คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4 เปลี่ยนแปลง
รุ่งเช้าเด็กหญิงลงมาหามารดาตามปกติ
ผู้เป็นมารดาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนยิ้มแย้มทักทายขณะเตรียมข้าวเช้าอยู่ จนเมื่อเด็กหญิงรดน้ำสมุนไพรเสร็จและกลับมาทานข้าวนั่นแหละ ผู้เป็นมารดาจึงเล่าความฝันพิลึกๆ ให้บุตรีฟัง
“เมื่อคืนแม่ฝันว่าเจ้าโตขึ้นเป็นสาวน้อยน่ารักน่าเอ็นดู ฮะๆ ช่างเป็นฝันพิลึกๆ ที่สมจริงถึงกับไปนั่งกลุ้มในฝันว่าจะอธิบายกับชาวบ้านยังไงที่จู่ๆ ก็มีสาวน้อยน่ารัก โผล่มาแทนเจ้า
” ผู้เป็นมารดาเอ่ยกลั้วหัวเราะ “
แม่น่าจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่ายังไงแม่ก็รักลูกนะ ไม่ว่าเจ้าจะมีโอกาสโตขึ้นหรือไม่ก็ตาม” ก่อนจบประโยคด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“แม่ไม่ได้ฝันไปหรอกค่ะ” เด็กหญิงวัยสิบขวบเอ่ยเสียงเรียบ
‘กริ๊ก’ เสียงเบาๆ ดังขึ้นในศีรษะเด็กหญิง
ผู้เป็นมารดาจ้องเด็กหญิงที่ตัวสูงขึ้นด้วยสายตาประหลาด ขณะฟังผู้เป็นลูกเอ่ยต่อ
“เพียงแต่ข้าพบว่า...”
‘กริ๊ก’ เสียงเบาๆ ดังขึ้นในศีรษะอีกครั้ง ก่อนเด็กหญิงจะตัวสูงขึ้นอีก และเริ่มมีหน้าอกนิดๆ
“
ข้าสามารถโตขึ้นหรือเด็กลงตามแต่ใจข้าปรารถนา...”
‘กริ๊ก’ ‘กริ๊ก’ ร่างเด็กหญิงวัยสิบสอง ค่อยๆ เตี้ยลงจนเป็นเด็กหญิงวัยสิบขวบเช่นเดิม
“...ทีนี้เราก็ไม่จำเป็นต้องย้ายบ้านแล้วใช่มั้ยคะ” จบประโยคด้วยรอยยิ้มประจบ
ผู้เป็นมารดาตกใจจนแทบจะเป็นลมไปเดี๋ยวนั้นเลย หากเพียงครู่ก็สงบใจลงได้ และเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ไม่หรอก เราคงต้องย้ายอีกครั้ง เป็นครั้งสุดท้าย แม่เคยกับการอยู่โดดเดี่ยวซะแล้ว เราจะย้ายไปยังหมู่บ้านที่ห่างไกลซักหน่อย หมู่บ้านที่ไม่มีผู้บำบัดอยู่เลย”
เด็กหญิงเห็นดีด้วย “งั้นเดี๋ยวข้าไปเก็บของเลยนะจ๊ะ”
“ไม่ต้องรีบหรอก ค่อยๆ เก็บของก็ได้ เพราะข้ายังไม่รู้เลยว่าเราจะไปกันที่ไหน ว่าแต่เจ้ายังไม่เล่าให้แม่ฟังเลยว่าเจ้าทำยังไงถึงสามารถควบคุมการเจริญเติบโตของตัวเองได้อย่างนั้น”
“ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เมื่อคืนข้าแค่นึกอยากกลับไปเป็นเด็กแล้วโตขึ้นมาตามวัยจู่ๆ ก็มีเสียง ‘กริ๊ก’ ดังขึ้นในหัว แล้วตัวข้าก็ค่อยๆเตี้ยลงตามวัยที่ลดลง...” เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นสบตามมารดาก่อนเอ่ยต่อว่า “...ทีนี้ข้ากลัวจะไม่โตอีก ก็เลยนึกอยากโตไวๆ เสียง ‘กริ๊ก’ ประหลาดก็ดังขึ้นในหัวอีกทีตามวัยที่เพิ่มขึ้น แล้วหลังจากนั้นพอข้าอยากโตขึ้น หรือเด็กลงไปอยู่ในวัยใด ข้าก็สามารถทำได้ดังใน โดยมีเสียง ‘กริ๊ก’ 1 ครั้งต่อการโตขึ้น หรือเด็กลง 1 ปีค่ะ”
“อา...” ผู้เป็นแม่ครางด้วยความนึกไม่ถึงถึงความสามารถแปลกประหลาดของเด็กที่นางเลี้ยงมาร่วม 30 ปีคนนี้ ขณะนึกหาคำอธิบายดีๆ มาอธิบายให้เด็กสาวเข้าใจ และไม่รู้สึกแปลกแยกไปกว่าเดิม นอกจากการมีธาตุทั้งสี่ครบครัน จนนางต้องหาเหตุผลมาอธิบายแล้วครั้งหนึ่ง
“...” หากคราวนี้อาลูนิชจนด้วยเกล้าจริงๆ เพราะคิดให้ตายยังไงนางก็ไม่อาจหาเหตุผลมาอธิบายเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นได้ โชคดีที่เด็กหญิงไม่ติดใจ กลับลองเพิ่ม/ลดวัยตัวเองอย่างสนุกสนาน เดี๋ยวกลายเป็นเด็ก เป็นสาว เป็นคนวัยใกล้เคียงนาง จนกระทั่งแก่กว่านางเลยก็มี
“หยุด แม่เวียนหัวไปหมดแล้ว” อาลูนิชที่อ้าปากค้างอยู่นานเอ่ยออกมาในที่สุด
นาลกลายเป็นเด็กหญิงวัยสิบขวบเช่นเดิม และมองมารดาด้วยหน้าเจื่อนๆ “แหะๆ ข้าเพลินไปนิดนึง”
“เจ้าจะเปลี่ยนวัยได้ดังใจก็เฉพาะในบ้านเท่านั้น เมื่อออกไปนอกบ้านเจ้าต้องระวังตัวให้มากอย่าเปลี่ยนวัยต่อหน้าผู้คน จงเก็บเรื่องนี้ให้เป็นความลับที่สุด” อาลูนิชเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“จ้ะ แม่” เด็กหญิงรับคำ หากยังมิวายถามต่อ “หากข้าเผลอเปลี่ยนวัยโดยไม่ได้ตั้งใจล่ะคะ เพราะเพียงข้าคิดอยากเปลี่ยนวัย ร่างกายข้าก็เปลี่ยนแปลงแล้ว”
“งั้นเจ้าต้องคิดอยากกลับเป็นวัยเดิม ทันทีที่เจ้ารู้ตัว และต้องหาทางกลบเกลื่อนเรื่องต่างๆ ผู้เป็นมารดาเอ่ยออกมาทันที “...อ้อ ต่อไปเจ้าคงต้องเรียนเวทจำพวกเปลี่ยนความจำไว้มั่งแล้วมั้ง”
เด็กหญิงตาใส “ห้องสมุดสินะคะ ไปกันเลยเถอะค่ะแม่”
อาลูนิชส่ายหน้าน้อยๆ ขณะตัดสินใจปิดร้านทั้งวัน เพื่อไปหาข้อมูลเพิ่มเติมกับบุตรสาว ลองนาลเอ่ยออกมาอย่างนี้แปลว่าห้องสมุดที่บ้านที่เก็บรวบรวมตำราไว้มากมาย ไม่มีหนังสือประเภทที่ต้องการอยู่เลย...
ระหว่างทาง นาลหลบเข้าไปเปลี่ยนวัยในห้องน้ำ เป็นเด็กสาวอายุ 15 ควงแขนแม่เข้าเมืองด้วยความสุขใจ ทว่าทั้งสองเดินต้อไปได้ไม่นานก็มีเสียงทักดังขึ้น
“อาลู... ไม่ได้เจอกันตั้งนานสบายดีมั้ย” หญิงวัยเดียวกับ ผู้เป็นแม่เอ่ยทัก พลางตรงรี่เข้ามากอดหลังกอดไหล่อาลูนิชด้วยความยินดี
“เอลลลลล...” อาลูนิชเรียกชื่อเพื่อนเก่าลั่นถนน จนคนรอบข้างหันมามองหญิงวัยกลางทั้งคู่เป็นตาเดียว ขณะที่นาลค่อยๆ เอามืออกจากแขนมารดา และค่อยๆ กระเถิบห่างออกมาทีละก้าวสั้นๆ ครั้นพอพ้นรัศมีก็หันหลัง ทำเป็นไม่รู้จักมารดาของตนทันที และคงจะทำสำเร็จถ้าหากผู้เป็นมารดาไม่นึกอยากแนะนำตนให้รู้จักกับเพื่อนเก่า
อาลูนิชเห็นเด็กสาวทำทีไม่รู้จักตนก็นึกอยากแกล้งเด็กสาวเล่น จึงแกล้งตะโกนเรียกซะลั่น พร้อมทำท่าเตรียมพร้อมจะลากเด็กสาวมาร่วมอับอายด้วยให้ได้ หากบุตรสาวยังไม่หันมาตามเสียงเรียก
ทว่านาลมีหรือจะไม่รู้นิสัยมารดา ทันทีที่อาลูนิชเรียก เด็กสาวรีบตรงเข้ามาฉุดมารดาที่ยังไม่ทันจะหุบปากสนิทเข้าไปในซอยแคบๆ ที่หมายตาไว้อย่างรวดเร็ว แถมยังดึง ‘เพื่อนแม่’ ติดมือมาด้วย
เอลลารู้สึกชอบใจในปฏิกิริยาอันว่องไวของเด็กสาว และมองเด็กสาวอย่างถูกชะตา
อาลูนิชมองท่าทางของเพื่อนสาว ก็แนะนำลูกด้วยความภาคภูมิใจ “นาล...ลูกข้าเอง”
“ถึงว่าหน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบเลยนี่ ว่าแต่หนุ่มผู้โชคดีได้อาลูผู้น่ารักไปครองอยู่ไหนล่ะ...” เอลลาทำท่าเหลียวซ้ายแลขวามองหาหนุ่มผู้โชคดีคนนั้น
สองแม่ลูกอึดอัดขณะที่เอลลายังพล่ามต่อไปไม่หยุด
“...ข้าอยากรู้นักเชียวว่า ตานั่นมองผ่านเจ้าไปได้ไงตั้งนาน กว่าจะมารู้ตัวว่าชอบเจ้า จนแต่งกับเจ้าได้...”
“...เอ่อ...” อาลูนิชพยายามขัด
“ข้าไม่ชอบคนชักช้าเสียเวลาจริงๆ ดูซิดูกว่าพวกเจ้าจะมีลูก...”
“...อ่า...”
“...เจ้ารู้มั้ยลูกเจ้าน่ะอายุพอๆ กับหลานข้าเลยนะ” หันมามองสองแม่ลูกก่อนเอ่ยจบประโยคด้วยคำถามเดิม “...ว่าไงล่ะหนุ่มนั่นอยู่ไหน”
“ไม่มีหรอก” อาลูนิชกล่าว และรีบเอ่ยต่อเมื่อเห็นเพื่อนทำท่าจะพูดอะไรต่อไป “นาลเป็นลูกบุญธรรมข้าน่ะ”
“ล้อเล่นน่า...” เอลลาอุทานเสียงสูง “พวกเจ้าหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ แต่กลับไม่ได้เป็นแม้กระทั่งญาติกันนี่นะ เอ...หรือข้าเข้าใจผิด ข้าจำได้ว่าเจ้าเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลที่มีแต่ลูกโทนนี่นา...”
“เจ้าจำถูกแล้วล่ะเอล ข้าไม่มีญาติที่ไหนเหลืออีกแล้ว” อาลูนิชกล่าวด้วยเสียงขมขื่นนิดๆ
“อ่า...” คราวนี้เอลลากลับทำอะไรไม่ถูกแทน ขณะที่เด็กสาวรีบเข้าไปปลอบโยนผู้เป็นมารดา พลางหันมาจ้องหน้าตนเขม็ง
แล้วเอลลาก็พยักหน้าเข้าใจ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้ทันว่า “เจ้านี่ ถ้าจะเล่นมุกก็ส่งสัญญาณกันหน่อยสิยะ เล่นเอาข้าทำอะไรไม่ถูกเลย”
“ถ้าส่งข้าก็ไม่มีวันได้เห็นหน้ากระอักกระอ่วนของเจ้าสิ” อาลูนิชเอ่ยด้วยเสียงปกติ เล่นเอาเด็กสาวตะลึงอ้าปากค้างไปเลย
...ท่านแม่... เด็กสาวงงยิ่งไม่นึกว่าแม่ตนจะมีบุคลิกแบบนี้ด้วย หากเมื่อนึกดูอีกที ก็นึกได้ว่าที่ผ่านมาพวกตนไม่เคยเจอคนรู้จักของผู้เป็นมารดามาก่อนเลย
“เฮอะ ช่างเถอะ ว่าแต่เจ้ารีบมั้ย จะไปไหนกัน ถ้าว่างไปบ้านข้าก่อนดีกว่า ข้าไม่ได้เจอเจ้ามานานแล้ว จะได้คุยกันให้เต็มที่สักหน่อย”
อาลูนิชรับคำอย่างไม่รอรี พลางลากเด็กสาวที่วิญญาณออกจากร่างตามเพื่อนไปอย่างช้าๆ
“หลานสาวน้าเอลสวยจังน้า” นาลพึมพำกับกระจกคนเดียวเมื่อกลับถึงห้อง พลางมองดูใบหน้าเรียบๆ ของตนเปรียบเทียบกับสาวน้อยน่ารักที่ตนเจอมาเมื่อกลางวัน
“แหม... ถ้าข้าตาคมขึ้นอีกนิด จมูกโด่งขึ้นอีกหน่อย ปากบางลงสักเล็กน้อย แล้วผิวคล้ำขึ้นอีกนิดข้าจะดูดีเหมือนอานิชมั้ยน้า”
‘กริ๊ก’ ‘กริ๊ก’ ‘กริ๊ก’ ‘กริ๊ก’ ‘กริ๊ก’
“เอ๋” นาลที่เหม่ออยู่หันไปมองกระจกทันทีที่ได้ยินเสียงประหลาดดังขึ้นในศีรษะ แล้วต้องแปลกใจอย่างมากที่เครื่องหน้าตนเปลี่ยนไปตามคำรำพึงเหลวไหลของตน ทำให้เครื่องหน้าตนเข้มคมขึ้นจนดูคล้ายอานิชหลานสาวผู้สดใสของน้าเอลลาเพื่อนเก่าแม่ที่พึ่งเจอในวันนี้อย่างยิ่ง
“หรือว่า...” ว่าแล้วนาลก็นึกภาพทรงผมให้สั้นลง
หลังจากเสียง ‘กริ๊ก’ แล้วผมก็สั้นลงตามที่ต้องการ
นาลยิ้ม แล้วนึกไปถึงรูปร่างหน้าตาแบบเดิม ...มิน่าเราถึงได้หน้าตาคล้ายแม่ขนาดนั้น...
‘ว่าแต่เราเปลี่ยนได้แค่หน้าตา และวัยเท่านั้นหรือ หากเราจะเปลี่ยนเป็นผู้ชายจะได้มั้ยนี่’ นึกแล้วก็ขำ หากทว่า
‘กริ๊ก’
นาลรีบไปส่องกระจกทันทีที่รู้สึกว่าร่างกายผิดปกติ
เงาที่สะท้อนออกมาเป็นเด็กหนุ่ม ที่ยังคงหน้าคมเข้มคล้ายอานิช แต่ดูล่ำสันกว่าเท่านั้น
“อ่า...” นาลถึงกับพูดไม่ออกไปเลยทีเดียว
‘ว่าแล้วทำไมชื่อเราถึงห้วนๆ ไม่เหมือนชื่อผู้หญิงทั่วไปเลย’
‘ตอนแรกเราเป็นผู้ชายสินะ’
นาลยอมรับความจริงได้อย่างง่ายๆ หลังจากที่มีรูปร่างเหมือนเด็กอายุ 10 ขวบมาเกือบ 20 ปี แล้วอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนวัยได้เพียงใจคิด แล้ววันนี้การค้นพบว่าตัวเองสามารถเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาได้ดังใจ แถมยังเปลี่ยนเพศได้ตามต้องการก็ไม่ได้ทำให้นาลตกใจเท่าไหร่
หากแต่ยังคิดไม่ตกว่าจะบอกเรื่องนี้ให้ผู้เป็นมารดาทราบยังไงดี
ควรบอก หรือไม่บอก ?
หรือจะใช้อำเล่นตอนขากลับดี เพราะยังไงอาทิตย์นี้ตนก็ต้องเดินทางไปสอบเป็นผู้บำบัดชั้นสูงกับอานิชอยู่ดี หากสอบผ่านก็ต้องฝึกงานทดสอบความสามารถอีก 1 ปีถึงจะได้ป้ายประจำตัวผู้บำบัดชั้นสูง
(*ป้ายประจำตัวผู้บำบัดชั้นสูง เป็นป้ายหินสีที่ผู้บำบัดชั้นสูงต้องมีเพื่อแสดงตนในการข้ามแดน หรือรักษาคนไข้ที่มีอาการป่วยมากจนต้องใช้ผู้บำบัดชั้นสูง ตัวป้ายถูกลงมนตรากันผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าของป้ายสัมผัส โดยหากผู้สัมผัสที่ไม่ใช่เจ้าของป้ายมีธาตุไฟ ป้ายจะเย็นเฉียบ และหากผู้สัมผัสที่ไม่ใช่เจ้าของป้ายมีธาตุอื่นๆ ป้ายจะร้อนดั่งไฟเผา ความร้อนหรือเย็นนั้นรุนแรงชนิดที่ว่าหากไม่วางในชั่วอึดใจ เนื้อบริเวณที่สัมผัสจะตายเอาเลยทีเดียว และหากไม่ได้รับการรักษาจากเจ้าของป้ายนั้นภายใน 1 ชั่วยาม อาการจะลามขึ้นจนไม่สามารถใช้อวัยวะที่สัมผัสป้ายได้ตลอดไป)
บางทีการปล่อยให้ผู้เป็นมารดามีเวลาทำใจสักพักอาจดีกว่าก็ได้...
แต่ฟ้าคงไม่อาจปล่อยให้นาลลังเลนานเกินไป เพราะขณะที่นาลยังคิดไม่ตกอยู่นั้น อาลูนิชที่เห็นแสงไฟในห้องบุตรียังไม่ดับ ก็นึกว่าจะกังวลเรื่องการทดสอบที่ใกล้เข้ามา จึงคิดจะเข้ามาปลอบให้หายกังวลสักหน่อย
“นาล ยังไม่หลับใช่มั้ยลูก แม่เข้าไปนะ”
เด็กหนุ่มหันขวับไปมองที่ประตูทันเห็นสีหน้าตกตะลึงของผู้เป็นมารดา
“ใคร เจ้าเป็นใคร เข้ามาในห้องลูกข้าได้ยังไง”
“แม่ ใจเย็นๆ ค่ะ ข้าเอง” เด็กหนุ่มเอ่ย
“เจ้าเอาลูกข้าไปอยู่ที่ไหน” ผู้เป็นมารดาไม่ฟังคำ ครั้นเห็นเด็กหนุ่มไม่มีอาวุธ ก็ตรงรี่เข้าไปเขย่าเด็กหนุ่มจนหัวสั่นหัวคลอนพลางคาดคั้น
“ข้า...เองค่ะ” นาลพยายามอธิบายอย่างยากเย็น
“โธ่... นาลลูกแม่ เจ้าจะเป็นยังไงบ้าง แล้วเจ้าเป็นใคร เข้ามาอยู่ในห้องลูกข้าได้ยังไงกัน” อาลูนิชยังคงรำพึงรำพันโดยไม่ฟังคำอธิบายที่ไม่รู้เรื่องของเด็กหนุ่มตรงหน้าเช่นเคย แล้วจึงจับบ่าเด็กชาย พลางจ้องเขม็ง
“ข้าเอง” เด็กหนุ่มเอ่ย พลางสะบัดหัวให้หายมึน
“ข้าน่ะใค...” ถามยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องอ้าปากค้างอีกรอบที่รูปหน้าของเด็กหนุ่มตรงหน้า ค่อยๆ ละมุนขึ้น ผมค่อยๆ ยาวขึ้น ผิวค่อยๆ ขาวขึ้น และรูปร่างกลับกลายเป็นเด็กหญิงวัยสิบขวบเช่นเดิม
“อา...” อาลูนิชคราง จากนั้นก็ละลำละลักถามว่า “เมื่อไหร่? เจ้ารู้ว่าทำอย่างนี้ได้เมื่อไหร่?”
“เมื่อสักครู่นี่เองค่ะแม่ ข้าแค่นึกอยากจะดูสวยคมอย่างอานิชบ้าง อยู่ๆข้าก็โตขึ้น และหน้าตาข้าก็ไปคล้ายอานิชอย่างมาก... แล้วทีนี้ข้าก็นึกทะเล้นอยากเป็นผู้ชายดู ผลก็เลยเป็นอย่างที่เห็นแหละค่ะ” นาลสารภาพเสียงเจื่อน
เพียงไม่นานอาลูนิชก็ตั้งสติได้ ตามนิสัยของผู้บำบัดชั้นสูงที่มักควบคุมอารมณ์ได้ดีอยู่เสมอ
“แม่รู้มานานแล้วว่าเจ้ามีอะไรที่พิเศษกว่าคนอื่น แต่แม่ไม่นึกว่าเจ้าจะพิเศษถึงขนาดนี้ หากเจ้าเปลี่ยนเพศ วัย รวมถึงรูปร่างหน้าตาได้ตามใจคิดแล้วล่ะก็ เจ้าคงต้องควบคุมความคิดมากสักหน่อยแล้ว”
“ควบคุมความคิด” เด็กหญิงทวน
“ใช่การควบคุมความคิดเป็นหนึ่งในบททดสอบการเป็นผู้บำบัดชั้นสูงที่แม่กำลังจะเข้ามาแนะนำเจ้าอยู่พอดี ด้วยเห็นว่าเจ้าคงใช้ประโยชน์ในการควบคุมวัยตัวเองได้ เพราะนอกจากการควบคุมความคิดจะทำให้ไม่มีผู้ใดอ่านใจเราได้แล้ว ยังทำให้เรามีสติรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังสามารถควบคุมอารมณ์ที่ร้อนรุ่มให้เย็นลงได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย”
เมื่อได้ยินดังนั้นเด็กหญิงก็ตาโต แล้วจึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “ในเมื่อมีประโยชน์มากมายขนาดนั้น ทำไมแม่ไม่สอนข้าแต่เนิ่นๆ เล่า”
“ก็เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่งน่ะสิ แล้วเรื่องอย่างนี้เค้าสอนกันแต่ผู้ที่บรรลุนิติภาวะ*แล้วเท่านั้น”
(*ผู้บรรลุนิติภาวะ ในอาฟ์ก้าดูจากสภาพการเปลี่ยนแปลงของร่างกายจากวัยเด็กไปสู่วัยรุ่น กล่าวคือเด็กผู้ชายจะบรรลุภาวะเมื่อเสียงแตก หรือเริ่มมีกล้ามเนื้อ และในเด็กผู้หญิงจะบรรลุนิติภาวะเมื่อประจำเดือนมาครั้งแรก)
“หากนับตามอายุข้าก็บรรลุนิติภาวะมาหลายปีแล้วนิคะแม่” เด็กหญิงย้อนถาม หากเมื่อสบตาคมเข้มของมารดาก็ได้แต่ก้มหน้าลงบ่นอุบอิบว่า “ถึงข้าจะดูเป็นอย่างนั้นแต่ข้าน่ะสามสิบแล้วนะคะแม่”
“แล้วเจ้า ‘บรรลุนิติภาวะ’ ตามความหมายจริงๆ ของมันหรือยัง”
“อึก...” นาลเงียบ ก่อนเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงติดจะเศร้าว่า “บางทีข้าคงไม่อาจ ‘บรรลุนิติภาวะ’ ตามความหมายจริงๆ ตลอดชีวิตก็ได้”
“เพราะฉะนั้นแม่ถึงจะเริ่มสอนเจ้าตั้งแต่วันนี้ไปไงล่ะ” อาลูนิชเอ่ยด้วยเสียงที่อ่อนลง “แต่เจ้าคงต้องพยายามให้ ‘มาก’ หน่อย ถ้าหากอยากสอบเป็นผู้บำบัดชั้นสูงพร้อมอานิชในอาทิตย์หน้า เพราะบางคนฝึกมาตลอดชีวิตยังไม่สามารถควบคุมความคิดตนเองได้...”
...บางทีนี่อาจเป็นเหตุว่าผู้บำบัดชั้นสูงส่วนมากเป็นผู้หญิงซินะ พวกผู้ชายอาจควบคุมความคิดได้ลำบากกว่ากัน... นาลคิด
“แต่เพราะแม่ ‘เชื่อมั่น’ ว่าเจ้าทำได้หรอกนะถึงรับปากจะส่งเจ้าให้น้าเอลดูแลตลอดการสอบครั้งนี้ของเจ้า” จบประโยคด้วยรอยยิ้มที่ทำให้นาลร้อนๆ หนาวๆ กับการฝึกเข้มที่ใกล้เข้ามา
“...บางทีข้าอาจทำไม่ได้ก็ได้นะคะแม่...”
“เจ้าต้องทำได้สินาล เชื่อมั่นในตนเองหน่อย หากเจ้าทำไม่ได้ เจ้าคงไม่สามารถมีชีวิตปกติได้ การที่รูปร่างหน้าตา เพศ และวัยเปลี่ยนไปตามที่ใจคิดได้นั้นเป็นเรื่องดีอย่างมาก แต่เจ้าต้องรู้จัก ‘ควบคุม’ มัน ไม่ใช่ยอมให้ความเปลี่ยนแปลงนั้นควบคุมเจ้า เอาล่ะคงต้องเริ่มตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลย จงทำใจให้สงบ...”
สัปดาห์ ‘นรก’ สำหรับนาลผ่านไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งนาลสามารถสอบผ่านหลักสูตรผู้บำบัดชั้นสูงและพักอยู่กับเอลลาตลอดการทดสอบความสามารถใน 1 ปีให้หลัง
+ + + + + + + + + +
ต้นไม้ใหญ่ในถ้ำอันวิจิตร ริมฝั่งน้ำที่สะท้อนเงาหลากหลาย ไหวกายลงอย่างช้าๆ
...โชคดีจริงลูกแม่ แม่กำลังกังวลอยู่เลยว่าเจ้าจะรู้จักควบคุมความคิดเพื่อการคงร่างหรือไม่...
...โชคดีที่แม่ที่อุ้มชูเจ้าก็ตระหนักในความจริงข้อนี้เหมือนกัน...
...โชคดีที่นางเป็นผู้บำบัดชั้นสูงที่แท้จริง...
...โชคดีที่นางไม่รังเกียจลูก...
...แม่จะดูแลนางในมิติอื่นๆ ให้เป็นพิเศษแล้วกัน...
ต้นไม้ใหญ่ตั้งปณิธานกับตนเองในใจ พลางเหลือบมองแหล่งน้ำที่ฉายภาพหญิงชายในวัยต่างๆ ที่ล้วนแล้วแต่เป็น ‘เงา’ ของผู้หญิงคนเดียวกัน
‘เงา’ ของอาลูนิช แห่งอาฟ์ก้า แม่ผู้อุ้มชูลูกของนางดุจบุตรของตน!!
ก่อนเปลือกตาไม้จะค่อยๆ หลับลงอีกครั้ง เมื่อไม่มีเหตุผิดปกติอันใด
ความคิดเห็น