คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : `♥BBUOSOHM 03 ; Only...one for me [100%]
ตอนที่ 3
=_________=;;
“เอ่อ..............พี่บุชคะ...........คือ.........ว่า”
“ครับน้องวิภา ^^;;”
“พารีสค่ะ !!!”
“คะ...ครับน้องพารีส T^T;;;”
“คืออ..........”
“น้อง...พารีสอย่าเครียดนะครับ นั่งสบายๆ ไปก่อนก็ได้ แฮะๆๆ”
“ค่ะ....”
ตึงเครียด....
ตึงเครียดสุดๆ !
ทุกคนอาจจะงงอยู่ว่ามันเกิดอะไรกันขึ้น อืมม...เอาเป็นว่าผมจะอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังละกัน.... หลังจากที่ผมถูกพริ้งลากตัวมาถึงห้องชมรมได้ไม่นาน ก็มีน้องผู้หญิงม.3 หน้าตาน่ารักโคตร(โคตรจะเหมือนโอ่งราชบุรีเลย T T’)ตามมาเพื่อสารภาพรักผม(ที่จริงน้องเค้าชื่อวิภา แต่เจ้าตัวเค้าบอกให้เรียกว่าพารีส T[]T!!) แถมยังมีไอ้บูมที่แบกสมุดกองโตมาเพื่อหาที่นั่งเช็คงานของเพื่อนๆ ในห้อง ด้วยเหตุที่ว่าอาจารย์มอบหมายมาให้ทำอีกคน พอพริ้งเห็นมันเดินผ่านมาก็ชวนจ้อกันมันส์เลยครับ ความจริงแล้วบูมกับพริ้งก็พอรู้จักกันอยู่ เพราะบูมมันเพื่อนเยอะ รู้จักคนนั้นคนนี้ไปทั่วเหมือนผม ฮ่ะๆๆ พวกเราทั้งหมดจึงตกลงได้ว่าจะไปนั่งคุยธุระทั้งหมดกันที่โต๊ะหินอ่อนในลานเบ็ญ.. ไม่ใช่สิ ! ผมไม่ได้เป็นคนตกลง แต่ถูกไอ้พริ้งจับมารวมกันอยู่ที่นี่ต่างหาก(ไอ้เผด็จการ ไอ้ฮิตเลอร์เวอร์ชั่นผู้หญิง!! เกลียดมึงจริง -_-‘’) มันบอกว่าเผื่อบรรยากาศดีๆ จะได้ช่วยให้อะไรๆ ง่ายขึ้น แต่ผ่านมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่ได้อะไรเลย คิดผิดชัดๆ !
ส่วนเหตุผลที่ผมยอมตามมาก็คงเป็นเพราะน้องพารีสที่มาสารภาพรักผมเนี่ยแหละ ถ้าไม่ติดที่ว่าน้องเค้าตัวใหญ่กว่าผมสิบเท่า และหน้าตาดูน่ากลัวเกินเด็กผู้หญิงปกติ ผมคงกล้าบอกปฏิเสธไปแล้ว... แต่เจอแบบนี้มันจุกอกจริงๆ ... เลยคิดว่าถ้านั่งอยู่ด้วยกันสักสี่คนน้องเค้าอาจจะไม่กล้าที่จะบอกอะไรผมเลยก็เป็นได้... แต่เท่าที่ดูตอนนี้น้องเค้าก็ยังไม่ยอมละเลิกความพยายามเลยแฮะ...
โครกกกกครากกกกกกกกกกก
และสุดท้าย...
มีใครลืมไปกันรึยังว่าผมหิวมากกกก TT___________TT
“บุช ! แกตกลงแล้วใช่ป่ะ เรื่องมาแสดงเป็นหนูน้อยหมวกแดงให้ชมรมฉัน วันงานโรงเรียนอ่ะ”
พริ้งพูดแทรกขึ้นเสียงดังพลางหยิบมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบที่เพิ่งแกะจากห่อเมื่อกี้เข้าใส่ปาก แล้วเคี้ยวกรุบๆ(โหยชั่ว มีก็ไม่บอกกันนะมึง ! กูกิวจนไส้บิดเนี่ยยย เลยแอบเนียนหยิบมากินห้าหกอัน =w=) จนน้องพารีสทำตาโตเป็นไข่ห่านด้วยท่าทางตกใจ ก่อนจะนั่งก้มหน้างุดๆ เหมือนเดิม เหอๆ -_-‘’ พี่ต่างหากที่ต้องตกใจกับท่าทางของน้อง
“กูไม่ตกลงงงงง กูไม่เอา ! ไม่อยากเป็นหนูน้อยหมวกแดง !!”
“ก็อาจารย์เค้าบอกให้ฉันหาคนตัวเล็กๆ น่ารักๆ มาเป็นหนูน้อยหมวกแดง แล้วอย่างฉันจะไปหาใครรรรรได้ ก็มีแต่แกที่จะช่วยฉันได้ !!!!”
เพราะเหตุผลแค่นี้ก็มาลากกูไปเป็นหนูน้อยหมวกแดงเนี่ยนะ !?? ไร้สาระสิ้นดี
“ทำไมไม่เอาผู้หญิงอ่า กูตัวเล็กก็จริงแต่กูก็ผู้ชายนะ ไม่เหมาะกับบทหนูน้อยหมวกแดงหรอก จริงๆ !!”
“ผู้หญิงมันไม่ฮาอ่ะ เวลาแสดงมันต้องการเรียกเสียงฮาจากคนดูด้วย จะได้ไม่เบื่อ งานโรงเรียนเลยนะเว้ย มันต้องทำให้เลิศๆ หน่อย ถ้ามึงฉลาดมึงก็น่าจะเข้าใจอ่ะ”
โหยยย แบบนี้เค้าเรียกว่าหลอกด่า สัด -..-
“เชี่ยยย มึงพูดกับคนที่มาขอความช่วยเหลือแบบนี้ใช่ป่ะ ??” ผมตีหน้าโกรธก่อนจะหันมองไปทางอื่น ยังไงผมก็ไม่ยอมไปเป็นหนูน้อยหมวกแดงอะไรนั่นแน่ๆ เชื่อผมสิคราวนี้ผมต้องเถียงชนะมัน !(ถึงแม้หลายปีที่ผ่านมา จะไม่เคยเถียงชนะพริ้งได้เลยแม้แต่สักครั้งเดียวก็ตาม...)
“โอ๋--- แค่นี้งอนเหรอตัวววว ?? เออๆๆ เค้าขอโทษนะจ๊ะ ! ยกโทษให้นะๆๆ แล้วมาเป็นหนูน้อยหมวกแดงให้เค้านะ ^______^ ” กูไม่หลงกลรอยยิ้มหวานๆ ของมึงหรอก ฮึ !
“ไม่ !!” ผมสะบัดหน้าหนี แต่ดั๊นนนนนบังเอิญญญหันมาเจอะกับน้องพารีสที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเข้าพอดี จึงได้แต่เปลี่ยนมายิ้มแห้งๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ แฮ่ๆ ...
“นั่นไงแกยิ้มแล้ววววว ! น่ารักที่สุดเลยเพื่อนบุช ตกลงแล้วใช่มั้ยล่า” แล้วมันก็ตีความมั่ว T^T
“ไม่ กูไม่ตกลง!!”
“แต่แกยิ้มแล้วอ่ะ !!!”
“กูไม่ได้ยิ้ม !!!!”
“ยิ้มแล้ว !!!!!”
“ไม่ได้ยิ้มๆๆๆ !!!!!”
“มึงยิ้มมมมมมมมมมมม !!!!!!!!!!!!!”
โอ้ยยยยย ไอ้เอี้ยยย !! แก้วหูแหก TT_________TT
มึงเบาๆ หน่อยดิ๊ คนอื่นเค้าหันมามองกันหมดแล้ววว กูก็คนธรรมดาทั่วไป มียางอายเหมือนกันนะเว้ย ทุกคนดูดู๊ แบบนี้จะให้ผมเถียงชนะมันได้ไงอ้ะ ! สวรรค์ไม่ยุติธรรม ทำไมผมแว้ดๆ แบบนั้นบ้างไม่ได้ T T’’
“ตกลงเอาไง กูไม่พูดดีด้วยละสาดดด มึงจะเป็นไม่เป็น ...ไม่เป็นมึงตาย”
=[]=; นางมารร้ายเผยธาตุแท้
พริ้งเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทุกทีเมื่อโกรธ มันหักนิ้วเล่นดังกร๊อบๆ ในขณะเดียวกัน ก็ส่งรังสีอำมหิตแผ่ไปทั่วโต๊ะ จนน้องพารีสที่กลัวๆ เกรงๆ อยู่แล้ว นั่งก้มหน้างุดลงไปอีก ส่วนไอ้บูมที่นั่งเงียบมานานก็หันมาหัวเราะเบาๆ แว่บนึง ก่อนจะหันไปตรวจงานต่อ(รู้นะว่าหัวเราะเยาะกู !!)
“ว่าไงมึง ??” ไอ้เพื่อนบ้าอำนาจเค้นผมอีกรอบ ด้วยแววตาดุดัน
ถึงแม้มันดูน่ากลัว อย่าคิดนะว่าผมจะยอม... ถ้าผมกลัวผู้หญิง ก็ไม่ต้องมาเรียกว่านายภูริณัฐแล้วล่ะครับ !!
“...ว่าไง” ไอ้พริ้งกดไหล่ผมเบาๆ ยาบๆ ยาบๆ.... ซึ่งผมได้แต่นั่งเหงื่อตก(มันร้อนครับ ไม่ได้กลัวๆ !)
............................
“เออๆๆ เป็นให้ก็ได้วะ แค่หนูน้อยหมวกแดงเอง อ่ะโด่ ! จิ๊บๆ ว่ะมึง -3-; ชิวๆ สิวๆ หุ้ยยย” ที่บอกแบบนี้ผมไม่ได้กลัวมันนะ ! แค่มีใจกุศลอยากช่วยงานโรงเรียนจริงๆ ก็บอกแล้วว่าผมมันมีแววนักเรียนตัวอย่างมาแต่ไกลครับ ไม่อยากจะคุย
พอพูดออกไปแบบนั้น มันก็หันมายิ้มกว้างใส่หน้าผมทันที “จริงอ่อบุชชชช !? โอ้ยยยย กูรักมึงจริงจริ๊งงงงเลยเพื่อน !! เดี๋ยวตอนเย็นเลี้ยง’ติมมม” พริ้งลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นอย่างไม่อายใคร แต่กูโคตรจะอายเหอะ อย่าบอกใครนะว่าเพื่อนผม... เค้าว่ากันว่านิยามของผู้หญิงไทยสมัยนี้คือไม่แคร์สื่อ... สงสัยว่าจะเป็นเรื่องจริง
ไอ้พริ้งนั่งลงยิ้มแป้นอีกครั้ง ก่อนจะพูดกับผมอย่างอารมณ์ดี เปลี่ยนไวจริงๆ มึง -_- “อืมดี ! งั้นเรามาตกลงกันต่อดีกว่า คือชมรมฉันอ่ะ... จะส่งเอกสารไปขอยืมตัวแกมาจากชมรมแก แล้วก็..”
.....................
“พี่บุชคะ !!! พารีสตัดสินใจแน่นอนแล้วค่ะ !!”
=[]=;;
น้องพารีสลุกขึ้นตะโกนขึ้นมาขัดทำเอาการสนทนาของผมกับพริ้งต้องชะงัก(รู้สึกว่าพริ้งก็ไม่กล้าที่จะแว้ดใส่น้องเค้าเหมือนกันแฮะ เห็นแอบเหวอ ฮ่าๆๆ) แรงของเธอทำเอาโต๊ะสะเทือนจนสมุดที่วางตั้งอยู่บนโต๊ะของไอ้บูมไหลตกลงไปนอนกองอยู่บนพื้นเกือบหมด “อุ๊ย พี่บูม หนูขอโทษค่ะๆ ขอโทษจริงๆ ค่ะ !” น้องพารีสหันไปก้มหัวให้ไอ้บูมประมาณเกือบสิบที จนมันต้องยิ้มแหยๆ แล้วบอกให้น้องเค้าหยุด ก่อนจะก้มลงไปเก็บสมุดอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก ฮ่าๆๆ เจอฤทธิ์เดธน้องพารีสเข้าไป เป็นไงล่ะมึง !?
“พี่บุชคะ !!”
“คะ...ครับ !” กูตกใจเหอะ
“คือ..............พี่บุชคะ !!”
“คะ...ครับ ?”
น้องกำลังทำให้พี่กลัวอยู่นะ T_T’
“พารีส....พารีสรู้ตัวว่าพารีสชอบ...เอ่อ... พี่บุชมานานแล้วค่ะ ตั้งแต่วันแรก..ที่ได้เห็นพี่ พารีสก็.....ปลื้มแล้วค่ะ... ถ้าพี่บุชไม่รังเกียจ... พารีสอยากจะขอคบพี่บุชเป็น..เอ่อ แฟน....น่ะค่ะ.. ได้มั้ยคะ ? คือ....พารีสนั่งรอคำตอบอยู่ตรงนี้ก็ได้ค่ะ เชิญพี่บุชคุยธุระต่อได้ตามสบายเลยค่ะ...”
พอพูดจบน้องเค้าก็นั่งลงก้มหน้างุดๆ เหมือนเดิม
/////
ผมเขิน........... เฮ้ย ! ไม่ใช่แล้ว ตอนนี้ผม ไอ้พริ้ง รวมถึงบูมกำลังนั่งอ้าปากค้างด้วยความทึ่งในความกล้าของน้องพารีส ท่าทางแบบเดียวกันเด๊ะ คือ...ความจริงแล้วน้องเค้าก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไร แต่ความรู้สึกมันฝืนกันไม่ได้ ผมไม่ได้ชอบน้องเค้าจริงๆ ในทางกลับกันก็ไม่อยากให้เค้าเสียใจ
แล้วผมจะตอบไปว่าไงดีวะ T^T??
“พี่บุชไม่ต้องรีบก็ได้ค่ะ”
“อ่า....ครับ ^^;;;;;”
แล้วน้องเค้าก็นั่งรอตามแบบฉบับเดิม ผมว่าให้นั่งจ้องกันไปกันมาแบบนี้มันไม่ดีแน่ๆ
“เอ่อ.... พี่ว่าพี่เอาเวลาคิดนั่งทำการบ้านไปด้วยก็ได้ครับ ต้องส่งอาจารย์คาบบ่าย ^^;;”
“คะ...ค่ะ”
ผมรีบค้นกระเป๋าที่โคตรจะแบนราบ ซึ่งปกติไม่ได้เอาไว้ใส่หนังสือเรียนหรอกครับ ยิ่งการบ้านแล้วยิ่งเข้าไปใหญ่ มันจะมีอยู่ได้ยังไง ! ตอนนี้คงได้แต่หาอะไรที่มันพอจะสมมุติว่าจะเป็นการบ้านได้บ้าง มันมีอะไรให้กูพอจะใช้ได้มั้ยยยย ??? อะห้า...พอเปิดมาก็เจอเลย ! กระดาษเอสี่สำหรับวาดรูปเล่นสองแผ่น !!(ปกติเอาไว้ใช้ในคาบที่ต้องจดเยอะๆ ครับ แอ๊บเนียนวาดรูปเล่นไปได้สบาย ใช้เสร็จแล้วก็พับเครื่องบินล่อนใส่หัวเพื่อน เจริญมั้ยยย ฮ่าๆๆ)
“กระดาษเอสี่ เอามาทำมายด์แมปปิ้งครับ ม.5 แล้วแต่อาจารย์ยังสั่งงานเหมือนเด็กๆ เนอะ แฮะๆๆ”
ผมหันไปบอกทั้งๆ ที่ไม่ได้มีใครถาม ในขณะที่น้องเค้าก็ยังนั่งก้มหน้าก้มตาต่อไป ส่วนไอ้พริ้งก็หันมาส่งสายตาประมาณว่า ‘ มันมีการบ้านแบบนี้อยู่ในโลกด้วยเหรอ ?? ’ ซึ่งกูไอด๊อนท์แคร์ว่ะ ต้องหาอะไรขึ้นมาทำให้มันไม่ว่างตอนนี้ด่วนๆ !
พริ้งขมวดคิ้วขึ้นเป็นโบว์ก่อนจะมองรอบๆ โต๊ะอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก แล้วก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาหาของเหมือนกัน “เออ ! ฉันว่าฉันก็ต้องหาการบ้านขึ้นมาทำบ้างแล้วล่ะ คณิตก็ยังไม่เสร็จ อาจารย์บอกจะตีด้วยไม้แดง ตายแน่ๆ”
มามุขเดียวกับกูเลยเนอะ ! เล่นทีหลังอ่ะ เปลี่ยนบ้างก็ได้เฮ้ยเดี๋ยวน้องเค้าจับได้ !!
หลังจากนั้นพวกเราสี่คนก็นั่งเงียบ...... มีแต่เสียงหัวเราะลั่นของกลุ่มผู้หญิงที่คุยกันเสียงดังเฮฮาถัดออกไปจากโต๊ะที่พวกเรานั่งสองโต๊ะเท่านั้น =_______=;; อึดอัดน่าดูแฮะ ลางสังหรณ์บอกผมว่า ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปแย่แบบฉุดไม่อยู่ขัวร์ๆ
ผมคิดพลางเขียนมันลงบนกระดาษเอสี่อีกแผ่นที่ยังไม่ได้ใช้
กูว่ากูไม่ไหวแล้วว่ะ เรื่องน้องพารีสอ่ะ
ช่วยกูหน่อยดิ (=/|=)
.
.
แล้วพับให้เหลือเศษหนึ่งส่วนสี่ของขนาดเต็ม ก่อนจะส่งไปให้พริ้งที่นั่งอยู่ข้างๆ มันกำลังนั่งงมการบ้านจากกระเป๋าซึ่งแบนไม่ได้แพ้ผมเลย เหอะๆ -_-‘’ (หามาสิบนาทีแล้วมึง จะเจอมั้ย ??) มันรับไปแล้วเปิดอ่านเงียบๆ อย่างรู้กันว่าห้ามให้น้องพารีสเค้ารู้เป็นอันขาด
พริ้งอ่านก่อนจะยิ้มขำๆ อะไรไม่รู้ แต่ก็ส่งสัญลักษณ์มือว่า OK . มาให้ทางใต้โต๊ะ
พริ้งงงงง !! มึงเป็นเพื่อนที่ประเสริฐจริงๆ ว่ะ T^T! (เฉพาะตอนนี้เท่านั้น) มันพับกระดาษเข้ารูปเหมือนเดิมก่อนจะเก็บลงกระเป๋า แล้วหันไปหาน้องพารีสที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพอดี
“น้องพารีสคะ ^_______^ ” พริ้งปฏิบัติการกู้ชาติแล้วครับ ! ถ้ารอดพ้นไปได้กูจะไม่ลืมความดีความชอบของมึงเลย !!
“คะ...ค่ะพี่พริ้ง ?” น้องเค้ายังคงดูลุกลี้ลุกลน และตกใจตลอดเวลาเหมือนเดิม
“พี่ว่า...น้องคงมาเสียเที่ยวแล้วล่ะ พี่เองก็เห็นใจน้องนะคะ ถึงได้เงียบไว้ตลอด... แต่พี่คงต้องบอกอ่ะ เพราะดูแล้วมันคงจะทำให้อะไรหลายๆ อย่างดีขึ้นกว่าตอนนี้... น้องต้องเค้าใจพี่ด้วยนะ น้องสัญญามั้ยคะว่าน้องจะไม่เสียใจ ??”
คำพูดแปลกๆ แค่เฉียบคมนั้นทำให้ผมโคตรจะงง จะทำอะไรของมัน ??
“ดะ...ได้ค่ะ พารีสเองก็เตรียมใจไว้พร้อมแล้ว”
ผมกระพริบตาปริบๆ พลางจ้องมองพริ้งสลับกับน้องพารีส ซึ่งผมเองก็แอบเห็นไอ้บูมที่กำลังเช็คงานกองสมุด แอบสนใจอยู่ไม่น้อย
“บุชเพื่อนพี่มีตัวจริงอยู่นานแล้วค่ะ น้องพารีสอาจจะไม่รู้ เพราะว่าเพื่อนพี่เค้าไม่ได้คบกันอย่างเปิดเผยเท่านั้นเอง” มันพูดก่อนจะยิ้มเย็นๆ ให้น้องพารีสที่อ้าปากหวอเบิกตาค้างอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างไม่กลัวเกรง
มึงเอาแบบนี้เลยเรอะ =[]=;; แรงไปมั้ย ??
“ใครคะ....คนที่แสนโชคดีคนนั้นเป็นใคร !? บอกน้องหน่อยได้มั้ยคะพี่พริ้ง !!???” น้องพารีสทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็ยังหนักแน่นอยู่(แน่นเนื้อแน่นตัวมั้งครับ แฮะๆ = =;) ความจริงก็น่าสงสารอยู่
แต่เออ.... แล้วไอ้ตัวจริงที่ไม่เคยเกิดของผมมันคือใครวะ ?
ผมคิดเพลินๆ พลางหยิบมันฝรั่งแผ่นขึ้นมาเคี้ยวอีกสองสามอัน
“ก็คนที่นั่งอยู่ข้างๆ น้องพารีส ....น้องบูมไงคะ ”
พรวดดดดดดดดด !!
“แค่กๆๆ...แค่กๆๆ”
มันฝรั่งติดคอ !! ผมอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะหันไปมองหน้าน้องพารีส กับบูมที่เหวอไม่แพ้กัน ก่อนจะหยุดลงมองยิ้มเย็นๆ ของไอ้พริ้ง
มึงเล่นงี้เลยเหรอไอ้เชี่ยยย ไม่ต้งไม่เตี้ยมกับกูก่อนเลยนะเว้ยยยยย !!!!
“พะ...พี่บูม ? หมายความว่ายังไงคะพี่พริ้ง พะ...พี่บุชกับพี่บูม ???”
ผมเห็นน้องพารีสเบิกตาโตเหงื่อผุดๆ เป็นเม็ดๆ ตามใบหน้า ท่าทางเหวอหนักเข้าไปอีก มันทำให้ผมอดวิตกไม่ได้ว่าน้องเค้าจะทำอะไรผมมั้ย T T ?
“ก็ตามที่พี่บอกค่ะ บุชกับน้องบูมเค้าเป็นแฟนกัน คบกันมาได้สักระยะนึงแล้วค่ะ”
พริ้งยังคงตอบแบบยิ้มๆ เหมือนเดิม เออ เนียนเนอะ ! เก่งจริงนะมึงเรื่องแบบเนี้ยยย เก่งจนคาดไม่ถึง !
“เฮ้ย พี่พริ้ง !”
“...อะไรเหรอคะ ?? น้องบูม ^__________^ ”
“ปละ.... เปล่าครับ”
ทันทีที่ไอ้บูมตะโกนขึ้นขัด พริ้งก็ส่งเสียงเย็นยะเยือกพร้อมรอยยิ้มนางพญาเข้าสกัดไว้เสียก่อน จนบูมต้องกลืนน้ำลายลงคออึกนึง แล้วหันหน้าไปไปทำงานต่อ มันก็คงรู้ว่าถ้าเถียงกับไอ้พริ้งต่อแล้วจะเป็นเรื่อง -_-‘’
“พี่บุชกับพี่บูมเป็นแฟนกัน.........เป็นแฟนกัน..”
น้องพารีสพูดอย่างเหม่อลอย ดูท่าทางน้องเค้าจะตกใจมาก
“พารีส...พารีสเข้าใจค่ะ.... พารีสขอโทษที่มาสร้างความรำคาญ พารีสไม่รู้ว่าพวกพี่ๆ สองคนรักกันค่ะ... ขอให้รักกันตลอดไปนะคะ” ว่าแล้วน้องพารีสก็ลุกออกจากโต๊ะ(แรงของน้องเค้าทำเก้าอี้ม้าหินที่นั่งสะเทือนนิดนึง จนไอ้บูมที่นั่งอยู่เซไปข้างๆ เล็กน้อย = =;) ก่อนที่น้องเค้าจะเดินหันหลังออกไป เห็นเพื่อนของน้องที่มาด้วยกันตอนแรกด้วยครับ แอบซุ่มอยู่หลังต้นไม้(ที่จริงมานั่งด้วยกันก็ได้นะน้อง พี่ไม่กัดหรอก -_- แต่ถ้าเป็นไอ้พริ้งก็ไม่แน่)น้องพารีสกับน้องอีกคนเดินคอตกไม่หันกลับมามองพวกเราอีก ผมมองภาพนั้นอย่างเศร้าๆ
ไม่ได้อยากให้น้องเค้ารู้สึกผิดหวังเลย... รู้สึกผิดจัง
“อะไรยะบุช ?? ทำหน้าละห้อย เสียดายน้องพารีสเหรอ”
เจอคำถามนี้มาเล่นเอาจุก -_-.
“กูว่าไม่ไหวว่ะ ก็แค่สงสารน้องเค้า”
“อืม........”
พวกเราทั้งสามคนมองตามน้องทั้งสองคนเดินไปจนสุดทาง แล้ววินาทีนั้นเองก็มีพี่...ซึ่งดูเหมือนน่าจะเป็นพี่ม.6 วิ่งผ่านหน้าน้องพารีสกับเพื่อนไปสามคน น้องพารีสเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าตกใจขนาดหนัก ก่อนจะยืนจังก้าอยู่กลางถนนแล้วมองตามพี่สามคนนั้นอย่างไม่คาดสายตา(พี่ว่าน้องไปแสดงหนังเหอะ ผู้กำกับเค้าชอบ ชัวร์เลย !)
“เนย!! ทำไมพี่คนเมื่อกี้หล่อจังอ่ะ ฉันชอบว่ะ”
น้องพารีสหันมาตะโกนเสียงดังใส่เพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ หน้าตาน้องเค้าดูตกใจมากเลยทีเดียว
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงวะ =[]=??”
“ตามเร็ว !!”
หลังจากน้องพารีสพูดจบประโยคไม่นาน ทั้งคู่ก็หายไปไร้วี่แววราวกับควัน จะว่าไป...ตอนนี้ผมเริ่มลังเลที่จะสงสารน้องเค้าแล้วแหละ -_-‘’
“น้องเค้าเลิกเศร้าเร็วจังเลยเนอะ =w= ” ดูเหมือนพริ้งเองก็คงไม่เข้าใจ
“เออว่ะ แต่ก็ดีละ” ความรู้สึกผิดหายไปเป็นปลิดทิ้ง โชคดีนะครับน้องพารีส ขอให้พี่คนเมื่อกี้เค้ารับรักน้อง พี่เชียร์สุดติ่ง !
“เออๆ ฉันว่าอย่าสนใจเลยเหอะ ว่าแต่แกเหอะบุช !! ไอ้ที่ตกลงแล้วอย่าคืนคำนะ ไม่งั้นตายไม่รู้ตัวแน่
หึหึหึ” มึงไม่ต้องทำเสียงสยองก็ได้ แค่นี้กูก็จะหลอนพออยู่ละ T T’
“รู้แล้วน่า ! กูเป็นหนูน้อยหมวกแดงๆๆๆ !! โอเคยัง ??”
“จ้าาาาาาา เพื่อนบุชสุดหล่อออ แหม หล่อแล้วยังใจดีอีกนะตัว ! เดี๋ยวเค้าไปบอกห้องชมรมก่อนนะ ถ้ารู้ว่าแกตกลงต้องดีใจกันมากๆ แน่ ไปก่อนนะ !”
พริ้งยิ้มหน้าบานอีกรอบ ก่อนจะยื่นมือมาตบหัวผมเล่น(อะไรของมันวะ !?)
“ตบกูอีกกก จะไปไหนก็ไปเลยมึงงงงง”
“ทีงี้ล่ะไล่นะ ! จะอยู่กับน้องบูมสองคนก็บอกกูมาสิ๊ ฮ่าๆๆๆ” เชี่ยยยย เล่นไม่ดู ! ไอ้บูมมันก็นั่งอยู่ด้วยนะเว้ยย ผมเห็นไอ้บูมยิ้มขำๆ อยู่ด้วย(ขำอะไร๊มึงงง)
“มึงเล่นไรเนี่ยยยยพริ้ง แล้วมึงก็เสือกขำอีกเนอะเชี่ยบูมมม”
“บุชเขินน !! ไม่ต้องมัวเขินเลยยยย มานี่ ! ลุกมานั่งกับน้องบูมเลย !”
“เฮ้ยมึงงงงงงงง” พริ้งกระชากแขนผมทีหลุดเลย เฮ้ย !ไม่ใช่แล้ว...(เอาใหม่เทคสอง) พริ้งกระชากแขนผมทีตัวผมกระเด็นออกมาจากเก้าอี้ที่นั่งทีทันที ก่อนที่มันจะลากผมมานั่งอีกฝั่งๆ ข้างๆ บูม (ไอ้พริ้งมันจะดูดีกว่ามากครับ ถ้าไม่เอาแต่ใจและไม่ถึก -_-‘ พูดจากใจจริง)
“คุยกันดีๆ นะจ๊ะ คู่รักหวานแหวว คิกๆๆ” อ้อ...ถ้ามันไม่ทำตัวน่าหมั้นไส้ด้วยก็จะดีมาก “อ้ายยย เห็นมั้ยยย น้องบูมยิ้ม น้องบูมเขินอ่ะ น่ารักจริงๆ”
“มันตรวจงานอยู่ เขินกับผีสิ๊ !” บูมมันคงไม่ได้เขินหรอก ก็แค่ถูกแซวเอง... ไม่ได้คิดอะไรกันนี่นา
“แบร่ๆๆๆ”
มันลุกขึ้นกระโดดแลบลิ้นแล้วก็วิ่งออกไปเฉยๆ ผมยังไม่เข้าใจอยู่จนถึงวันนี้ ไอ้พริ้งมันเป็นผู้หญิงแบบไหนกันแน่เนี่ย -_-?
อืมมม.... ตอนนี้เลยเหลือผมกับบูมอยู่ด้วยกันสองคนจริงๆ
อ้าว !! ไหงเป็นงี้อ่ะ โยนขี้เอาไว้แล้วหายก็ไปกันหมดเลย เฮ้ยยยยยย
“ฮ่าๆๆ เป็นเพราะพวกมึงนะเนี่ย ทำให้กูตรวจงานไม่เสร็จเลย มัวแต่นั่งขำอยู่ ปกติในห้องเล่นกันอย่างนี้เหรอ ? แปลกดีอ่ะ” บูมยิ้มน้อยๆ ทั้งๆ ที่ยังก้มหน้าก้มตาตรวจงานต่อ ผมมองท่าทางแบบนั้นอยู่สักพัก...ก็รู้สึกว่า...ว่ามันน่ารักดี ////
....................................
“มองไรมึงงง ?? ถ้าจะมัวแต่นั่งมองมาช่วยกูตรวจงานพวกนี้ดีกว่ามั้ยเนี่ย เต็มเลย !! อีกยี่สิบนาทีจะหมดพักกลางวันแล้ว ตรวจคนเดียวไม่ทันแน่อ้ะ”
บูมดูท่าทางรีบร้อนเต็มที่เพราะแค่เงยหน้าขึ้นมานิดเดียว แล้วก็ก้มลงไปตรวจงานต่อ ไม่เคยเห็นท่าทางแบบนี้ของมันเหมือนกันแฮะ ปกติจะเห็นแต่แบบกวนตีนๆ ไม่ก็บ้าๆ บอๆ “มาๆ ให้กูช่วยไรอ่ะ ว่างอยู่พอดี”
“อ้าวว...เมื่อกี้มึงมีการบ้านไม่ใช่อ่อ ?? ไอ้มายด์แมปปิ้งอ่ะ ฮ่ะๆๆ”
“บอกว่างก็ว่างดิ กวนอีกไอ้นี่ -_- ”
“โอเคๆๆ แต่ไอ้เรื่องการบ้านนี่ไม่เนียนจริงๆ อ่ะ ฮาว่ะ น้องเค้าดันเชื่อมึงอีก”
“ก็กูคิดไม่ออกกก” อย่าด่าว่าโง่เชียวนะครับ สถานการณ์แบบนั้นคิดได้แค่นั้นก็บุญหลายแล้ว
“อืมๆ เข้าใจๆ นี่ๆ เอากองนี้ไปช่วยดูหน่อย...”
บูมหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน ก่อนจะเลือกๆ สมุดที่ยังไม่ได้ตรวจมาให้ผมช่วยดูแล้วว่าทำงานครบหรือเปล่า มีลายเซ็นอาจารย์กี่ลายเซ็น งานสุดท้ายได้คะแนนเท่าไหร่ แล้วก็เลขที่อะไร โหยยยย ทำไมมันเยอะจังวะ ???
“เยอะอ่ะ อาจารย์เค้าให้มึงมาทำคนเดียวเหรอ ?”
“บางครั้งเยอะกว่านี่อีก เซ็งมากกก”
ผมมองใบหน้าหวานของบูมที่กำลังตั้งใจทำงาน จะว่าไปมันเป็นคนที่ตั้งใจทำอะไรแล้วก็ต้องทำจริงๆ (ดูจากที่มันเล่นเกมซะจนจบภายในคืนเดียวแล้ว - -.) เอาเป็นว่าผมก็ตั้งใจช่วยมันหน่อยละกันครับ : )
“มาช่วยกัน !!”
ผมหยิบสมุดเล่มแรกขึ้นมา อ่า....คณิตศาสตร์ ! วิชาที่โคตรจะเกลียดรุย T T’ ไม่รู้จะเรียนไปทำไม อยากรู้จริงๆ เลยถ้าได้เป็นายกฯ แล้วมานั่งถอดรูท ท่องสูตรพาลาโบลากันเปล่าครับ !? ไหนจะฟังก์ช่งฟังก์ชั่น เป็นนายกฯมันต้องใช่มั้ยยย โอ้ยยย ยิ่งคิดยิ่งมึน(บ่นส่วนตัวอย่าสนใจ) พอเปิดดูแล้วก็ลายมือโคตรไก่เขี่ยเลย !! สงสัยจะเขี่ยหลายรอบแถมเขี่ยไปเขี่ยมาด้วยเนี่ย อ่านไม่ออก ใครวะแม่งลายมือโคตรเสียชาติเกิดเลย ผมว่าลายมือผมเน่าแล้วนะ ไอ้เชี่ยนี่ยิ่งกว่าอีก เลขสามอารบิกเขียนยังกับหนอนดักแด้ -_-‘’
ผมตรวจดูตามที่มันบอก ปรากฏว่าไอ้นี่มันมีดีอะไรมั้ยเนี่ย งานก็ทำไม่ครบ ลายเซ็นอาจารย์ก็มีอยู่สองติ่ง(สรรพนามเวอร์ชั่นไหนวะ ?) คะแนนงานสุดท้ายก็ตก เลขที่ก็อ่านไม่ออก !! ละเหี่ยใจจริงๆ = =
“มึงเช็คเล่มนั้นเสร็จก็บอกกูมาเร็ว กูจะกรอกคะแนน”
“อ่า...ได้ มีงานอยู่ 5 ครั้ง ลายเซ็นอาจารย์มีสอง งานสุดท้ายได้สี่คะแนน.... เลขที่....เอ่อ...”
มาช่วยผมอ่านกันหน่อย อ่านไม่ออก T^T
“เลขที่เท่าไหร่ !?”
“อ่า....สิบห้า” มั้ง ??
“เฮ้ยยย สิบห้ากูเช็คแล้ว ! เอาดีๆ”
หืมมม ?? ผมเลยเพ่งลงไปมองอีกที ก็ไอ้ที่เขียนตรงนี้มันก็คล้ายเลขหนึ่งกับเลขห้าสุดแล้วเนี่ย มันจะเป็นตัวอะไรไปได้อีกวะ
“สิบห้าอ่ะ กูว่าถูกแล้วววว”
“สิบห้า กูก็ว่าเช็คแล้วนะ ...ดูใหม่ก่อน”
ตอนนี้พวกเราสองคนเลยได้แต่นั่งจ้องงานตัวเอง ดูกันว่าเช็คผิดกันหรือเปล่า ??
“กูว่าไม่ผิดว้ะ !!”
..................
พวกเราสองคนตะโกนขึ้นพร้อมกัน พลันหันหน้ามาเจอกันพอดี
“....................”
องศานี้ทำให้ใบหน้าของพวกเราแทบจะแนบสนิทชิดกัน...ใกล้เหลือเกิน ใกล้เกินกว่าเคย.. ผมมองใบหน้าหวานนั้นนิ่งเนิ่นนาน ไม่แม้กระทั่งกระพริบตา ..ผมรู้สึกว่ามันกำลังทำให้ผมไร้สติเกินกว่าจะยับยั้ง ได้ยิน...ถึงเสียงลมหายใจของบูม ลมหายใจเบาๆ ลอยผ่านกระทบมากับใบหน้าผมเป็นลมแผ่ว... ทว่าทำให้ผมรู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วทั้งตัว ผมมองเห็น...เห็นแววตา...แววตาของบูมที่อยู่ห่างจากดวงตาคู่นี้ไม่ถึงคืบ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงทำให้เราสองคนจ้องกันอยู่อย่างนั้น จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่....เหมือนถูกตัดขาดออกจากสิ่งรอบข้าง เหมือนกำลังได้ยินเสียงลมหายใจแค่สองเสียง เสียงหัวใจแค่สองดวง.. ความรู้สึกอะไร ? ที่กำลังตื่นขึ้นมา ผมรับรู้ดี... หัวใจผมกำลังรู้สึกอย่างไร ผมรู้ดี... แล้วถ้าผมกำลังจะทำตามหัวใจที่เต้นรัวอยู่ตอนนี้ มันจะเป็นยังไงกันนะ ?
ถ้าผมละทิ้งเหตุผล ตัดเหตุผลหลังจากการกระทำออก.. ตัดความถูกต้องทิ้ง แล้วคว้าคนตรงหน้าเข้ามากอดไว้...ถ้าผมจะเอื้อมมือออกไป
“.....................”
ตึกตักๆ ตึกตักๆ ตึกตักๆ
เสียงหัวใจและเสียงลมหายใจ...
ถ้าเป็นหัวใจที่สั่งให้ผมทำ
...........................
...................
ผมเอื้อมมือไปแตะไหล่บูมเบาๆ ร่างกายค่อยๆ ขยับเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว...
........
“....มึง ! ..มึงจะทำไร”
บูมปัดมือผมออก
ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองสมุดที่อยู่บนโต๊ะ...
“.......................”
“.......................”
“....เปล่า โทษทีนะ...”
ผมหันกลับมาอย่างเดิม ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
แล้วมันก็ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น
นี่ผมกำลังจะทำอะไร..... แค่ผมคิดแบบนี้มันก็เลวมากแล้ว ทั้งๆ ที่อยู่ในโรงเรียนยังจะทำแบบนั้นอีก ยังเลวไม่พออีกรึไง... ผมกำลังทำผิด
“....................”
“เฮ้ยยย.. เป็นไร ?? วันนี้มึงเบลอๆ เอ๋อๆ เปล่าเนี่ยยยย อย่านั่งหน้ามึนดิ๊มันไม่หล่อออ”
เหมือนบูมจะพยายามกลับมาพูดเล่นกับผมเหมือนเดิม แต่ผมจะไม่ได้รู้สึกอยากเล่นด้วยอะไรตอนนี้สักเท่าไหร่
“วันนี้ก็ท่าทางจะมึนจริงๆ แหละ ขอโทษนะ...เมื่อกี้จะทำอะไรมึงก็ไม่รู้ สงสัยเห็นมึงเป็นอั้ม พัชราภา หึหึ.......” รอยยิ้ม...เสียงหัวเราะ เป็นการแกล้งทำ..
“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ มึงท่าทางเป็นเอามาก กินยามาเปล่าเนี่ย ฮ่ะๆๆ”
มันเอื้อมมือมาแตะหน้าผากผมเบาๆ วูบนั้นความรู้สึกเมื่อกี้ก็ย้อนกลับมาหาผมอีก จำให้ผมต้องปัดมือบูมออก
“....................”
“กูไม่เป็นไร”
“กูว่ามึงไม่สบาย...”
“เปล่า...”
“ไม่ต้องช่วยกูแล้วก็ได้ ไปพักเหอะ...นอนห้องพยาบาลไปเลย”
“...มึงไม่ได้เป็นห่วงกูใช่ป่ะ ที่ถามออกมาเพราะเป็นมารยาท”
“เปล่า...กูเป็นห่วงมึง.. จริงๆ”
“.....................”
ผมไม่น่าถาม ทั้งๆ ที่อยากหลอกตัวเองว่าไอ้เรามันก็แค่คนรู้จักคนนึง ไม่มีมีความสำคัญอะไรกับบูมหรอก เรามันไม่เคยอยู่ในสายตา ไม่เคยเป็นอะไรของมัน.... ผมไม่ควรได้รับแม้กระทั่งความเป็นห่วงด้วยซ้ำ ผมไม่น่าถาม เพราะคำตอบของมันทำให้ผมหลอกตัวเองต่อไปไม่ได้อีก แค่มันเป็นห่วงผมก็ดีใจมากแล้ว
ทำให้ผมมีความหวัง...
เหมือนจะให้ความหวัง แต่ก็เป็นความหวังเลือนราง ....เหลือเกิน
“งั้น....กู ไปหายากินก่อนนะ”
ผมพูดอย่างตะกุกตะกักก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วเดินออกมา ... ที่จริงไม่ได้อยากจะไปหายากินอะไรหรอก ในใจก็รู้ดีว่าไม่ได้ไม่สบายกายตรงไหน ที่จะมีก็แค่มีตรงที่หัวใจ.... ผมควรจะทำยังไงต่อไปดี ?
ควรต้องทำยังไงดี...
“เฮ้ยยยย ห้องพยาบาลไปทางนั้น !! มึงมั่วแล้วววว ท่าทางมึนจริงๆ นะเว้ย ระวังน้องพารีสกลับมาฉุดอ่ะ เดี๋ยวจะได้ลองดีกับโอ่งมังกร ฮ่าๆๆ” บูมตะโกนตามหลังมา คงพยายามให้ผมตลก แต่ไม่เห็นฮาเลยว่ะ...
“.................”
“กินยาอย่าลืมเขย่าขวดนะ !! มึงยิ่งไม่หล่ออยู่ เดี๋ยวอัปลักษณ์เข้าไปใหญ่ !”
“.................”
“ไม่พูดกันเดี๋ยวจะแช่งให้อาจารย์ป้าจับไปห้องปกครองอีกรอบ แล้วให้อาจารย์ป้าสั่งแก้ผ้าวิ่งรอบโรงเรียน !!” แต่คราวนี้แม่งเล่นแรงงงงง
“.....ไอ้เชี่ยย !! เดี๋ยวจะโดน”
ผมหันกลับไปชูนิ้วกลางใส่มัน พลางยิ้มออกมา...รอยยิ้มจากหัวใจ
ทั้งๆ ที่ไม่คิดว่าจะยิ้มออก
ในเวลานี้ผมรู้แล้วว่าควรจะทำยังไงต่อไป... คำตอบก็คือปล่อยให้หัวใจและเวลาเป็นเครื่องตัดสิน... ผมไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย แค่ปล่อยให้เรื่องราวทุกอย่างดำเนินต่อไป ตามที่มันสมควรจะเป็น...ก็เท่านั้นเอง
สิ่งเดียวที่สำคัญสำหรับผม
แม้จะได้แค่หวัง...แม้ว่าจะได้แค่หวังจริงๆ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าสิ่งสำคัญสิ่งเดียวสำหรับผมจริงๆ คืออะไร : )
100%
อีดิทรอบที่ 1.
มาต่อแล้ววววว โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก พยายามปั่นสุดๆ 50% นี่เยอะนะ ไม่ใช่น้อยๆ เลย ={{}}= คาดว่าครึ่งหลังของตอนนี้จะมีฉากสวีทอีกแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ (เอามันไปทุกตอนเลย เอาให้เลี่ยนนน) เพื่อนของพี่บุชแต่ละคนนี่เชียร์บุชบูมกันจริงๆ เลยเนอะ ก็บอกแล้วเค้ารู้กันทั้งห้อง ฮ่าๆๆ (ไม่รู้คำผิดมีมั้ยแฮะ แต่พยายามตรวจมาก่อนแล้วนะ ถ้าพบก็ขออภัย)
พรุ่งนี้ไปเข้าค่ายลูกเสือเนตรนารียุวะบำเพ็ญฯ !!! TT__________TT อยากตายครับ มันต้องโหดมากแน่ๆ เลย ไปลพบุรีสามวันสองคืนเลยนะ ไม่ได้มาอัพฟิคต่อภายในสามวันนั้นแน่ๆ กลับมาวันเสาร์ก็คงไม่มีแรงอีก ฮา~~~ ต้องคิดถึงพี่บุชพี่บูมแล้วก็ชาวบีบีแฟนทุกคนแน่เลยอ่ะ T^T (ปริกับมอสวันนี้ไม่ออนเอ็มเลย ไม่ได้คุยกันเลยอ่ะ คิดถึง คิดถึงเพื่อนๆ ในห้องสนด้วย จะไม่ได้คุยกันตั้งสามวันแน่ะ T T’) แต่ก็นะ....ยอมรับชะตากรรม ไม่รู้ว่าต้องไปเจออะไรมั่ง !! หลังจากนั้นจะพยายามรีบมาต่อครับ !! ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม รักพี่บุชพี่บูมรักชาวบีบี รักคนอ่านทุกคน ขอบคุณจากใจจริงที่ร่วมรักพี่บุชพี่บูมไปพร้อมๆ กัน m(_ _)m
ปล.มีคนถามว่าเรื่องที่นำมาเขียนฟิค เป็นความจริงกี่% คำตอบก็คงประมาณ 50 - 60% เห็นจะได้ เพราะเหตุการณ์สำคัญๆ หรือว่าอะไรๆ ที่พอจะสืบได้ก็เอาลงมาเขียนหมดเลย(ที่ไม่เกินเลยมากจนเกินไป) แต่ก็มีเฟคบ้างบางส่วน เพื่อความเกี่ยวข้องเข้ากันของเนื้อเรื่องและพล็อต เข้าใจด้วยนะครับ ; ) (อ้ากกก วันนี้ปิดคอมพิ้วฯเกินสี่ทุ่มอีกแล้วสินะ ฮ่าๆ)
+++++++++++++++++++++++
อีดิท.สอง มาดิท ~~ในที่สุดเมื่อคืนก็อัพต่อได้จนสำเร็จ แต่ก็รีบๆ นะ คำผิดกับประโยคแปลกๆ บึมเลยอ้ะ = =;; วันนี้เลยทำการแก้ไขเสียใหม่แล้ว ขอโทษทุกคนด้วย ที่จริงอยากอัพตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่กลับมาถึงบ้านแล้วล่ะ แต่ด้วยค่ายโหดเกินพิกัดเลยทำให้สลบไปตั้งแต่ 2 ทุ่ม -_-‘’ วันเสาร์ก็ยังมึนต่อ(ปวดขาโคตรๆ เลย ลุกนั่งรวมสามวันเกือบห้าร้อยที ถ้าอยู่ต่ออีกครึ่งวันนี่ตายแล้วนะ =[]=;;) แต่ตอนพิธีอำลาค่ายซึ้งได้ใจมากๆ อยากบอกว่าตอนนี้คิดถึงค่ายพิบูลสงคราม กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 722 ฮ่าๆๆ รักครูฝึก พี่เลี้ยง หมวกแดงด้วย !
เข้าเรื่องๆ ความจริงตอนนี้ก็อยากให้มีฉากสวีทนะ แต่เขียนไปมาออกมาเป็นแบบนี้ซะแล้ว (ฮา~~ ถึงอย่างนั้นก็ยังสวีทกันนิดนึงเหอะ)ที่พี่บูมปัดมือพี่บุชออกแบบนั้น คงเป็นเพราะพี่บุชรุกอย่างรวดเร็วล่ะมั้ง ฮ่าๆๆ ไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว วันนี้มึน + เบลอมากๆ ด้วยเหตุว่าไม่สบาย แต่ก็ยังมานั่งเล่นคอมพิ้วฯ อย่างสบายใจ ฮี่ๆ(งานจะท่วมหัวตายและ T T’’)
เป็นว่าจบ ! เพ้อเจ้อมานานแล้ว อิดิท.นิยายเรื่องไหนเค้าย๊าวยาวแบบนี้บ้างครับเนี่ย เหอๆ -_-‘’ แล้วจะมาอัพใหม่ เมื่อได้ฤกษ์ รักทุกคนนะ !
ความคิดเห็น