คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นของค่ำคืนแห่งความมืดมิด แสงไฟภายในบ้านทุกหลังที่เคยเปิดให้ความสว่างบัดนี้ได้ค่อยๆทยอยดับกันไปทีละดวงสองดวง ผ้าม่านสีขาวสะอาดตาตรงหน้าต่างปลิวพลิ้วไสวไปมาอย่างสวยงามท่ามกลางสายลมที่พัดผ่านเข้ามาสัมผัสผิวกาย มันทำให้ฉันต้องกระชับผ้าห่มในมือแน่นขึ้นพลางหลับตาลง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังมาจากข้างล่าง ให้ตาย! ใครโทรมาฟระ
“สวัสดีค่ะ”ฉันกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์พลางขยี้ตาอย่างสะลึมสะลือ
“เพทาย นี่แม่เองนะ”
“แม่งั้นหรอ โทรมาทำไมดึกดื่นป่านนี้ล่ะคะ หนูจะหลับอยู่แล้วเชียว”
“เพทายลูกรัก ฟังแม่นะลูก อย่าออกไปไหนตอนกลางคืนอีกเด็ดขาด”
เสียงแม่บอกกลับมาอย่างเคร่งเครียด และมันก็ทำให้ฉันต้องแปลกใจ
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
“ตอนนี้ลูกยังออกไปไหนมาไหนอยู่รึเปล่า”
“คะ? ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะ แม่ก็รู้ว่าหนูชอบที่ออกไปไหนมาไหนอย่างอิสระ”
“ทาย ฟังนะลูก ลูกกำลังจะเจอปัญหาครั้งใหญ่ถ้าลูกถอดจิตออกไปอีกตอนนี้ ลูกจะต้องเจอเหตุการณ์สับสนวุ่นวาย ซึ่งแม่ไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น”
เสียงของแม่เอ่ยออกมาตามปลายสายอย่างเป็นห่วง แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
“เชื่อแม่นะ อย่าถอดดวงจิตอีก”
“ค่ะๆๆ แล้วหนูจะเชื่อแม่ แค่นี้นะคะ”
ฉันวางหูโทรศัพท์อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้ฟังเสียงตอบกลับของแม่ แล้วเดินกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้งอย่างไม่ใส่ใจ
สวัสดีค่ะ อาจจะบอกช้าไปหน่อยแต่มายเนมสุดเพราะพริ้งของฉันคือ เพทาย ต้นมนต์สวรรค์ คุณอาจจะงงเรื่องที่แม่บอกกับฉันเกี่ยวกับการถอดจิต แต่ไม่เป็นไร ฉันจะทำให้คุณๆทั้งหลายหายข้องใจเดี๋ยวนี้แหละค่า... อะแฮ่มๆ...ตระกูลของฉันได้รับการบอกเล่ามายาวนานเกี่ยวกับการที่ลูกผู้หญิงของบ้านจะได้รับพรวิเศษจากพระเจ้า ซึ่งฉันก็คิดว่ามันอาจจะดูโม้ไปสักหน่อย แต่คุณต้องเชื่อ เพราะฉันก็ได้เจอกับตัวของฉันเองเหมือนกัน เริ่มจากแม่ของฉันที่มักจะชอบมีลางสังหรณ์แปลกๆ คุณคงจะไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมแม่ต้องห้ามฉันเกี่ยวกับเรื่องการถอดดวงจิต นั่นก็เพราะลางสังหรณ์ของแม่อีกนั่นแหละ และเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นทุกครั้งเวลาที่แม่ฉันเอ่ยลางสังหรณ์แบบนี้กับใคร มันไม่น่าเชื่อใช่มั้ยล่ะ ส่วนฉัน...ฮิฮิ คุณคงจะพอเดาออกแล้วว่าฉันมีความสามารถในการถอดดวงจิต และฉันก็ถอดดวงจิตออกมาแทบทุกครั้งเมื่อตอนที่ตัวเองหลับ ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม รู้แต่ว่ามันรู้สึกสบายและวิเศษมาก ฉันชอบที่จะออกจากร่าง ออกไปในสถานที่ๆไม่รู้จัก และกลับเข้าร่างเมื่อตอนรุ่งสาง ฉันทำแบบนี้ประจำจนมันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปโดยปริยาย
“เพทาย ใครโทรมา”
เสียงของน้องชายตัวแสบที่อายุเพียงแค่สิบสามแต่กลับไม่เคยเรียกฉันว่าพี่เลยสักครั้งตะโกนถามจากบันได ให้ตาย! ทำไมไอ้เด็กนี่ต้องเกิดมาเป็นน้องชายฉันกันนะ
“พายอาร์ ใครสั่งให้แกตื่นลงมามิทราบ”
ฉันยืนเท้าสะเอวแล้วมองหน้าน้องชายตัวดีอย่างหาเรื่อง ใช่! ฉันกับมันไม่เคยมีวันไหนเลยที่จะไม่ทะเลาะกัน แถมไอชื่อที่แปลกๆแบบนี้อีก สงสัยตอนที่แม่คลอดมันออกมาคงหวังจะให้เป็นนักคณิตศาสตร์ เฮอะ พายอาร์ แสควรูทกำลังสองบวกอีกหนึ่งเป็นสิบ บ้าชัดๆ
“พอดีว่าฉันเองก็มีหูมีรูมีตูด จะให้ไม่ได้ยินอะไรเลยมันก็คงจะไม่ได้”
พายอาร์พูดพลางกอดอกแบบผู้ใหญ่ ซึ่งมันไม่ค่อยจะเข้าท่ากับใบหน้าหวานๆนั่นเลย เห็นแล้วฉันอยากจะกระโดดถีบหน้ามันชะมัด=_=^^
“ไอ้เด็กแก่แดด ฉันจะถอดจิตมาบีบคอแกตอนนอนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย!”
ฉันชี้หน้าพายอาร์อย่างเอาเรื่อง
“ตายแล้ว หน้ากลัวจัง แล้วฉันจะสั่งให้ยมทูตมาจับเธอ!”
พายอาร์พูดทิ้งไว้แค่นั้นแล้วเดินจากไป กรี๊ดดดดดดดด ไอ้น้องบ้า นี่แกจะกวนประสาทฉันไปถึงไหน คอยดูนะ!สักวันแกจะต้องลงมาอ้อนวอนพี่สาวคนนี้แทบเท้า ชิส์
ฉันกลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง พลางนึกถึงใบหน้าของผู้เป็นพ่อแม่ บ้านอันใหญ่โตหลังนี้ฉันอาศัยอยู่กับพายอาร์แค่สองคนเท่านั้น ส่วนพ่อกับแม่ฉันตอนนี้ทำงานอยู่ที่อเมริกา พวกเขาส่งเงินมาให้เราใช้ทุกเดือนไม่ต่ำกว่าแสนบาท ซึ่งมันมากเกินไปสำหรับฉันแต่สำหรับไอ้น้องชายตัวแสบมันไม่ใช่ หมอนั่นใช้เงินพวกนั้นไปกับเกมต่างๆมากมาย ซึ่งมันหน้าโมโหมาก ฉันเคยว่ามันเรื่องนี้หลายต่อหลายครั้ง แต่มันกลับตอบมาด้วยสีหน้าสบายใจว่า
“ขอโทษนะ เงินแม่ไม่ใช่เงินเธอ อย่าสอด!”
กรี๊ดๆๆๆๆๆ คิดแล้วอยากกระโดดถีบปากหมาๆของมันสักป้าบสองป้าบ
ฉันกระชับผ้าห่มในมืออีกครั้งเพราะอากาศภายนอกที่หนาวเหน็บก่อนจะค่อยๆหลับตาพลางคำพูดของแม่มันก็แล่นเข้ามาในหัว
“ทาย ฟังนะลูก ลูกกำลังจะเจอปัญหาครั้งใหญ่ถ้าลูกถอดจิตออกไปอีกตอนนี้ ลูกจะต้องเจอเหตุการณ์สับสนวุ่นวาย ซึ่งแม่ไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น”
“เฮ้อ มันคงจะไม่มีอะไรหรอกมั้ง ”
ฉันพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วค่อยๆปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ หายใจเข้าออกอย่างมีจังหวะสม่ำเสมอ พยายามทำให้หัวสมองปรอดโปร่งแล้วในที่สุดความรู้สึกที่คุ้นเคยก็กลับมาเยือนร่างกายอีกครั้ง อา.....ความรู้สึกนี้ มันสบายจัง เหมือนเรากำลังลอยตัวอยู่ในน้ำเมือกอุ่นๆ มือไม้แข้งขาเบาไปหมด แล้วในที่สุดเปลือกตาของฉันก็ค่อยๆเปิดขึ้นอีกครั้ง ฉันค่อยๆลุกจากเตียงอย่างช้าพลางหันกลับไปมองร่างที่อยู่บนเตียง
“มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อจริงๆ หน้าตาอันแสนสวยของฉัน อิอิ^^”
ฉันทอดสายตามองร่างของฉันเองที่นอนหลับตาสนิทอยู่ที่เตียง หญิงสาวผมสีน้ำตาลที่ยาวถึงกลางหลังกับใบหน้าจิ้มลิ้มหน้ารักนั่น โฮะๆๆ ดูเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อเลยจริงๆ(ไม่ค่อยชมตัวเองเล้ย)
“เมี้ยว~”
เสียงแหลมเล็กที่ดังมาจากหน้าต่างทำให้ฉันต้องละสายตาจากร่างตัวเองให้หันมามอง แล้วฉันก็ต้องพบกับร่างเล็กๆของเจ้าแมวน้อยตัวสีขาวสะอาดตาที่ยืนจังก้าอยู่ตรงขอบหน้าต่าง มันจ้องมาทางฉันพลางร้องอีกครั้ง
“เมี้ยวๆ”
เจ้าแมวน้อยตัวนั้นกระโดดลงมาจากหน้าต่างแล้วมานั่งสงบเสงี่ยมอยู่ที่ปลายเท้าฉันแทน มันจ้องหน้าฉันเหมือนมองเห็น และนั่นก็ทำให้ฉันต้องนั่งยองๆพลางเอ่ยออกมาเบาๆ
“เจ้าแมวน้อย แกมาจากไหนเนี่ย”
“เมี้ยว~”
เจ้าแมวตรงหน้าฉันตอบเหมือนรู้คำถาม ฉันจึงยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้แล้วสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นปลอกคอสีฟ้าที่คอของเจ้าแมวข้างหน้า
“แกมีเจ้าของด้วยหรอ”
“เมี้ยว~”
“อย่าบอกนะว่าเจ้าของแกแอบปิ๊งฉัน เลยให้แกมาเป็นแม่สื่อ”
“เมี้ยว”
อิอิ เริ่มอยากรู้แล้วว่า เจ้าของแกคือใครกัน
“นี่แกมีชื่อมั้ยเนี่ย”
ฉันถามพลางเอื้อมมือไปหมายจะลูบหัว แต่แล้วมือของฉันก็ทะลุผ่านหน้าเจ้าแมวตัวนั้นเหมือนคว้าอากาศ โอ๊ะ ฉันลืมบอกไปน่ะว่าดวงจิตที่มนุษย์ทุกคนถอดออกมาจะไม่สามารกแตะต้องสิ่งของทุกสิ่งได้
“ ฉันแปลกใจมากเลยนะเนี่ยที่แกเห็นฉัน”
“เมี้ยว”
“ไม่เคยมีใครที่ไหนเห็นฉันตอนถอดดวงจิตได้”
“.......”
“นอกจากแกนั้นแหละ”
“.......”
เจ้าแมวน้อยตัวสีขาวข้างหน้าไม่ร้องตอบเหมือนเมื่อครู่ แต่กลับจ้องหน้าฉันนิ่ง เอ...ทำไมตาของแมวตัวนี้มันถึงได้สวยแบบนี้นะ ปกติแมวทั่วๆไปจะมีตาสีฟ้า เขียว เหลือง อะไรทำนองเนี่ย แต่เจ้าแมวตัวที่อยู่ข้างหน้าฉันมันไม่ใช่ ดวงตาของมันเป็นสีนิลดำสนิทแถมยังไม่เรืองแสงในที่มืดๆแบบนี้อีกต่างหาก
“เมี้ยว~”
แล้วฉันก็ต้องตกใจเมื่อเจ้าแมวน้อยข้างหน้ากระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนขอบหน้าต่างอีกครั้ง มันมองมาที่ฉันพลางงเอียงคอ เหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง
“แกจะไปไหน”
“
..”
“จะไปแล้วหรอ”
แมวข้างหน้ายังคงยืนนิ่งไม่ร้องตอบ ซึ่งนั้นก็ทำให้ฉันต้องแปลกใจ หรือว่ามันจะฟังฉันรู้เรื่อง งั้นก็หมายความว่าที่ไม่ตอบก็คือไม่ใช่ใช่มั้ยเนี่ย ฮิฮิ เริ่มเข้าใจเสียงแมวแล้วเรา
“งั้นแกจะให้ฉันทำอะไรเจ้าแมวน้อย”
ฉันตัดสินใจถามซึ่งนั้นก็ทำให้เจ้าแมวข้างหน้ามีปฏิกิริยาตอบกลับ มันมองมาที่ฉันแล้วมองลงไปที่ถนนเล็กเบื้องหน้าสลับกันอย่างนั้นไปมา อย่าบอกนะว่าแก...
“จะให้ฉันตามแกไป...งั้นหรอ”
“เมี้ยว!”
ฉันเดินตามเจ้าแมวที่ไม่ใช่แมวธรรมดาออกมาจากบ้านอย่างใช้ความคิด ให้ตาย! แมวข้างหน้ากำลังทำให้ฉันคิดถึงเรื่อง Catwomen ชะมัด แต่เสียดายที่แกไม่ใช่มิทไนท์ แมวในเรื่อง ไม่งั้นฉันคงจะเป็นลมคาที่
“นี่แกจะไปไหน”
ไร้ซึ่งเสียงขานรับจากเจ้าแมวสีขาวข้างหน้า มันยังคงเดินต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ จนในที่สุดมันก็มาหยุดๆอยู่ที่ๆหนึ่ง ซึ่งจากที่ฉันอ่านป้ายข้างหน้ามันคือ โรงพยาบาล
“เมี้ยว”
ฉันมองเจ้าแมวข้างหน้าอย่างไม่เข้าใจ แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อมีเสียงของใครบางคนตะโกนมาจากข้างหลัง ฉันจึงหันหลังกลับไปมอง
“มาอยู่ที่นี่เอง”
แล้วเจ้าของเสียงทุ้มนุ่มนั้นก็เดินทะลุผ่านร่างฉันไปที่ร่างเล็กๆของเจ้าแมวข้างหน้า ซึ่งมันก็ทำให้ฉันแทบหยุดหายใจเมื่อหันกลับมามองใบหน้าของชายผู้ซึ่งบัดนี้ได้อุ้มแมวสีขาวไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม
ชายตรงหน้า ผู้ที่คาดว่าหน้าจะเป็นเจ้าของตัวจริงของเจ้าแมวตัวนี้ลูบหัวเจ้าแมวนั่นอย่างนุ่มนวล ใบหน้าคมคายนั้นช่างเหมือนรูปแกะสลัก ผมสีน้ำตาลอมทองที่ยาวประบ่าช่วยขับใบหน้านั้นให้ดูดีขึ้น ร่างผอมบางแต่แลดูสง่าช่วยทำให้เขายิ่งดูเท่ขึ้นไปอีก ดวงตาสีดำสนิทนั่นกำลังทอดมองเจ้าแมวน้อยสีขาวตัวนั้นอย่างอ่อนโยน ให้ตาย! ฉันชักจะเริ่มหวั่นไหวกับชายตรงหน้านี้แล้วนะ!
“เมี้ยว!”
เสียงของเจ้าแมวที่อยู่ในมือของชายตรงหน้าทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ มันกระโดดออกจากอ้อมแขนของเขาแล้วมองหน้าฉัน จากนั้นมันก็วิ่งเข้าไปในโรงพยาบาล
“เมจิก! จะไปไหนน่ะ”
ชายตรงหน้าฉันพูดแล้ววิ่งตามเจ้าแมวน้อยไป ฉันเลยต้องวิ่งตามทั้งสองไปอย่างช่วยไม่ได้ ให้ตาย! ตกลงว่าฉันมาทำอะไรที่นี่ฟระ
และแล้วในที่สุดทั้งฉัน ชายผมสีน้ำตาลอมทอง และเจ้าแมวเหมียวหรือในอีกนามนึงที่ฉันเพิ่งจะรู้ก็คือเจ้าเมจิก ก็ได้มายืนหยุดอยู่ตรงหน้าเตียงสีขาวสะอาด บนเตียงนั้น...ร่างไร้สติของหญิงสาวซึ่งมีใบหน้าสวยงามราวกับนางฟ้าลงมาจุติ(มันดูต่างกับฉันซะสิ้นเชิง=_=) ผมสีทองเป็นลอนของเธอช่วยขับใบหน้าหวานนั่นให้ดูดียิ่งขึ้นไปอีก จมูกโด่งได้รูปรับกับริมฝีปากรูปกระจับเล็กๆนั่น เพียงแค่เห็น ฉันก็ถึงกับตะลึงในความสวยงามของหญิงสาวที่นอนไม่ได้สติอยู่เบื้องหน้า
“เมจิก แกก็คิดเหมือนกับฉันใช่มั้ย”
ชายข้างกายฉันพูดด้วยแววตาและสีหน้าเศร้าสร้อย เขาค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆเธอแล้วกุมมือเธอไว้แนบอก
“เมื่อไหร่เธอจะตื่นขึ้นมาสักทีวาริน”
ร่างของฉันเริ่มสั่นสะท้านกับคำพูดของคนตรงหน้า ฉันไม่เคยเห็นใครคู่ไหนที่จะเหมาะสมกันเท่าคู่นี้อีกแล้ว เว้นซะแต่ว่า หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงนั่น ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเลยสักนิด
“เธอรู้มั้ย ว่าฉันไม่อยากรอเธอแบบนี้อีกแล้ว ตื่นขึ้นมาพูดกับฉันสักทีเถอะ”
“........”
“รู้รึเปล่าว่าฉันรักเธอ”
ให้ตาย! เขากำลังร้องไห้! ตรงหน้าฉัน ชายผู้มีดวงตางดงามสีน้ำตาลอ่อนที่เคยสดใส บัดนี้มันกลับถูกบดบังไว้ด้วยน้ำตาซึ่งกำลังไหลหยดลงบนฝ่ามือของหญิงสาวนามวารินทีละหยดสองหยด
“นาย...”
ฉันเดินเข้าไปใกล้เขาหมายจะปลอบใจเขา แต่เพียงแค่เอื้อมมือไปที่ร่างกายของชายตรงหน้า มือของฉันก็กลับทะลุเข้าไปในตัวเขา เวงเอ้ย! แล้วฉันจะทำยังไงเนี่ย
“เมี้ยว~”
เสียงของเจ้าเมจิกดังขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความเงียบ มันทำให้ฉันต้องละสายตาจากคนตรงหน้าแล้วมองไปที่เจ้าแมวน้อยอย่างไม่เข้าใจ
“เมจิก แกร้องทำไมน่ะ”
ชายตรงหน้าถามขึ้นพลางใช้มือปาดหยาดน้ำตาบนใบหน้าของเขาออกแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน ทำไมเขาถึงตัวสูงขนาดนี้นะ ฉันมองลึกเข้าไปที่ดวงตาดำสนิทนั่น นี่ถ้าตอนนี้ฉันอยู่ในร่างละก็ ฉันคงจะได้จูจุ๊บกับชายตรงหน้าไปนานแล้ว ก็ดูซิ ใกล้ซะขนาดเนี่ย=///=
ฉันมองไปที่ร่างของหญิงสาวที่ชื่อวารินอีกครั้ง เอ...ทำไมถึงรู้สึกว่าร่างตรงหน้ามีอะไรบางอย่างผิดปกติไปจากเดิมนะ......... อ๊ะ นึกออกแล้ว! ปกติไม่ว่าจะเป็นมนุษย์คนไหนถ้าหากว่ามีชีวิตอยู่ รอบๆร่างกายของพวกเขาจะต้องมีออร่าอ่อนๆรายล้อมให้เห็นอยู่รอบตัว มันคือพลังงานชีวิตที่ไหลออกมาจากร่างกายน่ะ เราจะไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสออร่าได้ แต่ฉัน ผู้ซึ่งมองเห็นทุกสิ่งได้ยามถอดดวงจิตแบบนี้ จะสามารถมองเห็นมัน ชายตรงหน้าก็เช่นกัน เขามีออร่าสีเหลืองทองรายล้อมอยู่รอบตัวเพียงแต่ว่าหญิงสาวที่ชื่อวารินตรงหน้า แม้ร่างกายจะยังมีลมหายใจอยู่หากแต่เธอไม่มีออร่าอยู่รอบกายแบบที่มันควรจะเป็น การที่ออร่าจะหายไปจากร่างได้ก็มีแต่ หนึ่ง ร่างของคนๆนั้นได้หมดสิ้นลมหายใจไปแล้ว หรือสอง การถอดจิต จะทำให้ออร่าที่เคยอยู่กับตัวหายไปนอกเสียแต่ว่าจะกลับเข้าร่างออร่าถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ถ้าอย่างนั้นก็สรุปได้คำเดียวเลยว่าหญิงสาวตรงหน้านี้ดวงจิตของเธอไม่ได้อยู่ในร่าง!
“เมี้ยว!”
เสียงร้องของเจ้าเมจิกทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ แล้วจู่ๆก็เหมือนกับว่ามีแรงบางอย่างฉุดกระฉากร่างของฉันให้เข้าไปใกล้วารินมากขึ้น แต่ฉันมองไม่เห็นมัน ไม่สามารถแม้แต่จะเอ่ยคำอะไรออกมาได้ ให้ตาย ร่างของฉันกำลังถูกดูดเข้าไปในตัวเธอ
“นาย! นาย ช่วยฉันด้วย!”
ฉันร้องเรียกชายที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างบ้าคลั่ง นี่มันเกิดอาเพศอะไรขึ้นกันเนี่ย! ทำไมร่างฉันถึงถูกดึงเข้าไปในตัววารินล่ะ!
ชายผมสีทองตรงหน้ายังคงทำสีหน้าเศร้าสร้อย นี่นาย! แฟนนายกำลังจะฆ่าฉันนะโว้ย หยุดเศร้าซะที ฉันตะโกนร้องในใจก่อนที่จะถูกแรงมหาศาลกระชากทีเดียว ร่างของฉันทั้งร่างก็ได้เข้าไปอยู่ในร่างไม่ได้สติของหญิงสาวตรงหน้าเสียแล้ว
เม้นด้วยนะเคอะ=3=
ยิ่งเม้นมากยิ่งอยากแต่งอิอิ
อย่าลืมเม้นเป็นกำลังใจน๊า>o<
ความคิดเห็น