ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 การพบเจอกันอย่างไม่คาดคิด
ผ่านมาได้ 2 เดือนแล้วที่พวกเราได้มาติดเกาะที่นี้ ถึงพวกเราสองคนไม่สามารถหาทางกลับบ้านได้อีกแล้ว แต่พวกเรานั้นได้ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ที่นี้และสร้างชีวิตใหม่บนเกาะลึกลับแห่งนี้ ชีวิตของเราเริ่มดีขึ้นมาบ้างถึงแม้จะลำบากก็ตามแต่พวกเราก็ปรับตัวให้เข้ากับเกาะนี้ได้เรียบร้อยแล้ว บนเกาะแห่งนี้ยังมีนินแดนอีกมากมายที่ยังไม่ได้สำรวจเพราะพวกเราเลือกที่จะอยู่เฉพาะภายในอาณาบริเวณแถวถ้ำที่เป็นที่อยู่ของพวกเราเท่านั้น
ความรักของพวกเราทั้งสองนั้นเบ่งบายตั้งนานแล้วและพวกเราสองคนได้ทำแบบนั้นกันทุก ๆ ราวกับว่ามันได้กลายเป็นกิจวัตรของพวกเราไปแล้ว
ภายในถ้ำ
เปรี่ยง เปรี้ยง
ซ่าาาาาาาาาาาา
วันนี้ฝนตกลงมาอย่างหนัก พร้อมกัยเสียงฟ้าร้องที่ดังสนั่นไปทั้ว ภายในถ้ำตอนนี้เต็มไปด้วยความชื่น แต่ต่อให้บรรยายกาศข้างนอกและข้างในจะเป็นอย่างไรก็ไม่อาจหยุดการรวมรักระหว่างของเราสองคนได้ ตอนนี้มินาโตะพึงเสร็จไปรอบที่ 10 แล้ว เราสองคนต่างเหนื่อยหอบจากการรวมรักกัน เนื้อตัวอันเปลือยเปร่าของเราอาบไปด้วยเหงือที่ไหล่เยิ้มออกมาทั้วร่างกาย พวกเรายังคงนอนหลับพักผ่อนอยู่ วงแขนของมินาโตะโอบรัดร่างของฉันแนบเข้ามาใกล้จนประชิดติดกันแน่น
"จริงด้วยลืมไปเลย ไว้พรุ่งนี้เราออกไปสำรวจเมืองร้างนั้นกันอีกไหม" เด็กหนุ่มหันหน้ามาถาม เด็กสาว
"จริงด้วยเราลืมไปได้ยังไงกันตั้งสองเดือน ได้ฉันไปอยู่แล้ว " เด็กสาวหันหน้ามาตอบ "ฉันอยากจะไปสำรวจสถานที่ใหม่ ๆ ที่ไม่รู้จักอีก"
ถือว่าเป็นเรื่องที่พลาดอย่างมากที่พวกเขาลืมไปสำรวจเมืองร้างนั้น นั้นก็เพราะหลังจากที่พวกเขาได้พลอดรักกันนั้นทั้งสองก็ไม่ได้สำรวจที่นั้นอีกเพราะมั่วแต่ยุ่งกับการหาอาหารจัดที่พัก และก็มาสนุกกันแบบที่พวกเขาทำกันจนลืมตัวไป
"ได้งั้นพรุ่งตกลงตามนั้นนะ"
"ตกลง"
เด็กสาวและเด็กหนุ่มเกี่ยวก่อยสัญญากัน ภายนอกถ้ำฝนยังคงตกลงมาอย่างรุนแรงเหมื่อนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลงทั้งสองต่างทำได้เพียงแค่รอวันพรุ่งนี้เท่านั้นที่จะได้ออกไปเที่ยวสำรวจเกาะใหม่อีกรอบ
เช้าวันต่อมา
อาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในถ้ำ เราสองคนได้กินอาหารเช้าและอาบน้ำ ก่อนที่จะออกจากถ้ำไป ตอนนี้พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองร้างที่เราเคยเจอมาก่อน
เมืองร้างแห่งนี้ยังคงตั้งตระหง่าอยู่ในแบบของมันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ตอนนี้พวกเราทั้งคู่กำลังเดินสำรวจพื้นที่ของเมืองนี้อยู่ บ้านเรือนที่นี้นั้นสร้างจากอิฐสีแดง มีคู่คลองระบายน้ำที่ทันสมัยและไม่เคยเจอมาก่อน และยังมีโครงกระดูกของมนุษย์โบราณที่ อยู่ตามพื้นพร้อมกับข้าวของต่าง ๆ ถูกวางไว้ตามพื้น
"ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก" เด็กหนุ่มเดินชมความยิ่งใหญ่ของมหานคร ที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมหัศจรรย์เยี้ยงนี้ "ดูสิคนที่นี้เขาสร้างมหาพีรมิดได้อย่างไรกันมันสูงมาก"
"คนที่นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่เลยถึงได้สร้างสิ่งที่แปลกประหลาดเยี้ยงนี้" คุชินะชม
"งั้นเราไปยื่นที่กลางจัตรุสกันก่อนเถอะ" เด็กหนุ่มชวน
ทั้งคู่ได้มายื่นอยู่กลางจัตุรัสขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างราวกับว่าสามารจุคนได้ราว ล้านคน ทั้งคู่มองไปรอบก็เพียงแต่ซากปรักหักฟังของเมืองโบราณแห่งนี้
"เราขึ้นไปสำรวจภายในพีระมิดกันเถอะ"
"งั้นไปกันเถอะ"
ทั้งสองรีบวิ่งขึ้นไปบนบันได้ของพีระมิด โดยการส่งจักระลงไปที่ท้าวแล้ววิ้งขึ้นไป เมื่อมาถึงประตูทางเขาภายในประตูนั้นลมได้พัดออกมากระทบร่างทั้งสองคนจนทั้งสองคนลุกซู่ไปหมดทั้งตัว ราวกับว่าภายในมีอะไรบ้างอย่างที่น่ากลัวกำลังรอพวกเขาอยู่ เด็กหนุ่มจุดคบเพลิงขึ้นมาแล้วชักดาบออกมา จากฝัก
"จะเข้าไปแล้วนะ"
เด็กสาวพูดขึ้นมาด้วยความกลัวก่อนที่ทั้งสองจะค่อย ๆ ก้าวท้าวเข้าไปในมหาพีระมิดนั้น ภายในบรรยายกาศช่างแตกต่างจากภายในวิหารที่ทั้งสองเคยเข้าไป ภายในนั้นมีกลิ่นสาปที่ชวนเหม็นมากจนทั้งสองแถบจะอ้วกราวกับว่ามีสัตว์นักล่าเข้ามาอยู่อาศัยที่นี้ ทั้งสองค่อย ๆ ต่อไปอย่างระมันระวัง ภาพบนพนังตามทางเดินได้แกะสลักรูแภาพเกี่ยวกับการทำสงครามโดยใช้หอก ดาบ ธนู รวมทั้งยังมีการใช้ม้าและช้าง รวมถึงนกยักษ์ และงูยักษ์ในการต่อสู่กัน
เด็กทั้งสองถึงกับตัวสั้นเมื่อพบว่าข้างผนังนั้นมีคราบเลือดลากยาวสีแดงฉาน ราวกับว่ามันเป็นเลือดที่พึ่งเกิดขึ้น
"เราออกไปกันได้แล้วฉันอยู่ที่นี้ไม่ไหวแล้ว" เด้กสาวพูดด้วยความกลัวอย่างขีดสุก เพราะเธอไม่ไหวอีกแล้วที่นี้มันน่ากลัวกว่าวิหารนันอีก
"อย่าพึงขอสำรวจสุดทางเดินก่อนแล้วเราจะรีบออกไปทันที่"
เด็กหนุ่มไม่สนความกลัวของเด็กสาวยังคงดังด้นเดินต่อไปจนมาถึง ประตูบานใหญ่ที่แกะสลักเป็นภาพมนุษย์หมาป่า เมื่อก้าวท้าวเดินเข้าไปก็พบกับสิ่งที่ทำให้ทั้งสองถึงกับตกตะลึงและหวาดกลัวถึงขีดสุด
สิ่งที่ทั้งสองได้เห็นคือโถงพีระมิดที่กว้างและใหญ่กว่าวิหารที่เจอกลางป่ามันใหญ่มากจนไม่อาจบรรยายได้ แต่ที่ชวนทำให้ตกตะลึงหาใช้ความใหญ่โตของมันไม่แต่เป็นเบื้องล่าง สิ่งที่พบนั้นคือ พวกเหล่าบรรดามนุษย์หมาป่านั้นกำลังรวมพิธีเสพสังวารหมู่กัน และเหล่าบรรดาตัวเมียทั้งหลายที่มีตั้งแต่สาวเล็กสาวใหญ่จนไปถึงเด็กสาวที่มีอายุราว 5-10 ขวบ ที่เข้าร่วมการเสพสังวารหมู่กันอย่างสนุกสนานนั้นไม่ได้มีแต่พวกมนุษย์หมาป่าเพศเมียเท่านั้น แต่ยังมีเหล่าบรรดาเผ่าพันธ์ตัวเมียต่าง ๆ รวมอยู่ด้วยตั้งแต่ พวกนางไม้ พรายน้ำ มนุษย์แพะ มนุษย์หญิงที่มีหูแหลม มนุษย์ที่มีท่อนล่างเป็นงู มนุษยที่ทีมีหูและหางเหมือนหมาป่า มนุษย์จิ้งจอก มนุษย์ที่มีปีกและขาเป็นนก และก็พวกมนุษย์ที่มีท่อนล่างเป็นปลาที่เรียกว่านางเงือกรวมอยู่ด้วย ตอนนี้พวกมันกำลังเล่นเสพสมกันอย่างสนุกสนาน ภายในโถงแห่งนี้นับจำนวนดูแล้วน่าจะมีไม่ต่ำกว่าสามร้อยตน นอกจากนี้พวกมนุษย์หมาป่ายังเอาเลือดจากสัตว์ที่พวกมันล่ามาเอามาท่าตัวเหล่าคู่เสกสมของมัน รวมถึงลูกเด็กเล็กแดงทั้งหลายที่กำลังสมสู่อยู่ข้างๆ พ่อแม่ของพวกมันซึ่งมีตั้งแต่ลูกมนุษย์หมาป่าและเด็กๆต่างเผ่าที่เป็นเพศเมีย และยังมีการเต้นรำโชว์เรือนร่างที่เปลือยเปร่าแบบต่าง ๆ ที่ดูบ้าคลั่ง เสียงครางแห่งความสยดสยองขนพองดังไปทั่วห้องโถงยักษ์แห่งนี้
ตอนนี้ฉันกับมินาโตะรู้สึกสยดสยองขนพ่องขึ้นมาทันที่ จนทำให้ฉันถึงกับเอามือปิดปาก พวกเราไม่เคยพบเคยเจอสิ่งที่น่าสยดสยองอะไรเพียงนี้มาก่อนเลย ไม่ตอนนี้ไม่ใช้เวลาที่พวกเราจะมายื่นดูอะไรที่แปลกพิศดารเยี้ยงนี้เราต้องรีบออกไปได้แล้ว
"เรารีบไปจากที่นี้กันเถอะ อยู่ต่อไม่ได้แล้ว!!" มินาโตะพูดด้วยเสียงที่ความกลัวถึงขีดสุด ตอนนี้ไม่ไหวแล้วคืนอยู่ที่นี้เราต้องเสด็จพวกมันแน่น
เพียว!!
ตึก!!
ลูกธนูที่ไม่รู้มาจากไหนพุ่งปักติดกับขอบประตูทำให้เดHกทั้งสองหันไปก็พบว่าพวกฝูงมนุษยืหมาป่ากำลังอันกระหายเลือดจองมองมาที่พวกเขาเสียแล้ว
อาฮูฮูฮูฮูฮูฮูฮูฮูฮูฮู
" วิ้งวิ้ง!!"
เหล่ามนุษย์หมาป่าส่งเสียงหอนออกดั่งลั่นไปทั่วทำให้ เด็กทั้งสองต่างรีบวิ่งสุดชีวิตตอนนี้ทั้งสองต่างวิ่งไม่คิดชีวิตเพื่อหนีออกจากรั้งนรกแห่งนี้
"ฉันเตือนนายแล้วว่าให้รีบออกแต่นายก็ยังดังด้นเข้าไปในรั้งอสูรพวกนั้น" คุชินะร้องออกมาด้วยความโกรธ
"ฉันขอโทษที่ฉันแค่อยากรู่เท่านั้นเองว่าในนั้นมีอะไร"
"ไม่ต้องพูดอีกแล้วคราวหน้าเราจะไม่มาเหยียบที่นี้อีกแล้ว"
เด็กสาวด่าเด็กหนุ่มผู้สิ้นคิด แต่นี้ไม่ใช้เวลาจะมาด่าหรือโกรธยังไงซะต้องรีบออกจากที่นี้ให้ได้ ตอนนี้ทั้งสองใกล้จะถึงทางออกแล้ว เมื่อทั้งสองเดินมาถึงทางออก
"โอ้ เวนกรรมหนีเสือปะมาเจอจระเข้ชัดๆ !!"
เด็กหนุ่มร้องออกมาเพราะข้างล่างของพีระมิดนั้นมีพวกมนุษย์หมาป่าอยู่เต็มไปหมดราวกับว่าที่นี้คือเมืองของพวกมันซะงั้น
"เอาไงดีเราไปไหนไม่ได้แล้ว "
อาหูหูหูหูหู
เด็กสาวกระวนกระวายแทบเป็นบ้าแต่เสียงหอกจากข้างหลังนั้นได้ตามมารติดติดแล้วตอนนี้ทั้งสองถูกล้อมไว้หมดแล้วทั้งข้างล่างและข้างบน ไม่เหลือทางออกให้หนีอีกแล้ว ตอนนี้ทั้งมินาโตะและคุชินะทำได้เพียงแต่จินตนาการถึงสิ่งที่พวกเขาอาจจะโดนถ้ามนุษย์หมาป่าจับพวกเขา แค่คิดก็สยองแล้ว
"อ้า พระเจ้าช้วยกล้วยทอดดดดดดดดด"
"ไม่นะกรี๊ดดดดดดดดดด"
ไม่ทันใดจู่จู่ ร่างของพวกเขาทั้งคู่ก็ถูกอะไรบ้างอย่างโฉบขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็วตอนนี้ทั้งมินาโตะและคุชินะต่างลอยอยู่บนอากาศสิ่งที่โฉบพวกเขาขึ้นมานั้นมันคือนกอินทรีย์ยักษ์ที่มีขนาดตัวใหญ่มหึมาปีกของมันกว้างและใหญ่ มีขนสีขาวดำ ดวงตาสีน้ำตาล ตอนนี้เด็กทั้งสองต่างอยู่ภายใต้กรงเล็บของมัน
"ปล่อยเรานะเราไม่อยากจะกลายเป็นอาหาร" เด็กหนุ่มดิ้นไปมา
"ฉันยังไม่อยากตาย ฉันยังเด็กอยู่" เด็กสาวกรี๊ดร้อง
"ปล่อยเราไปนะ"
"เห้ยหุบปากเป็นป้าวเดียวก็ปล่อยให้ตกไปร่างแหลกหรอก"
เสียงปริศนาตะคอกดังขึ้นมาทำให้ทั้งสองถึงกับเงียบและมองหน้ากัยตอนนี้มีคำถามเดียวคนที่พูดเมื่อกี้นี้เป็นใคร แล้วทำไมถึงพูดภาษาเรารู้เรื่อง เจ้านกยักษ์ตัวนี้บินอยู่เหนือฟ้าทำให้เด็กทั้งสองได้เห็นผู้มิทัศน์ที่สวยงามและกว้างใหญ่ไพศาล สายลมจากฟากฟ้าและเย็นช่ำเข้าปะทะหน้าและร่างของเด็กทั้งสองอย่างจัง ตอนนี้มินาโตะเริ่มตั้งคำถามแล้วว่า เราติดเกาะจริงหรือเปร่าเพราะเกาะแห่งนี้ดูมีขนาดพื้นที่ที่ใหญ่พอ ๆ กับแผ่นดินใหญ่ มีภูเขาและทะเลสาปกับแม่น้ำสายต่าง ๆ มาหมาย พร้อมกับพื้นป่าข้างล่างที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร
ปลาสาทญี่ปุ่นสีทองหลังใหญ่ หลังคาปราสาปถูกปูด้วยกระเบื้องสีฟ้า มีหอคอยขนาดใหญ่ห้าหอคอยที่ตั้งติดกับตัวปราสาท ยามแสงจากตะวันสาดสองมาที่ปราสาททำให้ปราสาทส่องระยิบระยับ และมีธงพื้นฟ้าที่มีตราสัญลักษณ์น้ำวนสีทองอยู่ตรงกลางธง
"ได้งั้นพรุ่งตกลงตามนั้นนะ"
"ตกลง"
เด็กสาวและเด็กหนุ่มเกี่ยวก่อยสัญญากัน ภายนอกถ้ำฝนยังคงตกลงมาอย่างรุนแรงเหมื่อนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลงทั้งสองต่างทำได้เพียงแค่รอวันพรุ่งนี้เท่านั้นที่จะได้ออกไปเที่ยวสำรวจเกาะใหม่อีกรอบ
เช้าวันต่อมา
อาทิตย์สาดส่องเข้ามาภายในถ้ำ เราสองคนได้กินอาหารเช้าและอาบน้ำ ก่อนที่จะออกจากถ้ำไป ตอนนี้พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองร้างที่เราเคยเจอมาก่อน
เมืองร้างแห่งนี้ยังคงตั้งตระหง่าอยู่ในแบบของมันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ตอนนี้พวกเราทั้งคู่กำลังเดินสำรวจพื้นที่ของเมืองนี้อยู่ บ้านเรือนที่นี้นั้นสร้างจากอิฐสีแดง มีคู่คลองระบายน้ำที่ทันสมัยและไม่เคยเจอมาก่อน และยังมีโครงกระดูกของมนุษย์โบราณที่ อยู่ตามพื้นพร้อมกับข้าวของต่าง ๆ ถูกวางไว้ตามพื้น
"ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก" เด็กหนุ่มเดินชมความยิ่งใหญ่ของมหานคร ที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมหัศจรรย์เยี้ยงนี้ "ดูสิคนที่นี้เขาสร้างมหาพีรมิดได้อย่างไรกันมันสูงมาก"
"คนที่นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่เลยถึงได้สร้างสิ่งที่แปลกประหลาดเยี้ยงนี้" คุชินะชม
"งั้นเราไปยื่นที่กลางจัตรุสกันก่อนเถอะ" เด็กหนุ่มชวน
ทั้งคู่ได้มายื่นอยู่กลางจัตุรัสขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างราวกับว่าสามารจุคนได้ราว ล้านคน ทั้งคู่มองไปรอบก็เพียงแต่ซากปรักหักฟังของเมืองโบราณแห่งนี้
"เราขึ้นไปสำรวจภายในพีระมิดกันเถอะ"
"งั้นไปกันเถอะ"
ทั้งสองรีบวิ่งขึ้นไปบนบันได้ของพีระมิด โดยการส่งจักระลงไปที่ท้าวแล้ววิ้งขึ้นไป เมื่อมาถึงประตูทางเขาภายในประตูนั้นลมได้พัดออกมากระทบร่างทั้งสองคนจนทั้งสองคนลุกซู่ไปหมดทั้งตัว ราวกับว่าภายในมีอะไรบ้างอย่างที่น่ากลัวกำลังรอพวกเขาอยู่ เด็กหนุ่มจุดคบเพลิงขึ้นมาแล้วชักดาบออกมา จากฝัก
"จะเข้าไปแล้วนะ"
เด็กสาวพูดขึ้นมาด้วยความกลัวก่อนที่ทั้งสองจะค่อย ๆ ก้าวท้าวเข้าไปในมหาพีระมิดนั้น ภายในบรรยายกาศช่างแตกต่างจากภายในวิหารที่ทั้งสองเคยเข้าไป ภายในนั้นมีกลิ่นสาปที่ชวนเหม็นมากจนทั้งสองแถบจะอ้วกราวกับว่ามีสัตว์นักล่าเข้ามาอยู่อาศัยที่นี้ ทั้งสองค่อย ๆ ต่อไปอย่างระมันระวัง ภาพบนพนังตามทางเดินได้แกะสลักรูแภาพเกี่ยวกับการทำสงครามโดยใช้หอก ดาบ ธนู รวมทั้งยังมีการใช้ม้าและช้าง รวมถึงนกยักษ์ และงูยักษ์ในการต่อสู่กัน
เด็กทั้งสองถึงกับตัวสั้นเมื่อพบว่าข้างผนังนั้นมีคราบเลือดลากยาวสีแดงฉาน ราวกับว่ามันเป็นเลือดที่พึ่งเกิดขึ้น
"เราออกไปกันได้แล้วฉันอยู่ที่นี้ไม่ไหวแล้ว" เด้กสาวพูดด้วยความกลัวอย่างขีดสุก เพราะเธอไม่ไหวอีกแล้วที่นี้มันน่ากลัวกว่าวิหารนันอีก
"อย่าพึงขอสำรวจสุดทางเดินก่อนแล้วเราจะรีบออกไปทันที่"
เด็กหนุ่มไม่สนความกลัวของเด็กสาวยังคงดังด้นเดินต่อไปจนมาถึง ประตูบานใหญ่ที่แกะสลักเป็นภาพมนุษย์หมาป่า เมื่อก้าวท้าวเดินเข้าไปก็พบกับสิ่งที่ทำให้ทั้งสองถึงกับตกตะลึงและหวาดกลัวถึงขีดสุด
สิ่งที่ทั้งสองได้เห็นคือโถงพีระมิดที่กว้างและใหญ่กว่าวิหารที่เจอกลางป่ามันใหญ่มากจนไม่อาจบรรยายได้ แต่ที่ชวนทำให้ตกตะลึงหาใช้ความใหญ่โตของมันไม่แต่เป็นเบื้องล่าง สิ่งที่พบนั้นคือ พวกเหล่าบรรดามนุษย์หมาป่านั้นกำลังรวมพิธีเสพสังวารหมู่กัน และเหล่าบรรดาตัวเมียทั้งหลายที่มีตั้งแต่สาวเล็กสาวใหญ่จนไปถึงเด็กสาวที่มีอายุราว 5-10 ขวบ ที่เข้าร่วมการเสพสังวารหมู่กันอย่างสนุกสนานนั้นไม่ได้มีแต่พวกมนุษย์หมาป่าเพศเมียเท่านั้น แต่ยังมีเหล่าบรรดาเผ่าพันธ์ตัวเมียต่าง ๆ รวมอยู่ด้วยตั้งแต่ พวกนางไม้ พรายน้ำ มนุษย์แพะ มนุษย์หญิงที่มีหูแหลม มนุษย์ที่มีท่อนล่างเป็นงู มนุษยที่ทีมีหูและหางเหมือนหมาป่า มนุษย์จิ้งจอก มนุษย์ที่มีปีกและขาเป็นนก และก็พวกมนุษย์ที่มีท่อนล่างเป็นปลาที่เรียกว่านางเงือกรวมอยู่ด้วย ตอนนี้พวกมันกำลังเล่นเสพสมกันอย่างสนุกสนาน ภายในโถงแห่งนี้นับจำนวนดูแล้วน่าจะมีไม่ต่ำกว่าสามร้อยตน นอกจากนี้พวกมนุษย์หมาป่ายังเอาเลือดจากสัตว์ที่พวกมันล่ามาเอามาท่าตัวเหล่าคู่เสกสมของมัน รวมถึงลูกเด็กเล็กแดงทั้งหลายที่กำลังสมสู่อยู่ข้างๆ พ่อแม่ของพวกมันซึ่งมีตั้งแต่ลูกมนุษย์หมาป่าและเด็กๆต่างเผ่าที่เป็นเพศเมีย และยังมีการเต้นรำโชว์เรือนร่างที่เปลือยเปร่าแบบต่าง ๆ ที่ดูบ้าคลั่ง เสียงครางแห่งความสยดสยองขนพองดังไปทั่วห้องโถงยักษ์แห่งนี้
ตอนนี้ฉันกับมินาโตะรู้สึกสยดสยองขนพ่องขึ้นมาทันที่ จนทำให้ฉันถึงกับเอามือปิดปาก พวกเราไม่เคยพบเคยเจอสิ่งที่น่าสยดสยองอะไรเพียงนี้มาก่อนเลย ไม่ตอนนี้ไม่ใช้เวลาที่พวกเราจะมายื่นดูอะไรที่แปลกพิศดารเยี้ยงนี้เราต้องรีบออกไปได้แล้ว
"เรารีบไปจากที่นี้กันเถอะ อยู่ต่อไม่ได้แล้ว!!" มินาโตะพูดด้วยเสียงที่ความกลัวถึงขีดสุด ตอนนี้ไม่ไหวแล้วคืนอยู่ที่นี้เราต้องเสด็จพวกมันแน่น
เพียว!!
ตึก!!
ลูกธนูที่ไม่รู้มาจากไหนพุ่งปักติดกับขอบประตูทำให้เดHกทั้งสองหันไปก็พบว่าพวกฝูงมนุษยืหมาป่ากำลังอันกระหายเลือดจองมองมาที่พวกเขาเสียแล้ว
อาฮูฮูฮูฮูฮูฮูฮูฮูฮูฮู
" วิ้งวิ้ง!!"
เหล่ามนุษย์หมาป่าส่งเสียงหอนออกดั่งลั่นไปทั่วทำให้ เด็กทั้งสองต่างรีบวิ่งสุดชีวิตตอนนี้ทั้งสองต่างวิ่งไม่คิดชีวิตเพื่อหนีออกจากรั้งนรกแห่งนี้
"ฉันเตือนนายแล้วว่าให้รีบออกแต่นายก็ยังดังด้นเข้าไปในรั้งอสูรพวกนั้น" คุชินะร้องออกมาด้วยความโกรธ
"ฉันขอโทษที่ฉันแค่อยากรู่เท่านั้นเองว่าในนั้นมีอะไร"
"ไม่ต้องพูดอีกแล้วคราวหน้าเราจะไม่มาเหยียบที่นี้อีกแล้ว"
เด็กสาวด่าเด็กหนุ่มผู้สิ้นคิด แต่นี้ไม่ใช้เวลาจะมาด่าหรือโกรธยังไงซะต้องรีบออกจากที่นี้ให้ได้ ตอนนี้ทั้งสองใกล้จะถึงทางออกแล้ว เมื่อทั้งสองเดินมาถึงทางออก
"โอ้ เวนกรรมหนีเสือปะมาเจอจระเข้ชัดๆ !!"
เด็กหนุ่มร้องออกมาเพราะข้างล่างของพีระมิดนั้นมีพวกมนุษย์หมาป่าอยู่เต็มไปหมดราวกับว่าที่นี้คือเมืองของพวกมันซะงั้น
"เอาไงดีเราไปไหนไม่ได้แล้ว "
อาหูหูหูหูหู
เด็กสาวกระวนกระวายแทบเป็นบ้าแต่เสียงหอกจากข้างหลังนั้นได้ตามมารติดติดแล้วตอนนี้ทั้งสองถูกล้อมไว้หมดแล้วทั้งข้างล่างและข้างบน ไม่เหลือทางออกให้หนีอีกแล้ว ตอนนี้ทั้งมินาโตะและคุชินะทำได้เพียงแต่จินตนาการถึงสิ่งที่พวกเขาอาจจะโดนถ้ามนุษย์หมาป่าจับพวกเขา แค่คิดก็สยองแล้ว
"อ้า พระเจ้าช้วยกล้วยทอดดดดดดดดด"
"ไม่นะกรี๊ดดดดดดดดดด"
ไม่ทันใดจู่จู่ ร่างของพวกเขาทั้งคู่ก็ถูกอะไรบ้างอย่างโฉบขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็วตอนนี้ทั้งมินาโตะและคุชินะต่างลอยอยู่บนอากาศสิ่งที่โฉบพวกเขาขึ้นมานั้นมันคือนกอินทรีย์ยักษ์ที่มีขนาดตัวใหญ่มหึมาปีกของมันกว้างและใหญ่ มีขนสีขาวดำ ดวงตาสีน้ำตาล ตอนนี้เด็กทั้งสองต่างอยู่ภายใต้กรงเล็บของมัน
"ปล่อยเรานะเราไม่อยากจะกลายเป็นอาหาร" เด็กหนุ่มดิ้นไปมา
"ฉันยังไม่อยากตาย ฉันยังเด็กอยู่" เด็กสาวกรี๊ดร้อง
"ปล่อยเราไปนะ"
"เห้ยหุบปากเป็นป้าวเดียวก็ปล่อยให้ตกไปร่างแหลกหรอก"
เสียงปริศนาตะคอกดังขึ้นมาทำให้ทั้งสองถึงกับเงียบและมองหน้ากัยตอนนี้มีคำถามเดียวคนที่พูดเมื่อกี้นี้เป็นใคร แล้วทำไมถึงพูดภาษาเรารู้เรื่อง เจ้านกยักษ์ตัวนี้บินอยู่เหนือฟ้าทำให้เด็กทั้งสองได้เห็นผู้มิทัศน์ที่สวยงามและกว้างใหญ่ไพศาล สายลมจากฟากฟ้าและเย็นช่ำเข้าปะทะหน้าและร่างของเด็กทั้งสองอย่างจัง ตอนนี้มินาโตะเริ่มตั้งคำถามแล้วว่า เราติดเกาะจริงหรือเปร่าเพราะเกาะแห่งนี้ดูมีขนาดพื้นที่ที่ใหญ่พอ ๆ กับแผ่นดินใหญ่ มีภูเขาและทะเลสาปกับแม่น้ำสายต่าง ๆ มาหมาย พร้อมกับพื้นป่าข้างล่างที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร
ตอนนี้ร่างของทั้งสองถูกว่างลงบนท้องทุ่งอันเขียวฉอุ่มบนภูเขาแห่งหนึ่ง ข้างหน้านั้นคือหุบเขาขนาดใหญที่มีน้ำแข็งปกคลุมอย่างสวยงาม รวมทั้งปุ๋ยเมฆที่ปกคลุมอยู่บนฟ้าพร้อมกับพื้นป่าสนที่งอกอยู่ตามตีนเขาสลับซับซ้อน ตอนนี้ทั้งสองต่างลุกขึ้นมา ก็พบกับนกอินทรีย์ที่บินลงจอด พร้อมกับคนๆหนึ่งที่อยู่บนหลังมัน
คนที่อยู่บนหลังนกอินทรีย์เป็นหญิงสาวผมดำยาว ตาสีน้ำตาล ใบหน้ารูปไข่ ผิวขาว เธอใส่ชุดที่เหมือนนินจา อย่างมากคำถามที่อยู่ในหัวผุดขึ้นมาทันที่
"นี้พวกเธอโง่หรือเปร่าถึงได้เข้าไปในอาณาเขตของพวกมนุษย์หมาป่าพวกนั้น" หญิงสาวคนนั้นต่อว่าเด็กทั้งสอง "ดีนะที่ฉันพบพวกเธอทันไม่งั้นพวกเธอได้เสร็จมันไปแล้วแน่"
"ขอบคุณมากครับที่ช่วยเรา แต่คุณเป็นใครแล้วทำไมถึงพูดภาษาเราได้" มินาโตะถามหญิงสาวที่อยู่บนหลังนกยักษ์
ไม่ทันใดหญิงสาวคนนั้นก็กระโดดลงมาจากหลังนกอินทรีย์ยักษ์ และเดินมาหาเด็กทั้งสอง
"ฉันชื่อ ฮามูโระ ฮารุเป็นนักสำรวจจากเมืองอุซึชิโอแล้วพวกเธอสองคนละชื่ออะไรโดยเฉพาะเธอไอ้เด็กผมทอง"
หญิงสาวแนะนำตัวและ ให้เด็กทั้งสองแนะนำตัวเองแต่เน้นไปที่มินาโตะ ซึ่งดูราวกับว่าหญิงสาวนั้นสนใจเด็กหนุ่มเป็นพิเศษ
"ผมชื่อ นามิคาเซะ มินาโตะครับ"
"หนูชื่อ อุซึมากิ คุชินะค่ะ"
เด็กทั้งสองแนะนำตัวทำให้ ฮารุถึงกับขมวดคิ้ว อย่างสงสัย
"แล้วพวกเธอมาจากไหนกันฉันดูพวกเธอแล้ว ดูไม่ใช้คนของทวีปนี้แน่นอน" ฮารุพินิจพิเคราะห์เด็กทั้งสองคนดูแล้วไม่หน้าจะใช้คนที่นี้
"พวกเราเรือแตกทำให้มาติดที่เกาะนี้ครับ และอีกอย่างพวกเรามาจากหมู่บ้านนินจาโคโนฮะงาคุเระครับผม" เด็กหนุ่มอธิบายให้คนตรงหน้าฟัง
"อื่มงั้นก็แปลว่าพวกเธอไม่ใช้คนที่นี้นะสิ ก็ได้ตามฉันมาเร็วเราต้องรีบไปพบท่าน ฮารุกะ"
หญิงสาวกระโดดขึ้นบนหลังนกยักษ์ อย่างรวดเร็ว
"ท่าน ฮารุกะคือใครหรือ" คุชินะถาม "แล้วเกาะนี้คือเกาะอะไรหรือ"
"เดียวพวกเธอก็รู้ขึ้นมาเร็วๆเข้า "
ฮารุสั่งเด็กที่งสองทำให้เด็กทั้งสองกระโดดขึ้นมาบนหลังนกอินทรีย์ อย่างเลี่ยงไม่ได้
"อ่อ ทั้งสองคน" หญิงสาวหันมาหาเด็กทั้งสอง "ขอต้อนรับสู่ ทวีปแอตแลนติส"
เจ้านกยักษ์นั้นพุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปโดยที่เด็กทั้งสองยังไม่ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่หญิงสาวพูดถึงที่เรียกว่า แอตแลนติส
"ถามอะไรหน่อยได้ไหม" เด็กหนุ่มตะโกนถาม
"ได้เลยแต่แค่คำถามเดียวนะ" ฮารุตอบกลับ "อะไรละพูดมาเลย"
"แปลว่าเกาะที่เรามาติดอยูนี้ไม่ใช้เกาะใช้ไหม แต่เป็นทวีป" เด็กหนุ่มยิงคำถามใส่หญิงสาว
"ใช้แล้วเธอพูดถูกที่นี้ไม่ใช้เกาะแต่เป็นทวีป"
คำตอบจากปากของหญิงสาวทำให้มินาโตะถึงบ้างอ่อทันที่ แปลว่าเกาะในแผ่นที่ ที่เจอในวิหานั้น รวมทั้งดินแดนเบื้องล่างที่ดูใหญ่โตนั้น เป็นแผ่นดินใหญ่หาใช้เกาะไม่ และแผ่นที่ทวีปทั้งสองก็คงเป็นดินแดนที่ใหญ่กว่าทวีปแอตแลนติสแน่นอน
"แล้วทำไมคุณถึงพูดภาษาเรารู้เรื่องละ" คุชินะถาม
"เอาไว้เธอไปพบท่านฮารุกะเอาก็แล้วกันแล้วเธอจะเข้าใจเอง " ฮารุบังคับให้นกยักษ์บินลงต่ำ "อ่อ จริงสิทำไมพวกเธอถึงเข้าไปในอาณาเขตของพวกมนุษย์หมาป่าละ"
"เราไม่รู้เราคิดว่าเป็นเมืองร่างเราเลยเข้าไปสำรวจดูเอานะ" เด็กหนุ่มตอบกลับไปโดยที่ก้มต่ำเอาไว้
"คราวหน้าจะไปสำรวจอะไรหัดรู้จักระวังไว้ด้วยนะว่า เขตนั้นนะเป็นที่อยู่ของพวกมัน แต่เจ้าพวกนั้นเราเรียกว่า เผ่าหมาป่าคิบะ เผ่านี้ไม่คอยจะเลวร้ายอะไรหรอกแถมเป็นมิตรด้วย"
"เลวร้ายหรือ" เด็กหนุ่มร้องออกมาอย่างหัวเสีย " แล้วที่ผมเห็นในภายในนั้นมันอะไรกันพวกมันเอาหญิงมนุษย์ที่มีทั้งสาววัยรุ่นสาวใหญ่กับเด็กที่ยังเล็กๆ และครึ่งคนครึ่งสัตว์มาทำอะไรกันในนั้น พวกมันเกือบจะฆ่าพวกเราแล้ว"
"ฮ่า ฮ่า สงสัยพวกเธอไปเห็นงานริ่นเริงของพวกมันเข้านะสิ พวกมันก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ไม่ต้องห่วงพวกเหล่าสาวๆ อเมซอนและอมนุษย์หรอกนะ พวกเธอชอบไปเสกสมกับพวกมันอยู่แล้ว เป็นเรื่องธรรมดาของพวกมัน มันไม่ได้ไปจับใครมาหรอก พวกหญิงสาวพวกนั้นเต็มใจเองตั้งหาก อ่อ แล้วก็ที่พวกมันโจมตีพวกเธอทั้งคู่ก็เพราะพวกมันไม่เคยคุ่นชินกับคนแปลกหน้านะ "
คำพูดของฮารุดูจะเกือบฟังไม่ขึ้น เป็นไปได้หรือที่พวกเหล่าสาวๆในถ้ำนั้นจะยินยอมไปมีอะไรกับพวกครึ่งคนครึ่งสัตว์ แค่คิดก็สยองแล้ว
"แล้วเจ้านกนี้บนได้เร็วแค่ไหน" เด็กหนุ่มถาม ฮารุ
"บินเร็วมากเลยและจับให้ดีดี น่ะมันจะพุ่งทะยานแล้วน่ะ"
ฮารุใช้มือวาดอะไรบ้างอย่างจนเกิดวงแหวนสีทองขนาดใหญ่ขึ้นมา ก่อนที่ เจ้านกยักษ์บินพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็วดุจวายุเข้าไปในวงแหวนนั้น จนทำให้เด็กทั้งสองต้องจับอานไว้แน่ เจ้านกนั้นบินพุ่งอย่างรวดเร็วจนในที่สุดมันก็หยุด เด็กทั้งสองเกือบอาเจียนอย่างมาก
"ผม.... ผม...แหวะ" มินาโตะอาเจียนออกมาจนหน้าซีดคุชินะเองก็ไม่เว้นเหมือนกัน
"อ่า ถึงแล้วเมืองอุซึชิโอ เมืองหลวงของอาณาจักรอุซึมะ"
ฮารุพูดขึ้นพรางชี้ไปข้างล่างและลดระดับการบินลง เด็กสองคนเอาหน้ายื่นออกมาก็พบกับ มหานครขนาดใหญ่ที่ ถูกวางฝั่งเมืองอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย บ้านเมืองมีการจัดวางโซนต่างอย่างเป็นระเบียบ อาคารบ้านเรือนสร้างจากหินและไม้กลังคาปูด้วยกระเบือง สีฟ้าทุกหลังคาเรือน อาคารบ้างอาคารสร้างเป็นอาคาร 4-5 ชั้น มหานครแห่งนี้ติดกับทะเลสาปที่เปล่งประกายดั่งแก้วมรกต กำแพงเมืองเป็นวงแหวนสามชั้น ทั้งสามชั้นสูง 20 เมตรและกว้าง 50 เมตร ตามถนนหนทางมีการปลูกต้นไม้อยู่ริมทางมากมายโดยสวนใหญ่จะเป็นต้นซากุระ มีการใช้ม้าใช้เกวียนสัญจรไปมา แต่ที่หน้าแปลกสุดคือ ประชากรสวนใหญ่ของที่นี้เป็นผู้หญิง แถบหาผู้ชายไม่เจอ และหญิงสาวส่วนใหญ่อยู่ในวัยรุ่นกันหมดไม่มีใครแก่ซักคน อีกทั้งยังเห็นพวกนางจูงลูก เด็กเล็กแดงที่เหมือนพวกนาง หรือไม่ก็เป็นเด็กที่เกิดมามีหน้าตาเป็นเหล่าครึ่งคนครึ่งสัตว์ และอมนุษย์
สำหรับมินาโตะและคุชินะแล้วมหานครแห่งนี้ถือเป็นเรื่องหน้าตื่นเต้นสำหรับพวกเขาเพราะนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีบ้านเลื่อนที่มีความสวยงามอย่างมากอาจทำให้โคโนฮะตกกระป๋องไปเลยที่เดียว
"เป็นไงละนครอุซึชิโอะ" ฮารุถาม "สวยหรือเปร่า"
"มันสวยมากเลยคะหนูไม่เคยเห็อะไรแบบนี้มาก่อนเลยด้วยซ่ำ"
"ใช้มันสวยงามมากเลย"
เด็กทั้งสองตอบเป็นเสียงเดียวกันด้วยความดีใจ เพราะนึกไม่ถึงว่าจะเจอสิ่งมหัศจรรย์ในที่แห่งนี้
"ใกล้จะถึงปราสาปโมรุกะแล้วเตรียมตัวให้ดีจับไว้ให้แน่น" ฮารุร้องบอกทำให้เด็กทั้งสองจับร่างของนกยักษ์ไว้แน่น เจ้านกยักษ์บินมาถึงที่ที่แห่งหนึ่งแล้วลงจอดบนพื้นอย่างปลอดภัย เด็กทั้งสองฉละฮารุกระโดดลงมาจากหลังนก โดยมได้มายื่นอยู่ที่หน้า
ปลาสาทญี่ปุ่นสีทองหลังใหญ่ หลังคาปราสาปถูกปูด้วยกระเบื้องสีฟ้า มีหอคอยขนาดใหญ่ห้าหอคอยที่ตั้งติดกับตัวปราสาท ยามแสงจากตะวันสาดสองมาที่ปราสาททำให้ปราสาทส่องระยิบระยับ และมีธงพื้นฟ้าที่มีตราสัญลักษณ์น้ำวนสีทองอยู่ตรงกลางธง
"เอาและตามฉันมาท่านมิโตะรออยู่"
ฮารุดึงเด็กทั้งสองมา ทั้งสามก้าวท้าวเดินผ่านประตูไม้ขนาดใหญ่ที่มีทหารหญิงที่มีร่างกายแข็งแรงและสวยสง่า พร้อมกับใบหน้าที่เรียบราวกับกระดาษ ทั้งหมดเดินผ่านตัวปราสาทไปตามทางเดินที่เรียบง่ายและสะอาดจนมาถึงพื้นที่ภายในตัวปราสาทซึ่งเป็นพื้นที่ตำหนัก
ภายในตำหนักหลังปราสาทนั้นเป็นที่ตั้งของสวนอุทยานขนาดใหญ่ที่ไม่อาจหาพบได้ในโลกของเด็กทั้งสองคน มีน้ำตกไหล่ลงมาจากบนภูเขาจนก่อเกิดเป็นทะเลสาปขนานย่อมในตำหนัก ทั้งหมดได้เดินข้ามสะพานไม้โค้งที่แกะสลักอย่างสวยงาม มายังตำหนัก ที่มีหอคอย 4 ชั้น เป็นศิลปะแบบญี่ปุ่น กระเบืองหลังคาดูงดงาม ทั้งสามเดินเข้าไปภายในก็พบกับ หญิงสาวใส่ชุดกีโมโน เปิดประตูเลื่อนให้ เมื่อเข้าไปในภายในก็พบกับ
ภายในตำหนักหลังปราสาทนั้นเป็นที่ตั้งของสวนอุทยานขนาดใหญ่ที่ไม่อาจหาพบได้ในโลกของเด็กทั้งสองคน มีน้ำตกไหล่ลงมาจากบนภูเขาจนก่อเกิดเป็นทะเลสาปขนานย่อมในตำหนัก ทั้งหมดได้เดินข้ามสะพานไม้โค้งที่แกะสลักอย่างสวยงาม มายังตำหนัก ที่มีหอคอย 4 ชั้น เป็นศิลปะแบบญี่ปุ่น กระเบืองหลังคาดูงดงาม ทั้งสามเดินเข้าไปภายในก็พบกับ หญิงสาวใส่ชุดกีโมโน เปิดประตูเลื่อนให้ เมื่อเข้าไปในภายในก็พบกับ
ห้องโถงขนาดกลางที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เต็มไปด้วยภาพวาดศิลปะ เครื่องสังคโลก และดาบหอก ตรงกลางห้องมีหญิงสาวอยู่คนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนบัลลังค์ไม้สัก เธอใส่ชุดกีโมโน่ สีขาว ผมยาวสีแดง ดวงตาสีเขียวมรกต ผิวกายขาวเปล่งประกาย ใบหน้ากลม คิวบาง
"ท่านฮารุกะเราพาแขกมาพบ ขอรับ" ฮารุโค้งคำนับท่านฮารุกะอย่างนอบน้อม
"อย่างนั้นหรือ นึกไม่ถึงจริงว่าจะได้เจอมนุษย์ที่เป็นชายหนุ่มนะเนีย"หญิงสาวบนบัลลังก์พูดด้วยเสียงใส พรางส่งสายตาจองมองไปที่มินาโตะ
"เอาละพวกเธอสองคนชื่อะไรและมาจากไหนกัน"
หญิงสาวถามเสียงใส่ เด็กหนุ่มและเด็กสาวรู้สึกเกล็งอย่างมากที่จะตอบคนตรงหน้า
"ผมชื่อ นามิคาเซะ มินาโตะครับ"
"หนูชื่อ อุซึมากิ คุชินะค่ะ เราสองคนเป็นคนจากหมู่บ้านโคโนฮะค่ะ"
เมื่อทั้งสองบอกชื่อของตัวเองและสถานที่มา ทำให้ฮารุกะถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมาทัยที่โดยเฉพาะ อุซึมากิ คุชินะ กับหมู่บ้านโคโนฮะ
แป็ะ แป็ะ
"อืมดีจริงเลยมีแขกบ้านแขกเมืองจากที่อื่นมาพบเราด้วย" ฮารุกะตบมือ "งั้นเธอสองคนตามฉันมาได้เลยฉันคงมีเรื่องจะถามพวกเธออีกเยอะโดยเฉพาะเธอ คุชินะ"
หญิงสาวลุกขึ้นมาจากบัลลังค์ไม้สัก แล้วพาเด็กสองคนเดินไปที่หลังตำหนัก ก็พบกับลิฟท์ ไม้ เมื่อเข้ามาถึงแล้ว
"จับไว้ให้ดีๆละ" หญิงสาวพูด และเธอได้สีบคันโยกทำให้ลิฟท์ขึ้นไปข้างบนอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามีเวทมนต์บางอย่างพลักให้มันขึ้นไปอย่างรวดเร็ว แต่เด็กทั้งสองคนได้เห็นทัศนียภาพที่สวยงามอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน ขนเขามากมายตั้งตระหง่า ราวกับพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน และยังมิงเห็นเจดีย์ที่สร้างอยู่บนภูเขาอีกมากมาย นกต่างๆต่างบินผ่านไปอย่างอิสระเสรี จนกระทั้งลิฟท์มาถึงชั้นบนสุดของภูเข่
"ที่นี้คือตำหนักเมฆามันตั้งอยู่บนภูเขาที่สูงที่สุดในอุซึชิโอ เป็นไงละสวยงามไหม" ฮารุกะถามเด็กทั้งสอง
"สวยงามากคะมันสวยงามมากจริงๆ"
"พวกคุณสร้างมันขึ้นมาได้อย่างไรกันเนี้ย"
เด็กทั้งสองต่างพูดด้วยความดีใจและตื่นเต้น ราวกับไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
"เอาละตามฉันมา ฉันเตรียมชาไว้แล้ว"
ทั้งหมดเดินไปตามระเบียงทางเดินที่ปูด้วยไม้และพรางมองออกไปชมวิวทิวทั้ศน์ที่สวยงามอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน ลมเย็นยังคงพัดผ่านอย่างเย็นสะบาย ได้มองเห็นดินแดนเบื่องล่างของเมืองและหุบเขาที่ไกลสุดลูกหูลูกตา รวมทั้งตำหนักบนภูเขาที่อยู่กับเขาลูกหนึ่ง
หลังจากนั้นทั้งหมดกก็มาถึงโถงโล่งๆที่มีลมพัดผ่านเย็นสบาย การน้ำชาตั้งอยู่ตรงกลางห้อง ทั้งสามมานั่งลงล้อมกานั้นไว้แล้วฮารุกะก็เทชาเขียวลงในแก้ว 3 แก้วก่อนจะส่งให้เด็กทั้งสอง
"พวกเธอมาอยู่ที่นี้ได้อย่างไรกัน " หญิงสาวพรางถาม
"พวกเราเรืออัปปางแล้วมาติดเกาะที่นี้ครับ " เด็กหนุ่มมินาโตะตอบ พรางซดชาเขียวที่หอมหวานเข้าปาก "อ่อจริงสิทำไมเมืองนี้ถึงมีแต่ผู้หญิงไม่เห็นมีผู้ชายเลยครับ"
"นั้นก็เพราะพวกเราเป็นเผ่าอเมซอนไงละ เป็นเผ่าที่มีแต่ผู้หญิงทั้งหมดและเวลาคลอดลูกออกมาก็เป็นหญิงหมด เราขยายพันธ์โดยการสมสู่กับพวกอมนุษย์ เผ่าอื่นๆ ทำให้เด็กที่เกิดมาสวนใหญ่เป็นหญิงแต่ก็มีบ้างที่ที่คลอดลูกออกมาเป็นเผ่าพันธ์ทางพ่อ"
ฮารุกะอธิบายอย่างชานฉลาด ทำให้เด็กทั้งสองเริ่มเข้าใจขึ้นมานิดหนึ่ง
"แล้วที่นี้ใช้เกาะหรือเปร่าพวกเราเริ่มเหมือนรู้สึกว่าที่นี้ มันเป็นทวีป " คุชินะถามขึ้นมา
"เกาะหรือพูดจาไรสาระน่า เดียวฉันจะให้พวกเธอดูเอง"
ไม่ทันไรฮารุกะก็เสกแผ่นที่ออกมาแล้วกาง ทำให้เด็กสองได้เห็นทันที่ว่านี้คือแผ่นที่ที่พวกเขาเคยเจอในวิหารร้างนั้นแต่มีการเขียนกำกับชื่อเมือง ป่าไม้ ภูเขา และแม่น้ำต่าง ๆ เป็นภาษาที่พวกเขาอ่านได้ออกเหมือนกัน
"ใช้แผ่นที่นี้แหละที่ผมเจอในวิหาร" เด็กหนุ่มชี้ลงมาบนแผ่นที่ "ตกลงแล้วมันเป็นเกาะหรือทวีปครับ"
"ฮา ฮา มันเป็นทวีปหาใช้เกาะไหม" หญิงสาวหัวเราะนิดๆ " ทวีปนี้คือทวีปแอตแลนติสที่พวกเธอสองคนมาติดอยู่ไงละ มันมีเนื้อที่ กว้างใหญ่ไพศาลอย่างมาก ดีไม่ดีเกาะเล็กที่เห็นอยู่ในแผ่นที่อาจเป็นทวีปขนาดใหญ่ก็ได้ "
แค่คำพูดของฮารุกะก็ทำให้มินาโตะและคุชินะถึงกับตกใจขึ้นมาทันที่นึกไม่ถึงว่าทวีปที่พวกเขามาติดอยู่จะมีดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้ คงต้องสำรวจใช้เวลา 10 ชาติแน่นอน
"จริงสิแล้วแผ่นที่อื่นมีอีกไหมโดยเฉพาะแผ่นที่ที่มีดินแดอื่นๆ" มินาโตะพูดขึ้น
"อ่อ มีสิ"
หญิงสาวเสกแผ่นที่ฉบับใหญ่ออกมาแล้วกางให้เด็กทั้งสองดู ก็พบว่า
แผ่นที่อันนี้เหมือนกับที่เคยเจอเลยในวิหารนั้น มันยังมีภาพทวีปแอตแลนติสที่อยู่ในกรอบแล้วชี้ลงไปยังเกาะเล็กๆที่อยู่เกือบใกล้กับทวีปใหญ่ๆ
"ท่านฮารุกะครับ อย่าบอกนะว่าไอ้เกาะเล็กๆนี้คือทวีปแอตแลนติส" มินาโตะพูดอย่างไม่น่าเชื้อสายตา และชี้ไปยังภาพทวีปแอตแลนติสที่ชี้ลงไปที่เกาะเล็ก ๆ
"ใช้แล้วละ" ฮารุกะตอบเสียงใส
"งั้น ทวีปที่เหลือก็มีขนาดใหญ่กว่าทวีแอตแลนติสเป็น 100 เท่านะสิ" เด็กหนุ่มเงยหน้ามองหญิงสาวอย่างตกตะลึง
"พูดอีกก็ถูกอีก"
คำพูดของหญิงสาวทำให้ทั้งสองรู้สึกได้เลยว่าพวกเขาได้เขามาอยู่ในโลกที่ไม่เหมือนในโลกของพวกเขาแล้ว และมันยังมีสิ่งมหัศจรรย์ที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดอีก
"จริงสิแล้วที่บนโลกนี้มีสุดขอบโลกไหมค่ะ" คุชินะถามขึ้นมา
"มีสิโลกใบนี้ไม่ได้กลมแต่มันแบน" หญิงสาวได้พูดอธิบายมันออกมา "มองดูในแผ่นที่สิ คงเห็นรอบขอบแผ่นที่แล้วใช้ไหมว่ามันเป็นสุดขอบโลก"
สิ่งที่ฮารุกะพูดมานั้น มันคงต้องใช้เหตุผลในการเชื้อ บางที่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบินไปสำรวจที่นั้นเพราะมันอยู่ไกลสุดลูกหูลูกตามาก
"แล้วที่นี้คือเมืองของอาณาจักรอะไรหรือ" มินาโตะรีบถามขึ้นมาทันที่ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ที่นี้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอุซึมะ อาณาจักรของฉันเป็นอาณาจักรที่มีขนาดใหญ่อย่างมากมีอาณาเขตปกครองทางตะวันตกของทวีปแอตแลนติสจรดยันแหลมมิโตะ ฉันเป็นคนปกครองพื้นที่ทั้งหมดนี้เอง" ฮารุกะอธิบายพลางชี้นิ้วมายังแผนที่ที่เป็นทางตะวันตกของทวีปแอตแลนติส
"ว้าวนึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าท่านจะปกครองพื้นที่ใหญ่โตนี้ได้" คุชินะพูดอย่างไม่เชื้อสายตา เพราะนึกไม่ถึงว่าท่านหญิงเพียงแห่งเมืองอุซึชิโอะจะสามารถปกครองอาณาจักรที่กว้างใหญ่นี้ให้เป็นปึกแผ่นได้
"ไม่หรอกฉันปกครองได้เพราะฉันกระจายอำนาจปกครองสู่เขตต่างๆ ไงล่ะ จริงสิเธอคืออุซึมากิ คุชินะใช้ไหม" หญิงสาวทวนถามเด้กสาว
"ใช้แล้วค่ะมีอะไรหรือ" เด็กสาบถามด้วยความสงสัย
"ความจริงแล้วฉันมีนามว่าอุซึมากิ ฮารุกะ"
หญิงสาวตอบออกมาทำให้คุชินะถึงกับตาข้างขึ้นมาทันที่เพราะนึกไม่ถึงว่าจะมีคนสกุลอุซึมากิมาอยู่ที่นี้ได้ แต่เป็นไปได้อย่างไรกันทำไมถึงมาอยู่ที่นี้ได้
"ทำไมคุณถึงมีนามสกุลเหมือนหนูแล้ว ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี้ได้ล่ะ" เด็กสาวถามอย่างช้าๆ
"อุ อุ อุ ฉันจะเล่าให้เธอฟังเอง" ฮารุกะตอบเสียงใส "เข้ามาใกล้สิ"
เด็กสองคนกระเถิบเข้ามาใกล้แล้ววางแก้วชาลง หญิงสาวกระดกแก้วชาดื่มเสร็จและหายใจออกมาอย่างแผวเบา
"ในอดีตอันไกลโพ้นนั้น เมื่อก่อนฉันเป็นน้องสาวของอุซึมากิ มิโตะที่ถูกจับให้แต่งงานกับเซนจู ฮาชิรามะไป ฉันนั้นเป็นหญิงสาวที่ไม่ชอบการถูกคลุมถุงชน และฉันยังเป็นผู้หญิงที่ชอบการต่อสู่อย่างมาก แต่ท่านพ่อและท่านแม่ของฉันไม่คอยพอใจในตัวฉันเท่าไหล่ เพราะผู้หญิงอุซึมากิในสมัยนั้น มักถูกมองเป็นช้างเท้าหลังเสมอและไม่มีสิทธิในการต่อสู่เคียงข้างผู้ชาย แต่ฉันไม่ใช้ เมื่อรู้ว่าจะถูกจับแต่งงานกับชายคนหนึ่งที่ฉันไม่ได้รักฉันก็ได้รวบรวมหญิงสาวที่ฉันฝึกให้เป็นนินจาจำนวน 1000 คน ต่อเรือ จำนวน 100 ลำแล้วหนีออกจากอุซึชิโอะงาคุเระ เรือของพวกเรามุ่งหน้าไปตามทะเลที่เวิงว่าง จนกระทั้งกองเรือของพวกเราได้แล่นผ่านเข้ามาในทะเลปีศาจ จนมาพบทวีปแห่งนี้ เราได้พบกับเหล่านักรบหญิงเผ่าอะเมซอน คนพวกนั้นช่วยเหลือพวกเราต่าง ๆ นานา ทั้งสอนภาษาและอารยธรรมให้แก่เรา เราได้สร้างเมืองๆ หนึ่งขึ้นมาซึ่งปัจจุบันคือ เมืองอุซึชิโอะที่พวกเธออยู่ไง ส่วนอายุไขของฉันฉันมีอายุได้ 200ปีแล้ว"
หญิงสาวได้เล่าเรื่องของตัวเองจบลงทำให้เด็กทั้งสองคนต่างๆ ทึ่งไปตามๆกันกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
"แปลว่าคุณก็เป็นน้องสาวของท่านมิโตะนะสิ" คุชินะถามอย่างไม่เชื้อสายตาคิดไม่ถึงว่าจะมาเจอญาติห่างของท่านมิโตะ
"เธอรู้จักด้วยหรือ" ฮารุกะถามด้วยความสงสัย
"ใช้ค่ะหนูรู้จักท่านเป็นอย่างดีค่ะ" เด็กสาวคุชินะ ตอบ "ท่านเป็นภรรยาของฮาชิรามะ รวมทั้งเป็นร่างสถิตสัตว์หางอีกด้วย"
"สัตว์หาง ? ใช้เจ้าเจ้าคุรามะนั้นหรือเปร่า"
"คุรามะท่านรู้จักได้อย่างไรกัน " เด็กสาวถึงกับตาโตขึ้นมาทันที่ เมื่อคนตรงหน้าเอ่ยชื้อสัตว์หางอย่าง 9 หางออกมา
"อ่อ ก็พอดีเมื่อเดือน ก่อนนั้น" ฮารุกะพูด " ฉันได้พบเจอเจ้าจิ้งจอกยักษ์อยู่ตัวหนึ่ง มันย่อส่วนให้เล็กลงและแอบเข้ามาในกระเป๋าของนักสำรวจที่ฉันส่งไปสำรวจเกาะแห่งหนึ่ง แล้วจากนั้นมันก็มาปรากฏตัวที่เมืองของฉันนี้เอง ขอบอกไว้ก่อน มันมีนิสัยกวนมากๆ ฉันพบมันเขาและได้ตีสนิทกับมัน "
ใช้นั้นแหละเจ้าคุรามะ ดูท่ามันจะผ่านมาเที่ยวอุซึชิโอะแน่นอนแต่ยังไม่หยุดกวนเหมือนเดิม เอ่อคุรามะเอ่ยนายนี้นิสัยไม่เคยเปลี่ยนเลยน่ะ
"แล้วตอนนี้มันอยู่ไหนแล้วค่ะ" เด็กสาวถามตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
"อ่อ อ่อ มันพึ่งจะออกจากเมืองไปเมื่อหลายวันก่อนนี้เองดูท่ามันจะอยากท่องเที่ยวในแผ่นดินใหญ่นะ อ่อ จริงสินี้ก็เย็นมาแล้วเราไปกินข้าวเย็นกันเถอะ"
หญิงสาวรีบลุกขึ้นเด็กทั้งสองก็ลุกตามแล้วเดินออกไปจากห้อง ขณะเดียวกันที่ทางเดินมินาโตะก็ไถ่ถามหญิงสาว
"ทำไมคนในที่นี้ถึงแอบดูผมเป็นพิเศษละครับ" เด็กหนุ่มถามเขาเองก็สังเกตมาว่าก่อนจะเข้ามาในปราสาทนั้นเหล่าบรรดาทหารสาว ๆ และคนรับใช้ในปราสาทนั้นต่างจองมองเข้าราวกับว่าเขาเป็นชิ้นเนื้อที่น่ากินอย่างไรอย่างนั้น
"ก็เธอเป็นเด็กผู้ชายเพียงคนเดียวบนเกาะนี้ " ฮารุกะส่งสายตามาที่มินาโตะราวกับคิดอะไรกับเด็กหนุ่ม "อีกอย่างเรานั้นไม่เคยเห็นเด็กผู้ชายมนุษย์มาก่อน เรานั้นได้กับพวกอมุษย์และพวกหญิงเผ่าอเมซอนมาเยอะจนเบื่อแล้ว แต่เธอดูเป็นอะไรที่สาวๆบนทวีปนี้อยากงาบไปกินมากๆ"
"สัตว์หาง ? ใช้เจ้าเจ้าคุรามะนั้นหรือเปร่า"
"คุรามะท่านรู้จักได้อย่างไรกัน " เด็กสาวถึงกับตาโตขึ้นมาทันที่ เมื่อคนตรงหน้าเอ่ยชื้อสัตว์หางอย่าง 9 หางออกมา
"อ่อ ก็พอดีเมื่อเดือน ก่อนนั้น" ฮารุกะพูด " ฉันได้พบเจอเจ้าจิ้งจอกยักษ์อยู่ตัวหนึ่ง มันย่อส่วนให้เล็กลงและแอบเข้ามาในกระเป๋าของนักสำรวจที่ฉันส่งไปสำรวจเกาะแห่งหนึ่ง แล้วจากนั้นมันก็มาปรากฏตัวที่เมืองของฉันนี้เอง ขอบอกไว้ก่อน มันมีนิสัยกวนมากๆ ฉันพบมันเขาและได้ตีสนิทกับมัน "
ใช้นั้นแหละเจ้าคุรามะ ดูท่ามันจะผ่านมาเที่ยวอุซึชิโอะแน่นอนแต่ยังไม่หยุดกวนเหมือนเดิม เอ่อคุรามะเอ่ยนายนี้นิสัยไม่เคยเปลี่ยนเลยน่ะ
"แล้วตอนนี้มันอยู่ไหนแล้วค่ะ" เด็กสาวถามตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
"อ่อ อ่อ มันพึ่งจะออกจากเมืองไปเมื่อหลายวันก่อนนี้เองดูท่ามันจะอยากท่องเที่ยวในแผ่นดินใหญ่นะ อ่อ จริงสินี้ก็เย็นมาแล้วเราไปกินข้าวเย็นกันเถอะ"
หญิงสาวรีบลุกขึ้นเด็กทั้งสองก็ลุกตามแล้วเดินออกไปจากห้อง ขณะเดียวกันที่ทางเดินมินาโตะก็ไถ่ถามหญิงสาว
"ทำไมคนในที่นี้ถึงแอบดูผมเป็นพิเศษละครับ" เด็กหนุ่มถามเขาเองก็สังเกตมาว่าก่อนจะเข้ามาในปราสาทนั้นเหล่าบรรดาทหารสาว ๆ และคนรับใช้ในปราสาทนั้นต่างจองมองเข้าราวกับว่าเขาเป็นชิ้นเนื้อที่น่ากินอย่างไรอย่างนั้น
"ก็เธอเป็นเด็กผู้ชายเพียงคนเดียวบนเกาะนี้ " ฮารุกะส่งสายตามาที่มินาโตะราวกับคิดอะไรกับเด็กหนุ่ม "อีกอย่างเรานั้นไม่เคยเห็นเด็กผู้ชายมนุษย์มาก่อน เรานั้นได้กับพวกอมุษย์และพวกหญิงเผ่าอเมซอนมาเยอะจนเบื่อแล้ว แต่เธอดูเป็นอะไรที่สาวๆบนทวีปนี้อยากงาบไปกินมากๆ"
มินาโตะรู้สึกเขินมากๆ จนหน้าแดงที่รู้ว่าเขาเป็นดาวเด่นของสาว ๆ บนทวีปนี้โอ้นี้แหละสวรรค์ของฉัน ที่ฉันใฝ่หามานานมาแล้ว มีหญิงสาวอยู่รอบกายโอ่นี้แหละ
" คุณมีลูกกี่คนหรือครับแล้วพวกเขาไปไหนหมด" มินาโตะเปลี่ยนคำถามทันที่
"20 คน เป็นหญิงล้วน ตอนนี้แต่งงานออกเรือนไปกับพวกอมนุษย์และสาวอเมซอนแล้ว จนออกลูกออกหลานกันมากมายแล้วละ" ฮารุกะยิ้มอย่างคำๆ
"เดี่ยว ๆ จะพูดว่าหญิงสาวที่นี้เป็น ฟูทานาริ(Futanari)น่ะสิ " คุชินะถึงกับเบิกตากว้างสำหรับคำว่าฟูทานาริแล้วมันหมายถึงหญิงสาวที่มีอวัยวะเพศสืบพันธ์สองเพศคือ มีทั้งดาบ(อวัยวะสืบพันธ์ของเพศชาย)และกลีบบุปผา(อวัยวะสืบพันธ์ของเพศหญิง) ซึ่งมหายความว่าพวกเธอสามารถตั้งครรถ์และสมสู่กับหญิงสาวไม้เดียวกันได้
"โฮ้ผมนึกว่าว่า ฟูทานาริมันเป็นแค่เรื่องเรา" มินาโตะพูดอย่างไม่เชื้อสายตา "แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีจริงดดยเฉพาะกับพวกเผ่าหญิงอเมซอน"
"เผ่าหญิงอเมซอนก็แบบนี้แหละ อัศจรรย์ไหมล่ะที่เผ่าพันธ์ผู้หญิงสามารถตั้งครรถ์และสืบพันธ์กันเองได้ เผ่าพันธ์หญิงอเมซอนนั้นจะเริ่มมีการสืบพันธ์ตั้งแต่อายุ 4-5 ขวบ และหากชาวอเมซอนไปสมสู่กับเผ่าพันธ์ใดก็ตามที่เป็นเพศหญิงลูกที่เกิดมาก็จะมีแต่เพศหญิงที่มีอวัยวะสืบพันธ์สองเพศ "
ตอนนี้ทั้งสาม ได้ลงลิฟท์มาถึงตำหนักชั้นล่างแล้ว ฮารุกะได้ให้ทั้งสองไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดยูคาตะ เมื่อทั้งสองอาบน้ำเสร็จแล้วทั้งสองก็ได้มากินอาหารเย็นที่ห้องอาหารที่ตกแต่งด้วยศิลปะแบบญี่ปุ่นรวมทั้งยังมีการ บรรเลงดนตรีที่แสนไพเราะ อาหารบนโต๊ะมีตั้งแต่ ปลาเเซวมอนซาซึมิ กุ้งเทมปุระ ซุปมิโซะ ช้าวชาว สเต็กหมู อาหารมือเย็นนี้กลายเป็นอะไรที่ถูกปากมากที่สุดสำหรับเด็กทั้งสองคน
"จริงสิคุชินะ ตอนนี้หมู่บ้านอุซึชิโอะเป็นอย่างไรบ้าง"
หญิงสาวถามขึ้นมานั้มมันทำให้เด้กสาวแน่นิ่งไปราวกับหิน เพราะเธอเองก็รู้สึดเสียใจยากที่จะบอกความจริงได้
"หมู่บ้านนั้นล่มสลายไปแล้ว ค่ะ" เด็กสาวตอบด้วยเสียงที่เศร้า "พวกเราถูกกวาดล้างเพราะมีพลังที่ไม่เหมือนผู้ใด รวมทั้งภายในหมู่บ้านยังเกิดศึกภายในอีก ทำให้หมู่บ้านอันเป็นที่รักของหนูล่มสลายไปแล้ว"
"ฉันเสียใจด้วยนะที่เธอต้องศูนย์เสียหมู่บ้านไปแต่ตอนนี้ที่นี้ยังมีชาวอุซึมากิหลงเหลืออยู่ เรานั้นยังไม่หายไปจากโลกนี้หรอกนะ "
ฮารุกะพูดปลอบใจเด็กสาวที่เกือบจะร้องให้ออกมา แต่คำปลอบใจก็เป็นผลดีต่อเด็กสาวด้วยเหมือนกัน ที่เผ่าพันธ์แห่งอุซึมากิยังไม่สูญพันธ์ไปจากโลกนี้ ถือได้ว่าเป็นข่าวดีสำหรับเธอมาก
ในยามคำคืน เด็กทั้งสองได้นอนในห้องที่หรูหราและอบอุ่นซึ่งดูสบายกว่านอนอยู่ในถ้ำเสียอีกที่นอนฟูกแสน นุ่มนวลราวกับปุ๋ยเมฆ ดีมากที่ได้นอนบนฟูกดีกว่านอนบนกองใบไม้ที่เรามักปูเป็นประจำในถ้ำ
.....................................
เช้าวันต่อมาเป็นเช้าวันใหม่ที่แสนอบอุ่นดีจริง เด็กหนุ่มและเด็กสาวได้ขออนุญาติฮารุกะ ออกไปสำรวจเมืองอุซึชิโอะ ที่แสนสวยงาม เด็กทั้งสองเดินผ่านถนนอันแส่น จ่อแจ่ผู้คนพลุกพร่านไม่มาก เดินไปทางไหนก็มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น บ้านเรือน และ ถนนหนทางสะอาดสะอานราวกับบ้านเมืองนี้ผู้คนมีระเบียบเรียบร้อย ที่จะรักษาความสะอาดของบ้านเมืองและสาธารณะ ร้านค้าต่างมีตั้งแต่ ร้านดอกไม้ ร้านอาหาร โรงแรม ร้านหนังสือ โรงพิมพ์ ร้านขายยา ร้านขายอาวุธ ร้านของเล่น ฯลฯ อีกต่างมากมาย
"มินาโตะ ฉันอยากกินชูครีมนายช่วยเลี้ยงฉันหน่อยนะ" เด็กสาวอ่อน และกอดแขนเด็กหนุ่มที่กำลังดูบ้านเรือนต่างๆ
"ได้เลย " เด็กหนุ่มรีบเดินเข้าไปในร้านขนมหวานที่ตกแต่งอย่างสวยงาม แล้วหยิบเงินที่ท่านฮารุกะให้มา จับจ่ายใช้ส่อย เพื่อซื้อขนมหวาน
เด็กหนุ่มเดินออกมาจากร้านพร้อมชูครีมสองก้อน
"อะนี้ของเธอ" เด็กหนุ่มยื่นชูครีมให้เด็กสาว
"ขอบใจมากนะมินาโตะคุง" เด็กสาวพูดเสียงใสก่อนจะรีบรับชูครีมมาและกัดมันเข้าไปคำหนึ่ง
"อืมอร่อยมาก" เด็กสาวชมขณะกัดชูครีมอีกรอบ
ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังจะกินชูครีมอยู่นั้น
"คุชินะ!! คุชินะ!!"
เด็กสาวที่อยู่ดีๆ ก็เป็นลมลงมาอย่างไม่รู้สึกตัวทำให้เด็กหนุ่มรีบรับอย่างรวดเร็ว แทบไม่ทัน
"เป็นอะไรไปคุชินะ เธอเป็นอะไรไป "
เด็กหนุ่มเขย่าตัวเด็กสาวแต่ไม่มีการตอบกลับ ทำให้เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบพาเด็กสาวกลับไป ที่ปราสาทนั้นอย่างรวดเร็ว
...............................................
เด็กสาวค่อยลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเธอนั้นนอนอยู่บนฟูกแล้วรอบๆก็คือห้องสีขาว ข้างๆนั้นมีมินาโตะและฮารุกะนั้งอยู่ข้าง
"คุชินะเธอฟื้นแล้วหรือเธอเป็นอะไรหรือเปร่า" เด็กหนุ่มพูดด้วยความเป็นห่วง และเอามือจับที่ไหล่ของเด็กสาวทั้งสองข้าง
"ไม่ฉันไม่เป็นไร แต่ทำไม่ฉันถึงเป็นลมไปได้" คุชินะพูดมาอย่างมึนงง ด้วยความที่จำอะไรในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย
"ฉันจะถามพวกเธอนะ" ฮารุกะทำหน้าเรียบ "นี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตายอย่างมากเลยนะ"
"ถามว่าอะไรหรือครับ" เด็กหนุ่มสงสัยขึ้นมาทันที่
"พวกเธอนั้นได้มีอะไรกันก่อนวัยอันควรหรือเปร่า"
หญิงสาวถามออกมา ทำให้ทั้งสองถึงกับหน้าแดงขึ้นมาด้วยความอาย ทั้งคู่พยายามจะปกปิดเรื่องอย่างว่านั้นเอาไว้ที่พวกเขาทำมาตลอดทั้งสองเดือน
"ไม่ ไม่น่ามีอะไรหรอกครับ" เด็กหนุ่มพยายามพลบเลี้ยงคำพูดของหญิงสาว แต่นั้นก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาที่กำลังจองอย่างเหมือนรู้อะไรบ้างอย่างที่เด็กทั้งสองปิดบังเอาไว้
"ได้งั้นฉันจะบอกพวกเธอเอง ถ้าพวกเธอคิดจะปิดบังเรื่องอย่างว่าเอาไว้ โดยที่ฉันไม่รู้ละก็"
หญิงสาวจองตาถลึงใส่เด็กทั้งสองคนราวกับว่า กำลังจะบอกข่าวร้ายที่ดูไม่น่าดีให้ทั้งสองได้ฟั้งและตัวของเด็กทั้งคู่ก็เริ่มสั่นอย่างบอกไม่ถูก ราวกับสิ่งที่จะบอกนั้นมันร้ายแรงมาก ๆ
"คุชินะ เธอกำลังตั้งท้อง"
*******
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น