คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่4 ชายหนุ่มกับนกสีเทา
‘กริ้งๆ….!!’ เสียงกระดิ่งทองเหลืองที่แขวนไว้เหนือประตูดังขึ้นเมื่อมีลุกค้าเข้ามาในร้านเพียงแต่ว่าผู้มารายใหม่รายนี้ไม่ใช่ลูกค้าและนี่ก็เลยเวลาปิดทำการของร้านมาแล้ว แต่เป็นเอลนั่นเอง
“โห เห็นข้างนอกเล็กๆ ข้างในใหญ่ไม่ใช่เล่นเลยนะนี่ หนังสือเยอะจริงๆแถมมีหนังสือหายากอยู่มาก ต้องชมเจ้าของร้านที่ดูแลหนังสือได้ดีขนาดนี้”
สิ่งที่เอลพูดไม่ได้เกินไปจากความจริงเลย เพราะเมื่อเข้ามาในร้านนี้สิ่งแรกที่รู้สึกคือความอบอุ่นเป็นกันเองด้วยการที่ร้านใช้แสงไฟที่โทนเหลืองนวลที่ทำให้รู้สึกสบายตา ชั้นหนังสือตั้งวางได้อย่างเป็นระเบียบและมีรูปแบบมากตัวชั้นวางทำจากไม้มะฮอกกานีสีดำช่วยทำให้หนังสือดูโดดเด่น และรอบๆร้านยังมีเก้าอี้กำมะหยี่สีฟ้าน้ำทะเลทั้งแบบเดี่ยวและแบบชุดวางประดับเอาไว้ส่วนตัวเคาน์เตอร์คิดเงินตั้งหันหน้าเยื้องกับประตู
และในขณะที่เธอกำลังเพลิดเพลินกับการเดินชมร้านอยู่นั้นเธอก็ถูกดึงความสนใจกลับมาที่เคาน์เตอร์คิดเงินอีกครั้ง
‘มีแขกมาจ้า….มีแขกมาจ้า…..’ และเมื่อเธอหันไปเธอก็เจอเข้ากับนกลักษณะคล้ายกับนกแก้วตัวสูงประมาณ1ฟุตครึ่งมีสีเทาทั้งตัวยกเว้นบริเวณหางที่เป็นสีแดงและใบหน้ารอบตาที่เป็นสีขาวเท่านั้นจงอยปากงองุ้มเป็นสีดำสนิทกำลังพูดคำซ้ำๆว่า
‘มีแขกมาจ้า…..มีแขกมาจ้า…..’ ทันใดนั้นประตูหลังร้านก็เปิดขึ้นพร้อมกับปรากฏร่างของชายหนุ่มที่น่าจะอายุไล่เลี่ยกับเธอ เขามีรูปร่างได้สัดส่วนไม่สูงมากนักแค่พอๆกับเธอเท่านั้นแต่งกายอยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลอมสีขาวที่มีรายต้นไม้สีดำประดับอยู่และกางเกงยีนสีดำทั่วไป เขามีใบหน้าค่อนข้างกลม ผมสีดำถูกตัดให้สั้น ใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครา สีหน้าอิ่มเอิบซึ่งตอนนี้กำลังประดับใบด้วยรอยยิ้มที่ดูสนุกสนานตลอดเวลา และที่สำคัญทั้งที่ดวงตาเขาเปิดกว้างและสุกใสขนาดนั้น แต่เธอกลับอ่านความรู้สึกของชายคนนี้ไม่ออก
“รู้แล้วๆขอบใจมากนะ มูนิน สวัสดีครับคุณผู้หญิงผมกำลังรออยู่เลยครับยังไงก็เชิญนั่งที่โซฟาก่อนนะครับตรงข้างประตูมีที่เสาแขวนเสื้อตั้งอยู่เอาเสื้อคลุมของคุณไปแขวนไว้ตรงนั้นก่อนนะครับใส่เสื้อคลุมเปียกๆในห้องแอร์แบบนี้เดี่ยวจะจับไข้เอา ผมขอตัวไปเอาเครื่องดื่มมาให้ก่อน รอสักครู่ นะครับ” หลังจากนั้นเขาก็เดินหายเข้าไปหลังร้านอีกครั้งพร้อมกับถือแก้วกระเบื้องสีขาวที่ภายในบรรจุเครื่องดื่มร้อนๆอยู่ ที่ไหล่ของเขาก็มีผ้าขนหนูสีครีมพาดเอาไว้
“ที่บอกว่ากำลังรอยู่หมายความว่าไงเหรอค่ะ” เอลเลิกคิ้วอย่างแปลกใจพร้อมกับสัญชาตญาณการระวังตัวที่ถูกปลุกขึ้นอย่างฉับพลัน จริงๆแล้วเธอเริ่มระวังตัวเองตั้งแต่ที่เธออ่านชายคนนี้ไม่ออกแล้ว
ใบหน้าของชายหนุ่มยังคงเปื้อนรอยยิ้มขบขันตามเดิม ก่อนจะเริ่มอธิบายเหตุผล
“ผมสังเกตเห็นคุณนะจ้องร้านผมมาตั้งแต่ตอนก่อนที่คุณจะเข้าไปในมุมตึกที่มีเหตุฆ่ากันตายแล้วครับ และเมื่อกี้ที่ผมออกไปเปลี่ยนป้ายข้างหน้าผมก็เห็นคุณยืนจ้องที่ประตูร้านอยู่เหมือนกัน” พูดเสร็จชายหนุ่มก็ยื่นถ้วยกระเบื้องให้กับเอล
“น้ำเต้าหู้ร้อนๆครับ เจ้านี้อร่อยมากๆเลยนะครับแล้วก็นี้ครับผ้าขนหนูเช็ดหัวซะหน่อยจะได้ไม่เป็นหวัด” ซึ่งเอลก็กล่าวขอบคุณและรับมาถือไว้และส่งเสื้อคลุมของเธอให้กับชายหนุ่มนำไปแขวน เผยให้เห็นวงแขนที่ขาวเนียนราวกับปุยเมฆที่เปล่งปลั่งอย่างเต็มที่โดยไม่มีอะไรปิดบังอีก
“นั่นเป็นเหตุผลที่คุณไม่ล็อกประตูซินะค่ะ” เอลเริ่มถามต่อในทันทีก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่ม แล้วเธอก็ต้องยอมรับว่ามันอร่อยจริงๆ ซึ่งถึงแม้เธอไม่ได้พูดออกไปแต่สีหน้าของเธอก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดี
“เป็นไงครับอร่อยใช่ไหมละ” ชายหนุ่มถามตอบในขณะที่ยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มบ้าง
“ค่ะ เป็นเครื่องดื่มที่ยอดเยี่ยมมากเลยล่ะค่ะ คุณ….”
“จิน ครับ เรียกผมว่าจิน ผมเป็นเจ้าของร้านขายหนังสือมือสองแห่งนี้แหละครับ”
“ขายมานานแล้วเหรอค่ะ”
“ก็ซัก 5-6ปีได้ละมั่งครับ เพียงแต่ตอนแรกไม่มีหน้าร้านเท่านั้นเองผมจะรับสั่งของทางโทรศัพท์นะครับ หน้าร้านนี่ผมเพิ่งทำได้ซักสามปีเห็นจะได้” จินบอกกล่าวถึงร้านของตน
“แล้วที่คุณมาหาผมนี่มีเรื่องอะไรให้ผมช่วยครับ” จินเป็นฝ่ายถามหญิงสาวกลับบ้าง
“คุณคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นตรงมุมตึกฝั่งตรงข้ามร้านคุณแล้วซินะค่ะ”
“ครับผม จากที่เห็นด้วยตาและจากทีวีน่ะแหละครับ ถ้าจะถามเอาข้อมูลผมก็รู้เท่าทีวีบอกแต่ถ้าจะถามผมถึงเรื่องของผู้หญิงคนนั้น ผมก็คงบอกได้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้ผมเห็นประจำครับเธอจะมาซื้อปอเปี้ยะ ที่แผงลอยฝั่งตรงข้ามเกือบทุกวัน ปอเปี้ยะเจ้านี้อร่อยจริงๆนะครับ ผมเองก็ยังชอบเลยและวันนี้ผมก็ออกไปซื้อมากินเหมือนกัน ยังถามป้าคนขายเลยว่าผู้หญิงที่ซื้อประจำไม่มาเหรอ ป้าแกก็บอกว่ายังไม่เห็นมา ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในมุมตึกนั้นผมต้องสารภาพว่าไม่รู้จริงเพราะคนเดินผ่านไปมาบวกด้วยร้านแผงลอยทำให้ผมไม่เห็นเหตุการณ์ข้างในเลย ต้องขอโทษด้วย” หลังจากพูดเสร็จจินก็ดื่มน้ำเต้าหู้ตามลงไปอีกอึกหนึ่ง
“คุณให้ปากคำแบบนี้กับตำรวจด้วยใช่ไหมค่ะ”
“ครับ เหมือนกันทุกประการ”
“แล้วคุณละครับ คุยกันมาตั้งนานผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
“เอล ค่ะเรียกดิฉันว่าเอล ก็ได้”
“คุณไม่ได้เป็นตำรวจซินะครับ”
เอลเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มแล้วถามกลับว่า “ทำไมคุณคิดอย่างนั้นละค่ะ”
“ก็ถ้าเป็นตำรวจพอเข้ามาปุป ก็ต้องโชว์ตราหรือแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอความร่วมมือเป็นแน่”
“แต่นี่เราคุยกันมาได้สักพัก จนน้ำเต้าหู้จะหมดแก้วแล้วคุณยังไม่แสดงตนเลย ผมก็เลยคิดว่าคุณไม่น่าจะเป็นตำรวจ ให้ผมเดานะนักสืบหรือเปล่า”
เอลยิ้มก่อนตอบว่า “ไม่เชิงหรอกค่ะฉันอาสาทำคดีนี้เอง ตอนนี้ก็คงเรียกได้ว่าเป็นนักสืบมั้งค่ะ”
“แต่ที่แน่ๆเรื่องของคุณต้องเป็นความลับมากแน่ๆเลยนะครับ เพราะผมไม่เห็นคุณออกทีวีช่องไหนเลย ทั้งที่ตำรวจที่เป็นผู้กองอะไรนั่นหลังจากออกมาก็โดนนักข่าวรุมทันที”
“ฉันไม่อยากให้คนร้ายรู้ตัวนะค่ะ อย่างน้อยเขาก็จะคิดว่ามีแค่ตำรวจที่ไล่ล่าเขาเพื่อที่ฉันจะได้ทำงานได้สะดวกขึ้น”
“แล้วคุณไม่คิดว่าผมเป็นคนร้ายบ้างเหรอครับ” จินถามหลังจากนั้นก็ดื่มน้ำเต้าหู้จนหมด
“คิดค่ะ พูดได้เลยว่าคุณเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ฉันอ่านความคิดไม่ออก”
“แต่ไม่ใช่คนแรกใช่ไหมครับ”
“ค่ะคุณไม่ใช่คนแรกที่ฉันอ่านไม่ออก”
“แล้วทำไมคุณถึงคิดว่าผมทำละครับ”
“ก็เซ้นส์มั้งค่ะ มันเป็นความรู้สึกว่าถ้ามาที่ร้านนี้แล้วจะได้รับรู้อะไรดีๆ”
“ขอโทษจริงๆนะครับ ผมก็รู้เท่าที่บอกไป แต่ว่าผมก็เป็นเจ้าของร้านหนังสือ อ่านอะไรมาก็มากเหมือนกันถ้าคุณไม่รังเกลียดจะเล่าเรื่องคดีให้ผมฟังได้ไหมครับ” จินพูดในขณะที่เปลี่ยนลักษณะการนั่งมาเป็นแบบพิงเพื่อความสบาย
“คงจะไม่ได้ค่ะ” เธอตอบแทบจะในทันที “ฉันยังไม่ไว้ใจคุณ คดีนี้อาจจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดก็ได้ทางเรายังไม่ตัดประเด็นไหนทิ้งทั้งสิ้นดังนั้นการที่ฉันเล่าอะไรออกไปมันอาจจะไปถึงหูฆาตกรได้ถ้าคุณเป็นผู้รู้เห็น”
“อ่อ! งั้นไม่เป็นไรครับ”
“นี่ก็จะห้าทุ่มแล้วฉันขอตัวกลับก่อนดีกว่า ขอบคุณมากนะค่ะที่สละเวลาถ้ามีอะไรคืบหน้าฉันจะติดต่อกลับมาอีกช่วงนี้ขอให้คุณอยู่ร้านตลอดนะค่ะ” เอล กล่าว พร้อมกับลุกขึ้นกับที่ จินเองก็ลุกตามและเดินมาส่งที่ประตูเพื่อรอปิดร้าน
จินหัวเราะเบาๆก่อนตอบว่า “ผมเป็นคนค้าขายนะครับจะปิดร้านทั้งทีมันก็เสียรายได้พอสมควร แล้วก็ถ้าคุณมาผมอยากให้คุณมาในฐานะลูกค้ามากกว่านักสืบนะครับ จะเอาหนังสือมาขายหรือมาซื้อก็ได้นะครับรับรองว่าราคายุติธรรม” พร้อมกับหยิบเสื้อเบรเซอร์ส่งคืนให้กับเอลและตัวเองเดินไปเปิดประตู
“ร้านผมเปิดตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงสามทุ่มนะครับ ถ้าว่างยังไงก็แวะมาทักทายกันได้”
“เราคงต้องเจอกันอีกหลายครั้งเลยทีเดียว ขอตัวนะค่ะน้ำเต้าหู้อร่อยมาก” เอลกล่าวลาก่อนที่จะมีอีกเสียงแทรกขึ้น
“ราตรีสวัสดิ์จ้า…….ราตรีสวัสดิ์จ้า” เจ้ามูนินกล่าวลาเช่นกันนั่นทำให้เอลต้องหันกลับไปมองเจ้านกสีเทาตัวนี้
“African grey ของคุณฉลาดไม่เบาเลยนะค่ะสมแล้วที่คุณตั้งให้ชื่อว่ามูนิน ที่แปลว่าความจำ”
“ฮะๆๆ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ คุณก็เห็นว่าตั้งแต่ที่คุณเข้ามามันพูดแค่สองคำเองส่วนที่ผมตั้งชื่อว่ามูนินเพราะมันเป็นชื่อของนกประจำตัวเทพโอดิน ผมเห็นว่ามันเท่ดีก็เลยตั้งชื่อมันแบบนั้น”
“ฮะๆๆ ทั้งคนทั้งนกนี่เหมือนกันจริงๆเลยนะค่ะ อ่านไม่ออกทั้งคู่ฉันรู้นะค่ะว่าที่มันไม่พูดอะไรเลยตลอดการสนทนาของเราเพราะว่ามันรู้ตัวว่าเรากำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่เพราะตลอดเวลาที่เรานั่งคุยกันตัวมันก็มองมาที่ฉันตลอด” เธอหัวเราะตอบก่อนจะพูดถึงเจ้ามูนิน
“รบกวนคุณมามากแล้ว ยังไงก็ขอลาเลยละกัน ราตรีสวัสดิ์นะค่ะ”
“ครับราตรีสวัสดิ์ครับ” กล่าวจบเธอก็สวมเสื้อคลุมตามเดิมก่อนที่จะเดินข้ามถนนกลับไปที่มอเตอร์ไซด์ของเธอ
‘ฝนหยุดแล้ว’ เธอแหงนหน้าขึ้นฟ้าพลันเห็นดวงจันทร์และดวงดาวส่องแสงระยิบระยับอยู่บนนั้น ฟ้าหลังฝนช่างปลอดโปร่งจริง เธอหันกลับมามองที่ประตูร้านอีกครั้งและยังเห็นจินยืนอยู่ที่ประตูตอนนี้เจ้ามูนินบินมาเกาะที่ไหล่ของเขา เขาเองก็โบกมือให้เธอและเธอก็โบกมือกลับก่อนจะสวมหมวกกันน็อกสีดำและขับอออกไปบนถนนที่ตอนนี้แทบจะไม่มีรถวิ่งแล้ว ค่อยๆลับตาไป
เอลจากไปแล้วแต่บทสนทนาของหนึ่งคนหนึ่งนกก็ยังไม่สิ้นสุด
“นายว่าไงมูนิน ผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นยังไงบ้าง” เจ้านายหนุ่มถามเจ้านกสีเทาคู่ใจ
‘สวย……ฉลาด……ลึกลับ…….สวย……ฉลาด……ลึกลับ’ เจ้ามูนินตอบกลับ
“ฮะๆๆๆ นั่นซินะ รู้ขนาดที่ว่านายเงียบเพราะตั้งใจฟังอยู่นี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ”
‘เห็นด้วย……เห็นด้วย’ เจ้านกยังคงตอบเป็นลูกคู่กลับมา
“เราคงต้องเจอเธออีกหลายครั้งเลยล่ะ ฉันคิดว่าเธอคงไม่ยอมปล่อยพวกเราไปง่ายๆแน่” คราวนี้เจ้ามูนินไม่ตอบเพียงร้อง ‘แกว็ก’ เป็นเชิงเห็นด้วย
“เอาเถอะมันเป็นเรื่องของอนาคต ยังไงวันนี้ปิดร้านก่อนดีกว่านี่ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าจัดหนังสือชุดใหม่ขึ้นชั้นอีก”
‘พักผ่อน……พักผ่อน’ เจ้านกคู่ใจตอบกลับมาก่อนที่เขาจะเอามือลูบหัวมันอย่างเอ็นดูก่อนจะเดินไปดึงผ้าม่านลงมาปิดกระจก
“ฝนหยุดแล้วพรุ่งนี้ฟ้าคงสดใสน่าดูเนาะ ฮะๆๆๆๆๆ” จินพูดก่อนหมุนตัวกลับเข้าไปด้านในหลังจากนั้นไฟที่ชั้นหนึ่งก็ปิดลง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระเอกปรากฏกายแว้วววววววว :)
ความคิดเห็น