ตอนที่ 9 : 08
8
“ออกไป..ฮึก...ก...กลัวแล้ว...”
“เธอ...”
“กลัว...แบมกลัวแล้ว...”
“เราอยู่นี่แบมแบม...เราอยู่นี่”
ตอนนี้ในความคิดมันรู้สึกผิดไปหมด ผิดที่ยอมปล่อยให้อีกคนอยู่คนเดียวเพียงแค่เพราะอยากจะรู้ว่าหากไม่มีเขาแบมแบมจะอยู่ได้จริงๆหรือเปล่า เขากอดกระชับร่างที่กำลังดิ้นไปพร้อมกับน้ำตาเข้าหาตัวเองรวมไปถึงความวุ่นวายที่กำลังก่อตัวในจิตใจ
“แบมแบม...
เราอยู่นี่....
เธอเราอยู่นี่...”
ขอโทษ...
มีแต่คำว่าขอโทษผุดขึ้นมาเต็มไปหมด หมอกไม่คิดตั้งแต่แรกว่าแบมแบมจะทนและผ่านมันไม่ได้ด้วยตัวคนเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็โทษตัวเองที่เป็นฝ่ายยอมเดินออกมา
“ฮึก...ออกไป...ออกไป”
ยังคงได้ยินเสียงร้องไห้ที่ออกมาจากจิตใต้สำนึก เปลือกตาที่เปียกชุ่มยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดออก ยิ่งมองเท่าไหร่ ยิ่งปลุกเท่าไหร่แบมแบมก็ดูเหมือนจะยิ่งแย่ลง
“มึงทำเหี้ยอะไร”
แค่เพียงเสี้ยววินาทีที่เห็นเจ้าของเสียงเข้มที่แทรกเข้าร่างของเขาก็ถูกกระแทกเข้ามาด้วยฝ่ามือ
ผลั่ก!
ใบหน้าหันสะบัดไปอีกทางโดยไม่ทันตั้งตัว ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้ยินเสียงประตูที่ถูกเปิดเข้ามาเพียงแต่ว่าเขาไม่ได้สนใจที่จะละสายตาออกไปจากแบมแบมก็เท่านั้น
“ฮึก...
ม่าน...หมอก”
แบมแบมได้สติแล้วจะเพราะอะไรก็ตาม ตากลมเบิกโตเมื่อตื่นขึ้นมารับรู้กับเหตุการณ์ที่จับต้นชนปลายไม่ถูก ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยความตระหนก มองสลับไปมาระหว่างสองร่าง คนหนึ่งยืนกำหมัดไว้แน่น คนอีกคนกำลังใช้หลังมือปาดไปตรงคราบเลือดที่ไหลอยู่ตรงมุมปาก พอตั้งสติได้แล้วก็รีบพาตัวเองเข้าไปหาคนที่กำลังได้รับบาดเจ็บ
“หมอก...”
เจ้าของชื่อก็ยังคงให้ความสนใจกับแค่แบมแบมอีกเช่นเดิม รอยยิ้มจางๆปรากฏออกมาจากยิ้มฝีปากที่เปื้อนเลือด
“ตื่นแล้วเหรอ...เราตกใจหมด”
แบมแบมต่างหากที่กำลังตกใจ รีบพยักหน้าตอบรับแต่ก็ยังคงไม่ทิ้งความเป็นห่วง แม้ภายในห้องจะมีกันอยู่สามคนแต่ดูเหมือนคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่จะกลายเป็นเพียงธาตุอากาศไปแล้ว อีกสายตาที่มองคนสองคนจากความเกรี้ยวกราดกลับกลายเป็นแววตาคู่หม่น ม่านเองก็ตกใจไม่น้อยที่เข้ามาเห็นทั้งคู่อยู่ในสภาพแบบนั้นและก็ได้พลั้งมือลงไปแล้ว ส่วนตอนนี้จากความโกรธมันก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นความสับสน
“เข้ามาเจอหมูร้องแบบนั้นม่านก็เลยตกใจ”
เจ้าของเสียงพูดในขณะที่กำลังหย่อนสะโพกลงไปบนเตียงนอนซึ่งข้างๆแบมแบมกำลังใส่ยาทำแผลให้กับหมอก
“ม่านต้องควบคุมตัวเองให้ได้บ้างนะ คิดว่าทำอะไรรุนแรงมันจะแก้ปัญหาได้หมดเหรอ...
หมูพูดก็หมายถึงทุกเรื่องด้วย”
แบมแบมพูดออกไปทั้งที่มือยังจดจ่ออยู่กับการทำแผล ถึงจะเป็นแผลเล็กๆแต่ก็ต้องใส่ใจ ซึ่งใบหน้านั้นไม่แม้แต่จะหันไปมองคนที่เพิ่งนั่งลงมาเลย อันที่จริงมันก็หลายความรู้สึก แต่แบมแบมเองก็ไม่ได้อยากนึกตำหนิเพราะม่านเองก็เพิ่งจะกลับมา ไม่อยากให้ม่านยิ่งเตลิดไปไกล แต่ถ้าไม่พูดม่านก็จะยังคิดไม่ได้
ทุกอย่างดำเนินอยู่ที่เดิมไปพร้อมกับความเงียบและเสียงของลมหายใจทั้งสาม แบมแบมลุกขึ้นจากเตียงเมื่อการทำแผลสิ้นสุดลงโดยมีสองสายตามองตามในทุกการกระทำ
“เดี๋ยวเค้าเอาของลงไปเก็บก่อน”
ปลายเท้าก้าวออกไปได้ไม่ถึงก้าวดีก็ชะงักและเป็นแบมแบมที่หันกลับไปมอง
“จะไม่ทะเลาะกันใช่มั้ย?...”
ประตูปิดลงไปพร้อมกับแบมแบม เหลือเพียงสองคนที่มีใบหน้าเหมือนกันไปหมดทุกองค์ประกอบ ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าล้วนแล้วแต่มีเรื่องที่อยากจะพูด รอเพียงแต่ว่าใครจะเป็นฝ่ายเริ่มปริปาก
“ที่มึงต่อยกู มึงคิดว่ากูจะทำเหมือนที่มึงทำเหรอ...ม่าน?”
“แล้วมึงจะทำหรือเปล่า?”
“กูบอกมึงแล้วไงว่ามึงไม่มีสิทธิ์ มึงมันก็แค่คนฉวยโอกาส มึงเห็นว่าแบมแบมอ่อนแอมึงจะทำอะไรก็ได้”
“เหอะ...
แล้วมึงไม่คิดบ้างเหรอว่าที่เค้ายอมกูเพราะเขาก็มีใจให้กู”
บทสนทนาเป็นอันชะงักเมื่อประโยคล่าสุดถูกพูดออกมา แม้มันจะไม่ใช่สิ่งที่คนพูดแน่ใจและยังสับสนอยู่เสมอมา แต่ที่พูดก็เพราะเริ่มฉุนกับคำพูดของคนอีกคนที่เอาแต่ตั้งแง่ตำหนิอยู่เรื่อยมา
มันไม่ใช่ประโยคที่ทำร้ายหมอกได้คนเดียวหรอก ม่านเองก็จุกไปกับคำพูดตัวเองเช่นกัน
มีใจเหรอ...มันอาจจะไม่ใช่แบบที่เขาพยายามเข้าข้างตัวเอง มันอาจเป็นแบบที่หมอกพูดออกมาแล้วนั่นแหละ
เขามันก็แค่คนฉวยโอกาส เพราะแบมแบมอ่อนแอมากเกินไปใช่ไหม แบมแบมถึงได้ยอม...
“แต่มึงก็ทิ้งเค้าไป มึงปล่อยให้แบมแบมอยู่อย่างนี้ ทั้งที่รู้ว่าแบมแบมนอนคนเดียวไม่ได้
มันเป็นความผิดกูใช่ไหมที่เข้ามาหาคนที่มึงปล่อยทิ้งไว้...” มือหนาจับกระชับไปที่ปกคอเสื้อของอีกฝ่าย เขาเองก็เริ่มหมดความอดทน ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกอะไรที่อยู่ๆก็โดนหมัดหนักๆกระแทกเข้าหน้า แต่มันยังเจ็บไม่เท่ากับความรู้สึกที่กำลังถูกเอาเปรียบ
“มึงจะเอาแต่ใจเกินไปแล้ว”
เสียงทุ้มรอดผ่านไรฟันไปพร้อมกับระดับความเกร็งของสองมือที่กำคอเสื้อจนยับย่นนั้นบ่งบอกสภาวะอารมณ์ของผู้พูดได้ดี และมีเพียงสายตาที่แข็งกร้าวตอบกลับมาเช่นกัน
“ถ้ามึงอยากได้ตัวแบมแบมเก็บไว้คนเดียว...”
“…”
“มึงเอาหัวใจไปให้ได้ด้วย
แต่ถ้าไม่ใช่ของมึงคนเดียว...
มึงก็ไม่มีสิทธิ์เอาไป”
“เอาเลย เอาที่มึงสบายใจ
แล้วก็เชิญอยู่กับคำพูดสวยๆของตัวเองไปเถอะ”
ม่านจับมือคู่ที่เคยกระชับปกเสื้อตัวเองออกอย่างใจเย็น ใจเย็นก็แค่การกระทำเพราะสายตานั้นชัดเจนว่าต่างฝ่ายต่างก็ยังยึดติดอยู่กับความคิดของตนอยู่เช่นเดิม
“พูดที่อยากพูดจบแล้วก็กลับห้องมึงไป”
“นี่ก็ไม่ใช่ห้องมึง”
หมอกกำลังทำให้ม่านเริ่มหัวเสียขึ้นมาอีกครั้ง คนผมสีอ่อนลุกขึ้นยืนพร้อมกอดอกมองคนที่ยังนั่งอยู่บนเตียงนอนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“ทำไม?”
หมอกเลิกคิ้วส่งไปให้ พร้อมกับคำถามที่รู้คำตอบนั้นดี เขารู้ว่าแฝดของตนไม่ได้โง่ขนาดนี้จะเข้าใจว่าตนกำลังจะทำอะไร
“ไม่พอใจก็กลับไปนอนห้องมึง” ไม่ได้อยากที่จะยั่วโมโห แต่ในเมื่อตัวเองเป็นฝ่ายทิ้งแบมแบมไปก่อน แล้วคิดว่าตัวเองอยากจะไปจะมาแบบนี้เมื่อไหร่ก็ได้เหรอ พูดจบก็ทิ้งคนที่ยืนอยู่ให้หัวร้อนด้วยการนอนลงไปบนเตียงและจบบทสนทนา
แบมแบมกลับมาอีกครั้งก็พบว่าสองฝั่งของเตียงมีคนสองคนต่างหันหลังให้กัน ถึงจะแปลกใจแต่ก็ใจชื้นที่เห็นว่าทั้งสองกลับสู่ภาวะปกติแล้ว อย่างน้อยการที่แบมแบมปล่อยให้ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันก็เพื่อที่จะทำให้สองแฝดได้เอ่ยปากปรับความเข้าใจกันบ้าง เพราะคิดว่าตอนที่ตัวเองอยู่ทั้งคู่นั้นไม่ค่อยที่จะกล้าพูดอะไร
ไฟในห้องถูกปิดลงเพราะเข้าใจว่าทั้งหมอกและม่านต่างหลับไปกันหมดแล้วทั้งคู่จะเหลือก็เพียงแสงจากโคมไฟสลัวๆพอให้แบมแบมได้เดินกลับไปที่เตียง ร่างบางคลานไปตามช่องว่างบนเตียงที่ถูกเว้นไว้ตรงกลาง ดึงผ้าห่มขึ้นมาจนถึงแผ่นอก ตากลมเหล่มองสลับไปมาระหว่างแผ่นหลังทั้งสองที่เจ้าของนั้นนอนตะแคง
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เป็นกับสิ่งที่เป็นอยู่...ดูเหมือนตอนนี้จะขยับจะเคลื่อนไปทางไหนทุกๆอย่างรอบตัวมันก็ช่างเปราะบางเหลือเกิน แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าการที่ต้องพยายามหลับไปคนเดียวใช่ไหม ในความฝันที่ผ่านมาสดๆร้อนๆมันเหมือนจริงเสียจนแบมแบมแทบแยกแยะไม่ออก มันทำให้แบมแบมรับรู้ได้ว่าความพยายามที่จะนอนคนเดียวมันคงยังไม่สำเร็จได้ง่ายๆ เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงไปพร้อมกับการพยายามข่มความรู้สึก แต่ไม่นานแบมแบมรับรู้ได้ถึงการขยับเขยื้อน คงมีใครคนใดคนหนึ่งกำลังพลิกตัวเข้ามา สัมผัสที่เข้ามาใหม่ทำให้แบมแบมมั่นใจว่าไม่ผิดไปจากที่คิด
ฝ่ามือที่เพิ่งเข้ามาเริ่มลูบไล้ไปตามสัดส่วนความโค้งและเนื้อผิวเนียน จะปริปากพูดออกไปแบมแบมก็ได้แต่ขมวดคิ้วและขบเม้มริมฝีปาก เพราะหากจะพูดอะไรออกไปก็กลัวว่าคนที่หลับอยู่อีกคนจะได้ยิน แต่ยิ่งเงียบก็ทำให้ริมฝีปากร้อนจรดเข้าหาลำคอของแบมแบม ปลายจมูกคมกดซับไปตามแนวลำคอจนถึงหัวไหล่ แบมแบมเริ่มต้านทานด้วยมือที่พยายามผลักออกไปเพื่อเตือนสติเจ้าของริมฝีปากและมือที่ซุกซน แต่ยิ่งทำเรียวปากก็ยิ่งเพิ่มระดับความกระหายเข้ามามากขึ้น...มากขึ้น
ริมฝีปากกดจูบไปตามลำคอที่เจ้าของพยายามหลีกเลี่ยงแต่เจ้าตัวก็ไม่กล้าขยับเขยื้อนอะไรมากนัก มือที่เคยต่อต้านก็หยุดลงไปแล้วเพราะกลัวว่าถ้าลงน้ำหนักมากไปจะทำให้อีกคนที่อยู่ข้างๆนั้นรู้ ไหล่มนกระตุกสั่นเพราะลมหายใจอุ่นร้อนจากเจ้าของริมฝีปากกำลังพ่นรดลงมาซ้ำให้ใจยิ่งเต้นรัว มือหยาบลูบไล้ไปตามเนื้อผิวภายใต้สาปเสื้อ มันนุ่มจนคนกระทำเริ่มที่จะอดใจไม่ไหวขึ้นมาจริงๆ แต่ก็รู้ตัวตั้งแต่แรกว่าสิ่งที่ทำอยู่มันถือเป็นความไม่เหมาะสม ริมฝีปากจูบไหลไปตามเนินไหล่พร้อมกับปลายจมูกที่ลากตามไปทำให้แบมแบมต้องกลั้นหายใจ ถูกสร้างรอยรักไปตามจุดต่างๆแม้ขณะอยู่ในความมืด ปากอิ่มขบเม้มเข้าหากันไปพร้อมกับคิ้วเรียวที่ขมวด ไม่นานริมฝีปากก็ถูกสอดแทรกด้วยอีกหนึ่งสิ่งที่เหมือนกัน เรียวปากขบเนื้อริมฝีปากนิ่มหยุ่นรสหวานจนอารมณ์พุ่งพล่านกว่าที่คิด เขาก็แค่อยากส่งสารให้ใครบางคนรู้ว่าตรงนี้มันคือพื้นที่ของใคร และไม่ได้คิดจะทำอะไรล่วงเกินไปมากกว่านี้...ในเวลานี้
“Good night…”
เสียงทุ้มแผ่วเปล่งผ่านลำคอเมื่อริมฝีปากทำตามความรู้สึกเสียจนพอใจ ถึงแม้มันจะเบาแค่ไหนแต่มันก็ดังเกินพอที่จะทำให้ทุกคนได้ยิน
แน่นอนว่าคนที่ตื่นเช้าเป็นกิจวัตรจะเป็นคนที่ลืมตาขึ้นมาเป็นคนแรกในยามที่แสงแดดสาดส่องเขามา ตาคมมองหาสิ่งที่คิดถึงเป็นสิ่งแรก ร่างบางของคนที่อยู่ใกล้ๆกำลังอยู่ในอ้อมกอดของคนอีกคน นั่นไม่ใช่สิ่งที่ไกลหรือผิดแปลกไปจากความคิดเขานั้น หากจะถามหาสิ่งที่แปลกไปคงจะเป็นพวกร่องรอยที่ผุดขึ้นมาใหม่ รอยสีกุหลายที่ปรากฏเด่นชัดอยู่บนเนื้อผิวขาว ตามหัวไหล่ที่คอเสื้อเปิดกว้าง หรือแม้แต่ลำคอที่เป็นที่เปิดเผย สิ่งเหล่านั้นมันทำให้ความคิดที่จะหวังเริ่มวันดีๆนั้นหมดลงไปในพริบตา เขาลุกขึ้นจากเตียงโดยที่ไม่ได้รบกวนความสุขความสบายใจของใครสักคน
บางทีเขาอาจจะเป็นแค่คนดื้อด้านคนนึงก็เท่านั้น หรือคำตอบมันชัดเจนอยู่แล้วแต่เขาเลือกที่จะทำเป็นไม่รับรู้มัน...
“หมอก...ตื่นแล้วเหรอ”
เจ้าของชื่อปรายตาสูงขึ้นมาเจ้าของเสียงที่อยู่ตรงหน้า แบมแบมกำลังยืนท้าวเก้าอี้ตัวที่อยู่ตรงข้ามพร้อมกับยิ้มแย้มคำตอบ...แต่นั้นกลับไม่ใช่สิ่งที่เขาทำกลับไป ใบหน้าที่เคยแหงนก้มลงต่ำไปจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ที่มือเช่นเดิม มันคือหนังสือที่เลือกอ่านเพื่อชะล้างความคิดในหัว
“อืม...”
รอยยิ้มค่อยๆจางลงเมื่อได้รับคำตอบสั้นๆ
“กินแต่กาแฟอย่างเดียวมันไม่ดีนะ เค้าทำอะไรให้กินดีมั้ย...”
เสียงแบมแบมยังคงสดใส มือเล็กกำไปที่พนักเก้าอี้ในขณะที่คาดหวังและรอคำตอบ
“ไม่ต้อง...” ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ แต่ไม่นานก็ถูกตอบกลับด้วยเสียงที่แผ่ว
“เอาแบบนั้นเหรอ...”
“อืม...”
“งั้นหมอกอ่านหนังสือต่อเถอะ เค้าไม่กวนแล้ว”
แบมแบมเดินออกมาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ไม่ใช่ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติไป แต่ขืนยังดื้อด้านที่จะทำตามใจอยากคงอาจจะถูกเมินหนักมากกว่าเดิมก็ได้ การถูกรำคาญจากหมอกเป็นสิ่งที่แบมแบมกลัว ยิ่งเจ้าตัวไม่แสดงท่าทีใดๆยิ่งยากที่จะเข้าใจความรู้สึก แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกที่แบมแบมไม่เข้าใจซึ่งมันใช้ไม่ได้กับตอนนี้ที่แบมแบมกำลังรู้สึกไม่ดีนัก
พื้นที่ในครัวถูกแบมแบมใช้เป็นที่เฟดตัวออกมาจากอีกคน ถึงหมอกจะบอกว่าไม่ต้องการในสิ่งที่เสนอแต่ทำอะไรติดครัวไว้สักหน่อยคงจะไม่เสียหาย ตู้เย็นถูกเปิดออกเพื่อสำรวจดูของสดที่แช่อยู่ภายใน ตากลมกวาดไปทั่ว เมื่อเจอสิ่งที่สนใจสายตาก็โฟกัสไปที่มัน จัดหยิบขึ้นมาก่อนจะหยิบวัตถุดิบอื่นๆอีกอย่างสองอย่าง ทันทีที่หันหน้าออกจากตู้เย็นใบหน้าหวานชะงักเพราะความไม่คาดคิดว่าจะมีคนจดจ้องอยู่ก่อนหน้าแล้ว ส่วนอีกฝ่ายพอเห็นว่าแบมแบมหันมาก็กลับทำเป็นไม่สนใจและหันหน้าเข้าหาอีกฝั่งไปดื้อๆ แก้วกาแฟที่ใช้แล้วถูกหย่อนลงในซิงส์ล้างจานก่อนที่ร่างสูงจะจัดการทำความสะอาดมันโดยปราศจากคำพูดใดๆ
จริงๆช่วงวันที่ผ่านมาแบมแบมก็รู้สึกว่าทั้งหมอกและตัวเองต่างก็ยังมีอะไรที่ติดค้างใจอยู่ ตั้งแต่ตอนที่ถูกจูบและแกล้งแผลงๆบนโซฟานั่น เรื่องที่หมอกถามตั้งแง่เกี่ยวกับสิทธิ์ในการงอนและดูไม่พอใจกับคำตอบที่แบมแบมให้นัก จนมาป่านนี้มันก็ยังไม่เคยถูกพูดขึ้นมาอีกเพราะมีเรื่องต่างๆผ่านเข้ามาอยู่เสมอ ไม่รู้ว่าหมอกจะยังคิดหรือยังรู้สึกอะไรอยู่ไหม อาจเป็นเพราะความเก็บอารมณ์เก่งก็ส่วนหนึ่งที่ทำให้แบมแบมคาดเดาความรู้สึกนึกคิดไม่ได้เลย
ถึงอย่างนั้นแบมแบมก็ไม่เคยรู้สึกว่าหมอกเป็นคนที่อันตรายสำหรับแบมแบม แม้ในบางครั้งหมอกที่โอบอยู่รอบกายจะแผ่อุณหภูมิที่ร้อนแรงไปสักนิดก็ตาม
“หมอก...”
แบมแบมวางสิ่งที่หยิบออกจากตู้เย็นลงบนเคาท์เตอร์ก่อนจะพาร่างตัวเองไปอยู่ข้างๆคนที่กำลังขะมักเขม้นกับการล้างถ้วยกาแฟ ใบหน้าหวานก้มมองมือหนาที่จับฟองน้ำและถูไปตามถ้วยแก้วถึงมันจะสะอาดแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมวางมือ แบมแบมไม่กล้าเงยหน้ามองใบหน้าของคนที่เดาความรู้สึกไม่ออกเลยในขณะนี้
“หมอกเป็นอะไรหรือเปล่า”
ที่ได้ยินกลับมามีเพียงเสียงกระแสน้ำที่กระทบกับภาชนะ แบมแบมนึกถอดใจแล้วกับคำตอบ แต่เมื่อกระแสน้ำหยุดลงและภาชนะถูกวางเก็บไปบนชั้นเสียงทุ้มก็เล็ดลอดออกมา
“เธอถามว่าเราเป็นอะไรเหรอ?...”
แบมแบมเงยหน้าขึ้นไปหาเจ้าของเสียง น้ำเสียงที่ถามกลับเป็นเพียงเสียงที่เรียบเฉยไม่ต่างจากสีหน้า แต่แววตานั้นโกหกไม่ได้หรอก
“งั้นเราถามกลับได้ไหม..."
"..."
"เราเป็นอะไรสำหรับเธอ”
จากที่เคยเป็นฝ่ายพูดกลับเป็นแบมแบมที่นิ่งไป ปากอิ่มเม้มเข้าหากันสลับกับการขบด้วยฟันซี่เล็ก มีแต่ความอึกอักที่คนสูงกว่ามองเห็น ไม่มีเลยความมั่นใจใดๆที่ได้รับกลับมา
“เราเคยจูบเธอนะ...แต่เหมือนเธอจะไม่ชอบให้เราทำมัน”
“...”
มือเล็กเริ่มหาที่พึ่งพิงด้วยการจิกไปยังอีกข้อมือของตัวเองเมื่อความประหม่าเริ่มเข้ามาเยือน
“แล้วรอยพวกนั้นล่ะ...”
แบมแบมปรายตาไปตามสิ่งที่คนตัวสูงกว่ากำลังจดจ้องอยู่ ถึงจะไม่เห็นรอยของตัวเองที่อีกคนกำลังหมายถึงแต่ก็เข้าใจในสิ่งที่กำลังถูกถามได้ดี แบมแบมรู้ตัวตั้งแต่ตื่นขึ้นมาว่ามีรอยเหล่านี้เกิดขึ้นบนตัวเต็มไปหมด
“รอยพวกนั้น...
มันเกิดจากความเต็มใจใช่มั้ย...”
“...”
“แบบนี้เราจะโง่ถามต่อไปอีกทำไม”
ก่อนหน้าเขาเองก็เคยคิดว่ามันคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงถ้าหากแบมแบมยังรู้สึกเหมือนเดิม แต่ตอนนี้ยอมรับว่าทุกอย่างมันคงไม่ได้เป็นไปตามที่ใจคิด เขาคิดว่าเขาจะรับมือกับความรู้สึกพวกนี้ได้ แต่พอเอาเข้าจริงๆมันยาก...ยากจนคิดว่าเขากำลังพาตัวเองเดินลงไปกลางทะเลที่ความลึกไม่มีที่สิ้นสุด
“หมอก...ไม่ใช่แบบที่หมอกคิดนะ”
แบมแบมจะฝ่าความอ้ำอึ้งของตัวเองออกมาได้ก็ต่อเมื่อหมอกเกือบจะเดินออกไป ท่อนแขนถูกรั้งไว้โดยเจ้าของเสียงกระท่อนกระแท่น ใบหน้าคมค่อยๆหันมาหาปรายตามองต่ำไปยังมือที่กำลังสัมผัสตัวเอง
“เธอปฏิเสธความช่วยเหลือจากเรา ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธออยู่กับอีกคนได้”
หมอกคงจะหมายถึงเรื่องเมื่อคืนที่อาสาจะอยู่เป็นเพื่อน แบมแบมได้แต่พยายามคิดตามและรู้สึกเจ็บปวดแทนหมอกไปกับคำพูดเหล่านั้น
“เราจะจูบเธอสักครั้งมันต้องมีเหตุผลที่หนักแน่นพอใช่ไหมเธอถึงจะไม่ลำบากใจ...
แต่ถ้าเป็นอีกคนล่ะ...”
“หมอก...เค้าก็แค่รู้สึกแปลกๆแต่...”
“ถ้าเกิดว่าเป็นอีกคนมันมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้โดยที่ไม่รู้สึกลำบากใจหรือแปลกๆเลยใช่มั้ย”
“...”
“มันชัดเจนแล้วล่ะ ว่าที่เธอบอกว่าทุกอย่างมันยังเหมือนเดิม
ที่จริงมันไม่ใช่เลย”
ไม่ใช่น้ำเสียงที่รุนแรงและไม่มีท่าทีของความเกรี้ยวกราดเลยสักนิด หากว่ามันแสดงออกมาด้วยความรุนแรงแบมแบมคงไม่รู้สึกว่าหมอกกำลังพยายามปกปิดความเจ็บปวดของตัวเองไว้ มีเพียงแววตาที่สั่นคลอนคู่นั้นที่บ่งบอกว่าคนพูดกำลังอัดอั้นมากแค่ไหน แบมแบมเองก็ไม่ต่างไปจากหมอกหรอก...
แต่สิ่งที่หมอกกำลังคิดมันไม่ใช่เลย
“เค้าก็แค่รู้สึกว่ามันแปลกๆ...
เพราะเค้าจูบกับม่านไปแล้วแต่...
มันเหมือนกับว่าเค้ากำลังทำผิด”
แบมแบมพยายามรีบอธิบายเพราะกลัวว่าหมอกจะหันหลังกลับไปอีกครั้ง น้ำเสียงที่ดูกระท่อนกระแท่นและสั่นนั้นบ่งบอกได้ถึงความกังวลใจและความสับสนอย่างมากที่สุด
“เข้าใจแล้ว หมายความว่าที่เราทำด้วยกันมันผิด
แต่ถ้าเป็นเธอกับอีกคนมันจะไม่ผิดใช่มั้ย”
เขาอยากจะเข้าใจแบมแบม แต่คิดว่าหากฟังถ้อยคำพวกนั้นต่อไปมันก็มีแต่จะบั่นทอนตัวเองไปเปล่าๆ อีกทั้งยังกลัวอารมณ์ตัวเองมันจะเตลิดจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เขาไม่อยากกลายเป็นคนที่ทำให้แบมแบมอึดอัดใจอีก มือเล็กถูกแกะออกก่อนที่ร่างสูงจะหันหน้าไปยังทางออกจากห้องครัว
แต่ทว่ากลับถูกมือเล็กรั้งไว้อีกครั้ง
พอหันกลับมาก็พบว่าอีกคนกำลังเขย่งปลายเท้าขึ้นมาหา ริมฝีปากอิ่มแตะเข้ามาและกดเข้าหาเรียวปากได้รูป เขามองเห็นเพียงแพขนตายาวที่รับกับเปลือกตาที่ปิดลงมายามเมื่อริมฝีปากจดจ่อทาบทับกัน มีเพียงความเงียบและเสียงลมหายใจ ลำคอหนาถูกใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวเพราะกลัวจะทรงตัวไม่อยู่ ความคิดที่เคยแล่นผ่านสมองจนยุ่งเหยิงบัดนี้กลับถูกเจือจางไปเพราะรสจูบจนภาพในความคิดนั้นขาวโพลนไปหมด สะโพกมนถูกฝ่ามือประคองไว้ การจูบตอบกลับไปนั้นทำให้แบมแบมใจชื้นไม่น้อยว่าการแสดงความรู้สึกนั้นจะไม่สูญเปล่า แบมแบมกำลังพยายามอธิบายและต้องการให้หมอกเข้าใจว่าสิ่งที่หมอกคิดนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในความรู้สึกของแบมแบมเลย สำหรับหมอกก็ยังคงสำคัญอยู่ในใจของแบมแบมไม่ต่างจากวันแรกที่ได้เจอและเหมือนจะมากขึ้นด้วยซ้ำ แต่กับม่านเองก็เป็นคนที่พิเศษกับแบมแบมเช่นกัน แบมแบมรู้ว่าในความเป็นจริงมันคงจะไม่สมควรที่จะให้ใจใครไปมากกว่าหนึ่งคน แต่จะให้ถอนตัวออกมาจากคนใดคนหนึ่งโดยที่ทั้งสองก็ยังต้องการแบมแบมและแบมแบมก็รักทั้งสองมันคงเป็นไปไม่ได้ในตอนนี้ ในเมื่อมันเป็นมาอย่างนี้ตั้งแต่แรก คงยากที่จะตัดใครออกไปจากส่วนหนึ่งของจิตใจ
สำหรับแบมแบมแล้ว....ถ้าจะให้ตัดใจและทิ้งความรู้สึกจากใครไปสักคน มันคงเป็นวันที่ใครคนใดคนหนึ่งนั้นไม่ต้องการแบมแบมอีกต่อไปแล้วก็เท่านั้น
To Be Continued
#UnTwins93
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

บีบหัวใจทุกตอนเลยค่ะวิว
แง่งงงง สงสารทุกคนเลยอ้ะ
หมอกพยายามทำทุกอย่างเพื่อแยมยอมเจ็บยอมทุกๆอย่างอต่ม่านได้ทุกอย่างแต่เวลามีปัญหากลับทิ้งแบมไว้ให้อยู่ตามลำพังใจเรามันอ่อนแอ
#หมอกเราเชียร์เธอนะ
#ม่านเธอชอบเอาเปรียบคนอื่นอ่ะ
ปล.ม่านก็แซ่บไม่ยอมน้อยหน้าหมอกเลยนะคะ
เราจะสเตย์และเลย์มีดาวน์ข้างนายเอง ฮึกกก
#ทีมหมอก // อินมากค่ะ