกริยาที่อ่อนลงเมื่อยื่นมือไปรับแผนที่อีกครั้ง



         “ขอบคุณค่ะ” กล่าวพร้อมทำท่าวันทยาหัตถ์ ซึ่งเป็นวิธีการทักทายและขอบคุณที่ใช้กันทั่วไปในมิติเรย์เชียนี้



          “อย่าเผลอทำอย่างนั้นอีกนะ” เอลฟาย้ำและส่งแผนที่ให้โดยดี



         “รับทราบค่ะ” พลางตะเบ๊ะอีกครั้ง



                                                                       ****************************************



    บนท้องถนนในเมืองมูนัส ในเวลาต่อมา



         แสงจันทร์กำลังมองรอบด้านอย่างร่าเริง ขณะนี้แสงจันทร์เดินอยู่บนท้องถนนที่มีการค้าขายอย่างคับคั่ง สภาพร้านค้าโดยทั่วไปสร้างจากไม้เนื้อดี ถนนหนทางสะอาดเรียบน่าเดิน มีสินค้าแปลกๆ ใหม่ๆ ในสายตาของแสงจันทร์ขายอย่างมากมาย จนแสงจันทร์ต้องแวะไปดูเกือบทุกร้าน จนกระทั่ง…



         “อุ๊บ…ข้าขอโทษ” ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเดินมาชนแสงจันทร์ที่กำลังเลือกกำไลอยู่เอ่ยขึ้น



         แสงจันทร์มองหน้าชายหนุ่มผู้นั้นสักพักหนึ่งก็เอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไร”



         “ข้าว่ากำไลวงนั้นเหมาะกับเจ้ามากกว่านะ น้องสาว” ชายคนนั้นกล่าวพร้อมทั้งชี้มือไปที่กำไลวงหนึ่งที่แสงจันทร์กำลังถืออยู่ ชาย 2 คนและหญิงสาว 1 คน ที่เดินเข้ามายืนอยู่ข้างๆ ชายคนนั้นงงอยู่พักหนึ่งก่อนพยักหน้าเห็นด้วย



         “ท่านว่าอย่างนั้นเหรอ” แสงจันทร์เอ่ยเป็นเชิงปรึกษา ก่อนหันมามองชายที่กำลังพูดกับตนอยู่นัยน์ตาวาว



         ชายคนนั้นหน้าตาจัดว่าใช้ได้ทีเดียว ผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีฟ้าทอประกายขี้เล่น สูงพอๆกับเอลฟา แต่ร่างกายดูบอบบางกว่า “ท่านมาเกี่ยวอะไรด้วย” แสงจันทร์ถามออกมาในที่สุด



          “ข้าเพียงแต่เสนอความเห็นเท่านั้น” ชายคนนั้นออกตัว



         ‘เสนอความเห็นจุ้นไม่เข้าเรื่องมากกว่ามั้ง’ แสงจันทร์นึกย้อนในใจเป็นภาษาไทย



         “เอ๊ะ เจ้าไม่ใช่คนแคว้นนี้เหรอนี่” ชายคนนั้นซึ่งเผลอแอบอ่านความคิดของแสงจันทร์มาตั้งแต่เมื่อกี้เอ่ยขึ้น



         แสงจันทร์ได้แต่ทำหน้าไร้เดียงสาที่สุด ทั้งๆ ที่นึกโมโหที่ลืมปิดกั้นความคิดให้ชายตรงหน้าอ่านความคิดไปได้ กล่าวว่า “ทำไมเจ้าถึงคิดเช่นนั้น” ตอนนี้แสงจันทร์ได้ปิดกั้นความคิดเรียบร้อยแล้ว



         “ก็ข้า…” รีบหาคำตอบอย่างรวดเร็วเพราะการแอบอ่านความคิดของผู้อื่นเป็นการกระทำที่หยาบช้า “…ไม่เคยเห็นหน้าเจ้ามาก่อน” หาข้อแก้ตัวไปจนได้



         ‘เจ้าเคยเห็นหน้าคนทั้งเมืองมาแล้วงั้นเหรอ’ แสงจันทร์นึกย้อนในใจ



         “ถึงข้าจะเป็นคนแคว้นอื่น จะแปลกตรงไหน หรือเจ้าจะบอกข้าว่า…เมืองของเจ้า…เมืองที่ขึ้นชื่อด้านการค้า ไม่ยินดีต้อนรับนักเดินทาง” ประโยคหลังจงใจเอ่ยเสียงดังให้คนที่ผ่านไปมาได้ยินด้วย



         ชายที่ยืนอยู่กับชายที่เดินมาชนแสงจันทร์ในตอนแรก รีบสะกิดนายคนนั้นให้หันไปมองปฏิกิริยาของคนรอบข้าง ที่มองมาด้วยสายตาที่ไม่พอใจนัก ให้รีบเดินออกไป แต่ทว่า…



         “ข้ายินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว” ชายคนนั้นเริ่มกล่าวอย่างใจเย็น “ข้าจึงจะซื้อกำไลวงนั้นให้เจ้าไง” กล่าวจบก็หันไปซื้อกำไลวงที่เขาเห็นว่าเหมาะกับหญิงสาวทันที



         เมื่อเจอไม้นี้ แสงจันทร์ก็อึ้งไปเหมือนกัน ‘ทำไงดีล่ะ ทำไงดี’ แสงจันทร์คิดอย่างเร่งร้อน ตอนนี้ชายตนนั้นยื่นกำไลวงเจ้าปัญหามาเบื้องหน้าแสงจันทร์แล้ว



          “รับๆ ไปซะทีสิ เพื่อนพี่ข้าคนนี้ไม่ค่อยใจดีอย่างนี้บ่อยหรอกนะ” หญิงคนเดียวในกลุ่มนั้นกล่าวขึ้น อย่างชักจะหมั่นไส้ขึ้นมาแล้ว ที่เด็กสาวแปลกหน้าทำเหมือนเล่นตัว



         แสงจันทร์ยังไม่รู้จะทำไงอยู่ดี แต่แล้วก็เหมือนโชคช่วย…



         “พี่อาร์ค พี่ทำอะไรอยู่น่ะ” เด็กสาวคนหนึ่งตะโกนขึ้น พร้อมทั้งวิ่งมาเกาะแขนชายคนนั้น แล้วหันมามองหน้าแสงจันทร์อย่างแปลกๆ



         “เปล่า พี่ก็แค่…” กล่าวเสียงอ่อนลงแต่ยังไม่ทันจบเด็กสาวที่แอบอ่านความคิดพี่ชายจนจบแล้ว ก็เอ่ยขัดขึ้นทันที



         “ขอโทษนะคะ ปกติพี่ชายไม่ใช่คนอย่างนี้” ยิ้มให้แสงจันทร์อย่างอ่อนโยน แล้วรีบพูดเร็วว่า



         “อย่าไปสนพี่ชายเลยค่ะ ข้าถูกชะตาเจ้าจังเลย ข้าชื่อแอน เจ้าชื่ออะไรหรือ” เด็กสาวนามแอนซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแสงจันทร์ แต่ตัวโตกว่า ใบหน้ากระจ่างใส มีกระเล็กน้อย กล่าวหลังจากที่ลากแสงจันทร์ซึ่งยังดูงงๆ ออกมาจากร้านซึ่งตกเป็นเป้าสายตา คนส่วนใหญ่ มายังซอยแคบๆ กล่าว พลางคิดในใจว่า ‘คนเรามองที่หน้าตาไม่ได้จริงๆ ขนาดข้าจับมืออยู่นะนี่ ข้ายังไม่รู้เลยว่าเด็กสาวตรงหน้าคิดอะไร’



         แสงจันทร์ยิ้ม เมื่อได้ยินความคิดนั้น แทนที่เด็กสาวจะอ่านความคิดแสงจันทร์ การณ์กลับกลายเป็นว่าเด็กสาวถ่ายทอดความคิดมาให้แสงจันทร์ทราบซะนี่ จึงกล่าวว่า



         “ข้ากำลังคิดว่า เจ้าเป็นใคร แอบอ่านความคิดข้าทำไม” กล่าวยิ้มๆ พร้อมทั้งเป็นฝ่ายจับมือเด็กสาวผู้นั้นแทน



         เด็กสาวคนนั้นมีท่าทีตกใจมาก รีบแกะมือแสงจันทร์ออกทันที แล้วรีบมองไปยังกลุ่มพี่ชายที่เดินตามมาในซอยนั้น อย่างขอความช่วยเหลือ



         แต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มกลุ่มนั้นจะทำอะไร แสงจันทร์ก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงที่ทรงอำนาจว่า



         “ว่าไง พวกท่านแอบอ่านความคิดข้าทำไม” พลางมองหน้าทุกคน



         “ข้าแค่อยากรู้ว่าเจ้าคิดยังไง ชอบกำไลวงนั้นมั้ย” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาล กล่าวออกไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เมื่อแสงจันทร์มองมาที่ตน



         “…” เพื่อนทั้งสามที่อยู่ด้วยกับชายคนนั้นในตอนแรก ไม่มีใครพูดอะไรออกมา เพราะไม่ได้แอบอ่านความคิดเด็กสาวตรงหน้า



         “ข้าแค่อยากรู้จักคนที่ทำให้พี่ชายข้าทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน” หลุดปากพูดออกมา เมื่อสายตาของแสงจันทร์หยุดที่ตน แล้วรีบปิดปากตนทันที



         “อุ๊บ…เจ้าร่ายเวทย์ล้วงความลับใช่มั้ย” เด็กสาวเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีโมโห



         เมื่อแสงจันทร์เห็นว่ากลุ่มตรงหน้าไม่มีเจตนาร้ายจึงยิ้มรับ แล้วตอบว่า “ใช่…พวกเจ้าอยากเสียมารยาทกับข้าก่อนทำไมล่ะ” กวาดตามองอีกครั้งไม่เห็นใครกล่าวอะไรออกมาจึงกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ข้าชื่อลูน่า” ชื่อนั้นหลุดมาจากปากแสงจันทร์อีกครั้งอย่างเป็นธรรมชาติ และง่ายดายมาก “ยินดีที่ได้รู้จัก”



         “ข้าชื่ออาร์ค” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล คนที่เดินชนแสงจันทร์นั่นเอง



         “นั่นคลาก” ชี้ไปที่เด็กหนุ่ม ผมดำที่สูงที่สุดในกลุ่มคนที่สะกิดให้อาร์คมองดูคนรอบข้างนั่นเอง



         “นั่นแกรีน” ชี้ไปที่เด็กสาวขี้รำคาญ ผมสีฟางข้าว รูปร่างกลมๆ ป้อมๆ แต่น่ารัก ที่เร่งให้แสงจันทร์รับกำไลนั่นเอง



         “นั่น…” กล่าวไม่ทันจบก็มีเสียงเคร่งขรึมกล่าวขัดว่า



         “ข้าแกรส เป็นพี่ของแกรีน” เด็กหนุ่มท่าทางเงียบๆ ที่มีท่าทีไม่อยากแยแสใครเอ่ยขัดขึ้น แล้วทำท่าจะเดินหนีไปทันที แต่แล้วนัยน์ตามสีดำคู่นั้นต้องเบิกกว้าง แล้วถามด้วยเสียงเครียดว่า “เจ้าใช้เวทย์เคลื่อนย้ายตั้งแต่เมื่อไหร่นี่” เมื่อมองไปรอบข้างไม่เห็นอะไรนอกจากต้นไม้ๆ และก็ต้นไม้ ไม่มีแม้กระทั่งเสียงนกสักตัว



         คนอื่นๆ เริ่มรู้สึกตัวและมองไปรอบข้างบ้างต่างมีคำถามในใจตรงกันเกือบทุกคนว่า ‘ที่นี่ที่ไหนกัน’



         “ที่นี่คือสวนป่าข้างหอสมุดประจำเมืองไงล่ะ” แสงจันทร์เฉลย



         “เป็นไปไม่ได้ก็ที่นั่นห่างจากตลาดตั้ง…” อาร์คค้านไม่ทันจบ ก็ถูกน้องสาวสะกิดให้หันไปดูหอสมุด



         “บังเอิญข้ามีธุระที่นี่ และข้าก็ไม่อยากเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เลยพาพวกเจ้ามาคุยกันที่นี่ซะเลย” แสงจันทร์อธิบาย



         “เจ้าจะเอาอะไรกับพวกข้า” แอนถาม



         “ไม่มีอะไร ข้าตะหากที่ควรถามคำถามนั้น” แสงจันทร์ย้อนตอบ



          “ฮ่าๆๆๆ ตกลงเราเสมอกัน ข้าแซวเจ้า ส่วนเจ้าก็…” เด็กหนุ่มนามอาร์คเอ่ยขัดจังหวะ พร้อมมองไปรอบๆ “…พาพวกเรามาที่นี่” จบประโยคพร้อมมองหน้าแสงจันทร์เป็นทำนองว่า…เจ้าเห็นด้วยมั้ย…



         “ตกลงเราหายกัน งั้นข้าไปก่อนนะ” แสงจันทร์กล่าวกับอาร์ค



         “เดี๋ยวก่อน” อาร์คหยุดแสงจันทร์เอาไว้พลางยื่นกำไลให้ “เจ้ารับไปสิ ข้าให้เจ้า ข้าอยากเป็นเพื่อนกับเจ้าจริงๆ นะ”



         แสงจันทร์ลังเลอยู่พักหนึ่งก็รับกำไลไว้ แล้วยิ้มพลางเอ่ยขอบคุณว่า “ขอบคุณนะ แต่ทีหลังเวลาเจ้าอยากรู้จักใคร อย่าใช้วิธีนี้อีกล่ะ” แสงจันทร์เอ่ยเย้า “ถ้าเจ้าใช้เป็นแต่วิธีนี้ วันหลังมาหาข้า ข้าจะสอนวิธีอื่นให้”



         อาร์คอึ้งไปสักพักแล้วยิ้มร่า จากนั้นจึงเอ่ยว่า “แต่มันก็ได้ผลไม่ใช่เหรอ เจ้ายอมรับข้าเป็นเพื่อนแล้วนี่”



         “ใครบอก” แสงจันทร์ย้อนทันทีที่รู้ตัวว่าพลาดเข้าแล้ว



         “ข้าเป็นพยานให้ได้” เสียงหนึ่งเอ่ยขัดขึ้นมา แอนนั่นเอง



         “ข้าด้วยๆๆ” อีกสามเสียงดังขึ้นมาเกือบพร้อมกัน



         “เฮ้อ…ก็ได้ๆ ข้ายอมจำนนต่อพยาน” แสงจันทร์ถอนใจ พลางยอมรับด้วยท่าทีไม่เต็มใจ แต่นัยน์ตาพราวระยับ แล้วกล่าวต่อว่า “เมื่อกี้ข้าไม่ได้สนใจน่ะว่าใครชื่ออะไร ช่วยทวนให้ข้าฟังอีกทีได้มั้ย”



         “แต่ข้าว่าเจ้าน่าจะจำได้นะลูน่า” แอนนั่นเอง



         “ก็ได้ๆ” ชี้ไปที่แอน “นั่นแอนใช่มั้ย” เด็กสาวพยักหน้ารับ



         “ส่วนนายคนนั้น” ชี้ไปที่เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล “อาร์คใช่มั้ย” อาร์คพยักหน้ารับ



         “ส่วนนั่น นั่น และก็นั่น” ชี้ไปที่เด็กหนุ่มสาวทั้ง 3 ไล่ไปทีละคน “คลาก, แกรีน และแกรส ใช่มั้ย” ทั้ง 3 พยักหน้ารับ



         “นั่นไง…ข้าว่าแล้ว” เด็กสาวนามแอนกล่าวออกมาด้วยท่าทางดีใจ ที่ประเมินเพื่อนใหม่ได้ถูกต้อง แล้วถามต่อไปว่า “เจ้ามาที่นี่ทำไมล่ะ เป็นนักเดินทางทำไมถึงมาหอสมุด หรือแคว้นของเจ้าไม่มีหอสมุด”



          แสงจันทร์รีบคิดคำตอบอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวว่า “ข้าพึ่งนึกอยากรู้ที่มาของชื่อข้า เมื่อกี้นี้เอง”



         “เดี๋ยวๆ เจ้าบอกว่าอยากรู้ที่มาของชื่อเหรอ” แอนถามด้วยความงงงวย



         “อืม…มีคนบอกว่าชื่อข้ามาจากเจ้าหญิงลูนาซิส แห่งแคว้นกลาด้า” แสงจันทร์ตอบ



         “เจ้าหญิงที่หายตัวลึกลับไปพักนึงใช่ปะ” แอนถามแต่แสงจันทร์ยังไม่ทันตอบก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นก่อน



         “เจ้าหญิงที่กลับมาพร้อมสงครามเรย์เชียครั้งที่ 2” แกรสเด็กหนุ่มผู้เงียบขรึมมาตลอดนั่นเอง



         แสงจันทร์อึ้งกับความจริงที่ได้รับรู้ ‘อะไรกันนี่ เป็นไปได้ไงกัน ยังงี้เราก็ไม่ต้องไปค้นจากหนังสือกองโตแล้วสิ’ แล้วแสงจันทร์จึงรีบรับมุขออกไปว่า “ใช่ๆ พวกเจ้ารู้อะไรเพิ่มเติมนอกจากนี้มั้ย”



         “อะไรกันเจ้าไม่รู้เหรอ” อาร์คถามอย่างแปลกใจ



         “รู้สิ” แสงจันทร์รีบตอบ “แต่ที่ไม่รู้คือทำไมจึงเจ้าหญิงถึงหายตัวไป แล้วจึงเกิดสงครามตามมา”



         “เจ้าคงตกประวัติศาสตร์แน่เลย องค์หญิงที่ดังขนาดนั้นแท้ๆ แต่เจ้ากลับไม่รู้เกร็ดพวกนั้นเลยแม้แต่น้อยหรือ” คราวนี้แกรีนเด็กสาวขี้รำคาญเอ่ยขึ้นบ้าง



         แสงจันทร์พยักหน้ารับ คลากเด็กหนุ่มผู้รักสงบจึงกระทืบเท้าแกรี่แล้วมองหน้าทำนองว่า…เงียบๆ ไปเลย



         “บางข่าวลือเล่าว่าเจ้าหญิงหนีออกจากวัง บางกระแสข่าวเล่าว่าพระราชาแห่งกลาด้าส่งเจ้าหญิงไปเรียนรู้ชีวิต ก่อนกลับมารับหน้าที่เป็นรัชทายาท และบางกระแสข่าวเล่าว่าเจ้าหญิงโดนลักพาตัว” แกรสพูดจบก็มองหน้าแสงจันทร์ ที่ทำท่าเหมือนอยากฟังต่อ



          “เฮ้อ…ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเกิดสงครามเรย์เชียครั้งที่ 2 ยิ่งมีข่าวลือมากมายยิ่งกว่าการหายตัวลึกลับของเจ้าหญิงซะอีกทั้งแนวคิดที่ว่า เจ้าหญิงไม่เกี่ยวข้องกับสงครามใดๆ เพียงสงครามเกิดในช่วงประจวบเหมาะที่องค์หญิงกลับมา หรือเจ้าหญิงเกี่ยวข้องเพียงส่วนน้อย หรือแม้กระทั่งเจ้าหญิงเป็นสาเหตุของสงครามครั้งนั้น…ซึ่งแต่ละแนวคิดต่างก็มีหลักฐานสนับสนุนพอๆ กัน ข้าว่าเจ้าเลิกสนใจเรื่องเมื่อสามร้อยกว่าปีก่อนเถอะ” แกรสกล่าวอย่างยืดยาว ก่อนจะสรุปลงในแนวทางที่แสงจันทร์คาดไม่ถึง



         “ใช่ๆ เจ้าเลิกสนใจเถอะ เพราะพี่ข้าน่ะ…” แกรีนกล่าวสนับสนุนและหันไปมองแกรส “…เป็นห้องสมุดเคลื่อนที่ ไอ้พวกแนวคิดต่างๆ ที่ได้ฟังจากพี่ข้าน่ะ…” พยักหน้าไปทางแกรส ผู้เป็นพี่อีกครั้ง “…ไปหาในหอสมุดเถอะ กว่าจะได้ครบตามที่พี่ข้าบอกต้องหาเป็น…สิบๆ เล่มล่ะมั้ง”



         “ประวัติศาสตร์ยุคก่อน 25 เล่ม” แกรสขัดขึ้นหน้าตาเฉย



         “นั่นแหละๆ เจ้าจะเสียเวลาไปอ่านหนังสือพวกนั้นโดยไม่มีทางได้อะไรเพิ่มเติมจากนี้งั้นเหรอ” แกรีนถาม



         แสงจันทร์ส่ายหน้า ‘คงไม่มีทางรู้อะไรเพิ่มจากนี้แล้วล่ะมั้ง’ แล้วจึงกล่าวว่า “ขอบใจพวกเจ้ามากนะ ข้าส่งพวกเจ้าไว้ที่เดิมแล้วนะ ข้าไปก่อนล่ะ ข้ามีธุระต่อ”



        หนุ่มสาวทั้ง 5 ตกใจที่ตนกลับมาอยู่ในตรอกแคบๆ ที่แอนนำหญิงสาวที่กลายเป็นเพื่อนใหม่เข้ามาคุย ครั้งพอตั้งสติได้เด็กหนุ่มนามคลากซึ่งเงียบขรึมมาตลอดกลับเอ่ยถามแสงจันทร์ว่า



         “เดี๋ยวสิ เจ้าพักอยู่ไหน เดี๋ยวพวกข้าเดินไปส่ง”



         “ใช่ๆๆ” เสียงส่วนใหญ่ตอบรับ ต่างอยากรู้จักเพื่อนใหม่ผู้นี้พอกัน



         แสงจันทร์หันมา แล้วตอบว่า “ไม่เป็นไรหรอกข้าพักที่บ้านพักของโรงตัดเย็บ กับเอล…ราเอลสหายของข้าน่ะ” แสงจันทร์เกือบหลุดชื่อเอลฟาออกไปซะแล้ว



          “งั้นพรุ่งนี้พวกเราไปหานะ” แอนตะโกนตามหลังเด็กสาวไป



                                                      ********************************



         หลังจากกลุ่มของอาร์คแยกจากแสงจันทร์ แอนได้ชวนเพื่อนๆ ของพี่ชายไปทานข้าวเย็นที่บ้าน



         “พี่อาร์คทำไมถึงเข้าไปหาลูน่าเค้าอย่างนั้นล่ะ แถมยังแอบอ่านความคิดเค้าอีกด้วย” แอนถามทันทีที่พวกพี่ชายทานอาหารเสร็จ



         “ใช่ๆๆ” สามเสียงสนับสนุนขึ้นพร้อมกัน



         “ก็…ไม่รู้สิ…ปากมันไปเองน่ะ แล้วพี่ก็อยากรู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่ แล้วทีเราล่ะ จะแอบอ่านความคิดเค้า แต่กลับถูกเค้าอ่านความคิดเราแทน” พี่ชายย้อนกลับ



         “ข้าอยากรู้นี่นา ว่าคนที่ทำให้พี่ที่แสนขี้อายของข้าทักก่อนเป็นคนแบบไหน” น้องสาวตัวดีลอยหน้าลอยตาตอบ



         “นั่นสิขนาดแกรีนจอมยุ่งประจำกลุ่ม ยังเงียบไปเลย” คลากเอ่ยแซวน้องสาวเพื่อนตัวแสบ



         “เฮ้ยๆ…ใครๆ…ข้าเปล่ายุ่งซักหน่อย แค่มีมนุษยสัมพันธ์ดีเท่านั้นเอง จริงมั้ยพี่แกรส” ว่าแล้วก็แกล้งทำตาเขียวใส่พี่ชาย



         เมื่อได้เห็นท่าทางอย่างนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน



                                                    ****************************************



    ณ บ้านพักของโรงตัดเย็บ…เย็นนั้น…  



          “วันนี้ข้าได้เพื่อนใหม่ตั้ง 5 คนเลยนะ” แสงจันทร์กล่าวกับเอลฟา พร้อมทั้งเล่าเรื่องที่ทำให้รู้จักเพื่อนใหม่ทั้ง 5 ให้เอลฟาฟัง



         “ตกลงพรุ่งนี้เพื่อนใหม่เจ้าจะมาพบเจ้าที่นี่สินะ” เอลฟาสรุปหลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมด



         “อืม ข้าเลยบอกท่านให้เตรียมตัวไว้ก่อน” แสงจันทร์เอ่ย จากนั้นจึงถามคำถามที่อยากรู้



         “ท่านว่าเรื่องที่แกรสเล่า เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า ที่ว่า จะไม่สามารถหาข้อมูลมากกว่าที่เขาบอกในหอสมุดได้”



         “จริง ข้าเห็นด้วย” เอลฟาตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ



         “งั้นท่านทราบมั้ยว่าสงครามเรย์เชียครั้งที่ 2 เกิดจากเจ้าหญิงลูน่าหรือไม่” แสงจันทร์ถาม



          “ทราบ…แต่ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะรู้” เอลฟาตอบ



         “แล้วเมื่อไหร่จะถึงเวลาล่ะ” แสงจันทร์ถามด้วยอาการงอนนิดๆ ‘อะไรๆ ก็ยังไม่ถึงเวลาๆ แล้วเมื่อไหร่จะถึงเวลาซักที’ แสงจันทร์คงแสดงความในใจออกทางสีหน้ามากไปหน่อย เอลฟาจึงตอบด้วยใบหน้าเคร่งขรึมว่า



         “อีกไม่นานหรอกเด็กน้อย…อีกไม่นาน” ประโยคหลังเอ่ยเสียงแผ่วคล้ายกระซิบบอกความนัยอะไรบางอย่าง...



                                                    ******************************************



    คืนนั้น แสงจันทร์เปิดช่องว่างระหว่างมิติเพื่อกลับมายังตู้โทรศัพท์เดิม



         ตรู๊ด…ตรู้ด…ตรู๊ด…

         “…”

         “หวัดดีค่ะแม่”

         “…”

        “สนุกค่ะ จันทร์ได้เพื่อนใหม่ด้วย ตั้ง 5 คนแน่ะค่ะ”

         “…”

         “ผู้ชาย 3 ผู้หญิง 2 ค่ะ”

         “…”

         “ทุกคนนิสัยดีค่ะ ไม่ต้องห่วงค่ะ…อ้ะ เหรียญจะหมดอีกแล้วค่ะ”

         “…”

         “ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ ฝากบอกพ่อด้วยนะคะว่าจันทร์คิดถึง”

         “…”



         “แย่จัง ตัดไปอีกแล้ว” จากนั้นแสงจันทร์จึงมองซ้ายมองขวาก่อนเปิดช่องว่างระหว่างมิติกลับห้องพักตนในที่สุด



                                               ************************************************
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×