ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Naruto ) Naruto The paradise of Atlantis ผจนภัยดินแดนแอตเลนติส

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 7 ผลของความผิดพลาดที่ได้กระทำลงไป ?! และความจริงของทวีปนี้

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 63




    "คุชินะ เธอกำลังตั้งท้อง"

         คำพูดของท่านหญิงฮารุกะทำให้เด็กทั้งสองถึงกับตกตะลึงตาคางขึ้นมาทันที่นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่ทำกันมาตลอดสองเดือนนี้มันจะให้ผลที่ไม่คาดคิด เด็กหนุ่มเองก็ไม่เชื้อในคำพูดที่หญิงสาวพูดออกมาเป็นไปไม่ได้ที่คุชินะจะตั้งท้องขึ้นมา ขณะที่เด็กสาวเองนั้นเธอนั้นตัวสั่นอย่างมากเมื่อได้ทราบจากปากของหญิงสาว

    "แต่มันเป็นไปไม่ได้" เด็กหนุ่มร้องค้านขึ้นมา "คุชินะจะท้องได้อย่างไรกัน มันเป็นไปไม่ได้"

    "จริงมันเป็นไปแล้ว" หญิงสาวพูด "และมันจะเป็นไปตลอดการ เธอไม่ได้ฝันหลอกนี้คือความจริงที่เธอได้ทำมันลงไปแล้ว"

    "ฉัน....ท....ท้อง" เด็กสาวพูดอย่างติดขัดแล้วเอามือกุมที่ท้อง  อย่างไม่เชื้อสายตา (เป็นไปไม่ได้ทำไมฉันถึงท้องเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้) 

    "คุชินะ" เด็กหนุ่มพูดด้วยความเป็นห่วง

    "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ไม่ ไม่ ไม่จริงไม่นะ ไม่ ไม่ ฉันไม่ได้ท้อง ไม่" เด็กสาวกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงเมื่อสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นได้เกิดขึ้นแล้ว 
    สำหรับเด็กสาวแล้วนี้คือฝันร้ายสำหรับเธอมาก ๆ เพราะนึกไม่ถึงว่าการเล่นรักกันระหว่างเธอและเด็กหนุ่มจะนำสิ่งที่ไม่คาดคิดมาให้แก่เธอ

    "คุชินะใจเย็นไว้ก่อนเธออย่างพึ่งเป็นอะไรไปนะ "  เด็กหนุ่มรีบเข้ามาจับเด็กสาวเอาไว้ ที่กำลังดิ้นอย่างคนเสียสติ 

    "ใจเย็นหรือมินาโตะ นายรู้ไหมว่ามันจะใจเย็นได้อย่างไร นายทำให้ฉันท้องในเมื่อพวกเรายังไม่พร้อมที่จะเป็นแม่หรือพ่อคนมันจะใจเย็นได้อย่างไรเล่า " เด็กสาวกรีดร้องอย่างสุดเสียง

    "ฉันรู้ว่ามันเป็นความผิดพลาดที่พวกเราไม่อาจแก้ไขได้อีกแล้วแต่เราต้องควบคุมสติไว้ก่อน" เด็กหนุ่มพยายามจับแขนที่เหวี่ยงไปมาอย่างคุ่มคลังของเด็กสาว

    "ไม่ ไม่ ฉันยังไม่พร้อมที่จะเป็นแม่คน ฉันยังเด็กอยู่นะ" คุชินะหวีดร้อง ด้วยอาการเสียสติถึงขีดสุด

    "คุชินะ!!"

    "พอเลยทั้งสองคน!!" ฮารุกะแผดเสียงที่เข็มงวดและดุดันออกมาทำให้เด็กทั้งสองเงียบลงราวกับนักโทษเจอผู้คุม จนเด็กทั้งสองหน้าจ่อยไปตาม
    ๆ กัน

    "ฟังฉันให้ดีไอ้พวกเด็กไม่รู้จักเจียมเนิ้อเจียมตัว" หญิงสาวพูดด้วยเสียงที่ดุ  "พวกเธอรู้บ้างหรือไม่ว่าการมีอะไรก่อนวัยอันควรนั้นมันไม่ควรทำอย่างยิ่ง พ่อแม่ของพวกเธอไม่ได้สั่งสอนเรื่องพวกนี้หรือไง"

         เด็กทั้งสองไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้เลยใช้พวกเขารู้สึกผิดอย่างมากที่ได้กระทำในสิ่งที่พวกเขาไม่ควรทำลงไป จะย้อนกลับไปแก้ไขก็ไม่ได้อีกแล้ว โอ้ชีวิต

    "พวกเรา พวกเราขอโทษด้วยครับ/ค่ะ" เด็กหนุ่มและเด็กสาวประสานเสียงพร้อมกัน

    "ไม่ต้องมาขอโทษเลย พวกเธอทำผิดพลาด และตัดอนาคตตัวเอง เธอทั้งสองจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง คุชินะเธอรู้หรือเปร่าว่าการท้องก่อนวัยอันควรนั้นอันตรายมากแค่ไหน ยิ่งเธอเป็นเด็กอายุ 12 แล้วล่ะก็ถือว่าอันตรายมาก เพราะตอนคลอดอาจทำให้เธอตกเลือดอย่างหนักแน่นอน สวนเธอมินาโตะ เธอนั้นไม่ได้ยับยังอารหมณ์ความต้องการของเธอเลยหรือไงถึงได้ปล่อยให้เกิดเหตุอย่างนี้ขึ้นมา ฉันอยากจะบ้าตายกับพวกเธอทั้งสองคนจริง
    ๆ เลย"

         หญิงสาวต่อว่าเด็กทั้งสองราวกับแม่สั่งสอนลูกที่ไม่เชื้อฟัง ซึ่งสำหรับทั้งคู่แล้วถือว่าเป็นเรื่องที่สาสมสมควรแล้ว ทำไม่น่ะพวกเราถึงได้ไม่ยับยังอารหมณ์ตัวเอง

    "แต่พวกเรานั้นยังเด็กยังไม่รู่วิธีเลี้ยงลูกเลยด้วยซ่ำ แล้วพวกเราจะทำอย่างไรละ"

     
         เด็กหนุ่มพูดเสียงจ่อย ๆ ขึ้นมา ทำให้หญิงสาวฉุกคิดได้ว่าสองคนนั้นยังไม่พร้อมจะเป็นพ่อคนแม่คนเลยด้วยซ่ำ  หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่งจนสุดท้าย

     "ก็ได้ ก็ได้ฉันจะช่วยพวกเธอ เองแต่มีข้อแม้ว่าพวกเธอจะต้องดูแลลูกของพวกเธอให้ถึงที่สุดด้วยเหมือนกันเข้าใจไหมและอย่าได้ทิ้งเด็กไปเป็นอันขาด พวกเขาเป็นลูกของพวกเธอ เธอเองก็ควรเข้าใจความรู้สึกของลูกที่เกิดมาโดนพ่อแม่ทิ้งด้วยนะ"

    "เข้าใจครับ" เด็กทั้งสองตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน

    "ดีวันนี้พวกเธอก็พักผ่อนกันไปก่อนเถอะไว้พรุ่งนี้ฉันจะฝึกสอนวิชาต่าง
    ๆให้พวกเธอเองรวมทั้งการเลี้ยงลูกด้วย "

    หญิงสาวพูดจบแล้วเดินออกไปจากห้องอย่างไม่สนใจ ปล่อยให้เด็กทั้งสองนั่งทบทวนความผิดพลาดที่ได้ก่อขึ้นมา

    "ฉันผิดเองฉันน่าจะควบคุมอารหมณ์ให้มากกว่านี้กว่านี้" เด็กหนุ่มพูดอย่างรู้สึกผิด

    "ฉันเองก็ผิดเหมือนกันที่ไม่ได้ป้องกันหรือคิดถึงสิ่งที่จะตามมา"

         เด็กสาวลูบท้องที่แบนราบที่ภายในนั้นกำลังมีชีวิตหนึ่งกำลังรอลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้ เด็กหนุ่มเอามือมาสัมผัสที่ท้องอย่างแผวเบา

    "เราทั้งคู่เป็นคนทำให้พวกเขาเกิดมา เราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ต้องเป็นห่วงนะคุชินะ ฉันจะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เอง"

    "มินาโตะ"
     
         เด็กหนุ่มพูดกล่อมและเอาหูมาแนบกับท้องของเด็กสาว ราวกับกำลังฟังเสียงชีวิตตัวน้อย
    ๆ  โดยที่เด็กสาวได้แต่เอามือปิดปากตัวเองและ ร้องไห้ออกมาถึงอนาคตของทั้งสองที่ต้องมากลายเป็นพ่อแม่คนก่อนวัยอันควร

    ******************


         หลังจากวันนั้นมา ทั้งฉันและมินาโตะ ต่างได้ฝึกวิชาต่าง
    ๆ นานาซึ่งมีตั้งแต่การใช้อาวุธดาบหอกและธนูถ้าคิดว่ามันธรรมดาแล้วละก็คิดผิดไปได้เลย เพราะพวกเราต้องใช้พลังจักระส่งลงไปในอาวุธ พวกนี้ซึ่งถือเป็นอะไรที่ยากเอามาก

    แก็ง แก็ง แก็ง

         เสียงดาบคาตานะสองเล่มปะทะกันอย่างเอาเป็นเอาตายระหว่างฉันกับมินาโตะ โดยที่ดาบของเราเปล่งพลังจักระออกมาจนสว่าง

    "ขยับเท้าซ้ายไปทางข้างหลัง และตั้งสติหน่อย" ฮารุกะตโกนสั่ง "อย่าลืมว่าเธอกำลังต่อสู่กับศัตรูของเธออยู่ พลาดนิดเดียวเธอตายได้เสมอ"

    "ค่ะท่านฮารุกะ"


    แก็ง แก็ง แก็ง

         เด็กสาวรับคำสั่งแล้วรีบตวัดดาบอย่างรวดเร็ว จนเด็กหนุ่มนั้นแถบจะตามไม่ทัน ดาบคาตานะของคุชินะตวัดดาบ มินาโตะออกจากมืออย่างรวดเร็วจนตกลงกับพื้น แล้วเธอก็ชี้ดาบใส่มินาโตะ

    "ฉันชนะ "

    "เยี่ยมมากเลยคุชินะ"

         เด็กสาวยิ้ม เด็กหนุ่มเองก็ชมฝีมือของเด็กสาวว่าไม่เลวเหมือนกัน ที่พัฒนาฝีมือไปมาก นับตั้งแต่เธอมาเป็นนินจาในหมู่บ้านโคโนฮะ


         รวมทั้งยังต้องฝึกการอ่านออกเขียนภาษาต่าง ๆ ซึ่งภาษากลางคือภาษาแอตแลติส ส่วนภาษาอื่นมีตั้งแต่ ภาษามนุษย์หมาป่า ภาษาเอลฟ์ ภาษาออร์ค ภาษาก็อบลิน ภาษาเงือก และ ภาษาอืนๆ อีกมากมายซึ่งขอบอกไว้ก่อนเลยว่ามันยากมาก ทั้งตัวอักษรที่แปลกประหลาดไม่เหมือนอักษรคันจิที่เหล่าชาวนินจาใช้กัน รวมทั้งการพูดและการออกเสียงด้วย

    "ไปเขียนมาใหม่เลยทั้งสองคน" ครูสอนภาษาประจำปราสาทยื่นกระดาษ กลับไปให้เด็กทั้งสอง "เธอเขียนผิดแล้วตรงนี้ไม่ได้เขียนอย่างนี้"

    "ได้เลยครับ" เด็กทั้งสองนอมรับคำสั่งจากอาจารย์ เพราะพวกเขาไม่อาจขัดคำสั่งได้

         บอกไว้ก่อนเลยว่าการจะเรียนภาษาให้ได้นั้นต้องฟัง พูด อ่าน เขียน ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างมากกว่าจะได้ภาษาหนึ่งออกมาและที่เราต้องเรียนนั้นก็เพราะถ้าไม่เรียนจะไม่สามารถสื่อสารกับคนที่นี้รู้เรื่องได้หรอก

         ต่อไปก็การเลี้ยงลูก ถือได้เลยว่าเป็นงานที่ยากเอามากโดยท่านฮารุกะได้ส่งฉันและมินาโตะไปดูแลเด็กน้อยที่เป็นลูกของนางกำนัล และทหารหญิง ซึ่งโรงเลี้ยงเด็กนั้นอยู่ในสวนหลังของตำหนักนี้เอง เด็กในที่นี้เป็นเด็กผู้หญิงทั้งหมด มีบ้างที่เป็นเด็กผู้ชายที่เป็นลูกอมนุษย์ บอกไว้ก่อนเลยว่าจะเป็นพ่อคนและแม่คนนี้มันยากลำบากจริง ๆ เลย รู้อย่างงี้อยู่เป็นโสดยังดีกว่า

    "แง่ แง่ แง่ แง่"

    "ใจเย็นนะใจเย็นขอร้องล่ะ"

         เด็กสาวพยายามจะกล่อมเด็กทารกที่กำลังร้องไห้ออกมาดังจ่าอย่างมากโดยที่ตัวเองนั้นต้องค่อยสะพายเด็กที่กำลังนอนอยู่ไว้ข้างหลังลาวกับลูกลิงน้อยนอนบนหลังแม่

    "นี้อย่าซนนะ ไม่ ไม่ ไม่" เด็กหนุ่มมินาโตะรีบเข้าไปห้ามเด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งกำลังจะปีนหน้าต่าง แต่ดีที่รับได้ทันเวลา

    "แง่ แง่ พี่จ่าหนูหิวข้าว" เด็กน้อยร้องไห้ออกมา

    "ได้เลยเดียวฉันไปหาให้รอแปบ หนึ่ง รอแปบหนึ่ง" เด็กหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดและหัวเสียอย่างมากที่วันนี้เป็นวันที่แย่มาก ๆ ที่ต้องมาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ทางด้านคุชินะเองเธอก็แทบเอาตัวไม่รอดเด็กน้อยเอาแต่ร้องไห้รวมทั้งเด็กคนอื่นก็ยังซุกซนราวกับลูกลิง

    "ฮ่า ฮา ฮา อย่าหนีนะมิโนะฉันจะจับเธอให้ได้เลย อย่าหนีนะ"

    "ตามฉันให้ได้สิ แบ่แบ่ แบ่"

    "อุแว้ อุแว้ อุแว้"

    "ฮา ฮา ฮา ฮา ฮา  "

         เสียงบรรดาเหล่าสวรรค์วิมารตัวน้อยและกลิ่นก้อนสวรรค์ที่พวกเด็ก ๆ ได้ถ่ายออกมานั้น นั้นมันทำให้เด็กทั้งสองแทบอยากเป็นบ้าและอยากจะบ้า บ้า บ้า มันชักจะไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

    "โอ้ย ฉันทนไม่ไหวแล้ว !! เงียบๆ กันหน่อยได้ไหม  " เด็กสาวกรีดร้องดังรั่นเพราะหมดความอดทนแล้วกับการเลี้ยงเด็กมันหนักจบแทบจะสติแตกแล้ว จนเด็กทุกคนต่างเงียบและร้องไห้ออกมา จนดั้งลั่นไปทั้ว โดยที่มีหญิงสาวสองคนได้จับตาอยู่บนปราสาท

    "ท่านทำแบบนี้คิดว่าดีแล้วหรือ" ฮารุถามขึ้นมาขณะกอดอกพิงอยู่ที่ขอบประตู "ฉันว่าพวกเขายังเด็กอยู่นะ ยังไม่ควรที่จะมารับผิดชอบอะไรแบบนี้เลยด้วยซ่ำ"

    "ให้พวกนั้นโดนบัง" ฮารุกะพูด "พวกมันสองคนอยากเป็นพ่อแม่เร็วนักก็ต้องโดนแบบนี้แหละจะได้เข็ดราบ จำไปจนวันตาย"

         ท่านฮารุกะยิ้มอย่างสะใจ (นี้ไงล่ะอยากเป็นพ่อแม่กันเร็วนักสมควร) เธอคิดอย่างสะใจที่ได้สอนวิชาการเลี้ยงลูกให้เด็กทั้งสองให้ได้ริมรสบ้าง โดยที่ฮารุเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้

    "จริงสิเธอไปเจอเด็กพวกนั้นที่ไหนหรือ" หญิงสาวหันกลับมาถาม 

    "แถวซากเมืองโบราณ ที่เกาะเอนิออส ห่างจากชายฝั่งของติ่งแหลมมิโตะนั้นแหละ" ฮารุพูดอย่างไม่รู้ไม่ชี้

    "ไปอยู่ตรงนั้น นั้นเองน่าสนใจดีนึกไม่ถึงเลยว่าจะเข้าไปอยู่ในดงมนุษย์หมาป่าพวกนั้น แต่ก็เอาเหอะ ฉันชักสนใจเด็กทั้งสองขึ้นมาบ้างแล้วละ" 

         หญิงสาวหันกลับมาที่หน้าต่าง ก็พบว่าข้างล้างนั้นเด็กสองคนกำลังเจองานหนักที่แทบจะทำให้บ้าตายไปทั้งวันเหมือนเดิม กับการเลี้ยงเหล่าบรรดาเด็กจอมซนทั้งหลาย


    กลางคืน

         เด็กทั้งสองตอนนี้อยู่ในสภาพที่เหนื่อยอย่างมากมินาโตะและคุชินะแถบอยากจะหลับ ๆ ให้ยาวไปเลยยังจะดีกว่า แต่ตอนนี้ทั้งสองได้มานั่งคุกเข่าต่อหน้าฮารุกะ โดยที่ท่านฮารุกะแสดงความผิดหวังอย่างมาก

    "ด้านการต่อสู่พวกเธอผ่าน ด้านภาษาดีนิดหนึ่ง แต่" หญิงสาวสายธยานพูดออกมาโดยที่สายตาทั้งสองยังคงมองเด็กหนุ่มและเด็กสาวที่นั่งอยู่ในอาการหมดสภาพ "พวกเธอสอบตกเรื่องการเลี้ยงเด็ก"

    เด็กทั้งสองไม่ตอบอะไรนอกจากยังคงนั่งหน้าจอยในสภาพที่ดูแย่

    "และอย่างนี้จะเป็นพ่อแม่คนได้อย่างไรกัน" หญิงสาวต่อว่าเด็กทั้งสอง "มินาโตะ คุชินะฉันเห็นนะว่าเธอสองคนร้องออกมาอย่างอารมณ์เสียต่อหน้าเด็ก รู้หรือไม่ว่า เธอไม่ควรทำอย่างนั้นเลยด้วยซ่ำโดยเฉพาะถ้าเป็นลูกของพวกเธอทั้งสอง"

    "ค่ะหนูเข้าใจแต่หนูไม่ไหวจริง ๆ ค่ะ" เด็กสาวตอบด้วยเสียงที่อ่อนแรง "หนูรู้แล้วว่าการเป็นพ่อแม่คนนั้นมันลำบากแค่ไหน"

    "ผมเองก็เข้าใจแล้วการเป็นคนที่เลี้ยงดูลูกนั้นมันลำบากมาก" เด็กหนุ่มตอบด้วยเสียงที่เหน็ดเหนื่อย

    "ฉันผิดหวังจริง ๆ เลยนะจะเป็นพ่อเป็นแม่คนอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีวุฒิภาวะพอในการเป็นเลย" หญิงสาวพูดอย่างผิดหวัง "แล้วพวกเธอล่ะทำไมถึงไม่รู้จักป้องกันซะแต่แรกล่ะ "

    "พวกเรา พวกเราไม่รู้ครับไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พวกเราได้ทำไปนั้น มันจะส่งผลให้เกิดเรื่องพวกนี้"

    เด็กหนุ่มไม่อาจพูดอะไรได้มากกว่านี้เพราะรู้สึกว่าความผิดนี้เข้าเป็นคนก่อให้เกิดขึ้นเอง

    "เอาเถอะตอนนี้ฉันเข้าใจความรู้สึกพวกเธอแล้วว่ามันเหนื่อยมันยาก แต่ฮาคุบอกฉันมาแล้วว่าจุดที่พวกเธออาศัยอยู่นั้นเป็นเกาะเอนิออส ห่างจากชายฝั่งของติ่งแหลมมิโตะ "

    "เกาะเอนิออส หรือครับ" เด็กหนุ่มพูดอย่างเบาๆด้วยความเหนื่อย 



     "ใช้บริเวณนั้นเคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรเก่าแก่เมื่อครั้งบรรพกาล" หญิงสาวอธิบาย " แต่ตอนนี้กลายเป็นอาณาจักรของพวกมนุษย์หมาป่าไปแล้วนึกไม่ถึงจริงว่าพวกเธออยู่รอดมาได้อย่างไรกันตั้งสองเดือน แต่ช่างเหอะนี้ก็ดึกมากแล้ว  ไปพักผ่อนได้แล้ว ครั้งต่อไปพวกเธอจะต้องดูแลเด็ก ๆ ต่อไปเรื่อย จนกว่าพวกเธอจะสามารถเรียนรู้วิธีการเลี้ยงเด็กได้เข้าใจไหม"

    "เข้าใจครับผม/ค่ะ"

         เด็กทั้งสองตอบประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพรียง และลุกเดินกลับไปอาบน้ำและเข้านอนไป กลางดึกนั้น มินาโตะและคุชินะแถบนอนไม่หรับโดยพยายามคิดถึงเรื่องต่างที่ทั้งคู่ต้องเผชิญมาตลอด

    "ฉันเข้าใจแล้วการเป็นพ่อคนมันลำบากขนาดไหน" เด็กหนุ่มพูดขึ้นขนานนอนมองเพดานที่มืดมน

    "ฉันเองก็เหมือน  พวกเรานั้นได้ทำเรื่องแย่ ๆ อย่างมากจนผลสุดท้ายพวกเราต้องมาเจอเหตุการณ์อย่างนี้ไง" คุชินะพูดออกมาอย่างรู้สึกผิด และพลิดตัวมาหาเด็กหนุ่ม

    " วันพรุ่งนี้ เราจะทำอย่างไรต่อหรือ" เด็กสาวถาม

    "เราก็อยู่ที่นี้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ของเมืองนี้เพราะมันจะเป็นส่วนสำคัญในการอยู่รอดที่นี้ " เด็กหนุ่มตอบและหันมาหาเด็กสาว "อย่าลืมเรื่องนี้นะ ยิ่งเราเรียนรู้มากเท่าไรเราก็ยิ่งปรับตัวให้เข้ากับที่นี้ได้มากขึ้น"

    "ฉันเข้าใจ คุชินะ"

    "งั้นเรานอนต่อเถอะพรุ่งนี้พวกเราต้องทำภารกิจแต่เช้า ลาตรีสวัสดิ์มินาโตะ"

    "ลาตรีสวัสดิ์คุชินะ"

         ตอนนี้ทั้งเด็กหนุ่มและเด็กสาวได้หลับตาลงไปในนินทรา เฝ่ารอวันใหม่ที่พวกเขาจะต้องเผชิญอีกครั้ง ซึ่งไม่รู้เลยว่าอาจจะหนักหนาสาหัสอีกก็เป็นได้

    ******


         หลังจากวันนั้นมาพวกเราเองต้องทำสิ่งต่างที่ท่านฮารุกะสั่งให้ทำไม่ว่าจะเป็นการทำงานบ้าน การทำอาหาร และการฝึกใช้ภาษารวมทั้งเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์เกี่ยวกับดินแดนแห่งนี้ ซึ่งที่นี้มีตำนานต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นเทพและสัตว์ประหลาดรวมทั้งอาณาจักรโบราณก่อนการมาของเหล่สอมนุษย์และเหล่าหญิงอเมซอน ส่วนการปกครองนั้นทวีปแห่งนี้ ทุกเผ่าพันธ์ต่างปกครองกับแบบอิสระ บ้างแห่งปกครองแบบนครรัฐ บ้างแห่งปกครองแบบชนเผ่า บ้างแห่งเลือกผู้นำขึ้นมาเป็นผู้ปกครอง บ้างแห่งสืบทอดอำนาจผ่านสายเลือด สำหรับนครอุซึชิโอะนั้นตั้งอยูาบนที่ราบสูงฟารัน และติดกับแม่น้ำ อุซึ ที่ไหล่ลงมาจากเทือกเขาฮารุ

    "ผมมีคำถามจะถามครับ" มินาโตะยกมือขึ้น ตอนนี้ทั้งสองอยู่ในห้องสมุดที่มีหนังสือและม้วนคัมภีร์เป็นล้านเล่มที่นี้คือหอสมุดหลวงที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอุซึชิโอะ ห้องสมุดนี้มีขนาดใหญ่มีสถาปัตยกรรมแบบยุโรปผสมญี่ปุ่น รวมทั้งอียิปต์ โดยตรงกลางห้องสมุดนั้น มีต้นไม้ขนาดใหญ่ สีเขียวขจี และใบของมัยยังเปล่งแสงสว่างขาวบริสุทธิ์ ตั้งอยู่ด้วย  ตอนนี้เขาอยู่กับคุชินะที่กำลังอ่านประวัติศาสตร์การสร้างเมืองอุซึชิโอะอยู่



    "อะไรหรือไอ้หนุ่มน้อย" บรรณารักษ์หญิงสาววัยแรกรุ่นถามกลับมาขณะที่อ่านหนังสืออยู่บนโค๊ะ

    "เหล่าคนรุ่นก่อนหายไปไหนหรือครับ" เด็กหนุ่มถามเพราะเขาก็ส่งสัยเหมือนกันว่าเหล่าบรรดาคนรุ่นก่อนที่สร้างอารยธรรมต่างๆ บนทวีปนี้และมันได้กลายเป็นรากฐานให้แก่อารยธรรมเหล่าอมุนย์ที่มาที่หลัง

    "หนูเองก็อยากรู้เหมือนกัน พวกเราเองก็เคยเจอเรื่องราวของพวกเขาภายในวิหารแห่งหนึ่ง ที่ติ่งแหลมมิโตะด้วยเช่นกัน" เด็กสาวผมแดงถาม

    "เรื่องพวกนั้นหรือ ฉันจะเล่าให้ฟังเอง" หญิงสาววางสมุดลง แล้วจองมองเข้าไปในดวงตาของเด็กทั้งสอง  "เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่พวกเราเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนกันว่าพวกเขาหายไปไหนแต่ มันเป็นตำนานที่พวกเราเล่าสืบต่อกันมาอยากฝั่งไหม"

    เด็กทั้งสองกระดกหน้าพร้อมกัน เพื่อเป็นบอกว่าอยากฝั่งเรื่องราวจากปากของเธอ

    "งั้นฉันจะเล่าให้ฝั่งนะ " หญิงสาวบรรณารักษ์ปิดสมุดแล้วเอามือมาว่างบนหนังสืออย่างแผวเบา

    "ในอดีตกาลนั้น ทวีปแห่งนี้นั้นก่อนที่พวกเหล่านักรบเผ่าหญิงอเมซอนและพวกอมุนย์ทั้งหลายจะเข้ามาครองครองโลก และทวีปแห่งนี้นั้น เดิมโลกใบนี้นั้นเคยกลมมาก่อน และเคยเป็นดินแดนของเผ่าพันธ์มนุษย์มาก่อน พวกเขามีอารยธรรมที่ทันสมัยและวิวัฒนาการที่ไม่มีใครสามารถสรรสร้างขึ้นมาได้ พวกเขาเคยเป็นใหญ่และเคยครอบครองพื่นปฐพีนี้มาก่อน แต่ประวัติศาสตร์ที่พวกเราได้ศึกษามากลับพบว่ามนุษย์ยุคก่อนนั้นได้ทำสงครามโลกกัน และผลของสงครามครั้งใหญ่นั้นทำให้ พระมารดาแห่งสรรพสิ่ง  ลงโทษมนุษย์เพราะเห็นว่ามนุษย์นั้นเป็นพวกจิตใจหยาบช้าต้องกำจัดให้หมด ด้วยการส่งโรคระบาดมาล้างเผ่าพันธ์จนพวกเขาสูญพันธ์ไปจนหมด   หลังจากที่มนุษย์สูญพันธ์ไปแล้ว พระมารดาก็ได้สร้างโลกใบนี้ขึ้นมาใหม่โดยให้โลกใบนี้มันแบนราบราวกับกระดาษ และได้สร้างเผ่าพันธ์ต่างๆ ขึ้นมาใหม่ ซึ่งมีตั้งแต่ พวกเอลฟ์ เผ่าเทพ ออร์ค ก๊อบลิน แวมไพร์ เผ่าเงือก คนแคระ มนุษย์ปลา มนุษย์หมาป่า ฯลฯ และอีกมากมายบนโลกใบใหม่นี้ แต่เผ่าพันธ์ที่ดูเป็นพิเศษหน่อยคงจะเป็นเผ่านักรบหญิงอเมซอน ที่ถูกสร้างมาให้มีลูกที่เป็นแต่ผู้หญิง และกลายเป็นเผ่าพันธ์ใหญ่ที่ปกครองโลกใบนี้"

         หญิงสาวได้เล่าประวัติศาสตร์เกี่ยวกับโลกใบนี้จนจบทำให้เด็กทั้งสอง ถึงกลับไม่เชื้อสายตาว่าโลกใบนี้จะมีประวัติศาสตร์ ที่ไม่เคยมีใครรับรู้มาก่อนเลย

    "ถ้าฉันเล่าเสร็จแล้ว" หญิงสาวพูดเตือน "จงฟังไว้ว่า อย่าพึ่งเชื้อเด้ดขาด เพราะเราได้องค์ความรู้นี้มาจาก กรีนเซียร์"

    " กรีนเซียร์ คืออะไรหรือครับ" เด็กหนุ่มถามอย่างตั้งใจ

    "กรีนเซียร์ ก็คือ ผู้หยั่งรู้แห่งธรรมชาตินั้นแหละ เป็นผู้ที่มีพลังพิเศษหยั่งรู้อดีตและปัจจุบันได้ รวมทั้งยังสามารถสั่งสัตว์หรืออ่านความลับของผู้คนได้ คนที่จะเป็นกรีนเซียร์ได้นั้นถือว่าหายากมาก  "

    "เป็นอย่างนี้นีัเอง" คุชินะเริ่มเข้าใจขึ้นมาทันที่

    "จริงสินี้ก็เย็นมากแล้ว รีบกลับไปหาท่านฮารุกะได้แล้วเดี่ยวท่านจะโกรธเอานะ" 

         หญิงสาวพูดออกมาทำให้เด็กทั้งสองถึงกับคิดได้ขึ้นมาทันที่ว่าต้องรีบไปเลี้ยงเด็ก 

    "ตายแล้ว นี้เราลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน" เด็กหนุ่มถึงกับร้องด้วยความตกใจ

    "พวกเราต้องรีบไปแล้วเดี่ยวท่านฮารุกะโกรธเราแน่เลย" เด็กสาวร้องตามเด็กหนุ่ม ทำให้ทั้งสองรีบออกจากห้องสมุดทันที่ อย่างแทบไม่ทันเพื่อลีบกลับไปที่ปราสาททันที่ อย่างแทบไม่ทัน ไม่อยากนึกเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ารู้ว่าเรามาสาย แต่ที่หนักสุดคงจะเป็น การที่ต้องมารับมือกับเหล่าบรรดาเด็ก ๆ หน้าเดิมๆ อ่อยแค่คิดก็จะปวดหัวอยู่แล้ว เอ่อชีวิตคุณแม่มือใหม่ ไม่หน้าท้องมาเลย อยู่เป็นโสดยังดีกว่า









    ********

















                





























    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×