คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 3 เอล
หญิงสาวที่เดินตามหลังมากล่าวขึ้นอย่างเป็นมิตร และด้วยรูปร่างหน้าตาของเธอที่เรียกได้ว่าทำเอาทีมตำรวจด้านในถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว เพราะผู้หญิงแบบนี้ไม่น่าจะผ่านโครงการสุดหินแบบที่ว่าได้เลยแม้แต่น้อยเธอดูเหมือนลูกคุณหนูที่วันๆเอาแต่เที่ยวไปเที่ยวมามากกว่า
เธอยกมือไหว้ทักทายเจ้าหน้าที่ทุกคนด้านในด้วยรอยยิ้มอันมีเสนห์ พร้อมกับขอบคุณเจ้าที่ตำรวจที่เป็นคนพาเธอเข้ามาก่อนที่นายตำรวจคนนั้นจะเดินออกไปเฝ้าปากทางเข้ามุมตึกตามเดิม
“NEP เป็นโครงการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์โดยไม่ละทิ้งความเป็นตัวของตัวเองค่ะเพราะเราเชื่อว่าความเป็นตัวเองจะทำให้เราไม่เหมือนใคร อ่อ!แล้วก็เรียกฉันว่า เอล เฉยๆก็ได้นะค่ะ” เธอตอบพร้อมกับยิ้มซึ่งทั้งหมดก็พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
“ช่างเรื่องของชั้นก่อนเถอะค่ะ ชั้นขอตรวจสอบศพกับสถานที่เกิดเหตุหน่อยได้ไหมค่ะ”หญิงสาวตัดบทสนทนาเธอต้องการเริ่มงานของเธอทันที
“ได้ครับ เชิญทางนี้” ไรวินทร์ เดินนำไปยังสถานที่เกิดเหตุด้านในมุมตึก
“โชคยังดีนะครับที่มีตึกขนาบสองข้างทำให้ฝนสาดเข้ามาไม่มากนัก” ไรวินทร์กล่าวในขณะที่ เอล กำลังสวมถุงมือยางสีขาวที่เธอหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อเบรเซอร์ของเธอเพื่อไม่ให้รอยนิ้วมือของตนติดไปที่เหยื่อหรือหลักฐาน
“ค่ะ แต่ฆาตกรลงมืออย่างเฉียบขาดจริงๆ แทบไม่ทิ้งอะไรไว้เลย” เอล กล่าว ขณะค่อยๆนั่งลงข้างศพและใช้มือหมุนคอศพไปมาเพื่อตรวจสอบ ซึ่งจากคำพูดของหญิงสาวทำให้ไรวินทร์แปลกใจ
“ทำไมคุณถึงบอกว่าแทบจะไม่เหลืออะไรไว้ละครับ”
“ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่สมบูรณ์แบบเหมือนกับไม่มีปริศนาไหนที่ไม่มีคำตอบหรอกค่ะ เพียงแค่เราต้องหากุญแจให้เจอเท่านั้นเอง” เอลบอกในขณะที่ตัวเธอกำลังตรวจสอบบาดแผล
“เอ่อ คุณเอลครับ ก่อนที่คุณจะมาทางเราได้ทำการตรวจสอบศพโดยเบื้องต้นแล้ว พบว่า….”
“ผู้ตายทำงานแผนกบัญชีดูได้รอยนูนเล็กจากนิ้วมือทั้งสองของเธอเหมือนกับผ่านการใช้แป้นพิมพ์ทุกๆวันของบริษัท Mapas บริษัทผลิตยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์รายใหญ่ ดูได้จากเครื่องแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของบริษัทนี้ ปากแผลกว้างประมาณ13-15เซนติเมตร ปากแผลที่หมดจดราวกับถูกตัดโดยเครื่องจักรแต่คงเป็นไปไม่ได้นอกจากศพจะถูกฆ่าที่อื่นแล้วนำมาไว้ที่นี่ อืม ถ้าฉันเป็นพวกคุณฉันคงสันนิษฐานว่าเป็นมีดผ่าตัดของหมอที่น่าจะคมละเรียบพอในการที่จะใช้ลงมือทำอะไรแบบนี้ ที่สำคัญนอกจากบาดแผลบริเวณหน้าอกแล้วไม่ปรากฏร่องรอยการถูกทำร้ายที่อื่นเลย เป็นไปได้สองอย่างคือเหยื่อตายทันทีโดยไม่ทันรู้ตัวหรือไม่ก็ฆาตกรเป็นคนที่เหยื่อไว้วางใจจนสามารถเข้าใกล้เหยื่อได้มากพอ แต่ที่น่าแปลกยิ่งกว่านั้นก็คือการไหลของเลือดโดยปกติถ้าเหยื่อถูกฆ่าในขณะที่ยืนหรือเดินละก็ น่าจะมีรอยเลือดไหลเป็นทางยาวเปื้อนเสื้อผ้าบ้างแต่นี่เลือดกับไหลลงพื้นไปทางด้านหลังมีความเป็นได้อีกด้วยว่าเหยื่ออาจจะถูกวางยานอนหลับหรือยากล่อมประสาทบางอย่างที่ทำให้เหยื่ออยู่ในสภาพกึ่งหมดสติก่อนจะลงมือ หลังจากนั้นจึงทำการจัดวางศพในลักษณะแบบนี้ ฆาตกรมีเป้าหมายให้เรามาพบศพเพราะตัวฆาตกรเองมีความเชื่อมั่นในฝีมือสูงมากและมั่นใจว่าต่อให้เราพบศพก็ไม่มีทางที่จะไขปริศนาของฆาตกรรมนี้ได้แน่นอน อันนี้เป็นการสันนิษฐานคร่าวๆของฉัน พวกคุณมีอะไรเพิ่มเติมไหมค่ะ”
‘จะไปเพิ่มเติมอะไรทั้งที่พวกเขาใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการตรวจสอบศพ แต่นี่คุณเธอมาไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำแค่พลิกศพไปมา ก็สามารถสร้างข้อสันนิษฐานได้เหมือนพวกเขา’
“เอ่อ เธอชื่อ….” ฝ่ายเจ้าหน้าที่กำลังจะบอกชื่อแต่ก็ถูกตัดบทเหมือนเดิม
“รัตนาพร ซินะค่ะ ขอโทษค่ะพอดีตอนฉันลงจากรถมอเตอร์ไซด์ได้ยินเขาพูดกันนะค่ะ” เธอพูดพร้อมค่อยๆลุกขึ้นยืนและมองไปรอบๆที่เกิดเหตุ
“กระเป๋าของผู้หญิงคนนี้ละค่ะ”
“ครับผม ตอนนี้อยู่ที่รถตำรวจกำลังจะนำกลับไปตรวจสอบครับ” เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์รายงาน
“อย่าเพิ่งลงมือทำอะไรก่อนนะค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปที่กองพิสูจน์หลักฐานด้วยและตรวจสอบพร้อมพวกคุณ”
“ได้ครับเดี่ยวผมไปแจ้งก่อน” หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานก็เดินออกจากมุมตึกไปที่ถนนเพื่อแจ้งเพื่อนร่วมงานคนอื่นถึงเรื่องที่เอลบอก
“คุณนี่เก่งจังเลยนะครับ เข้ามาแปปเดียวสามารถอธิบายได้เป็นฉากๆเลยเล่นเอาพวกผมที่เป็นตำรวจสืบสวนอายเลยทีเดียว” ไรวินทร์กล่าวอย่างชื่นชม
“ไม่หรอกค่ะ ฆาตกรต่างหากละค่ะที่ยอดเยี่ยม ที่ชั้นและพวกคุณรู้ตอนนี้มีแต่เรื่องของเหยื่อแต่ไม่มีอะไรโยงถึงตัวฆาตกรได้เลย จริงๆคดีฆาตกรรมแบบนี้มันไม่น่าเป็นไปได้ด้วยซ้ำ นอกซะจากว่า…..” ประโยคสุดท้ายเธอพูดเบาลง
“นอกจากว่าอะไรครับ”
“อ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ตอนนี้ยังสรุปอะไรไม่ได้มากรอให้นำศพกลับไปชันสูตรอย่างละเอียดพร้อมกับตรวจสอบข้อมูลของเหยื่อให้ละเอียดกว่านี้ก่อน ถึงตอนนั้นเราน่าจะรู้ว่าต้องทำยังไงต่อไป ยังไงก็บอกเจ้าหน้าที่คนอื่นให้เคลื่อนย้ายศพได้เลยนะค่ะ”
“ได้ครับผม ต้องรบกวนคุณเอลแล้วนะครับ”
“ไม่หรอกค่ะถึงชั้นจะจบการฝึกNEPมาแต่ความสามารถของชั้นก็จำกัดยังไงการร่วมมือกับพวกคุณจึงเป็นสิ่งสำคัญ ต่อให้ฆาตกรจะเก่งซักแค่ไหนแต่หัวเดียวก็สู้หลายหัวไม่ได้หรอกค่ะ” แววตาของเอลฉายแววเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม
“ครับผม พวกเราทุกคนจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เลยละครับพวกเราจะต้องจับตัวฆาตกรมาลงโทษให้ได้เลยล่ะครับ”
“ฉันเองก็หวังเช่นนั้นค่ะ”
“งั้นเดี่ยวผมขอตัวก่อนนะครับป่านนี้ญาติของผู้ตายน่าจะไปรออยู่ที่สน.แล้วละครับ ผมต้องไปพบซะหน่อย คุณเอลจะไปด้วยไหมครับ” ไรวินทร์เอ่ยชวน
“อ่อ ไม่หรอกค่ะเดี่ยวฉันจะขอดูรอบๆนี้อีกซักหน่อย แล้วก็ยังไงก็ดูบันทึกการให้ปากคำของพยานด้วยนะค่ะ ได้ครับผมเดี่ยวผมจะเอามาให้พรุ่งนี้ที่กองพิสูจน์หลักฐานนะครับ ขอตัวก่อนสวัสดีครับและขอบคุณมากนะครับสำหรับวันนี้”
“เช่นกันค่ะ แล้วเจอกันนะค่ะ” เอล กล่าวลาผู้กองหนุ่ม
ทุกอย่างเริ่มกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้งรถตำรวจและสถานีโทรทัศน์เริ่มทยอยกลับไปแล้วการจราจรที่ติดขัดมาตั้งแต่ช่วงเย็นตอนนี้กลับมามีสภาพคล่อง ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติมีเพียงสายฝนเท่านั้นที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตก เอลพลันเหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตน
“สามทุ่มครึ่งแล้วเหรอเนี่ย หวังว่าพยานปากสำคัญจะยังไม่หลับนะ”
เอลคิดในใจขณะที่สายตาตอนนี้กำลังจ้องไปยังฝั่งตรงข้ามของถนน อีกฟากหนึ่งนั้นเป็นที่ตั้งของอาคารสองชั้นทั่วไปตัวตึกเป็นสีขาวชั้นล่างนั้นด้านหน้าเกือบครึ่งเป็นกระจกใสลายตารางภายในมีหนังสือ มากมายวางโชว์อยู่บนชั้นซึ่งหลายเล่มในปัจจุบันกลายเป็นหนังสือหายากไปแล้ว ด้านซ้ายมือของร้านมีประตูไม้สีเขียวบานใหญ่ที่ประดับด้วยกระจกตารางที่กรอบเป็นสีทองซึ่งตอนนี้ถูกเปิดแง้มออกมาพร้อมกับมือข้างหนึ่งที่โผล่มาจากหลังประตูและพลิกแผ่นป้ายไม้แขวนสีน้ำตาลที่มีตัวอักษรสีทองภาษาอังกฤษจาก OPENเป็นCLOSE แล้วประตูก็ปิดลงอีกครั้ง
“ยังไม่หลับจริงๆด้วย” เอลเผยลอยยิ้มมีเลศนัยขึ้นที่มุมปาก เธอเดินฝ่าสายฝนเพื่อข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งของถนนเพื่อไปยังอาคารสีขาวสองชั้นนี้ที่ด้านบนเขียนเอาไว้ว่า ‘The Wisdom Books store’
ความคิดเห็น