ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Harry Potter] Until You (OC)

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro : จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 63


    "พี่ไปแล้วนะพริ้นซ์ เดี๋ยวช่วงคริสต์มาสจะกลับมานะ แล้วก็จะไม่ลืมเขียนจดหมายมาหาน้องด้วยนะครับ โอเครไหมครับ?" ชายคนหนึ่งที่กำลังสนทนากับบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องของตนได้อ่อนโยนเหลือเกิน ต่างจากตอนที่อยู่ฮอกวอตส์ลิบลับ

    "ครับท่านพี่ ปีสองแล้วนะครับอีกปีเดียวน้องก็จะตามไปแล้วนะ จะสิบเอ็ดโมงแล้ว เดินทางปลอดภัยนะครับ อีกอย่างเลิกทำตัวเป็นพวกบราค่อนเถอะครับ ได้ข่าวมาว่าที่โรงเรียนตัวเองทำตัวเป็นคุณชายสุดแสนจะเพอร์เฟ็คไม่ใช่หรอครับ555" ถึงจะเป็นครั้งที่สองแล้วที่ได้ส่งพี่ชายของตนไปโรงเรียน แต่ก็ไม่สามารถทำใจให้คุ้นชินได้ เพราะว่าในช่วงชีวิตนี้ตนนั้นคอยมีพี่ชายอยู่ข้างๆเสมอ ถึงจะพูดแบบนั้นออกไปแต่ ทุกคนในครอบครัวก็รู้ว่าผมแค่แซวเล่นๆเพียงเท่านั้น

    "อย่าทำหน้านิ่งขนาดนั้นสิโทนี่ เดี๋ยวพี่ของเราก็ไม่อยากไปโรงเรียนเพราะเศร้าใจที่น้องชายตัวเองเย็นชาหรอก ดูแลสุขภาพด้วยนะลูก เดี๋ยวพ่อจะส่งจดหมายไปหาบ่อยๆ เอาล่ะโชคดีนะ" หลังจากที่ผู้เป็นพ่อได้เอ่ยคำบอกลาครั้งสุดท้าย คนเป็นพี่ก็ต้องขึ้นรถไฟไปเสียแล้ว

    "ท่านพ่อครับ นั่นคุณพอตเตอร์นี่ครับ ดูเหมือนกำลังหนีนักข่าวเลยนะครับ5555" สถานการณ์ข้างหน้านั้นดูชุลมุนยังไงชอบกล เห็นว่าคุณพอตเตอร์ที่มาวันนี้เพราะว่ามาส่งลูกชายคนโตขึ้นปีสองสินะ ช่างเหอะมันไม่เกี่ยวกับเราเสียหน่อย

    "ช่างเหอะลูก เราไปโรงพยาบาลกันดีกว่ารีบไปฟังผลวินิจฉัยรอบสุดท้าย แล้วจะได้ไปหาคุณปู่คุณย่ากัน" ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้วสินะ วันที่ผมจะได้หายจากโรคบ้าๆนี่

    "แล้วเราจะไปอเมริกาก่อนแล้วค่อยกลับมาอังกฤษหรอครับ มันไม่เสียเวลาหรอครับ" คือพ่อครับผมขี้เกียจใช้ผงฟลูครับ ใช้ทีไรจะอ้วกทุกที

    "พ่อต้องขอโทษด้วยนะลูก เราจะต้องเดินทางโดยผงฟลูที่รักยิ่งของลูกยังไงล่ะ ได้เวลาแล้วไปกันเหอะ" ม่ายยยยยยย ผมเกลียดผงฟลู!!

    ...................................................................................

    "คือท่านพ่อครับ ผมถามจริงๆนะทำไมไม่ส่งผมไปเซนต์มังโกล่ะครับ ท่านแม่ก็ทำงานอยู่ที่นั้นโรคของผมที่นั้นก็จะรักษาหายนะครับ" ใช่ครับสาเหตุที่ท่านแม่ผมไม่มาส่งท่านพี่เพราะว่าแม่ผมเป็นผู้บำบัดอยู่ที่เซนต์มังโกเองครับ

    "ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกลูก เพราะว่าโรคของลูกมีแต่พวกโนเมจ (โนเมจ=มักเกิ้ลค่ะ เป็นคำที่พวกพ่อมดแม่มดในอเมริกาใช้เรียกกัน) รักษาได้ตอนนี้เท่านั้น เอาล่ะถึงโรงพยาบาลแล้วเดี๋ยวพ่อไปเอาคิวก่อนนะลูก นั่งรออยู่ตรงนี้ก็แล้วกันนะ"

    ระหว่างรอท่านพ่อเรามาแนะนำตัวกันดีกว่า ผมชื่อ แอนโทนี่ พริ้นซ์ ไซม่อน ครับ แล้วก็มีพี่ชายคนหนึ่งที่ผมพึ่งไปส่งนั้นแหละครับ ชื่อว่า ออสติน คิง ไซม่อน ทุกคนอย่าพึ่งหมั่นไส้ชื่อกลางพวกผมกันนะครับ55 สาเหตุที่พวกผมนั้นมีชื่อกลางที่จะเหมือนบอกว่าเป็นลูกขุนนางสมัยก่อน และคำตอบก็คือใช่แล้วครับ พ่อของผมนั้น หรือที่ทุกคนในโลกเวทย์มนต์รู้จักกันที่มีชื่อว่า แมคโลริค แพลอิซ ไซม่อน เป็นลูกของชนชั้นสูงสมัยก่อนนั้นเองครับ

    ต้นตระกูลของท่านปู่นั้นสืบเชื่อสายมาจากราชวงศ์ทางเวลส์ และด้วยความที่ทุกคนในตระกูลเป็นผู้มีเวทย์มนต์ ทำให้ทางต้นตระกูลได้หลีกหนีจากราชวงศ์นั้นเอง และโชคดีหน่อยที่เขาไม่เอาตระกูลเราออกจากราชวงศ์น่ะนะ555 ถึงแม้จะเอาออกทางท่านปู่ก็ไม่ค่อยสนใจเสียเท่าไหร่หรอก

    ที่ท่านพ่อนั้นเป็นที่รู้จักของโลกเวทย์มนต์ ก็คงเพราะอดีตนั้นท่านพ่อเป็นมือปราบมารอันดับหนึ่ง ที่เคยเทียบเคียงแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้กระมั้ง อีกอย่างท่านพ่อนั้นอายุอ่อนกว่าคุณพอตเตอร์หลายปีเชียวล่ะ เหตุที่ระบุว่าอดีตนั้นก็เพราะว่าตอนนี้ท่านพ่อได้ออกจากการเป็นมือปราบมารแล้วครับ แล้วผันตัวมาเป็นหัวหน้าควบคุมความสัมพันธ์ของโลกเวทย์มนต์ และได้ทำธุรกิจของโลกโนเมจ อย่างโรงพยาบาลแห่งนี้อย่างไรไงครับ

    สาเหตุที่ท่านพ่อผันตัวมาทำงานที่ไม่ค่อยเสี่ยงต่อชีวิตก็เพราะว่า ท่านพ่อได้มาแต่งงานกันท่านแม่ซึ่งเป็นชาวเอเชีย ก็นี่แหละครับทำให้ผมออกไปทางเอเชียนิดหน่อย จริงๆไม่นิดแหละครับเค้าเรียกว่าตี๋เลยแหละ555 เอาล่ะท่านแม่มีชื่อว่า ลี อินฮยอน ครับเป็นคนเกาหลีแท้แถมเป็นเลือดบริสุทธิ์ด้วย โชคดีของพวกผมมากเลนครัยที่ทั้งสองตระกูลไม่ได้เกลียดโนเมจ

    ท่านพ่อกับท่านแม่นั้นเจอกันที่ฮอกวอตส์ครับ ท่านพ่ออยู่บ้านสลิธีรีน ส่วนท่านแม่เป็นเด็กแลกเปลี่ยนจากมาโฮโทะโคะโระครับ เริ่มแรกครอบครัวผมนั้นอาศัยอยู่ที่อังกฤษครับ แต่เพราะว่าโรคของผมนั้นทำให้พวกเราต้องย้ายไปที่อเมริกา เนื่องจากสภาพเเวดล้อมของที่นั้นเหมาะแก่การรักษาอาการของผมเสียมากกว่า

    "โทนี่ถึงคิวเราแล้วลูก ไปกันเถอะ" ได้เวลาที่ผมจะไปรู้อาการของผมครั้งสุดท้ายแล้วสินะตื่นเต้นชะมัด

    "สวัสดีครับคุณหมอ อาการของลูกผมเป็นอย่างไรบ้างหรอครับ"

    "จริงๆผอ.ไม่ต้องสุภาพกับผมขนาดนั้นก็ได้นะครับ ส่วนอาการของโทนี่นั้นถือว่าเซลล์มะเร็งได้หายไปเกือบหมดแล้วครับ ผลตรวจปกติ แล้วนะครับแต่ว่าเรายังมั้นใจไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องนั้นมาทุก3-6เดือน อย่างน้อย 5 ปี จึงจะถือว่าหายขาดจากโรค เพราะโอกาสกลับเป็นซ้ำจะลดลงเมื่อเวลานานขึ้น แล้วก็ทานอาหารที่มีประโยชน์เยอะๆนะครับ แถมโทนี่มีอาการแพ้อาหารด้วยก็ระวังอาหารที่ทานด้วยนะครับ งั้นอีกสามเดือนผมจะนัดมาเจาะเลือดอีกนะครับ เอาล่ะครับแค่นี้แหละครับเดินทางปลอดภัยนะครับ"

    ในที่สุดโรคของผมก็ใกล้จะหายเสียที โรคที่ผมเป็นนั้นก็คือลูคีเมียหรือมะเร็งเม็ดเลือดขาวนั้นเอง ซึ่งโรคของผมเนี่ยแหละทำให้ครอบครัวของผมต้องย้ายมาที่นี่ เพื่อที่จะมาทำการรักษาเคมีบำบัดง่ายขึ้น เหตุที่ไม่ทำอยู่อังกฤษก็เพราะสภาพแวดล้อมนั้นอันตรายเกินไป แถมช่วงที่ผมยังเด็กตอนนั้นอากาศไม่ค่อยดี ซึ่งเป็นผลเสียต่อการรักษาอาการของผมด้วย

    "ขอบคุณนะครับคุณหมอ ท่านพ่อครับกลับกันเถอะ" หลังจากที่สองพ่อลูกได้ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนั้น ก็ใช้เครือข่ายผงฟลูโดยต่อไปยังคฤหาสน์ของท่านปู่โดยตรงเลย

    ...................................................................................

    "ท่านปู่ ท่านย่าครับ สวัสดีครับไม่เจอกันตั้งนานนะครับ พริ้นซ์คิดถึงท่านทั้งสองจังเลย" พอกล่าวคำทักทายตามปกติ หลังจากนนั้นก็พุ่งเข้าไปกระโดดท่านที่เป็นที่รักทั้งสอง และที่สำคัญผมแทนตัวเองว่าพริ้นซ์เฉพาะที่บ้านนั้นแหละครับ

    "ไม่เจอกันตั้งนานเลยนะหลานปู่ อาการของเราเป็นอย่าไรบ้างล่ะ ส่วนเจ้าคิงก็คงไปเรียนแล้วสินะ" ถึงใจคุณปู่ของผมนั้นอยากย้านไปอเมริกาตามพวกผมก็เถอะ แต่ว่ายังมีงานที่ปู่ไม่สามารถหลีกหนีได้ก็เลยต้องอยู่ที่อังกฤษ

    "ใกล้หายแล้วครับเหลือแค่ไปตรวจเป็นระยะอีกห้าปี ส่วนพี่คิงก็ไปเรียนแล้วครับ พวกผมพึ่งไปส่งเอง"

    "งั้นหลานไปเล่นกับย่าก่อนนะ เดี๋ยวปู่ขอคุยกับพ่อก่อน" จะคุยเรื่องอะไรกันนะ ทำไมทำหน้าตาเคร่งครียดจัง

    "ครับ ท่านย่าไปกัยเถอะผมมีเรื่องมาเล่าให้ท่านย่าฟังเยอะแยะเลย"

    "เอาล่ะ แพลอิซ เรื่องที่พ่อจะมาคุยก็คือทางเบื่องบนต้องการครอบครัวเจ้ากลับมาที่อังกฤษได้แล้ว เพราะว่าดูเหมือนต้องการคอยจับสังเกตุเราแล้วล่ะนะ"

    "แต่ท่านพ่อครับ ผมแต่งงานกับอินฮยอนที่เป็นชาวเอเชียแล้วนะครับ ถาผมจำไม่ผิดพวกเขาแอนตี้ชาวเอเชียจะตายไป" นั้นแหละครับอีกสาเหตุที่ทำให้พวกผมต้องย้ายไปอเมริกา ก็เพราะว่าทางเบื้องบนนั้นขับไล่พวกผมออกไปเนื่องจากพ่อผมได้แต่งงานกับชนผิวเหลืองนั้นเอง

    "เรื่องนั้นมันก็จริงอยู่หรอก แต่ทำไงได้ทางนั้นต้องการฐานของตระกูลเก่าแก่อย่างเรา ดูเหมือนทางนั้นไม่ต้องการแฉความเน่าเฟะของการปกครองล่ะมั้ง ตอนนี้ชั้นปวดหัวไปหมดแล้วทั้งฝั่งพวกนั้นแล้วก็ฝั่งเวทมนต์นั้นอีก ฉันก็บอกแล้วว่าไม่อยากเป็นนายกกระทรวงเวทย์มนต์ ทำไมไม่ให้เกรนเจอร์เป็นไปก็จบเรื่อง มาขอคนแก่ๆอย่างชั้นทำไมก็ไม่รู้ น่ารำคาญเป็นบ้า"

    "555 ท่านพ่ออย่าลืมนะครับว่ารุ่นพี่เกรนเจอร์นั้นเป็นมักเกิ้ล ถึงตอนนี้จะยุคใหม่แล้วก็ตามแต่ยังไงก็มีพวกคนหัวโบราณอยู่อย่างไรก็ตามที่รุ่นพี่แต่งงานกับรุ่นพี่วิสลีย์ ก็ยังไม่เข้าหัวพวกโบราณอยู่ดีครับ"

    "นั้นแหละที่ฉันเครียดอยู่ ก็คงต้องรับตำแหน่งมาก่อนแล้วค่อยให้เกรนเจอร์มาสืบทอดต่อก็แล้วกัน แถมฉันจะได้จัดการกฎหมายบางอย่างด้วย แล้วแกไม่สนใจจะลองมานั่งตำแหน่งนี้ดูแหละ"

    "ขอปฎิเสธดีกว่าครับ แค่ตอนนี้ผมทำพวกธุรกิจของผมเองกับของตระกูลผมก็หัวหมุนจะแน่แล้ว อ้าวลูกทำไมคุยกับย่าเร็วจังล่ะครับ" ทั้งสองพ่อลูก ต่างสงสัยคนที่อายุน้อยที่สุดในบริเวณนี้ เพราะว่าไม่ค่อยบ่อยนักที่คนเป็นหลานจะคุยกับย่าสั้นขนาดนี้ ด้วยความที่เเอนโทนี่เป็นโรคนั้นด้วยแหละ ทำให้ไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นคนอัธยาศัยดี ช่างพูดช่างคุย แต่ก็มีเล่ห์เหลี่ยมมากกว่าคุณเป็นพ่ออีก555

    "อ๋อเพราะว่าผมลืมไปว่านัดเพื่อนผมอยู่อเมริกาไว้นะครับ อีกอย่างวันนี้เป็นวันที่ทางกระทรวงจะส่งจดหมายแจ้งว่าผมผ่านมาสเตอร์ดีกรีปรุงยาหรือเปล่าน่ะครับ"

    "หืมหลานแอบไปสอบตอนไหน โดยไม่ผ่านใต้จมูกปู่ไปได้ล่ะเนี่ย แล้วเราใช้อะไรยื่นไปแหละ อีกอย่างไม่ใช่ว่าจะสอบแค่ด้านเดียวหรอกนะ"

    "555แน่นอนครับท่านปู่ ผมมีแพลนจะสอบด้านคาถาเวทย์มนต์กับสมุนไพรศาสตร์ในปีหน้าครับ ส่วนผมไปแอบสอบมาได้อย่างไรก็ต้องหลานท่านปู่เป็นคนช่วยอยู่แล้วครับ น้ำยาที่ผมส่งไปก็คือ น้ำยาแก้อาการสควิป กับ น้ำยาแก้การเป็นมนุษย์หมาป่าครับ"

    "...... เมอร์ลิน ทำไมหลานเป็นคนเก่งอย่างนี้ น้ำยาแก้สควิปอย่างงั้นรึ ถ้ามันเป็นจริงหลานจะเป็นคนพลิกประวัติศาสตร์และถูกจารึกอย่างแน่นอน เก่งมากหลานเจ้าทำให้สควิปที่ถูกดูถูกหลับมายืนในสังคมอีกครั้ง และสามารถทำให้มนุษย์หมาป่าพ้นจากความทรมาณนี้เสียที ปู่ขอยินดีด้วยนะ"

    "ต้องรอดูนั้นแหละครับท่านปู่ว่ายาที่ผมส่งไปนั้น จะเกิดผลหรือเปล่า ท่านพ่อครับได้เวลาไปแล้วนะครับ ใกล้ถึงเวลานัดของผมแล้วนะ"

    "อืม ไปกัน"

    ...................................................................................

    คฤหาสน์ไซม่อน ณ อเมริกา

    "ไงพวกมารอกันแล้วหรอ ทำไมพวกนายรีบกันจัง"

    "ก็เเหม่ โทนี่ พวกเราก็ต้องมาลุ้นผลการสอบของเพื่อนเราสิ เนอะ โจชัวร์ " คนอย่าง มาร์คัส แบล็คเนี่ยนะมารอลุ้นผลสอบของผม ฝันไปเถอะถึงเอาเมอร์ลินมาอ้างผมก็ไม่เชื่อ

    "ขอร้องล่ะนะมาร์คัส ผมว่าที่นายรีบมาหาโทนี่ไม่ใช่เพราะอยากมาฟังผลสอบ แต่ว่าที่มาก็เพราะคุณอาเอริคอยากให้นายไปเรียนภาษาฝรั่งเศสแล้วนายไม่อยากเรียนเลยเอาโทนี่มาอ้างเสียมากกว่ามั้ง" ใช่แล้วพ่อของมาร์คัสนั้น คือคุณอา เอริค แบล็ค คุณอานั้นเป็นแบล็คคนสุดท้ายที่เหลือรอดมากหลังจากการตายของซีเรียส แบล็ค แต่ว่าในโลกเวทย์มนต์นั้นไม่มีใครทราบเกี่ยวกับตัวตนของเอริค แบล็ค คนนี้เลย

    "อย่ามาแฉชั้นสิ โจชัวร์ ก๊อนท์!! นายเองก็ไม่ต่างจากฉันมากหรอก ได้ข่าวมาว่าคุณลุงโลแกน ก็กำลังหาครูสอนหลักสูตรปีสามให้นายอยู่ไม่ใช่หรอจ้ะ นายเองก็หนีมาเหมือนฉันนั้นแหละ"

    "พอเถอะครับทั้งสองคน ผมว่าทุกคนก็ไม่ต่างกันหรอกไม่งั้นจะคบกันเป็นเพื่อนได้อย่างไร แต่ขอยกเว้นโทนี่ไว้คนนึง รายนั้นเป็นอัจฉริยะแล้ว ไม่ต้องเรียนแบบพวกเราหรอก" มินาซากิ เรียวตะ ผู้เป็นคนเอเชียคนเดียวของกลุ่มได้กล่าวไว้

    "ไม่ต้องมายอผมมากหรอกครับเรียวตะ ผมแค่ว่างงานขณะรักษาตัวเฉยๆ ครับ ว่าแต่นั้นมันจดหมายหนิ" หลังจากที่ได้คุยหอมปากหอมคอก็ได้เวลาทราบผลแล้วสินะ

    "ไหนๆดูด้วยสิ ว้าว ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับคุณแอนโทนี่ พริ้นซ์ ไซม่อน ที่ตอนนี้คุณเป็นมาสเตอร์ดีกรีด้านปรุงยาแล้วครับ กระผมเอริคคนนี้ขอคาราวะสามจอก" ใช่แล้วล่ะตอนนี้โทนี่นั้นได้เป็นมาสเตอร์ด้านปรุงยาแล้ว ตอนนี้ก็คงศึกษาต่อเกี่ยวกับคถา แล้วก็สมุนไพรก็แล้วกัน

    "ผมว่านายควรเลิกดูซีรีย์จีนเถอะครับ เอาคำพูดว่าคาราวะสามจอกมาพูดกับหน้าอเมริกันอย่างนายแล้วขัดมู้ดชะมัด" เห็ด้วยอย่างสุดซึ้งเลยครับ โจชัวร์

    "ว่าแต่อีกแค่ปีเดียวแล้วนะที่จะ11ปี พวกนายจะเข้าที่ไหนกัน" เอริคเป็นคนกล่าวเป็นบทสนทนาเรื่องใหม่

    "ก็คงฮอกวอตส์ตามพี่ออสตินล่ะมั้ง รายนั้นอยากให้ผมรีบไปเรียนจะแย่"

    "ยังเป็นพี่ติดน้องอยู่เลยนะครับ ผมคิดว่าถ้าโทนี่ไปทุกคนก็คงไปเหมือนกันนั้นแหละครับ" หลังจากที่เรียวตะพูดจบอีกสองคนที่เหลือก็พยักหน้าตอบ

    "ว่าแต่พวกนายคิดว่าพวกเราจะอยู่บ้านไหนกันหรอ ส่วนฉันคิดว่าฉันได้ไปอยู่บ้านกริฟฟินดอร์ แน่นอน" เอริคเป็นคนที่น่าจะเป็นคนเดียวที่ทายบ้านได้ง่ายที่สุดในที่นี้แล้วล่ะนะ

    "เห็นด้วยอย่างที่สุดเลยล่ะเอริค ส่วนฉันคิดว่าฉันได้ฮัฟเฟิลพัฟ ส่วนนายโจชัวร์ไปเลยเรเวนคลอ แล้วก็โทนี่นายอยู่สลิธีรีนอย่างแน่นอน ถึงนายจะฉลาดที่สุดในกลุ่มเรา แต่ความเจ้าเล่ห์มันก็แปรผันตรงกับความรู้นายด้วย เพราะฉะนั้นพ่อหมอเรียวตะคนนี้ขอฟังธงว่าพวกนายต้องอยู่ตามบ้านที่ฉันบอกอย่างแน่นอน"

    "หืม ไม่แน่นะเรียวตะคุงผมอาจจะอยู่บ้านอื่นที่ไม่ใช่สลิธีรีนก็ได้ ผมน่ะออกจะเป็นคนดีไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเลยนะครับ ความรู้ผมตอนนี้ก็น้อยนิด มัรจะไปแปรผันตรงกับความเจ้าเล่ห์ได้อย่างไรกัน เนอะจริงไหม?"

    "คำพูดอย่างนั้นแหละที่โคตรไม่น่าเชื่อใจเลยว่ะ/ครับ/เฮ้ย" นั้นแหละทำให้ทุกคนในห้องต่างหัวเราะกับบทสนทนาที่เกิดขึ้น 

    ...................................................................................

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×