คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : อัญชลี
ภาพในอดีตผุดขึ้นมาในใจของจอมเปิ่นทันที อดีตเมื่อครั้งตอนที่จอมเปิ่นอายุได้แค่เดือนเดียว
"ให้ชื่ออัญชลีนะพ่อ คุณอัญเธอมีบุญคุณกับเราเหลือเกินนะจ๊ะ"
น้ำใจอุ้มเด็กน้อยน่าตาน่าเกลียดอยู่ในอ้อมแขน โยกตัวไปมาเบา ๆ
"อืม..พ่อก็ว่าดีเหมือนกัน คุณอัญเธอดีกับเราแบบนั้น ลูกเราโตมาจะได้มีใจที่เป็นกุศล เป็นคนดีแบบคุณอัญเธอบ้างนะแม่"
รอนนี่มีความเห็นตรงกับภรรยาของตน พ่อของจอมเปิ่นนั้นเป็นลูกครึ่งแม่เป็นไทยอยู่ทางใต้ส่วนพ่อเค้านั้นเป็นคนจอแดนเป็นแขกขาว เพราะฉะนั้นไม่แปลกเลยที่จอมเปิ่นจะมีหน้าตาที่ไปทางฝั่งพ่อสะมากกว่าแม่
รอนนี่เข้ามาทำงานที่ประเทศไทยแต่ะธุรกิจที่ทำอยู่นั้นไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรเค้าจึงต้องเปลี่ยนงานไปเรื่อย ๆ จนได้มาอยู่และทำงานที่เชียงใหม่ รอนนี่มีความรู้ความสามารถทางด้านศิลป เค้าจึงเพ้นท์เสื้อขาย ไม่ก็วาดรูปขายตามแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆเงินที่ได้มาพออยู่ได้แบบพอเพียงเลยทีเดียว แล้วเค้าก็ได้มาเจอกับน้ำใจที่ทำงานอยู่ที่สันกำแพง เค้าบอกกับตัวเองว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เค้าหามานาน แล้วทั้งสองก็ได้แต่งงานกัน ทั้งสองเปิดร้านแกลอรี่เล็กๆที่ริมถนนไนท์บาร์ซาร์
ที่ทั้งสองมีร้านเล็ก ๆ นั้นได้ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากคุณอัญชลีหญิงสาววัย49ที่รอนนี่เคยช่วยเหลือตอนเธอโดนชกกระเป๋าที่ริมถนนแห่งหนึ่ง เธอจึงมีน้ำใจช่วยเหลือทั้งสองคนตลอดมา จนเมื่ออัญชลีต้องบินไปอยู่ต่างประเทศจึงได้ขาดการติดต่อกันไป จนกระทั้งเมื่อรอนนี่และน้ำใจได้ให้กำเนิดจอมเปิ่นออกมานั้น ทั้งสองจึงให้ชื่ออัญชลี
ชื่อเดียวกับผู้มีพระคุณกับครอบครัวของตน
7ปีต่อมาเมื่อทุกอย่างจะทำท่าไปได้สวย ร้านแกลอรี่ที่ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติ และคนไทยด้วยกันเอง ก็ต้องเปลี่ยนเจ้าของเพราะเนื่องมาจากว่าลูกสาวของคุณอัญชลีที่อยู่เมืองไทย อัจฉรา
ได้มาทวงเอาร้านแกลอรี่ไปเป็นของตน อัจฉราใช้ทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ได้ร้านมาเป็นของตน และวิธีที่อัจฉราใช้นั้นคือให้นักเลงสองสามคนมาทำลายเข้าของภายในร้าน จนเสียหายใช้การไม่ได้ แล้วยังให้นักเลงไปรุมทำร้ายรอนนี่อีกทาง จนทั้งรอนนี่และน้ำใจต้องยอมยกร้านให้ ทั้งสองได้พยายามแจ้งความแล้วแต่อัจฉรานั้นเส้นสายมากกว่า เรื่องเลยเงียบหายไป เหมือนพายุที่พัดหอบเอาความสุขของทั้งสองไป เด็กสาวโกรธแค้นอัจฉราและคุณอัญชลีมาก มากจนไม่ยอมให้ใครเรียกชื่อตนว่า อัญชลีอีกเลยตั้งแต่วันที่พ่อของตนถูกทำร้ายนั้น รอนนี่และน้ำใจพยามยามบอกลูกสาวแล้วว่าเหตุการที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับคุณอัญ แต่อัญชลีไม่ยอม รอนกับน้ำใจจึงเปลี่ยนชื่อให้ลูกสาวของตนใหม่เป็นจอมเปิ่น
เพราะความซุ่มซ่าม แล้วก็ชอบทำอะไรเปิ่น ๆอยู่ตลอดนั้นละ และดูเหมือนจอมเปิ่นก็ชอบและพอใจชื่อนี้เป็นที่สุด แล้วชื่ออัญชลีก็หายไปราวกับพายุที่หอบพัดเอาความสุขของหญิงสาวไปตั้งแต่วันนั้นจนถึง ณ ปัจจุบันนี้ หลังจากที่เกิดเรื่องได้ 2ปี พ่อของจอมเปิ่นก็เสียชีวิตไปเพราะโรคร้ายที่เกิดจากการถูกทำร้ายครั้งนั้น จอมเปิ่นกับแม่เลยต้องดิ้นรนทำมาหากินกันแบบพอมีกินไปวัน ๆ น้ำใจพร่ำบอกลูกสาวอยู่ตลอดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณอัญของแม่เลย สอนไม่ให้จอมเปิ่นเจ้าคิดเจ้าแค้น จอมเปิ่นยอมทำตามเพื่อความสบายใจของผู้เป็นแม่มาตลอดจนกระทั้งต้องมาอยู่กับป้าหนอมที่กรุงเทพ
จอมเปิ่นบอกชื่อจริงของตนออกไปแล้ว มฤเคนทร์แค่หยุดฟังแค่แป๊บเดียวจึงก้าวออกนอกห้องไปจอมเปิ่นถอนใจให้กับตัวเองดังๆ
"เฮ้อ...อัญชลี...คุณอัญ...คุณไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวร้าย ๆนั้นจริงเหรอ......เฮ้อ"
สิ้นเสียงถอนหายใจจอมเปิ่นรีบลุกขึ้นยืน ลืมไปว่าปวดหลังอยู่ เมื่อลุกขึ้นเต็มความสูงนั้นแหละจึงได้รู้สึกปวดเมื่อยอีกครั้ง
"อู้ย...รีบทำงานให้เสร็จดีกว่าเรา เวลายิ่งน้อย ๆอยู่...อู้ย"
จอมเปิ่นเดินกระเพก ๆ ไปทำความสะอาดภายในห้อง ทำมุมเตียงนอนเสร็จก็เดินมาทำตรงโต๊ะทำงานต่อเสร็จจากโต๊ะทำงาน กำลังจะเข้าไปทำในห้องน้ำต่อ ลำใยก็โผล่เข้ามาพอดี
"เฮ้อ.."จอมเปิ่นลอบถอนใจเพราะนึกว่าคนที่เข้ามาจะเป็นนายใหญ่
"นี่ข้าเข้ามาเอ็งถึงขนาดถอนใจเลยหรือ เป็นอะไรของเอ็งนะ"
ลำใยถามขึ้น
"เปล่าหรอกพี่ลำใย แล้วนี่พี่ทำข้างนอกเสร็จแล้วเหรอ เร็วจริงแฮะ"
"ยังไม่เสร็จหรอก แต่นายใหญ่ท่านให้ข้าเข้ามาช่วยเอ็งทำห้องท่านก่อนนะ เห็นบอกว่าเอ็งหกล้มที่ห้องน้ำ คงทำคนเดียวไม่ไหว เอ็งนี่มันซุ่มซ่ามจริง ๆเล้ย ระวัง ๆซะบ้างซิ ไม่ใช่นึกจะเดินก็เดิน นึกจะวิ่ง ก็วิ่ง"
"จ้า ๆ ฉันจะระวัง นี่พี่ลำใยจะช่วยฉันทำงานหรือว่าจะมาบ่นฉันจ๊ะ"
จอมเปิ่นพูดไปทำหน้าทำตาเหมือนล้อเลียนลำใยไปด้วย
"หาว่าข้าบ่นเหรอ เดี๋ยวเถอะนะ มาเลยเอ็งออกมาทำข้างนอกนี่ให้เสร็จๆ เดี่ยวข้าล้างห้องน้ำเอง เจ็บแบบนั้นแล้วยังจะล้างเองอีก เดี่ยวก็ได้ล้มหัวฝาดพื้นไปอีกหรอก"
ลำใยเดินเข้ามาอยู่ในห้องน้ำแทนที่จอมเปิ่น แล้วผลักจอมเปิ่นให้ออกมาทำภายในห้องต่อให้เสร็จ จอมเปิ่นเดินออกมาพร้อมกับส่ายหน้าช้า ๆ ที่ลำใยบ่นตน ไม่หยุด แล้วลำใยก็ปิดประตูห้องน้ำทำงานในหน้าที่ของตน จอมเปิ่นเดินมาทำความสะอาดห้องที่เหลือจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลำใยจึงเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ และพอดีกับที่มฤเคนทร์เดินเข้ามาภายในห้องพอดี เค้าเข้ามาหยุดยืนอยู่กลางห้องสายตามองไปรอบ ๆห้องแล้วพยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้น
"ดี..สะอาดดีมาก ลำใยเธอไปทำงานของเธอต่อให้เสร็จก่อน ส่วนเธออยู่ก่อน"
"ค่ะ" ลำใยตอบออกมาแค่นั้นแล้วเดินออกไปนอกห้องทันที
จอมเปิ่นนั่งคุกเข่า ก้มหน้ามองมือตัวเองที่พสานกันอยู่ที่ตักตอนนี้ นายใหญ่เดินไปนั่งที่โต๊ะที่งานของเค้า เค้าหยิบงานบนโต๊ะของเค้าขึ้นมาตรวจดูอยู่เป็นนานโดยปล่อยให้จอมเปิ่นนั่งคุกเข่าอยู่แบบนั้น หญิงสาวรู้สึกว่าเริ่มเมื่อยและขาเริ่มจะชาแล้วจึงเปลี่ยนท่านั่งมาเป็นนั่งพับเพียบแทน มือก็บีบขาข้างที่ชาอยู่แบบนั้น จอมเปิ่นนึกอยากถามว่ามีอะไรกับตนกันแน่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่กล้าถามสักที แล้วเสียงของนายใหญ่ก็ดังขึ้น
"นั่งอยู่ทำไม ทำไมไม่บอกชื่อจริงเธอออกมาละ"
"อ้าว..แต่ดิฉันบอกไปแล้วนี่ค่ะ"
จอมเปิ่นตอบออกไปแบบงง ๆ
"ฉันถามเธอตอนนั้นเหรอ ถ้าจำไม่ผิดฉันบอกกับเธอว่าฉันจะขึ้นมาถามเธอเมื่อเธอทำงานเสร็จ ใช่ไหม เพราะฉะนั้นฉันถือว่าฉันไม่ได้ยินที่เธอบอกไปแล้ว"
"เออ..แต่ว่า....."
"จะมาเออ มาแต่อะไร เธอก็แค่บอกชื่อจริงออกมา แล้วจะไปทำอะไรต่อก็เชิญ"
นายใหญ่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะหงุดหงิดขึ้น
"ค่ะ ดิฉันผิดเองที่บอกออกไปโดยที่ท่านยังไม่ได้ถาม ดิฉันขอโทษค่ะ ดิฉันชื่ออัญชลี...เรียบร้อยแล้ว ดิฉันขอตัวเลยนะค่ะ ยังมีงานให้ทำอีกมากที่ห้องครัวค่ะ"
ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดอะไร จอมเปิ่นก็เดินออกไปแล้ว เค้าแค่มองร่างบางนั้นก้าวออกนอกห้องไปราวกับว่าจะกลัวเค้าเรียกกลับเข้าไปอีก ยิ้มน้อย ๆผุดขึ้นที่มุมปากของเค้า พร้อมกับกับคำพูดที่เบาเป็นกระซิบกับตัวเอง
"ร้ายนักนะ อัญชลี"
ความคิดเห็น