ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4 ผู้กล้าของโลก
" เอ๋???? " วายุตะโกนขึ้นหลังได้ยินสิ่งที่วิริยะพูด่า
"�หมายความว่ายังไงกันค่ะท่านวิริยะ " วารีรีบสวนคำถามกลับ
"�หึหึ ไม่ต้องตกใจกัน�ค่อยๆฟังชั้นอธิบาย�" วิริยะพูดอย่างใจเย็นราวกับว่านี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แล้วพูดต่อ
"�วายุ เธอเจอหนังสือเล่มนี้ที่ไหนนะ เอาชัดๆนะ�"
"�อ่ะ...เอ่อ... ที่โซนการ์ตูนเก่า ตรงหนังสือการ์ตูนเรื่องจะโท่งจะเท่งนะครับ เอ่อ... มันถูกซ่อนไว้ด้วยหนังสือ 4 เล่ม เอ.. มีเรื่องอะไรบ้างหว่า จะโท่งอยู่ที่สองจากทางซ้ายนะคร... " วายุพูดยังไม่ทันจบ วิริยะรีบยกมือห้ามแล้วพูดต่อ
"�เป็นการ์ตูนเก่าทั้ง 4 เล่ม�เด็กนักสืบไม่ยอมโต จะโท่งจะเท่ง�หางเทพธิดา และ โจรสลัดยางยืด จริงมั้ย วิมล�"
การที่วิริยะยกมือห้ามเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าทั้ง 4 เล่มนั้นคืออะไร ที่ถามวิมลเป็นเหมือนกับการบอกว่า เขาเหมาะสมกับตำแหน่งผอ.หอสมุดจริงๆ
"�อ่ะ....เอ่อ....�ซักครู่นะคะ�" วิมลรีบหยิบบุ๊คสโตร์ชอป( Book Store Shop : เครื่องบันทึกและแสดงหนังสือของหอสมุดประจำเมือง เป็นสิ่งของประจำบรรณารักษ์ทุกคน ) ขึ้นมา แต่ด้วยความรวดเร็วและเชี่ยวชาญ จึงทำให้เขาได้คำตอบทันที
"�ถะ....ถูกต้องทั้งหมดค่ะ " วิมลตอบอย่างหวั่นๆ เพราะที่วิริยะพูดมาทั้งหมด ถูกต้องหมดเลยทุกตัวอักษร
ทุกคนทำท่าเหมือนไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็น เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนจำหนังสือได้ทุกเล่มในหอสมุดขนาดใหญ่
"�หึ ไม่ต้องตกใจกันหรอก ชั้นก็ต้องทำตามหน้าที่ของชั้นบ้าง ชั้นตรวจสอบความเรียบร้อยของหอสมุดทุกคืนแหละ หลังที่พวกเธอกลับไปหมดแล้วละนะ เมื่อคืนชั้นก็เพิ่งเดินตรวจทั้งหอ ไม่แปลกใช่มั้ยละ ที่ชั้นจะจำได้�"
'�ไม่แปลกบ้าอะไรกันละ? คนอะไรจะเดินตรวจหนังสือทั้งหอสมุดได้ภายในคืนเดียว ' ทุกคนคิดเหมือนกันหมด
ซึ่งก็ไม่ใช่ความคิดที่ผิด แม้แต่วิมลเองก็ยังต้องใช้เวลามากกว่า 2 วันเต็มๆในการตรวจหนังสือทั้งหมด ซึ่งมันก็หมายความว่า การที่วิริยะได้ตำแหน่งผอ. หอสมุดมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
"�แต่เมื่อคืนชั้นก็เปิดดูทุกซอกทุกมุมอ่ะนะ... "
'�เปิดทุกซอกทุกมุมอีก โอ้ว! แม่เจ้า�' วายุคิดต่อ
"�แต่หลังหนังสือ 4 เล่มนั้น ไม่มีหนังสือถูกซ่อนอยู่แน่นอน!�" คำตอบของวิริยะทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆกัน
"�แต่ผมเห็นจริงๆนะ ว่าหนังสือ 4 เล่มนั้นมันหล่นออกมาแล้วมีหนังสือถูกซ่อนอยู่...�" วายุตอบอย่างหวั่นๆ
�หรือว่าหนังสือเล่มนี้คืออุปทานหมู่
"�เห้ย กลัวอะไรกัน ไม่ใช่ผีหรอก ยุคนี้แล้ว ผีเผอไม่มีแล้ว�เอ้าๆ..ชั้นจะอธิบายให้ฟังเอง... " วิริยะอ่านสีหน้าของวายุออกจึงรีบเล่าต่อ
"�หมายความว่ายังไงกันค่ะท่านวิริยะ " วารีรีบสวนคำถามกลับ
"�หึหึ ไม่ต้องตกใจกัน�ค่อยๆฟังชั้นอธิบาย�" วิริยะพูดอย่างใจเย็นราวกับว่านี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แล้วพูดต่อ
"�วายุ เธอเจอหนังสือเล่มนี้ที่ไหนนะ เอาชัดๆนะ�"
"�อ่ะ...เอ่อ... ที่โซนการ์ตูนเก่า ตรงหนังสือการ์ตูนเรื่องจะโท่งจะเท่งนะครับ เอ่อ... มันถูกซ่อนไว้ด้วยหนังสือ 4 เล่ม เอ.. มีเรื่องอะไรบ้างหว่า จะโท่งอยู่ที่สองจากทางซ้ายนะคร... " วายุพูดยังไม่ทันจบ วิริยะรีบยกมือห้ามแล้วพูดต่อ
"�เป็นการ์ตูนเก่าทั้ง 4 เล่ม�เด็กนักสืบไม่ยอมโต จะโท่งจะเท่ง�หางเทพธิดา และ โจรสลัดยางยืด จริงมั้ย วิมล�"
การที่วิริยะยกมือห้ามเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าทั้ง 4 เล่มนั้นคืออะไร ที่ถามวิมลเป็นเหมือนกับการบอกว่า เขาเหมาะสมกับตำแหน่งผอ.หอสมุดจริงๆ
"�อ่ะ....เอ่อ....�ซักครู่นะคะ�" วิมลรีบหยิบบุ๊คสโตร์ชอป( Book Store Shop : เครื่องบันทึกและแสดงหนังสือของหอสมุดประจำเมือง เป็นสิ่งของประจำบรรณารักษ์ทุกคน ) ขึ้นมา แต่ด้วยความรวดเร็วและเชี่ยวชาญ จึงทำให้เขาได้คำตอบทันที
"�ถะ....ถูกต้องทั้งหมดค่ะ " วิมลตอบอย่างหวั่นๆ เพราะที่วิริยะพูดมาทั้งหมด ถูกต้องหมดเลยทุกตัวอักษร
ทุกคนทำท่าเหมือนไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็น เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนจำหนังสือได้ทุกเล่มในหอสมุดขนาดใหญ่
"�หึ ไม่ต้องตกใจกันหรอก ชั้นก็ต้องทำตามหน้าที่ของชั้นบ้าง ชั้นตรวจสอบความเรียบร้อยของหอสมุดทุกคืนแหละ หลังที่พวกเธอกลับไปหมดแล้วละนะ เมื่อคืนชั้นก็เพิ่งเดินตรวจทั้งหอ ไม่แปลกใช่มั้ยละ ที่ชั้นจะจำได้�"
'�ไม่แปลกบ้าอะไรกันละ? คนอะไรจะเดินตรวจหนังสือทั้งหอสมุดได้ภายในคืนเดียว ' ทุกคนคิดเหมือนกันหมด
ซึ่งก็ไม่ใช่ความคิดที่ผิด แม้แต่วิมลเองก็ยังต้องใช้เวลามากกว่า 2 วันเต็มๆในการตรวจหนังสือทั้งหมด ซึ่งมันก็หมายความว่า การที่วิริยะได้ตำแหน่งผอ. หอสมุดมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
"�แต่เมื่อคืนชั้นก็เปิดดูทุกซอกทุกมุมอ่ะนะ... "
'�เปิดทุกซอกทุกมุมอีก โอ้ว! แม่เจ้า�' วายุคิดต่อ
"�แต่หลังหนังสือ 4 เล่มนั้น ไม่มีหนังสือถูกซ่อนอยู่แน่นอน!�" คำตอบของวิริยะทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆกัน
"�แต่ผมเห็นจริงๆนะ ว่าหนังสือ 4 เล่มนั้นมันหล่นออกมาแล้วมีหนังสือถูกซ่อนอยู่...�" วายุตอบอย่างหวั่นๆ
�หรือว่าหนังสือเล่มนี้คืออุปทานหมู่
"�เห้ย กลัวอะไรกัน ไม่ใช่ผีหรอก ยุคนี้แล้ว ผีเผอไม่มีแล้ว�เอ้าๆ..ชั้นจะอธิบายให้ฟังเอง... " วิริยะอ่านสีหน้าของวายุออกจึงรีบเล่าต่อ
“ พวกเธอเคยได้ยินนิทานเรื่อง ผู้กล้าของโลก มั้ย ”
�
ทุกคนรู้สึกแปลกใจที่วิริยะเริ่มเปิดคำถามใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับหนังสือลึกลับนี่ยังไง
�
“ ...เคยครับ ตอนเด็กๆครูเคยเล่าให้ฟังอยู่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ละครับ ” วายุพูดขึ้นเมื่อทุกคนยังสงสัยกันอยู่
�
“ หึ พวกเธอคิดว่ามันเป็นแค่นิทานสินะ �”
ยิ่งพูดยิ่งงง ทุกคนคิด
"�ความจริงมันไม่ใช่แค่นิทานหรอกนะ มันคือเรื่องจริง�"
"�!!!! " คราวนี้จากงงธรรมดาทวีเป็นความแปลกใจอย่างหนัก เพราะนิทานที่เล่าให้เด็กฟังจะเป็นเรื่องจริง
ยังไม่ทันที่ถูกคนจะเอ่ยปากถาม วิริยะก็พูดต่อ เหมือนกับรู้คำถามอยู่แล้ว
"�....ในสมัยก่อน มีสัตว์อสูรบุกเข้ามาในดินแดนของมนุษย์ ทำลายบ้านเมืองและฆ่าคนไปทั่ว จนทุกคนต้องหวาดกลัว จนมีผู้กล้าคนหนึ่ง ได้เข้าไปเผชิญหน้ากับเหล่าสัตว์อสูร และฟาดดาบไม้ในมือลงบนหัวของเหล่าสัตว์อสูร จนสัตว์อสูรเกิดหวาดเกรง และมนุษย์ทุกคนได้ยกย่องให้เขาเป็นผู้กล้าของโลก นิทานว่ายังงี้ใช่มั้ย วายุ�" วิริยะสรุปนิทานที่ตนเองบอกว่าเป็นเรื่องจริงให้ทุกคนฟัง
"�ครับ... " ตอนนี้วายุก็ยังรู้สึกหวั่นๆ เพราะถ้านิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง แสดงว่าสัตว์อสูรมีอยู่ในโลก
วันนี้ไม่รู้เป็นวันอะไร ทุกคน วายุ กฤษณา วารี และวิมล ต้องอยู่ในอาการที่ไม่อภิรมย์ทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นการค้นพบหนังสือลึกลับ การปรากฎตัวของวิริยะ และนี่ยังได้ยินจากปากของวิริยะอีกว่า�นิทานปรัมปราจะเป็นเรื่องจริง
ขณะที่ทุกคนยังสับสนอยู่ วิริยะไม่รอช้ารีบพูดต่อทันที
"�แต่ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียวหรอกนะ... สัตว์อสูรไม่ใช่เป็นฝ่ายรุกรานเรา เราต่างหากที่เป็นฝ่ายไปรุกรานสัตว์อสูร... เมื่อหลายร้อยปีก่อน โลกเราแบ่งเป็นสองฝั่ง คือฝั่งมนุษย์และฝั่งสัตว์อสูร แต่ด้วยความคิดที่อยากพัฒนา�มนุษย์จึงเป็นฝ่ายไปรุกรานฝั่งสัตว์อสูรเพื่อจะขยายอาณาเขต จนเกิดการต่อสู้กัน ถ้าด้วยความจริงแล้ว มนุษย์จะต้องแพ้แน่นอน ถ้าไม่มี...ผู้กล้าตัวจริงอยู่ เพราะผู้กล้าได้รับขนานนามว่าเป็นผู้กล้าเพราะเป็นมนุษย์คนเดียวที่สามารถต่อกรกับเหล่าสัตว์อสูรได้ มนุษย์ได้ใช้ผู้กล้าเป็นอาวุธในการต่อกรกับสัตว์อสูร แต่แล้ววันหนึ่ง..ผู้กล้าก็หายตัวไป...�"�
หลังจากที่วิริยะพูดจบ ทุกคนก็เริ่มาคิดสรุป เพราะตอนนี้สมองแต่ละคนมีเรื่องน่าปวดหัวมากมายอยู่คับหัว
"�คนที่รู้ว่านี่เป็นเรื่องจริงก็มีอยู่ไม่กี่คนบนโลกหรอกนะ เพราะนี่เป็นความลับสุดยอด จะมีก็แต่คนที่อยู่ในสมัยนั้นอย่างปู่ของชั้นเท่านั้นที่รู้ แต่เขาห้ามบอกเรื่องนี้กับลูกหลาน�คงมีแค่ปู่ชั้นละมังที่กล้าฝ่าฝืนคพสั่งขั้นเด็ดขาดนี่ ฮะฮะ�" วิริยะพูดติดตลกนิดๆ
"�แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหนังสือเล่มนี้ละค่ะ " วิมลซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนตั้งสติได้คนแรกถามคำถามตรงประเด็นที่สุด
"�ก็พวกเธอบอกเองไม่ใช่รึ ว่าจัสท์ไม่มีพี่น้องหรือญาติมิตรนะ� แต่หลักฐานนะอยู่นี่ คิดดูสิ จะปิดบังไปทำไม เพราะมันไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว แล้วตามที่ชั้นบอกนะแหละ ว่าเมื่อคืนหนังสือเล่มนี้ยังไม่ได้อยู่ตรงนั้น และเมื่อเช้า ก็ไม่มีคนเข้าไปในบริเวณนั้นด้วย จะมีก็แต่วายุ ที่เธอเข้าไปหาอะไรนะ....�" วิริยะพูดพลางมองมาที่วายุกับกฤษณา ทำให้ทั้งสองสะดุ้งโหยง เพราะวิริยะน่าจะรู้ความลับของสองคนนี้แล้ว
"�แสดงว่ามันต้องเจาะจงแน่ๆว่าต้องการให้ใครเห็น และนี่เป็นหนังสือโบราณล้ำค่าด้วย คนที่ซ่อนมันคงเป็นคนที่ไม่ธรรมดาแน่ และคนที่พบคือเธอ วายุ นั่นแสดงว่า เธอ คือคนที่ถูกเลือก�" วิริยะชี้ไปทางวายุ เหมือนเขาจะไม่สนใจความลับของสองพี่น้อง ทำให้กฤษณาโล่งใจ แต่วายุยังตกใจอยู่
"�ผมเนี่ยนะ!!.. "
"�ใช่ และจากที่ชั้นอ่านคร่าวๆ หนังสือไม่ยังไม่จบเพียงเท่านี้�และ�เจ้าของคือคนที่ต้องเกี่ยวข้องกับจัสท์�ดังนั้น ผู้ที่ถูกเลือกต้องเดินทางไปหาความจริงจากจัสท์ คือเธอ วายุ...�"
�
ทุกคนพอจะเข้าใจแล้ว จึงมองมาทางวายุเป็นสายตาเดียวกัน แม้กระทั่ง กฤษณา ที่คิดว่า น้องชายเธอต้องออกไปเสี่ยงอันตรายแน่ๆ มีเพียงแต่วายุ ที่ยังดูงงๆ และอุทานเบาๆ "�เอ๋????. "
.
..
...
คืนนี้ดาวเต็มท้องฟ้า ดวงจันทร์กลมโตส่องแสงสง่าอยู่บนท้องฟ้า
ที่บ้านของวายุตอนนี้กำลังเตรียมทานข้าวเย็นกัน หลังจากที่พ่อแม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดและวิริยะถึงกับอุตส่าห์มาขออนุญาตเองแบบนี้ ทำให้ทั้งพ่อและแม่พูดอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังแอบเป็นห่วงลูกตามประสาของคนเป็นพ่อแม่
กระเป๋าเป้เพียงใบเดียวที่วายุเตรียมไว้ คืนนี้คือคืนสุดท้ายก่อนที่เขาจะต้องออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น เพราะวิริยะบอกให้รีบที่สุด เพราะจัสท์เตรียมจะจบการ์ตูนเพื่อออกเดินทางเหมือนกัน
'�เฮ้อ...จะจบจริงๆสินะ ' เขาคิดในใจเพราะการ์ตูนสุดโปรดของเขาจะจบลง เขาอยากจะบอกเพื่อนๆที่โรงเรียนมาก แต่นี่คือช่วงปิดเทอม และรุ่งเช้าเขาต้องอออกเดินทางแล้ว ทำให้เขารู้สึกเศร้านิดๆ
"�วายุ! วันนี้แม่ทำข้าวหมูทอดของโปรดูกด้วยนา ลงมากินข้าวเร็ว!!�" เสียงแม่ของวายุดังมาจากข้างล่างพร้อมกลิ่นสุดแสนจะคุ้นเคยของข้าวหมูทอด
"�คร้าบบบบบ " วายุพูดพลางน้ำลายสอ เขาลงไปกินข้าวแล้ว โดยที่หารู้ไม่ว่า ภารกิจที่เขาได้รับหมอบหมายนั้นเป็นภารกิจที่เป็นเบื้องหลังของโลกนี้ แต่วิริยะก็ไม่ได้พูดออกมา เพรราะเกรงว่าจะเป็นการกดดันวายุมากเกินไป
��������� '�อย่าทำให้ชั้นผิดหวังละ...วายุ ' วิริยะคิดพลางมองท้องฟ้าในห้องชั้นบนสุดของหอสมุดประจำเมือง
.
.
.
.
.
ตามจริงจะได้ลงตั้งแต่วันศุกร์แล้วครับ แต่เกิดปัญหาเล็กน้อยคือ ผิดพลาดทางการบันทึก เลยต้องเขียนใหม่ ก็เลยถือโอกาสขัดเกลาบทพูดให้ดีขึ้น (อ่านดีๆผมแอบเล่นมุกด้วยนะเออ) อ่านจบแล้วเม้นบ้างก็ได้ครับ จะได้นำมาใช้ปรับปรุงเนื้อเรื่อง ฮา
ยิ่งพูดยิ่งงง ทุกคนคิด
"�ความจริงมันไม่ใช่แค่นิทานหรอกนะ มันคือเรื่องจริง�"
"�!!!! " คราวนี้จากงงธรรมดาทวีเป็นความแปลกใจอย่างหนัก เพราะนิทานที่เล่าให้เด็กฟังจะเป็นเรื่องจริง
ยังไม่ทันที่ถูกคนจะเอ่ยปากถาม วิริยะก็พูดต่อ เหมือนกับรู้คำถามอยู่แล้ว
"�....ในสมัยก่อน มีสัตว์อสูรบุกเข้ามาในดินแดนของมนุษย์ ทำลายบ้านเมืองและฆ่าคนไปทั่ว จนทุกคนต้องหวาดกลัว จนมีผู้กล้าคนหนึ่ง ได้เข้าไปเผชิญหน้ากับเหล่าสัตว์อสูร และฟาดดาบไม้ในมือลงบนหัวของเหล่าสัตว์อสูร จนสัตว์อสูรเกิดหวาดเกรง และมนุษย์ทุกคนได้ยกย่องให้เขาเป็นผู้กล้าของโลก นิทานว่ายังงี้ใช่มั้ย วายุ�" วิริยะสรุปนิทานที่ตนเองบอกว่าเป็นเรื่องจริงให้ทุกคนฟัง
"�ครับ... " ตอนนี้วายุก็ยังรู้สึกหวั่นๆ เพราะถ้านิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง แสดงว่าสัตว์อสูรมีอยู่ในโลก
วันนี้ไม่รู้เป็นวันอะไร ทุกคน วายุ กฤษณา วารี และวิมล ต้องอยู่ในอาการที่ไม่อภิรมย์ทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นการค้นพบหนังสือลึกลับ การปรากฎตัวของวิริยะ และนี่ยังได้ยินจากปากของวิริยะอีกว่า�นิทานปรัมปราจะเป็นเรื่องจริง
ขณะที่ทุกคนยังสับสนอยู่ วิริยะไม่รอช้ารีบพูดต่อทันที
"�แต่ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียวหรอกนะ... สัตว์อสูรไม่ใช่เป็นฝ่ายรุกรานเรา เราต่างหากที่เป็นฝ่ายไปรุกรานสัตว์อสูร... เมื่อหลายร้อยปีก่อน โลกเราแบ่งเป็นสองฝั่ง คือฝั่งมนุษย์และฝั่งสัตว์อสูร แต่ด้วยความคิดที่อยากพัฒนา�มนุษย์จึงเป็นฝ่ายไปรุกรานฝั่งสัตว์อสูรเพื่อจะขยายอาณาเขต จนเกิดการต่อสู้กัน ถ้าด้วยความจริงแล้ว มนุษย์จะต้องแพ้แน่นอน ถ้าไม่มี...ผู้กล้าตัวจริงอยู่ เพราะผู้กล้าได้รับขนานนามว่าเป็นผู้กล้าเพราะเป็นมนุษย์คนเดียวที่สามารถต่อกรกับเหล่าสัตว์อสูรได้ มนุษย์ได้ใช้ผู้กล้าเป็นอาวุธในการต่อกรกับสัตว์อสูร แต่แล้ววันหนึ่ง..ผู้กล้าก็หายตัวไป...�"�
หลังจากที่วิริยะพูดจบ ทุกคนก็เริ่มาคิดสรุป เพราะตอนนี้สมองแต่ละคนมีเรื่องน่าปวดหัวมากมายอยู่คับหัว
"�คนที่รู้ว่านี่เป็นเรื่องจริงก็มีอยู่ไม่กี่คนบนโลกหรอกนะ เพราะนี่เป็นความลับสุดยอด จะมีก็แต่คนที่อยู่ในสมัยนั้นอย่างปู่ของชั้นเท่านั้นที่รู้ แต่เขาห้ามบอกเรื่องนี้กับลูกหลาน�คงมีแค่ปู่ชั้นละมังที่กล้าฝ่าฝืนคพสั่งขั้นเด็ดขาดนี่ ฮะฮะ�" วิริยะพูดติดตลกนิดๆ
"�แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหนังสือเล่มนี้ละค่ะ " วิมลซึ่งดูเหมือนจะเป็นคนตั้งสติได้คนแรกถามคำถามตรงประเด็นที่สุด
"�ก็พวกเธอบอกเองไม่ใช่รึ ว่าจัสท์ไม่มีพี่น้องหรือญาติมิตรนะ� แต่หลักฐานนะอยู่นี่ คิดดูสิ จะปิดบังไปทำไม เพราะมันไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว แล้วตามที่ชั้นบอกนะแหละ ว่าเมื่อคืนหนังสือเล่มนี้ยังไม่ได้อยู่ตรงนั้น และเมื่อเช้า ก็ไม่มีคนเข้าไปในบริเวณนั้นด้วย จะมีก็แต่วายุ ที่เธอเข้าไปหาอะไรนะ....�" วิริยะพูดพลางมองมาที่วายุกับกฤษณา ทำให้ทั้งสองสะดุ้งโหยง เพราะวิริยะน่าจะรู้ความลับของสองคนนี้แล้ว
"�แสดงว่ามันต้องเจาะจงแน่ๆว่าต้องการให้ใครเห็น และนี่เป็นหนังสือโบราณล้ำค่าด้วย คนที่ซ่อนมันคงเป็นคนที่ไม่ธรรมดาแน่ และคนที่พบคือเธอ วายุ นั่นแสดงว่า เธอ คือคนที่ถูกเลือก�" วิริยะชี้ไปทางวายุ เหมือนเขาจะไม่สนใจความลับของสองพี่น้อง ทำให้กฤษณาโล่งใจ แต่วายุยังตกใจอยู่
"�ผมเนี่ยนะ!!.. "
"�ใช่ และจากที่ชั้นอ่านคร่าวๆ หนังสือไม่ยังไม่จบเพียงเท่านี้�และ�เจ้าของคือคนที่ต้องเกี่ยวข้องกับจัสท์�ดังนั้น ผู้ที่ถูกเลือกต้องเดินทางไปหาความจริงจากจัสท์ คือเธอ วายุ...�"
�
ทุกคนพอจะเข้าใจแล้ว จึงมองมาทางวายุเป็นสายตาเดียวกัน แม้กระทั่ง กฤษณา ที่คิดว่า น้องชายเธอต้องออกไปเสี่ยงอันตรายแน่ๆ มีเพียงแต่วายุ ที่ยังดูงงๆ และอุทานเบาๆ "�เอ๋????. "
.
..
...
คืนนี้ดาวเต็มท้องฟ้า ดวงจันทร์กลมโตส่องแสงสง่าอยู่บนท้องฟ้า
ที่บ้านของวายุตอนนี้กำลังเตรียมทานข้าวเย็นกัน หลังจากที่พ่อแม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดและวิริยะถึงกับอุตส่าห์มาขออนุญาตเองแบบนี้ ทำให้ทั้งพ่อและแม่พูดอะไรไม่ได้ แต่ก็ยังแอบเป็นห่วงลูกตามประสาของคนเป็นพ่อแม่
กระเป๋าเป้เพียงใบเดียวที่วายุเตรียมไว้ คืนนี้คือคืนสุดท้ายก่อนที่เขาจะต้องออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น เพราะวิริยะบอกให้รีบที่สุด เพราะจัสท์เตรียมจะจบการ์ตูนเพื่อออกเดินทางเหมือนกัน
'�เฮ้อ...จะจบจริงๆสินะ ' เขาคิดในใจเพราะการ์ตูนสุดโปรดของเขาจะจบลง เขาอยากจะบอกเพื่อนๆที่โรงเรียนมาก แต่นี่คือช่วงปิดเทอม และรุ่งเช้าเขาต้องอออกเดินทางแล้ว ทำให้เขารู้สึกเศร้านิดๆ
"�วายุ! วันนี้แม่ทำข้าวหมูทอดของโปรดูกด้วยนา ลงมากินข้าวเร็ว!!�" เสียงแม่ของวายุดังมาจากข้างล่างพร้อมกลิ่นสุดแสนจะคุ้นเคยของข้าวหมูทอด
"�คร้าบบบบบ " วายุพูดพลางน้ำลายสอ เขาลงไปกินข้าวแล้ว โดยที่หารู้ไม่ว่า ภารกิจที่เขาได้รับหมอบหมายนั้นเป็นภารกิจที่เป็นเบื้องหลังของโลกนี้ แต่วิริยะก็ไม่ได้พูดออกมา เพรราะเกรงว่าจะเป็นการกดดันวายุมากเกินไป
��������� '�อย่าทำให้ชั้นผิดหวังละ...วายุ ' วิริยะคิดพลางมองท้องฟ้าในห้องชั้นบนสุดของหอสมุดประจำเมือง
.
.
.
.
.
ตามจริงจะได้ลงตั้งแต่วันศุกร์แล้วครับ แต่เกิดปัญหาเล็กน้อยคือ ผิดพลาดทางการบันทึก เลยต้องเขียนใหม่ ก็เลยถือโอกาสขัดเกลาบทพูดให้ดีขึ้น (อ่านดีๆผมแอบเล่นมุกด้วยนะเออ) อ่านจบแล้วเม้นบ้างก็ได้ครับ จะได้นำมาใช้ปรับปรุงเนื้อเรื่อง ฮา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น