ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่1 ลางร้ายในสายฝน
ตอนที่1
ลางร้ายในสายฝน
“โอยฝนตกหนักจริงๆเลย โว้ย” ชายหนุ่มพนักงานออฟฟิศกำลังบ่นอย่างหัวเสียอยู่ภายในรถของเขาที่ตอนนี้ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเลยมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว ทั้งที่เพิ่งจะเลิกจากงานที่มากอย่างกับนรกแตกและต้องต่อสู้กับเจ้านายจอม ตัวเขากำลังนึกถึงห้องในอพาร์ทเม้นของตน โซฟาที่ห้อง ดื่มเบียร์เย็นๆพร้อมกับดูรายการโทรทัศน์เรื่องโปรด แต่ทุกอย่างล้วนสลายไปหมด รายการโทรทัศน์เพิ่งจะจบไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว เบียร์ที่ซื้อไว้ก็หายเย็นไปเรียบร้อย
“โธ่เว้ยไม่น่าวนรถกลับมาซื้อเบียร์ตรงนี้เลยจริงๆ รู้งี้กลับไปซื้อแถวบ้านดีกว่า ฝนตกรถก็ติดมันจะอะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย” คำสบถมากมายยังคงพรั่งพรูออกมาจากปากชายหนุ่มไม่หยุดก่อนที่เขาจะถูกดึงความสนใจโดยเด็กสาวเร่ขายพวงมาลัยที่มาเคาะกระจกของเขา
ชายหนุ่มพยายามโบกมือไล่แต่ไม่ว่ายังไงเด็กสาวก็ไม่ยอมไปซักที ด้านนอกเองฝนก็กำลังตกหนักแต่เด็กแบบนี้ต้องมาเดินเร่ขายพวงมาลัยอยู่ โลกนี้มันโหดร้ายจริงๆคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็เริ่มใจอ่อนกดกระจกข้างของตนเองลง
“หนูๆ พวงเท่าไหร่” เด็กสาวเมื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างยินดีแล้วบอกกลับว่า
“มาลัยกลม 15 มาลัยยาว 20 จ้ะ”
“งั้นเอามาลัยกลมพวงหนึ่ง พร้อมกับหยิบแบงค์ยี่สิบออกมายื่นให้เด็กสาว ไม่ต้องทอนนะ”
เด็กสาวกล่าวขอบคุณเขาและกำลังจะเดินออกเพื่อไปยังรถคันอื่นแต่ชายหนุ่มกลับถามก่อนว่า
“น้องๆ เดินมาจากหัวถนน น่ะ ข้างหน้ารถขยับบ้างหรือยัง ติดขนาดนี้ไม่น่าจะแค่ฝนแล้วมั้ง”
“หนูก็ไม่รู้หรอกจ้ะแต่หนูเห็นรถตำรวจตั้งหลายคันมาจอดอยู่ริมถนนเต็มไปหมดเลย แถมมีคนมุงดูเยอะแยะ” เด็กสาวขายพวงมาลัยตอบกลับ
“โอเคๆ ขอบคุณมากนะ เอ้านี้พี่ให้เพิ่มอีกยี่สิบ ค่าตอบคำถามแล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้ยืนตากฝนนานๆ”
เด็กสาวดีใจมากกล่าวขอบคุณเขาอีกหลายรอบก่อนที่เข้าบอกว่าพอแล้วไม่ต้องขอบคุณอะไรขนาดนั้นหรอก
‘ข้างหน้ามีตำรวจอยู่นี่เอง มิน่าละรถถึงติดกว่าเดิม เห้อแล้วพวงมาลัยนี่เราจะเอาไปไหว้อะไรละนี่ที่ห้องก็ไม่มีหิ้งพระอะไรเลยด้วยซิ ช่างเหอะเอาไปไหว้ศาลพระภูมิที่อพาร์ทเม้นแล้วกัน’ คิดได้ดังนั้นก็โยนถุงใส่พวงมาลัยเอาไว้ข้างยังเบาะหลังก่อนที่สายตาของเขาจะไปสะดุดเข้ากับ ถุงกำมะหยี่สีแดงขนาดเหมาะมือถุงหนึ่ง
‘หือ นี่มันอะไร’ คิดดังนั้นก็เปิดออกดูภายในเป็นเหมือนเหรียญตาอะไรซักอย่างเป็นทรงกลมสีเงินแวววาวขนาดเท่าฝาซุปไก่สกัดบนตัวเหรียญสลักรูปนูนต่ำเป็นรูปหน้าคนที่เขาเองก็ดูไม่ออกว่าเป็นหน้าใครและที่ขอบเหรียญด้านซ้ายมีปีกที่เหมือนกับปีกนกยื่นออกมา และที่ด้านหลังของเหรียญมีคำภาษาอังกฤษสลักไว้ซึ่งมันเขียนว่า ‘ENDLESS’
“ไอ้คำว่าเอนเลสนี่มันหมายถึงลัทธิใหม่ ที่กำลังดังนั่นหรือเปล่าหว่า”
ชายหนุ่มพยายามจะนึกให้ออกว่าไอ้ของประหลาดนี่มาจากไหน ก่อนจะนึกได้ว่า เป็นของเพื่อนร่วมงานของเขาที่เมื่อกี้ติดรถมาเพราะไม่อยากตากฝน และให้เขาแวะส่งตรงสถานีรถไฟฟ้าระหว่างทาง คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์smartphoneของตนขึ้นมาและกดเบอร์ของเพื่อนทันที
‘ตื้ด………ตื้ด……….ตื้ด……….เลขหมายที่ท่านเรียกยังไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ Sorry….’
ติ้ด!!! ชายหนุ่มกดตัดสายทันทีและโทรใหม่อีกครั้ง ผลก็คือเหมือนเดิม
‘ช่างเหอะค่อยเอาไปคืนมันพรุ่งนี้และกัน’ ก่อนจะเก็บเหรียญประหลาดเข้าไปในถุงกำมะหยี่ตามเดิม
ผ่านมาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงในที่สุดการจราจรก็เริ่มที่จะเคลื่อนตัวไปได้ ชายหนุ่มขับรถของตนมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงบริเวณที่รถตำรวจจอดอยู่ และเริ่มเห็นรถของรายการข่าวทางโทรทัศน์เริ่มทยอยมาบ้างแล้ว หลังจากนี้รถคงติดเพิ่มขึ้นอีกแน่ๆ
อย่างน้อยก็ยังโชคดีที่เจอแค่รถตำรวจวะ ชายหนุ่มปลอบใจตัวเองก่อนที่ตัวเขาจะลดกระจกข้างของตนลง
“คุณตำรวจครับ”
“ว่าไงครับมีอะไรให้ช่วย”
“เอ่อ คือมันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
ตำรวจในชุดเครื่องแบบนายนั้นทำหน้าปั้นยาก ก่อนจะตอบว่า
“ฆาตกรรมนะครับ”
‘หือ ฆาตกรรม’ ชายหนุ่มคิดในใจ ‘คนสมัยนี้ทำไมมันโหดกันได้ถึงขนาดนี้เล่นฆ่ากันกลางเมืองเลย’ แต่ก่อนที่จะได้ถามอะไรต่อตัวเขาก็ต้องรีบเคลื่อนรถออกทันที เพราะรถคันหลังบีบแตรไล่มาแล้ว
“โอเค ครับผม ขอบคุณมากครับ”
แล้วรถคันแล้วคันเล่าก็ค่อยๆแล่นผ่านบริเวณที่เกิดเหตุฆาตกรรมไปอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ในบริเวณสถานที่เกิดเหตุมีคนยืนมุงดูมากมายทั้งที่ปกติแทบไม่มีใครสนใจมุมตึกตรงนี้เลยด้วยซ้ำ ฝนเองก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกราวกับฟ้าเบื้องบนกำลังร่ำไห้ให้กับผืนดินเบื้องล่าง ร่ำไห้ให้กับลางร้ายที่กำลังจะเผยโฉมออกมาโดยมีมุมตึกแห่งมหานครและสายฝนอันบ้าคลั่งนี้เป็นเวทีเปิดตัว
ลางร้ายในสายฝน
“โอยฝนตกหนักจริงๆเลย โว้ย” ชายหนุ่มพนักงานออฟฟิศกำลังบ่นอย่างหัวเสียอยู่ภายในรถของเขาที่ตอนนี้ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนเลยมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว ทั้งที่เพิ่งจะเลิกจากงานที่มากอย่างกับนรกแตกและต้องต่อสู้กับเจ้านายจอม ตัวเขากำลังนึกถึงห้องในอพาร์ทเม้นของตน โซฟาที่ห้อง ดื่มเบียร์เย็นๆพร้อมกับดูรายการโทรทัศน์เรื่องโปรด แต่ทุกอย่างล้วนสลายไปหมด รายการโทรทัศน์เพิ่งจะจบไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว เบียร์ที่ซื้อไว้ก็หายเย็นไปเรียบร้อย
“โธ่เว้ยไม่น่าวนรถกลับมาซื้อเบียร์ตรงนี้เลยจริงๆ รู้งี้กลับไปซื้อแถวบ้านดีกว่า ฝนตกรถก็ติดมันจะอะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย” คำสบถมากมายยังคงพรั่งพรูออกมาจากปากชายหนุ่มไม่หยุดก่อนที่เขาจะถูกดึงความสนใจโดยเด็กสาวเร่ขายพวงมาลัยที่มาเคาะกระจกของเขา
ชายหนุ่มพยายามโบกมือไล่แต่ไม่ว่ายังไงเด็กสาวก็ไม่ยอมไปซักที ด้านนอกเองฝนก็กำลังตกหนักแต่เด็กแบบนี้ต้องมาเดินเร่ขายพวงมาลัยอยู่ โลกนี้มันโหดร้ายจริงๆคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็เริ่มใจอ่อนกดกระจกข้างของตนเองลง
“หนูๆ พวงเท่าไหร่” เด็กสาวเมื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างยินดีแล้วบอกกลับว่า
“มาลัยกลม 15 มาลัยยาว 20 จ้ะ”
“งั้นเอามาลัยกลมพวงหนึ่ง พร้อมกับหยิบแบงค์ยี่สิบออกมายื่นให้เด็กสาว ไม่ต้องทอนนะ”
เด็กสาวกล่าวขอบคุณเขาและกำลังจะเดินออกเพื่อไปยังรถคันอื่นแต่ชายหนุ่มกลับถามก่อนว่า
“น้องๆ เดินมาจากหัวถนน น่ะ ข้างหน้ารถขยับบ้างหรือยัง ติดขนาดนี้ไม่น่าจะแค่ฝนแล้วมั้ง”
“หนูก็ไม่รู้หรอกจ้ะแต่หนูเห็นรถตำรวจตั้งหลายคันมาจอดอยู่ริมถนนเต็มไปหมดเลย แถมมีคนมุงดูเยอะแยะ” เด็กสาวขายพวงมาลัยตอบกลับ
“โอเคๆ ขอบคุณมากนะ เอ้านี้พี่ให้เพิ่มอีกยี่สิบ ค่าตอบคำถามแล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้ยืนตากฝนนานๆ”
เด็กสาวดีใจมากกล่าวขอบคุณเขาอีกหลายรอบก่อนที่เข้าบอกว่าพอแล้วไม่ต้องขอบคุณอะไรขนาดนั้นหรอก
‘ข้างหน้ามีตำรวจอยู่นี่เอง มิน่าละรถถึงติดกว่าเดิม เห้อแล้วพวงมาลัยนี่เราจะเอาไปไหว้อะไรละนี่ที่ห้องก็ไม่มีหิ้งพระอะไรเลยด้วยซิ ช่างเหอะเอาไปไหว้ศาลพระภูมิที่อพาร์ทเม้นแล้วกัน’ คิดได้ดังนั้นก็โยนถุงใส่พวงมาลัยเอาไว้ข้างยังเบาะหลังก่อนที่สายตาของเขาจะไปสะดุดเข้ากับ ถุงกำมะหยี่สีแดงขนาดเหมาะมือถุงหนึ่ง
‘หือ นี่มันอะไร’ คิดดังนั้นก็เปิดออกดูภายในเป็นเหมือนเหรียญตาอะไรซักอย่างเป็นทรงกลมสีเงินแวววาวขนาดเท่าฝาซุปไก่สกัดบนตัวเหรียญสลักรูปนูนต่ำเป็นรูปหน้าคนที่เขาเองก็ดูไม่ออกว่าเป็นหน้าใครและที่ขอบเหรียญด้านซ้ายมีปีกที่เหมือนกับปีกนกยื่นออกมา และที่ด้านหลังของเหรียญมีคำภาษาอังกฤษสลักไว้ซึ่งมันเขียนว่า ‘ENDLESS’
“ไอ้คำว่าเอนเลสนี่มันหมายถึงลัทธิใหม่ ที่กำลังดังนั่นหรือเปล่าหว่า”
ชายหนุ่มพยายามจะนึกให้ออกว่าไอ้ของประหลาดนี่มาจากไหน ก่อนจะนึกได้ว่า เป็นของเพื่อนร่วมงานของเขาที่เมื่อกี้ติดรถมาเพราะไม่อยากตากฝน และให้เขาแวะส่งตรงสถานีรถไฟฟ้าระหว่างทาง คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์smartphoneของตนขึ้นมาและกดเบอร์ของเพื่อนทันที
‘ตื้ด………ตื้ด……….ตื้ด……….เลขหมายที่ท่านเรียกยังไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ Sorry….’
ติ้ด!!! ชายหนุ่มกดตัดสายทันทีและโทรใหม่อีกครั้ง ผลก็คือเหมือนเดิม
‘ช่างเหอะค่อยเอาไปคืนมันพรุ่งนี้และกัน’ ก่อนจะเก็บเหรียญประหลาดเข้าไปในถุงกำมะหยี่ตามเดิม
ผ่านมาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงในที่สุดการจราจรก็เริ่มที่จะเคลื่อนตัวไปได้ ชายหนุ่มขับรถของตนมาเรื่อยๆจนกระทั่งถึงบริเวณที่รถตำรวจจอดอยู่ และเริ่มเห็นรถของรายการข่าวทางโทรทัศน์เริ่มทยอยมาบ้างแล้ว หลังจากนี้รถคงติดเพิ่มขึ้นอีกแน่ๆ
อย่างน้อยก็ยังโชคดีที่เจอแค่รถตำรวจวะ ชายหนุ่มปลอบใจตัวเองก่อนที่ตัวเขาจะลดกระจกข้างของตนลง
“คุณตำรวจครับ”
“ว่าไงครับมีอะไรให้ช่วย”
“เอ่อ คือมันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
ตำรวจในชุดเครื่องแบบนายนั้นทำหน้าปั้นยาก ก่อนจะตอบว่า
“ฆาตกรรมนะครับ”
‘หือ ฆาตกรรม’ ชายหนุ่มคิดในใจ ‘คนสมัยนี้ทำไมมันโหดกันได้ถึงขนาดนี้เล่นฆ่ากันกลางเมืองเลย’ แต่ก่อนที่จะได้ถามอะไรต่อตัวเขาก็ต้องรีบเคลื่อนรถออกทันที เพราะรถคันหลังบีบแตรไล่มาแล้ว
“โอเค ครับผม ขอบคุณมากครับ”
แล้วรถคันแล้วคันเล่าก็ค่อยๆแล่นผ่านบริเวณที่เกิดเหตุฆาตกรรมไปอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ในบริเวณสถานที่เกิดเหตุมีคนยืนมุงดูมากมายทั้งที่ปกติแทบไม่มีใครสนใจมุมตึกตรงนี้เลยด้วยซ้ำ ฝนเองก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกราวกับฟ้าเบื้องบนกำลังร่ำไห้ให้กับผืนดินเบื้องล่าง ร่ำไห้ให้กับลางร้ายที่กำลังจะเผยโฉมออกมาโดยมีมุมตึกแห่งมหานครและสายฝนอันบ้าคลั่งนี้เป็นเวทีเปิดตัว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น