ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 แสงจันทร์
  แสงแดดอ่อนๆ ทอส่องประกายผ่านหน้าต่างห้องครัวของบ้านหลังหนึ่งยามบ่ายวันอาทิตย์ หญิงสาววัยประมาณสามสิบ ผมยาวสลวย ใบหน้ารูปไข่ เกลี้ยงเกลา ยืนทำอาหารอยู่ในห้องนั้น ภายใต้เสื้อสีฟ้าตัวหลวมโครก และกางเกงขาสั้นสีดำ เสียงน้ำมันดัง ฉ่า ! เมื่อครั้นเธอหย่อนปลาทูลงในกระทะร้อนๆ อย่างคล่องมือ และทันใดนั้นเอง เสียงกรีดร้องของใครบางคนก็ดังขึ้นห้องนั่งเล่น เธอตกใจ รีบทิ้งกระทะ วิ่งตามไปยังต้นเสียงทันที
  “เกิดอะไรขึ้นหรือค่ะ คุณแม่” หญิงคนนั้นเอ่ยถาม คุณลำดวน แม่สามี ผู้เป็นต้นเสียงนั้น ด้วยท่าทางร้อนรน 
  “ดูยายหนูสิ ดารา เป็นอะไรก็ไปไม่รู้” หญิงกลางคน วัยประมาณ 50 นิดๆ แต่ยังคงมีเค้าความสวย เอ่ยตอบ
  “ยายหนูเป็นอะไรไปคะ” ดารารีบถามอย่างรวดเร็ว พลางปราดไปที่เด็กหญิง
  “ยายหนูหลับ ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น แถมตัวเย็นเฉียบเลย” คุณลำดวนกล่าวด้วยหน้ายังซีดอยู่
  “โธ่คุณแม่ วิตกไปเองแท้ๆ” ดารากล่าวอย่างถอนใจ พร้อมมองไปที่เด็กหญิงหน้าตาน่าเอ็นดู ที่บัดนี้ ลุกขึ้นนั่งลืมตามองมาอย่างฉงน
  คุณลำดวนเห็นดังนั้นก็ตกใจ “เมื่อกี้นี้ตัวยายหนูยังเย็นอยู่เลยนี่ แต่ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไรไป อยู่กับย่านานๆ นะ” กล่าวพลางเดินไปกอดเด็กหญิงที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่
  “คุณแม่ อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ เอ๊!กลิ่นอะไรไหม้ๆ ตายแล้วปลาชั้น” หลังจากดูแน่แล้วว่าลูกน้อยไม่เป็นอะไร ก็รีบกลับไปที่ครัวอย่างรวดเร็ว
  “โธ่ไหม้จริงๆ ด้วย เป็นลาบปากเจ้าถุงทองไป” บ่นพลางนำปลาที่ไหม้นั้นวางในจานข้าวถุงทอง สุนัขพันธุ์เทอเรียตัวโปรด ‘เดี๋ยวค่อยมาเลาะก้าง คลุกข้าวทีหลังก็ได้’ คุณดาราคิดขณะนำกระทะไปล้าง ‘หมดอารมณ์ทำกับข้าวเลยเรา หาอะไรง่ายๆ กินดีกว่า’ คิดแล้วคุณดาราก็บอกแม่สามีว่า “หนูจะออกไปข้างนอกแม่จะเอาอะไรมั้ยคะ”
  “ไม่ต้องหรอกจ๊ะ เดี๋ยวแม่หาอะไรง่ายๆ กินเองได้” คุณลำดวนกล่าวตอบเนื่องด้วยยังละอายใจกับอุปาทานเมื่อกี้นี้
  “งั้นเป็นผัดไทยกุ้งสด เจ้าประจำ ที่คุณแม่ชอบดีมั้ยคะ” คุณดารากล่าวอย่างเข้าใจดี
  “ก็ดีจ้ะ จะไปนานมั้ยแม่ดาว เดี๋ยวนายผาก็คงกลับมาแล้ว” เอ่ยถามเป็นเชิงเตือนให้ซื้อกับข้าวมาให้สามีด้วย
  “ไม่นานหรอกค่ะรับรองว่าก่อนคุณผากลับมาแน่ๆ ดาวไปก่อนนะคะ”
  “จ้า รีบกลับนะ” กล่าวพร้อมกับหันไปมองเด็กหญิง ‘หลับอีกแล้ว คงไม่เป็นอย่างเมื่อกี้อีกนะ’ คิดพลางเดินไปลูบไล้ตัวหลานสาวอย่างเป็นห่วงเป็นใย เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงนอนหลับปกติไม่มีอะไร “ฝันดีนะเด็กดีของย่า” กล่าวพร้อมกับเอนหลังลงข้างๆ
                                                                ********************************
  ด้านฝ่ายเด็กหญิงที่กลับมาเข้าสู่ฝันอันเดิมที่ทำให้นอนนิ่ง ตัวเย็น รีบกล่าวถามชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ ทันที
  “ทำไม ย่าต้องร้องอย่างนั้นด้วย” เด็กหญิงถามชายลึกลับ ที่เห็นในฝันทุกครั้งที่หลับเป็นเวลากว่า 3 ปีจนคุ้นเคยราวกับชายคนนั้นเป็นพ่อคนที่ 2 ก็ไม่ปาน ด้วยภาษาประหลาดที่ชายลึกลับสอนให้
  “เพราะข้าพาเจ้าออกมาไกลเกินไปน่ะสิ ตามข้ามาดีกว่า คราวนี้ข้าจะพาเจ้าไปไว้ใกล้ๆ กับมิติของเจ้า” ชายลึกลับกล่าวถ้อยคำประหลาด แต่เด็กหญิงก็เชื่อฟังแต่โดยดี หากแต่ยังซักถามอีก
  “มิติอะไรหรือคะ”
  “ก็ที่เราอยู่นี่ เป็นภพคู่ขนานกับโลกของเจ้า ลูน่า” ชายลึกลับตอบ
  “ข้าชื่อจันทร์ตะหาก” ยายหนูจันทร์เถียง
  “โทษที ข้าชอบลืมซะเรื่อย ว่าเจ้าเกิดใหม่แล้วลูน่า” กล่าวพลางถอนหายใจ
  “ท่านพูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง ข้าบอกว่าชื่อจันทร์ไง” ยายหนูจันทร์ยังหลับหูหลับตาเถียงต่อไป
  “ช่างเถิดลู จันทร์ ต่อไปข้าคงพาเจ้าไปสอนที่ไหนไกลๆ ไม่ได้หรอกนะ เว้นแต่เจ้าจะได้นอนคนเดียว”
  “ทำไมล่ะ แม่กับย่าต้องไม่ยอมให้ข้านอนคนเดียวแน่ๆ เลย” ยายหนูจันทร์บ่น
  “อ้าว แม่เจ้าพาเจ้าไปสมัครโรงเรียนอนุบาลแล้วไม่ใช่เหรอ อีกสัก 1 สัปดาห์เจ้าลองขอแม่ดูสิ อ้างไปเลยว่าเพื่อนมาคุยว่านอนคนเดียว แล้วเจ้าอยากลองบ้าง” ชายลึกลับเสนอแนะ
  “ใช่พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้วนี่นา คุณฉลาดจังเลย วันนี้มาเล่นอะไรกันดีล่ะ”
  ‘ก็ข้าอายุตั้ง 310 ปีแล้วนี่นา ยายหนูเอ้ย’ คิดดังนั้นแต่ก็กล่าวออกไปว่า “เล่นปามีดเป็นไง”
  “ดีจังได้ปาเป้าอีกแล้ว” ยายหนูดีใจ
  เวลาผ่านไป .หนูจันทร์ปาเป้าได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
  “วันนี้พอแค่นี้ดีกว่า แม่เจ้ากลับมาแล้ว อย่าลืมนะ อย่าพูดเรื่องนี้ให้ใครฟัง” ชายลึกลับกำชับ
  “แหมไม่ต้องบอกก็ได้ค้า พอข้าจะพูดจะบอกทีไร มีอัน ‘ลืม’ ภาษานี้และอะไรที่จะบอกหมดทุกที ข้ากลับแล้วนะ คืนนี้เจอกัน” เด็กหญิงกล่าวอำลา
                                                                      *******************************
  “กลับมาแล้วจ้า แม่ ยายหนู” เสียงที่ดังมาก่อนตัวนั้นปลุกคุณนายลำดวนให้ตื่นขึ้น และหันไปมองยายหนูที่จ้องตาแป๋วอยู่ก่อนแล้ว ก่อนลุกขึ้นไปหาลูกสะใภ้ 
  “แหมขนซื้ออะไรมาเยอะแยะเชียว ตาผายังไม่กลับเลย” กล่าวพลางเดินไปช่วยรับของจากลูกสะใภ้เข้ามาในบ้าน
  “นานๆ ซื้อทีค่ะคุณแม่ นี่หนูซื้อของโปรดของผากับยายหนูมาตั้งหลายอย่าง อ้อมีซุปข้าวโพดของโปรดของคุณแม่ด้วย” คุณดารากล่าวไปก็จัดของไป
  “แหมไม่น่าลำบากเลย แม่มาช่วยแค่เสาร์-อาทิตย์เอง เอ๊! นั่นเสียงรถพ่อผานี่”
  คุณดาราที่จัดของเสร็จพอดี รีบกระวีกระวาดออกไปรับ แต่ยังไม่ทันเจ้าถุงทองที่โผเข้าไปหาก่อน
  “ใจเย็นๆ อย่างนี้ยังไม่ได้กินข้าวแน่ๆ เลย แม่ดาวทำไมใจร้ายจังล่ะ” ชายหนุ่มวัยประมาณ 30 กว่าปี ท่าทางใจดี เอ่ยกับสุนัขพลางสัพยอกภรรยาไปด้วย
  “แหม คุณก็กลับมาก็กัดกันเลยนะคะ ไปตีกบถึงอ่างไหนมากันล่ะ” ผู้เป็นภรรยาตัดพ้อ แล้วสวนกลับไปอย่างทันท่วงที พลางเดินนำกลับเข้าบ้าน
  “กอล์ฟจ้า กอล์ฟ ดาวก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าเจ้าชัย ถือว่าตัวเป็นเจ้านาย บังคับให้พี่ออกไปเล่นน่ะ มันว่าเป็นถึงผู้จัดการบริษัทขายอุปกรณ์การกีฬา หากเล่นกอล์ฟไม่เป็นก็เสียชื่อแย่ อ้าว สวัสดีครับคุณแม่”
  “ค่า ดาวทราบเมื่อกี้หยอกเล่นหรอก เดี๋ยวคุยกับคุณแม่ก่อนนะดาวจะไปเตรียมกับข้าวให้” หลังจากทิ้งสามีไว้กลับมารดาแล้ว ก็เดินเข้าไปอุ่นกับข้าว
                                                                          ***********************************
  ณ ห้องนั่งเล่น หลังจากคนในครอบครัว “หินจันทร์” ทานข้าวเสร็จแล้ว
  “ลูกผาๆ มานี่นิดนึง” คุณลำดวนเรียกบุตรชาย ด้วยเสียงเบา
  “มีอะไรครับแม่” บุตรชายตอบ พร้อมกับเดินเข้ามาหา
  “จุ๊ๆๆ เบาๆ หน่อยเดี๋ยวแม่ดาวได้ยิน ก่อนแม่จะกลับแม่มีเรื่องจะเล่าให้แกฟัง” เมื่อเห็นบุตรชายทำหน้าฉงนจึงกล่าวต่อไปว่า “บ่ายนี้ แม่ปลุกหลานไม่ตื่น แถมยายหนูยังตัวเย็นเฉียบซะด้วย”
  “อะไรนะครับ เย็นนี้แกยังดีๆ อยู่เลย แม่แน่ใจนะครับ” ครั้นเห็นมารดาพยักหน้าก็ไม่ทราบจะกล่าวอะไรต่อไปดี
  “แม่เลยจะถามแกว่า มีเวลาเกิดของยายหนูมั้ย อ้อชื่อจริงด้วยนะแม่จะเอาไปให้หลวงพ่อท่านดูให้”
  “หลวงพ่อเหรอครับ หลวงพ่อท่านดูดวงเป็นเหรอครับ” บุตรชายถามด้วยความฉงน
  “ก็ท่านบวชมา 2 ปีแล้วนี่ ตั้งแต่เกษียณ แล้วแกไม่รู้หรือไงว่าวัดที่ท่านบวชน่ะดังทางด้านนี้ บอกมาเร็วๆ เถอะน่า
  “ครับๆ ยายหนูน่ะชื่อ แสงจันทร์ครับ แสงจันทร์    หินจันทร์ เกิดวันที่ 9 กันยายน 2523 เวลา 9 โมง 9 นาทีครับ”
  “ก็ วันที่ 9 เดือน 9 ปีวอกสินะ แหมจำง่ายจริง แม่กลับก่อนนะ” คุณลำดวนทวน
  “ครับ หลวงพ่อว่าไงก็บอกผมด้วยนะครับ” ลูกชายรีบกำชับ ก่อนที่มารดาจะขับรถกลับไปยังบ้านของท่าน ที่อาศัยอยู่ร่วมกับน้องชายที่ยังไม่แยกครอบครัวออกไป
  “คุณแม่กลับแล้วเหรอคะ” คุณดาราที่พึ่งล้างจานเสร็จถาม
  “อืม เห็นว่ามีธุระน่ะ” ภูผารีบตอบ ไม่ยอมบอกภรรยา ว่าแม่จะรีบกลับไปเตรียมตัว หาทางเอาดวงลูกจันทร์ไปให้หลวงพ่อดู เพราะทราบว่าภรรยาไม่ชอบเรื่องพวกนี้
                                                            ************************************
  คืนนั้น
  “คืนนี้เราจะเล่นอะไรกันอีกคะ” แสงจันทร์กล่าวกับชายลึกลับอย่างกระตือรือร้น
  “ที่นี่ใกล้มิติของเจ้ามาก จะเล่นเวทย์มนต์ก็ไม่ได้ พรางตัวซ่อนหา, ปาเป้า, อ่านเขียนทายคำ เจ้าก็ชำนาญแล้ว อาวุธใหญ่ๆ อย่างดาบ หรือธนูก็ยังไม่สมดุลกับเจ้า เหลือที่เล่นได้ก็ การใช้สมุนไพร หรือต่อสู้มือเปล่า และการใช้มีดสั้น เจ้าอยากเล่นอย่างไหนล่ะ” ชายลึกลับถาม
  “อะไรก็ได้ค่ะ แต่เหนื่อยมากไม่เอานะคะ พรุ่งนี้ไปโรงเรียนวันแรก” เด็กหญิงต่อรอง
  “งั้นเล่นสมุนไพรก็แล้วกัน เล่นหมอน่ะ” ชายลึกลับเสนอ
  “เย้ หมอๆๆ โตขึ้นหนูอยากเป็นหมอ เหมือนคุณย่า”
  “ไม่ใช่หมออย่างนั้น แต่ช่างเถอะ มาเริ่มเล่นกันดีกว่า” แล้วชายลึกลับก็สอนการใช้สมุนไพรให้ ซึ่งเด็กหญิงเรียนอย่างเพลิดเพลิน จนทราบชื่อสมุนไพรในป่านั้น พร้อมทั้งวิธีการใช้อย่างละเอียด จนกระทั่ง
                                                ********************************
  ภูผาที่ตื่นขึ้นมากลางดึก แอบย่องมาหอมแก้มลูกสาวตัวน้อย แล้วต้องยืนตัวแข็ง ใจหายวาบ ลูกสาวตัวน้อยๆ หายใจแผ่วเต็มที ตัวก็เย็นนิดๆ ภาพความทรงจำอันแสนสุขของเขาและลูกสาวตัวน้อยผ่านแวบเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อไปอีกทีเห็นใบหน้าที่เหมือนกำลังนิทราอย่างเป็นสุขของเด็กน้อย และคำพูดเมื่อบ่ายของแม่ที่ผ่านแวบเข้ามา ‘บ่ายนี้ แม่ปลุกหลานไม่ตื่น แถมยายหนูยังตัวเย็นเฉียบซะด้วย’ และภาพที่ลูกสาวตัวน้อยยังคงยิ้มแย้มต้อนรับการกลับมาของเค้าในตอนเย็นก็ทำให้คลายกังวลได้มากทีเดียว จึงเพียงหันไปปลุกภรรยา ด้วยสีหน้าที่ควบคุมได้แล้ว
  “ดาวๆๆ ตื่นเถอะ ลูกเป็นอะไรก็ไม่รู้”
  ดาราลุกขึ้นมาทันที รีบไปดูลูก ครั้นพอจับตัวลูกขึ้นมาหมายจะอุ้ม ก็ผงะออกไปแทบจะทันที “เป็นไปไม่ได้ๆ” พร่ำบ่นแต่คำนั้น นึกถึงเหตุการณ์เมื่อกลางวัน แล้วเขย่าตัวลูกเพื่อปลุกทันที ‘จันทร์ๆ ลูกแม่ลูกต้องไม่เป็นอะไรนะ ตื่นสิจ้ะคนดี ตื่น บอกให้ตื่นไง’ ว่าแล้วก็ร้องไห้จนตัวโยน นึกอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้มาคุ้มครองบุตรสาวตัวน้อยด้วย
  ทันใดนั้น เสียงน้อยก็ดังขึ้นราวกับเสียงสวรรค์ในความรู้สึกของคุณภูผาและคุณดารา
    “แม่คะ แม่ร้องไห้ทำไม” พอได้ยินเสียงทั้งดาราและภูผาก็รีบผวาไปกอดลูกทันที
  “โอ๋ๆ อย่าร้องไห้นะคะแม่ แม่คนดี แม่คนเก่ง อย่าร้องไห้นะคะ” เมื่อได้ยินบุตรสาวพูดคำที่ตนเคยปลอบ ดาราก็หยุดร้องไห้ แล้วหันมาหัวเราะแทนในทันที
  “ลูกคนเก่งของพ่อไปจำประโยคนี้มาจากไหนหรือ” ผู้เป็นพ่อถามด้วยความฉงน
  “ก็ที่แม่ปลอบลูกจันทร์ อยู่เสมอไงคะพ่อ” บุตรสาวตอบ
  “จำเก่งจริงลูกพ่อ ไปเรียนคราวนี้ ลูกต้องได้ที่ 1 แน่ๆ” ผู้เป็นพ่อคาดหวังเต็มที่
  “ไปนอนกับแม่นะ” ผู้เป็นมารดากล่าวพลางอุ้มลูกสาวขึ้นจากเตียงเล็ก พลางมองสามีด้วยตาวิงวอน
  “ดีจ้ะ” สามีพยักหน้าอย่างเห็นด้วย พลางกระซิบข้างหูภรรยา “พรุ่งนี้เย็นค่อยคุยกันเรื่องนี้นะจ้ะ” แล้วล้มตัวลงนอน
                                          *****************************************
  เย็นวันต่อมา
  หลังจากที่ทั้งสามกลับถึงบ้านมานั่งกินอาหารเย็นกันแล้ว ดารารีบส่งลูกขึ้นไปดูทีวีชั้นบนเพื่อปรึกษาสามี
  “คุณคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกเราคะ” ดารารีบถามอย่างร้อนใจ
  “ไม่รู้สิ เดี๋ยวโทรไปถามแม่ก่อนว่าไปปรึกษาหลวงพ่อมารึยัง” กล่าวพลางยกหูโทรศัพท์กดหมายเลขมารดาอย่างชำนาญ
  “หลวงพ่อไหนคะ อ้อพ่อคุณใช่มะ ท่านมาเกี่ยวอะไรด้วยคะนี่” หรี่ตามองสามีอย่างสงสัย
  “ก็แม่ท่านเอาดวงของยายหนูไปให้ท่านดูน่ะสิ อุ๊บ” พลั้งปากออกไป แล้วรีบอธิบายต่อทันทีที่เห็นหน้าผู้เป็นภรรยา “แม่เค้าเป็นห่วง เรื่องเมื่อวานบ่ายท่านยืนยันว่าไม่ใช่อุปทาน แล้วเราก็รู้ด้วยตัวเองเมื่อคืนนี้ไม่ใช่เหรอ แม่รับแล้ว” รีบเปลี่ยนเรื่องทันทีที่เห็นภรรยามีสีหน้าที่ดีขึ้น
  “แม่ครับ เรื่องยายหนูเป็นยังไง”
  “ ”
  “ครับๆ ไม่แน่ใจเหรอครับ แต่เมื่อคืนแกตัวเย็นอีกแล้วนะครับ”
  “ ”
  “ให้พายายหนูไปหาหลวงพ่อเหรอครับ” หันไปมองหน้าภรรยาที่นั่งลุ้นอยู่ข้างๆ ครั้งดาราพยักหน้ารับก็รีบกล่าวต่อ
  “ได้ครับ พรุ่งนี้เย็นผมจะพายายหนูไป ขอบคุณแม่มากๆ นะครับ”
  “ ”
  “ครับ สวัสดีครับ”
  “เป็นไงบ้างคะคุณ” ภรรยาที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ถามทันทีที่เขาวางสาย
  ภูผารีบกลั้นยิ้มแล้วสรุปให้ผู้เป็นภรรยาฟังว่า “หลวงพ่อท่านดูให้แล้วแต่ไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง ท่านให้เอายายหนูไป แล้วท่านจะดูลายมือให้เพื่อความแน่ใจอีกครั้ง”
  “ก็ยังไม่รู้เรื่อง สิคะนี่” ผู้เป็นภรรยาถอนหายใจ
  “แต่พรุ่งนี้เราก็จะรู้แล้วนะ” ผู้เป็นสามีได้แต่ปลอบใจ
                                                                ***********************************
  ทางด้านยายหนูที่ถูกนำมาปล่อยไว้หน้าทีวีนั้น ได้นอนหลับอีกแล้ว
  “วันนี้น่าเบื่อชะมัดเลย มีแต่วิชาง่ายๆ นี่เราแอบงีบหลับทุกชั่วโมงเลยนะ ทำไมไม่เจอท่านล่ะ” เด็กหญิงถามหน้ายุ่ง
  “ข้าก็มีธุระของข้าบ้างสิเด็กน้อย อีกอย่างเวลาแค่นั้นไม่พอที่จะเล่นอะไรหรอก ถ้าจะเล่นก็ไว้ให้เจ้าได้ห้องส่วนตัวก่อนสินะ เราจะได้เล่นกันนานๆ ไม่มีใครมาขัดจังหวะได้อีก” ชายลึกลับตอบ
  แม้แสงจันทร์ค่อนข้างเห็นด้วย แต่ยังเถียงอยู่ดี “ท่านก็มาชวนข้าคุยเฉยๆ ก็ได้นี่”
  “คุยน่ะได้ แต่จะทำให้เจ้าเสียเวลาเรียนที่เป็นภาษาของเจ้าไป แม้ภาษาที่ข้าใช้น่ะเป็นภาษากลางที่ใช้ได้เกือบทุกมิติก็เถอะ แต่ไม่ใช่มิติเจ้า ที่เปลี่ยนแปลงภาษากลางออกไปจนไม่เหลือเค้าเดิมเลย”
  “โหใช้ได้ทุกมิติเลยเหรอ”
  “ใช่ก็แต่ก่อนน่ะมีมิติเดียวนี่ แต่การที่แยกออกมาก็เนื่องด้วยคำแค่ 2 คำ คือ ‘ทางเลือก และโอกาส’ ซึ่งทำให้แตกเป็น 3 มิติใหญ่ๆ คือมิติของผู้ใช้เวทย์ มิติของผู้ใช้อาวุธ และมิติของผู้ที่ใช้ทั้งคู่ และแต่ละมิติก็แตกย่อยๆ ลงไปอีก โลกของเจ้าแตกมาจากมิติของผู้ใช้อาวุธ สมัยก่อนมิติทั้งหลายเชื่อมโยงกันด้วยสายใยบางๆ พวกเราคนแรกเกิดขึ้นจากการที่มีมิติมากเกินไป มีคนหลงทางไปต่างมิติบ่อยเกินไป มิติทั้งหมดจึงหาทางตัดขาดออกจากกัน ทำให้เกิดพวกเรา 13 คนแรกขึ้น ท่านพวกนี้อยู่มานานแสนนาน จนกระท่านมีพวกข้าทั้ง 3 ที่เกิดมาจากการพยายามปกป้องพวกเค้า และเจ้าที่เป็นคนรุ่นใหม่คนที่ 4 ที่เป็นความหวังของเรา อ๊ะข้ามานั่งพล่ามอะไรให้เด็ก 3 ขวบฟังล่ะนี่ ข้าไปก่อนนะพ่อแม่เจ้าขึ้นมาแล้ว” รีบตัดบทเมื่อเห็นสีหน้างงงวยของเด็กหญิง
  “เดี๋ยว คนรุ่นใหม่อะไร ท่านเป็นคนพวกไหนกันแน่ ข้าไม่เข้าใจเลย” เด็กหญิงตะโกนขณะที่กำลังจะกลับสู่ร่าง
  “วันหนึ่งเมื่อเจ้าเติบโตขึ้น สามารถเดินทางด้วยตนเอง เจ้าจะรู้เอง” เสียงชายลึกลับกระซิบตอบอย่างแผ่วเบา ขณะลืมตาตื่น
                                                    ******************************
  “เป็นไง ทำอะไรอยู่ แสงจันทร์แห่งชีวิตของพ่อ” ภูผาถามขณะที่เดินไปใกล้ๆ ลูก
  แสงจันทร์เพียงแต่ยิ้มตอบ
  “กำลังคิดถึงพ่อแน่เลย วันนี้ที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง ได้เพื่อนใหม่เยอะมั้ย”
  “ได้เยอะเหมือนกันค่ะ วิชาที่เรียนทำไมมันน่าเบื่ออย่างนี้ล่ะคะพ่อ”
  “น่าเบื่อเหรอลูก คุณครูสอนอะไรลูกบ้างล่ะ” ถามด้วยความห่วงใย
  “ก็พวก ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เลข แล้วก็ร้องเพลงค่ะ เห็นมั้ยคะว่าเป็นวิชาที่ง่ายจนน่าเบื่อไปหมดเลย”
  “ง่ายจนน่าเบื่อเหรอ” ผู้เป็นพ่องง
  “ค่ะ น้องจันทร์อ่านหนังสือพิมพ์ได้ตั้งปีแล้ว” แสงจันทร์เฉลย
  ภูผาหันไปทางภรรยาที่พึ่งขึ้นมาสมทบ และได้ยินประโยคเมื่อกี้พอดี ครั้นเห็นภรรยาทำหน้างงๆ พอๆ กันจึงหันไปถามลูกสาวใหม่
  “ทำไมพ่อกับแม่ไม่เห็นรู้เลยล่ะ” ผู้เป็นภรรยาจ้องหน้าบุตรสาวอย่างเห็นด้วยกับประโยคนั้น
  “น้องจันทร์ไม่ได้บอกใครนี่คะ” แสงจันทร์ตอบอย่างธรรมดา พลางหยิบหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษส่งให้
  “น้องจันทร์อ่านจบแล้วกำลังจะเอาไปไว้ที่เดิมพอดีเลยค่ะ” สามี-ภรรยาได้แต่มองหน้ากัน
  “ไหนลองอ่านข่าวนี้ให้พ่อฟังสิลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยพลางชี้ข่าวกรอบหนึ่งส่งให้บุตรสาว แล้วต้องทำหน้าเหมือนผีหลอกเมื่อได้ยินบุตรสาวอ่านข่าวนั้นด้วยสำเนียงชัดเปรี๊ยะ แถมพออ่านจบยังแปลให้ฟังอีกด้วย
  “ใครสอนลูกกันล่ะนี่” พ่อผู้ที่ทำหน้าเหรอหราได้กลั้นใจถามออกไป
  บุตรสาวไม่ตอบ แต่ไปหยิบรีโมต กดช่องการศึกษา พอพ่อแม่เห็นก็เข้าใจได้ทันทีลูกเราเป็น ‘เด็กอัจฉริยะ’ เหรอนี่ มองตากัน ส่งบุตรสาวขึ้นนอน แล้วนั่งช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
                                                                    *********************************
  “เกิดอะไรขึ้นหรือค่ะ คุณแม่” หญิงคนนั้นเอ่ยถาม คุณลำดวน แม่สามี ผู้เป็นต้นเสียงนั้น ด้วยท่าทางร้อนรน 
  “ดูยายหนูสิ ดารา เป็นอะไรก็ไปไม่รู้” หญิงกลางคน วัยประมาณ 50 นิดๆ แต่ยังคงมีเค้าความสวย เอ่ยตอบ
  “ยายหนูเป็นอะไรไปคะ” ดารารีบถามอย่างรวดเร็ว พลางปราดไปที่เด็กหญิง
  “ยายหนูหลับ ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น แถมตัวเย็นเฉียบเลย” คุณลำดวนกล่าวด้วยหน้ายังซีดอยู่
  “โธ่คุณแม่ วิตกไปเองแท้ๆ” ดารากล่าวอย่างถอนใจ พร้อมมองไปที่เด็กหญิงหน้าตาน่าเอ็นดู ที่บัดนี้ ลุกขึ้นนั่งลืมตามองมาอย่างฉงน
  คุณลำดวนเห็นดังนั้นก็ตกใจ “เมื่อกี้นี้ตัวยายหนูยังเย็นอยู่เลยนี่ แต่ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไรไป อยู่กับย่านานๆ นะ” กล่าวพลางเดินไปกอดเด็กหญิงที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่
  “คุณแม่ อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ เอ๊!กลิ่นอะไรไหม้ๆ ตายแล้วปลาชั้น” หลังจากดูแน่แล้วว่าลูกน้อยไม่เป็นอะไร ก็รีบกลับไปที่ครัวอย่างรวดเร็ว
  “โธ่ไหม้จริงๆ ด้วย เป็นลาบปากเจ้าถุงทองไป” บ่นพลางนำปลาที่ไหม้นั้นวางในจานข้าวถุงทอง สุนัขพันธุ์เทอเรียตัวโปรด ‘เดี๋ยวค่อยมาเลาะก้าง คลุกข้าวทีหลังก็ได้’ คุณดาราคิดขณะนำกระทะไปล้าง ‘หมดอารมณ์ทำกับข้าวเลยเรา หาอะไรง่ายๆ กินดีกว่า’ คิดแล้วคุณดาราก็บอกแม่สามีว่า “หนูจะออกไปข้างนอกแม่จะเอาอะไรมั้ยคะ”
  “ไม่ต้องหรอกจ๊ะ เดี๋ยวแม่หาอะไรง่ายๆ กินเองได้” คุณลำดวนกล่าวตอบเนื่องด้วยยังละอายใจกับอุปาทานเมื่อกี้นี้
  “งั้นเป็นผัดไทยกุ้งสด เจ้าประจำ ที่คุณแม่ชอบดีมั้ยคะ” คุณดารากล่าวอย่างเข้าใจดี
  “ก็ดีจ้ะ จะไปนานมั้ยแม่ดาว เดี๋ยวนายผาก็คงกลับมาแล้ว” เอ่ยถามเป็นเชิงเตือนให้ซื้อกับข้าวมาให้สามีด้วย
  “ไม่นานหรอกค่ะรับรองว่าก่อนคุณผากลับมาแน่ๆ ดาวไปก่อนนะคะ”
  “จ้า รีบกลับนะ” กล่าวพร้อมกับหันไปมองเด็กหญิง ‘หลับอีกแล้ว คงไม่เป็นอย่างเมื่อกี้อีกนะ’ คิดพลางเดินไปลูบไล้ตัวหลานสาวอย่างเป็นห่วงเป็นใย เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงนอนหลับปกติไม่มีอะไร “ฝันดีนะเด็กดีของย่า” กล่าวพร้อมกับเอนหลังลงข้างๆ
                                                                ********************************
  ด้านฝ่ายเด็กหญิงที่กลับมาเข้าสู่ฝันอันเดิมที่ทำให้นอนนิ่ง ตัวเย็น รีบกล่าวถามชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ ทันที
  “ทำไม ย่าต้องร้องอย่างนั้นด้วย” เด็กหญิงถามชายลึกลับ ที่เห็นในฝันทุกครั้งที่หลับเป็นเวลากว่า 3 ปีจนคุ้นเคยราวกับชายคนนั้นเป็นพ่อคนที่ 2 ก็ไม่ปาน ด้วยภาษาประหลาดที่ชายลึกลับสอนให้
  “เพราะข้าพาเจ้าออกมาไกลเกินไปน่ะสิ ตามข้ามาดีกว่า คราวนี้ข้าจะพาเจ้าไปไว้ใกล้ๆ กับมิติของเจ้า” ชายลึกลับกล่าวถ้อยคำประหลาด แต่เด็กหญิงก็เชื่อฟังแต่โดยดี หากแต่ยังซักถามอีก
  “มิติอะไรหรือคะ”
  “ก็ที่เราอยู่นี่ เป็นภพคู่ขนานกับโลกของเจ้า ลูน่า” ชายลึกลับตอบ
  “ข้าชื่อจันทร์ตะหาก” ยายหนูจันทร์เถียง
  “โทษที ข้าชอบลืมซะเรื่อย ว่าเจ้าเกิดใหม่แล้วลูน่า” กล่าวพลางถอนหายใจ
  “ท่านพูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง ข้าบอกว่าชื่อจันทร์ไง” ยายหนูจันทร์ยังหลับหูหลับตาเถียงต่อไป
  “ช่างเถิดลู จันทร์ ต่อไปข้าคงพาเจ้าไปสอนที่ไหนไกลๆ ไม่ได้หรอกนะ เว้นแต่เจ้าจะได้นอนคนเดียว”
  “ทำไมล่ะ แม่กับย่าต้องไม่ยอมให้ข้านอนคนเดียวแน่ๆ เลย” ยายหนูจันทร์บ่น
  “อ้าว แม่เจ้าพาเจ้าไปสมัครโรงเรียนอนุบาลแล้วไม่ใช่เหรอ อีกสัก 1 สัปดาห์เจ้าลองขอแม่ดูสิ อ้างไปเลยว่าเพื่อนมาคุยว่านอนคนเดียว แล้วเจ้าอยากลองบ้าง” ชายลึกลับเสนอแนะ
  “ใช่พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้วนี่นา คุณฉลาดจังเลย วันนี้มาเล่นอะไรกันดีล่ะ”
  ‘ก็ข้าอายุตั้ง 310 ปีแล้วนี่นา ยายหนูเอ้ย’ คิดดังนั้นแต่ก็กล่าวออกไปว่า “เล่นปามีดเป็นไง”
  “ดีจังได้ปาเป้าอีกแล้ว” ยายหนูดีใจ
  เวลาผ่านไป .หนูจันทร์ปาเป้าได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
  “วันนี้พอแค่นี้ดีกว่า แม่เจ้ากลับมาแล้ว อย่าลืมนะ อย่าพูดเรื่องนี้ให้ใครฟัง” ชายลึกลับกำชับ
  “แหมไม่ต้องบอกก็ได้ค้า พอข้าจะพูดจะบอกทีไร มีอัน ‘ลืม’ ภาษานี้และอะไรที่จะบอกหมดทุกที ข้ากลับแล้วนะ คืนนี้เจอกัน” เด็กหญิงกล่าวอำลา
                                                                      *******************************
  “กลับมาแล้วจ้า แม่ ยายหนู” เสียงที่ดังมาก่อนตัวนั้นปลุกคุณนายลำดวนให้ตื่นขึ้น และหันไปมองยายหนูที่จ้องตาแป๋วอยู่ก่อนแล้ว ก่อนลุกขึ้นไปหาลูกสะใภ้ 
  “แหมขนซื้ออะไรมาเยอะแยะเชียว ตาผายังไม่กลับเลย” กล่าวพลางเดินไปช่วยรับของจากลูกสะใภ้เข้ามาในบ้าน
  “นานๆ ซื้อทีค่ะคุณแม่ นี่หนูซื้อของโปรดของผากับยายหนูมาตั้งหลายอย่าง อ้อมีซุปข้าวโพดของโปรดของคุณแม่ด้วย” คุณดารากล่าวไปก็จัดของไป
  “แหมไม่น่าลำบากเลย แม่มาช่วยแค่เสาร์-อาทิตย์เอง เอ๊! นั่นเสียงรถพ่อผานี่”
  คุณดาราที่จัดของเสร็จพอดี รีบกระวีกระวาดออกไปรับ แต่ยังไม่ทันเจ้าถุงทองที่โผเข้าไปหาก่อน
  “ใจเย็นๆ อย่างนี้ยังไม่ได้กินข้าวแน่ๆ เลย แม่ดาวทำไมใจร้ายจังล่ะ” ชายหนุ่มวัยประมาณ 30 กว่าปี ท่าทางใจดี เอ่ยกับสุนัขพลางสัพยอกภรรยาไปด้วย
  “แหม คุณก็กลับมาก็กัดกันเลยนะคะ ไปตีกบถึงอ่างไหนมากันล่ะ” ผู้เป็นภรรยาตัดพ้อ แล้วสวนกลับไปอย่างทันท่วงที พลางเดินนำกลับเข้าบ้าน
  “กอล์ฟจ้า กอล์ฟ ดาวก็รู้อยู่แล้วนี่ว่าเจ้าชัย ถือว่าตัวเป็นเจ้านาย บังคับให้พี่ออกไปเล่นน่ะ มันว่าเป็นถึงผู้จัดการบริษัทขายอุปกรณ์การกีฬา หากเล่นกอล์ฟไม่เป็นก็เสียชื่อแย่ อ้าว สวัสดีครับคุณแม่”
  “ค่า ดาวทราบเมื่อกี้หยอกเล่นหรอก เดี๋ยวคุยกับคุณแม่ก่อนนะดาวจะไปเตรียมกับข้าวให้” หลังจากทิ้งสามีไว้กลับมารดาแล้ว ก็เดินเข้าไปอุ่นกับข้าว
                                                                          ***********************************
  ณ ห้องนั่งเล่น หลังจากคนในครอบครัว “หินจันทร์” ทานข้าวเสร็จแล้ว
  “ลูกผาๆ มานี่นิดนึง” คุณลำดวนเรียกบุตรชาย ด้วยเสียงเบา
  “มีอะไรครับแม่” บุตรชายตอบ พร้อมกับเดินเข้ามาหา
  “จุ๊ๆๆ เบาๆ หน่อยเดี๋ยวแม่ดาวได้ยิน ก่อนแม่จะกลับแม่มีเรื่องจะเล่าให้แกฟัง” เมื่อเห็นบุตรชายทำหน้าฉงนจึงกล่าวต่อไปว่า “บ่ายนี้ แม่ปลุกหลานไม่ตื่น แถมยายหนูยังตัวเย็นเฉียบซะด้วย”
  “อะไรนะครับ เย็นนี้แกยังดีๆ อยู่เลย แม่แน่ใจนะครับ” ครั้นเห็นมารดาพยักหน้าก็ไม่ทราบจะกล่าวอะไรต่อไปดี
  “แม่เลยจะถามแกว่า มีเวลาเกิดของยายหนูมั้ย อ้อชื่อจริงด้วยนะแม่จะเอาไปให้หลวงพ่อท่านดูให้”
  “หลวงพ่อเหรอครับ หลวงพ่อท่านดูดวงเป็นเหรอครับ” บุตรชายถามด้วยความฉงน
  “ก็ท่านบวชมา 2 ปีแล้วนี่ ตั้งแต่เกษียณ แล้วแกไม่รู้หรือไงว่าวัดที่ท่านบวชน่ะดังทางด้านนี้ บอกมาเร็วๆ เถอะน่า
  “ครับๆ ยายหนูน่ะชื่อ แสงจันทร์ครับ แสงจันทร์    หินจันทร์ เกิดวันที่ 9 กันยายน 2523 เวลา 9 โมง 9 นาทีครับ”
  “ก็ วันที่ 9 เดือน 9 ปีวอกสินะ แหมจำง่ายจริง แม่กลับก่อนนะ” คุณลำดวนทวน
  “ครับ หลวงพ่อว่าไงก็บอกผมด้วยนะครับ” ลูกชายรีบกำชับ ก่อนที่มารดาจะขับรถกลับไปยังบ้านของท่าน ที่อาศัยอยู่ร่วมกับน้องชายที่ยังไม่แยกครอบครัวออกไป
  “คุณแม่กลับแล้วเหรอคะ” คุณดาราที่พึ่งล้างจานเสร็จถาม
  “อืม เห็นว่ามีธุระน่ะ” ภูผารีบตอบ ไม่ยอมบอกภรรยา ว่าแม่จะรีบกลับไปเตรียมตัว หาทางเอาดวงลูกจันทร์ไปให้หลวงพ่อดู เพราะทราบว่าภรรยาไม่ชอบเรื่องพวกนี้
                                                            ************************************
  คืนนั้น
  “คืนนี้เราจะเล่นอะไรกันอีกคะ” แสงจันทร์กล่าวกับชายลึกลับอย่างกระตือรือร้น
  “ที่นี่ใกล้มิติของเจ้ามาก จะเล่นเวทย์มนต์ก็ไม่ได้ พรางตัวซ่อนหา, ปาเป้า, อ่านเขียนทายคำ เจ้าก็ชำนาญแล้ว อาวุธใหญ่ๆ อย่างดาบ หรือธนูก็ยังไม่สมดุลกับเจ้า เหลือที่เล่นได้ก็ การใช้สมุนไพร หรือต่อสู้มือเปล่า และการใช้มีดสั้น เจ้าอยากเล่นอย่างไหนล่ะ” ชายลึกลับถาม
  “อะไรก็ได้ค่ะ แต่เหนื่อยมากไม่เอานะคะ พรุ่งนี้ไปโรงเรียนวันแรก” เด็กหญิงต่อรอง
  “งั้นเล่นสมุนไพรก็แล้วกัน เล่นหมอน่ะ” ชายลึกลับเสนอ
  “เย้ หมอๆๆ โตขึ้นหนูอยากเป็นหมอ เหมือนคุณย่า”
  “ไม่ใช่หมออย่างนั้น แต่ช่างเถอะ มาเริ่มเล่นกันดีกว่า” แล้วชายลึกลับก็สอนการใช้สมุนไพรให้ ซึ่งเด็กหญิงเรียนอย่างเพลิดเพลิน จนทราบชื่อสมุนไพรในป่านั้น พร้อมทั้งวิธีการใช้อย่างละเอียด จนกระทั่ง
                                                ********************************
  ภูผาที่ตื่นขึ้นมากลางดึก แอบย่องมาหอมแก้มลูกสาวตัวน้อย แล้วต้องยืนตัวแข็ง ใจหายวาบ ลูกสาวตัวน้อยๆ หายใจแผ่วเต็มที ตัวก็เย็นนิดๆ ภาพความทรงจำอันแสนสุขของเขาและลูกสาวตัวน้อยผ่านแวบเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อไปอีกทีเห็นใบหน้าที่เหมือนกำลังนิทราอย่างเป็นสุขของเด็กน้อย และคำพูดเมื่อบ่ายของแม่ที่ผ่านแวบเข้ามา ‘บ่ายนี้ แม่ปลุกหลานไม่ตื่น แถมยายหนูยังตัวเย็นเฉียบซะด้วย’ และภาพที่ลูกสาวตัวน้อยยังคงยิ้มแย้มต้อนรับการกลับมาของเค้าในตอนเย็นก็ทำให้คลายกังวลได้มากทีเดียว จึงเพียงหันไปปลุกภรรยา ด้วยสีหน้าที่ควบคุมได้แล้ว
  “ดาวๆๆ ตื่นเถอะ ลูกเป็นอะไรก็ไม่รู้”
  ดาราลุกขึ้นมาทันที รีบไปดูลูก ครั้นพอจับตัวลูกขึ้นมาหมายจะอุ้ม ก็ผงะออกไปแทบจะทันที “เป็นไปไม่ได้ๆ” พร่ำบ่นแต่คำนั้น นึกถึงเหตุการณ์เมื่อกลางวัน แล้วเขย่าตัวลูกเพื่อปลุกทันที ‘จันทร์ๆ ลูกแม่ลูกต้องไม่เป็นอะไรนะ ตื่นสิจ้ะคนดี ตื่น บอกให้ตื่นไง’ ว่าแล้วก็ร้องไห้จนตัวโยน นึกอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้มาคุ้มครองบุตรสาวตัวน้อยด้วย
  ทันใดนั้น เสียงน้อยก็ดังขึ้นราวกับเสียงสวรรค์ในความรู้สึกของคุณภูผาและคุณดารา
    “แม่คะ แม่ร้องไห้ทำไม” พอได้ยินเสียงทั้งดาราและภูผาก็รีบผวาไปกอดลูกทันที
  “โอ๋ๆ อย่าร้องไห้นะคะแม่ แม่คนดี แม่คนเก่ง อย่าร้องไห้นะคะ” เมื่อได้ยินบุตรสาวพูดคำที่ตนเคยปลอบ ดาราก็หยุดร้องไห้ แล้วหันมาหัวเราะแทนในทันที
  “ลูกคนเก่งของพ่อไปจำประโยคนี้มาจากไหนหรือ” ผู้เป็นพ่อถามด้วยความฉงน
  “ก็ที่แม่ปลอบลูกจันทร์ อยู่เสมอไงคะพ่อ” บุตรสาวตอบ
  “จำเก่งจริงลูกพ่อ ไปเรียนคราวนี้ ลูกต้องได้ที่ 1 แน่ๆ” ผู้เป็นพ่อคาดหวังเต็มที่
  “ไปนอนกับแม่นะ” ผู้เป็นมารดากล่าวพลางอุ้มลูกสาวขึ้นจากเตียงเล็ก พลางมองสามีด้วยตาวิงวอน
  “ดีจ้ะ” สามีพยักหน้าอย่างเห็นด้วย พลางกระซิบข้างหูภรรยา “พรุ่งนี้เย็นค่อยคุยกันเรื่องนี้นะจ้ะ” แล้วล้มตัวลงนอน
                                          *****************************************
  เย็นวันต่อมา
  หลังจากที่ทั้งสามกลับถึงบ้านมานั่งกินอาหารเย็นกันแล้ว ดารารีบส่งลูกขึ้นไปดูทีวีชั้นบนเพื่อปรึกษาสามี
  “คุณคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกเราคะ” ดารารีบถามอย่างร้อนใจ
  “ไม่รู้สิ เดี๋ยวโทรไปถามแม่ก่อนว่าไปปรึกษาหลวงพ่อมารึยัง” กล่าวพลางยกหูโทรศัพท์กดหมายเลขมารดาอย่างชำนาญ
  “หลวงพ่อไหนคะ อ้อพ่อคุณใช่มะ ท่านมาเกี่ยวอะไรด้วยคะนี่” หรี่ตามองสามีอย่างสงสัย
  “ก็แม่ท่านเอาดวงของยายหนูไปให้ท่านดูน่ะสิ อุ๊บ” พลั้งปากออกไป แล้วรีบอธิบายต่อทันทีที่เห็นหน้าผู้เป็นภรรยา “แม่เค้าเป็นห่วง เรื่องเมื่อวานบ่ายท่านยืนยันว่าไม่ใช่อุปทาน แล้วเราก็รู้ด้วยตัวเองเมื่อคืนนี้ไม่ใช่เหรอ แม่รับแล้ว” รีบเปลี่ยนเรื่องทันทีที่เห็นภรรยามีสีหน้าที่ดีขึ้น
  “แม่ครับ เรื่องยายหนูเป็นยังไง”
  “ ”
  “ครับๆ ไม่แน่ใจเหรอครับ แต่เมื่อคืนแกตัวเย็นอีกแล้วนะครับ”
  “ ”
  “ให้พายายหนูไปหาหลวงพ่อเหรอครับ” หันไปมองหน้าภรรยาที่นั่งลุ้นอยู่ข้างๆ ครั้งดาราพยักหน้ารับก็รีบกล่าวต่อ
  “ได้ครับ พรุ่งนี้เย็นผมจะพายายหนูไป ขอบคุณแม่มากๆ นะครับ”
  “ ”
  “ครับ สวัสดีครับ”
  “เป็นไงบ้างคะคุณ” ภรรยาที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ถามทันทีที่เขาวางสาย
  ภูผารีบกลั้นยิ้มแล้วสรุปให้ผู้เป็นภรรยาฟังว่า “หลวงพ่อท่านดูให้แล้วแต่ไม่แน่ใจอะไรบางอย่าง ท่านให้เอายายหนูไป แล้วท่านจะดูลายมือให้เพื่อความแน่ใจอีกครั้ง”
  “ก็ยังไม่รู้เรื่อง สิคะนี่” ผู้เป็นภรรยาถอนหายใจ
  “แต่พรุ่งนี้เราก็จะรู้แล้วนะ” ผู้เป็นสามีได้แต่ปลอบใจ
                                                                ***********************************
  ทางด้านยายหนูที่ถูกนำมาปล่อยไว้หน้าทีวีนั้น ได้นอนหลับอีกแล้ว
  “วันนี้น่าเบื่อชะมัดเลย มีแต่วิชาง่ายๆ นี่เราแอบงีบหลับทุกชั่วโมงเลยนะ ทำไมไม่เจอท่านล่ะ” เด็กหญิงถามหน้ายุ่ง
  “ข้าก็มีธุระของข้าบ้างสิเด็กน้อย อีกอย่างเวลาแค่นั้นไม่พอที่จะเล่นอะไรหรอก ถ้าจะเล่นก็ไว้ให้เจ้าได้ห้องส่วนตัวก่อนสินะ เราจะได้เล่นกันนานๆ ไม่มีใครมาขัดจังหวะได้อีก” ชายลึกลับตอบ
  แม้แสงจันทร์ค่อนข้างเห็นด้วย แต่ยังเถียงอยู่ดี “ท่านก็มาชวนข้าคุยเฉยๆ ก็ได้นี่”
  “คุยน่ะได้ แต่จะทำให้เจ้าเสียเวลาเรียนที่เป็นภาษาของเจ้าไป แม้ภาษาที่ข้าใช้น่ะเป็นภาษากลางที่ใช้ได้เกือบทุกมิติก็เถอะ แต่ไม่ใช่มิติเจ้า ที่เปลี่ยนแปลงภาษากลางออกไปจนไม่เหลือเค้าเดิมเลย”
  “โหใช้ได้ทุกมิติเลยเหรอ”
  “ใช่ก็แต่ก่อนน่ะมีมิติเดียวนี่ แต่การที่แยกออกมาก็เนื่องด้วยคำแค่ 2 คำ คือ ‘ทางเลือก และโอกาส’ ซึ่งทำให้แตกเป็น 3 มิติใหญ่ๆ คือมิติของผู้ใช้เวทย์ มิติของผู้ใช้อาวุธ และมิติของผู้ที่ใช้ทั้งคู่ และแต่ละมิติก็แตกย่อยๆ ลงไปอีก โลกของเจ้าแตกมาจากมิติของผู้ใช้อาวุธ สมัยก่อนมิติทั้งหลายเชื่อมโยงกันด้วยสายใยบางๆ พวกเราคนแรกเกิดขึ้นจากการที่มีมิติมากเกินไป มีคนหลงทางไปต่างมิติบ่อยเกินไป มิติทั้งหมดจึงหาทางตัดขาดออกจากกัน ทำให้เกิดพวกเรา 13 คนแรกขึ้น ท่านพวกนี้อยู่มานานแสนนาน จนกระท่านมีพวกข้าทั้ง 3 ที่เกิดมาจากการพยายามปกป้องพวกเค้า และเจ้าที่เป็นคนรุ่นใหม่คนที่ 4 ที่เป็นความหวังของเรา อ๊ะข้ามานั่งพล่ามอะไรให้เด็ก 3 ขวบฟังล่ะนี่ ข้าไปก่อนนะพ่อแม่เจ้าขึ้นมาแล้ว” รีบตัดบทเมื่อเห็นสีหน้างงงวยของเด็กหญิง
  “เดี๋ยว คนรุ่นใหม่อะไร ท่านเป็นคนพวกไหนกันแน่ ข้าไม่เข้าใจเลย” เด็กหญิงตะโกนขณะที่กำลังจะกลับสู่ร่าง
  “วันหนึ่งเมื่อเจ้าเติบโตขึ้น สามารถเดินทางด้วยตนเอง เจ้าจะรู้เอง” เสียงชายลึกลับกระซิบตอบอย่างแผ่วเบา ขณะลืมตาตื่น
                                                    ******************************
  “เป็นไง ทำอะไรอยู่ แสงจันทร์แห่งชีวิตของพ่อ” ภูผาถามขณะที่เดินไปใกล้ๆ ลูก
  แสงจันทร์เพียงแต่ยิ้มตอบ
  “กำลังคิดถึงพ่อแน่เลย วันนี้ที่โรงเรียนเป็นไงบ้าง ได้เพื่อนใหม่เยอะมั้ย”
  “ได้เยอะเหมือนกันค่ะ วิชาที่เรียนทำไมมันน่าเบื่ออย่างนี้ล่ะคะพ่อ”
  “น่าเบื่อเหรอลูก คุณครูสอนอะไรลูกบ้างล่ะ” ถามด้วยความห่วงใย
  “ก็พวก ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เลข แล้วก็ร้องเพลงค่ะ เห็นมั้ยคะว่าเป็นวิชาที่ง่ายจนน่าเบื่อไปหมดเลย”
  “ง่ายจนน่าเบื่อเหรอ” ผู้เป็นพ่องง
  “ค่ะ น้องจันทร์อ่านหนังสือพิมพ์ได้ตั้งปีแล้ว” แสงจันทร์เฉลย
  ภูผาหันไปทางภรรยาที่พึ่งขึ้นมาสมทบ และได้ยินประโยคเมื่อกี้พอดี ครั้นเห็นภรรยาทำหน้างงๆ พอๆ กันจึงหันไปถามลูกสาวใหม่
  “ทำไมพ่อกับแม่ไม่เห็นรู้เลยล่ะ” ผู้เป็นภรรยาจ้องหน้าบุตรสาวอย่างเห็นด้วยกับประโยคนั้น
  “น้องจันทร์ไม่ได้บอกใครนี่คะ” แสงจันทร์ตอบอย่างธรรมดา พลางหยิบหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษส่งให้
  “น้องจันทร์อ่านจบแล้วกำลังจะเอาไปไว้ที่เดิมพอดีเลยค่ะ” สามี-ภรรยาได้แต่มองหน้ากัน
  “ไหนลองอ่านข่าวนี้ให้พ่อฟังสิลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยพลางชี้ข่าวกรอบหนึ่งส่งให้บุตรสาว แล้วต้องทำหน้าเหมือนผีหลอกเมื่อได้ยินบุตรสาวอ่านข่าวนั้นด้วยสำเนียงชัดเปรี๊ยะ แถมพออ่านจบยังแปลให้ฟังอีกด้วย
  “ใครสอนลูกกันล่ะนี่” พ่อผู้ที่ทำหน้าเหรอหราได้กลั้นใจถามออกไป
  บุตรสาวไม่ตอบ แต่ไปหยิบรีโมต กดช่องการศึกษา พอพ่อแม่เห็นก็เข้าใจได้ทันทีลูกเราเป็น ‘เด็กอัจฉริยะ’ เหรอนี่ มองตากัน ส่งบุตรสาวขึ้นนอน แล้วนั่งช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
                                                                    *********************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น