ลำดับตอนที่ #21
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : ตอนที่ 20 บ้านจิ้งจอก
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาบ่ายโมง สองพ่อลูกยังคงดันด้นออกหาสมุนไพร ภายในป่าที่ดำมืดแห่งนี้ ระหว่างทางพวกเขาก็ได้เก้บสมุนไพรอย่างอื่นมาบ้าง เพื่อจะสามารถรักษา บุตรสาวของตนได้บ้าง บรรยากาศรอบ ๆ นั้นเริ่มร้อนชื่นมากขึ้น จนเริ่มมีเหงื่อไหล่ลงมาอาบร่างของสองพ่อลูก
แต่นารูโตะนั้นยังคงมีอาการช็อกอยู่ยังคงทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ หลังจากที่สองพ่อลูกได้ฆ่าหมาป่าโลกันต์ 5 ตัวที่พยายามจะเข้ามาฆ่าพวกเขา เด็กน้อยทำได้แต่เดินตามหลังพ่อของตนในสภาพที่ไร้ร้อยยิ้ม ไม่ร้องเพลงหรือพูดจาขำๆอีกต่อไป
"ยังไม่หายช็อกอีกหรือลูก" มินาโตะหันมาถามบุตรชายของตน
"ยังครับผมยัง รู้สึกว่ามันแย่กว่าเดิมอีก " นารูโตะพูดด้วยเสียงอ่อน ๆ
"ทำใจเถอะลูกยังไงซะ สักวันหนึ่ง " มินาโตะพลางเข้ามาจับไหล่บุตรชาย "หากวันใดพ่อกับแม่ตายไปลูกจะต้องปกป้องตัวเองและน้องของลูก ให้ปลอดภัย เราไม่อาจอยู่กับลูกจนวินาทีสุดท้ายได้หรอกลูก ต่างคนต่างมีวาระและอายุขัยเป็นของตัวเอง มาเถอะเดินต่อเถอะ"
ทั้งสองยังคงก้าวเดินต่อไป ในป่าต่อไป โดยที่ยังไม่รู้เลยว่าพวกเขาเข้ามาลึกมากเท่าใดแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาเหนื่อยมากและอยากจะพักผ่อนข้างทางเสียหน่อย ทั้งสองตัดสินใจนั้งพักเหนื่อยพลางหยิบข้าวเทียงขึ้นมากินซึ่งภายในปิ่นโตก็มีข้าวหน้าปลาแซวมอนกับสตอเบอรี่
"พ่อครับผมอยากถามอะไรอย่างหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ"
"อะไรหรือลูก"
นารูโตะถามผู้เป็นบิดาขณะกำลังใช้ตะเกียบช่อนข่าว
"พ่อฆ่าคนครั้งแรกเมื่อไหล่หรือครับ แล้วครั้งแรกรู้สึกอย่างไรบ้าง"
คำถามของบุตรชายทำให้มินาโตะแน่นิ่งไปพักใหญ่
"อืม ครั้งแรกของพ่อนะหรือ ตอนนั้นมีพวกนินจาบุกเข้ามาในหมู่บ้านหมายจะวางระเบิดสังหารโฮคาเงะรุ่นที่ 3 โชคดีที่พ่อเห็นเหตุการณ์ ตอนนั้นพ่อก็ยังเด็กอยู่เหมือนกันแต่พอมีทักษะต่อสู่ได้บ้าง พ่อเข้าต่อสู่กับพวกมัน และสังการพวกมันไปคนหนึ่ง ส่วนพวกที่เหลือนั้น ถูกทางหมู่บ้านจับเข้าคุกหมด และในตอนนั้น ตอนที่พ่อได้ฆ่าคนครั้งแรกพ่อก็มีอาการแบบเดียวกับลูกและหวาดกลัว และรู้สึกไม่สบาย แต่รุ่น 3 ได้บอกพ่อไว้ว่า เด็กน้อยเอ่ยเจ้าทำถูกแล้วระหากเจ้าไม่ฆ่าพวกมัน พวกมันจะฆ่าชาวบ้านไปมากกว่านี้ นี้และคือสิ่งที่ทำให้พ่อเริ่มทำใจขึ้นมาบ้าง" มินาโตะเล่าเรื่องราวพลางใช้ตะเกียบคีบข้าวเข้าปาก
"แล้วหลังจากนั้นพ่อก็ฆ่าคนมาตลอดเลยใช้ไหม" นารูโตะถามขณะตักข้าวเข้าปาก
"ก็ใช้ แต่พวกที่พ่อฆ่าก็มีแต่พวกที่สมควรตายทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นโจรชั่ว โจรข่มขืน นินจาเลวๆ ที่แม้แต่สังคมยังไม่อยากไว้ชีวิตเลยด้วยซ่ำ ลูกจงจำไว้น่ะ โลกใบนี้นะมีการต่อสู่อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตหรือสงครามทุกที่ล้วนมีการต่อสู่กันเพียงแต่เราต้องมีสติปัญญาพอที่จะเอาตัวรอดและสร้างสิ่งดีๆให้ได้ " มินาโตะพูดเม้นเสียง
"แล้วซากุระล่ะ เธออ่อนต่อโลกมากเธอยังไม่เคยเจอแบบผมหรือพ่อคิดว่าเธอจะรับกับโลกแบบนี้ได้หรือ" นารูโตะขึ้นเสียงถาม ใช้สำหรับซากุระแล้วเธอยังอ่อนต่อโลก เธอนั้นยังไม่เคยผ่านการฆ่ามาก่อนถึงพวกเราจะต่อสู่ฝึกซ่อมมาก่อนแล้วก็ตาม
"ใจเย็นลูกใจเย็น ยังไงซะซักวันน้องของลูกจะเข้าใจโลกเอง พวกเราเพียงได้แค่สอนและชี้ทางให้สามารถเติบโตและอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริงได้เท่านั้นเอง ลูกเป็นห่วงน้องมากเลยหรือ" มินาโตะพูด
"ครับผมเป็นห่วงเธอมากเธอยังไม่เคยเจอแบบนี้ก่อน" นารูโตะพลางทำคอตก
"เอาน่ายังเดียวทุกอย่างจะเป็นไปตามเวลาของแต่ละคนเองมาเถอะรีบกินข้าวรีบเก็บสมุนไพรต่อเถอะ"
มินาโตะและนารูโตะรีบกินข้าวกลางวันหลังจากกินเสร็จทั้งสองก็รีบออกเดินทางต่อ ตลอดทางนารูโตะพอเริ่มจะทำใจได้ขึ้นมาบ้าง ภายในป่าแห่งนี้มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นวัวป่า นก ค่าง ลิง และกระรอก รวมทั้งพชไม้ต่าง ๆ มากมาย ขณะที่กำลังเดินสำรวจอยู่นั้น
"ช่วยด้วย !! อย่าทำฉันน่ะ ไม่ "
เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้น ทำให้สองพ่อลูกรีบตามเสียงนั้นไปเสียงนั้นยังคงดังขึ้นเรื่อย ๆ มินษโตะและนารูโตะสาวเท้าอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดก็มาถึงที่โล่งกว้างกลางป่า ซึ่งตรงนั้นมีหญิงสาวผู้หนึ่ง ผมสีน้ำตาล มีหูและหางเป็นจิ้งจอกกำลังถูกมนุษย์หมาป่าตัวหนึ่งข่มขื่น
"ปล่อยฉันนะ " จิ้งจอกร้อง และพยายามดิ้นให้หลุดแต่ก็ไม่อาจต้านแรงของมนุษย์หมาป่าได้
"คิดว่าจะปล่อยง่ายหรือมาเป็นเมียข้ามา " มนุษย์หมาป่าตัวนั้นฉีกเสื้อผ้าของเธอออกเผยให้เห็นผิวขาวบอบบาง
"ไม่อย่าน่ะ"
ฉึก !!
อัก!!
ดาบของมินาโตะพุ่งแท่งเข้าตรงบริเวณคอของมนุษย์หมาป่าตัวนั้นจนขาดใจตายก่อนที่ร่างของมันจะฟุบลงกับพื้น
"ไม่เป็นไรน่ะ" มินาโตะดึงดาบออกจากร่างของมนุษย์หมาป่าและหันมาถามจิ้งจิกสาว ก่อนที่จะถอดผ้าคลุมมาคลุมร่างของหญิงสาว
"ไม่เป็นไร ขอบคุณมากที่ช่วยฉัน " จิ้งจอกสาวกล่าวขอบคุณ "จิงสินายเป็นใครหรือแต่นายดูหน้าคุ่น ๆ มากเลย"
จิ้งจอกสาวรู้สึกคุ่นหน้ามากว่าเคยเห็น คนผู้นีที่ไหนมาก่อน
"อ่อฉันชื่อ อุซึมากิ-นามิคาเซะ มินาโตะ ส่วนนั้นลูกชายของฉัน" มินาโตะชี้ไปที่บุตรชายที่เดินออกมาจากหลังต้นไม้
"สวัสดีครับผมชื่อ อุซึมากิ-นามิคาเซะ นารูโตะ ครับผม" นารูโตะทักทายอย่างสุภาพ
"อ่อเข้าใจแล้ว พวกคุณนี้เอง ฉันจำได้แล้วคนที่ขายพักอยู่ในหมู่บ้านนี้เอง พักผลไม้พวกคุณอร่อยมาก" หญิงสาวจิ้งจิกนึกได้ทันที่ ครอบครัวมนุษย์ที่ขายของต่างๆอยู่ในหมู่บ้านเดรอนนี้เอง
"นี้พี่สาว พี่นี้เองผมพอจำได้บ้างว่าพี่เป็นคนที่ซื่อผลไม้ของพวกเราบ่อยนี้เอง" นารูโตะนึกขึ้นได้
"จริง ด้วย แต่จริงสิพวกคุณเข้ามาทำอะไรที่นี้หรือ" จิ้งจอกสาวถาม ขึ้นด้วยความสงสัยเพราะไม่เคยมีใครเดินเข้ามาเหยียบในอาณาบริเวณป่าดำมาก่อน
"พวกเราเข้ามาหาสมุนไพรที่ชื่อ เอทิส พอดีลูกสาวของผมป่วยก็เลยนะ" มินาโตะพูดด้วยเสียงอ่อน
"ลูกสาวของนายป่วยนี้เอง งั้นตามมาสิ ที่บ้านของฉันมีสมุนชนิดนี้เต็มไปหมดเลย" จิ้งจิกสาวพูด
"จริงหรือ" นารูโตะพูดด้วยตาลุกว้าว
"จริงสิ อ่อฉันลืมแนะนำตัวฉันชื่อคีร่า ฉันอยู่ที่นี้มานานแล้ว ตามมาสิ" คีร่าแนะนำตัว
ทั้งสามเดินออกจากบริเวณนั้นและเดินเข้าป่าไปไกลมากก่อนที่จะข้ามลำธารที่ใส่แจ่วและเดินไปตามถนนที่ถูกทำไว้จนมาถึงบ้านไม้หลังหนึ่ง มันเป็นบ้านไม้ที่สร้างจากไม้เนื้อแข้ง มีหน้าต่างสี่บาน รอบ ๆ บ้านมีส่วนสมุนไพร และพีชผล ดอกไม้มากมาย
"เข้ามาเลยที่นี้ต้อนรับพวกนาย"
คีร่า เดินนำทั้งสามเดินเข้าไปในบ้าน เมื่อประตูเปิดออกก็พบว่าภายในบ้านนั้นมีระเบียบเรียบร้อย ข้าวของต่างจัดว่างไว้อย่างเป็นระเบียบ ภายในนั้นมีบรรยากาศดูอบอุ่นดี สองพ่อลูกได้มานั่งลงบนเก้าอี้ไม้ คีร่าเดินเข้าไปใส่เสื้อมาใหม่และเข้าไปในครัวชงชาออกมา ให้สองพ่อลูกดื่มกิน
" พวกนายคงเป็นมนุษย์กลุ่มเดียวที่มาอยู่ในอาศัยโลกใบนี้ใช้ไหม" คีร่าถามอย่างสนอกสนใจเพราะเธอนั้นได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์มามากมายตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
"ก็ใช้ พวกเรามาจากโลกอื่นแล้วจู่ๆ ก็มาอยู่ที่โลกนี้ได้อย่างไรก็ไม่รู้ช่างเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากๆเลย" มินาโตะพูด
"แล้วโลกที่พวกนายจากมานั้น มนุษย์ที่นั้นเหมือนกับที่ฉันเคยได้ยินมาหรือเปร่าเห็นทุกคนมักพูดกันว่า ในสมัยก่อนการล้างโลกพวกมนุษย์นั้นโหดร้ายชอบทำสงคราม และเหยียบย้ำกัน" คีร่าถามมินษโตะหมายจะเข้นคำตอมจากปากของเด็กหนุ่ม
"ก็ที่โลกของผมก็มีทั้งดีและชั่วปะปนกันไป ที่นั้นก็มีสงครามและการทำลายล้าง แต่ก็ยังมีการสร้างสรรค์สิ่งต่างด้วยเหมือนกัน โลกมันก็แบบนี้และ"
สิ่งที่มินาโตะเล่ามานั้นทำให้คีร่าสนใจอย่างมากเกี่ยวกับโลกมนุษย์ในอีกพิภพหนึ่ง นึกไม่ถึงว่ามนุษย์จะมีหลากหลายในจักรวาลขนาดนี้
"จริงสิแล้วคุณอยู่ที่นี้คนเดียวหรือครับ" นารโุตะถามขึ้นทำให้คีร่าพยักคิ้ว
"อ่อใช้ฉันอยู่ที่นี้คนเดียวอันที่จริงฉันแยกตัวออกมาจากหมู่บ้านจิ้งจอกนะเพราะฉันอยากใช้ชีวิตสันโดษอิสระหน่อยนะ เพราะมันมีความสุขดี" คีร่ายิ้มพลางเอามือลูปท้องที่แบนราบของตัวเอง
"นั้นคุณกำลังตั้งท้องอยู่หรือเปร่า" มินาโตะพลางถาม
"อ่อใช้ฉันท้องและลูกในท้องก็ดั้นเป็นลูกมนุษย์หมาป่าที่เข้ามากระทำชำเราฉันด้วย" คีร่าเริ่มมีสีหน้าที่เศร้าเธอยังคงนึกถึงพวกมันที่เข้ามารุมกระทำอันโหดร้ายต่อตัวเธอ
"แล้วคุณจะฆ่าเด็กในท้องหรือเปร่า" นารูโตะถามด้วยความเป็นห่วง
"ฆ่าหรือบ้านาเจ้าเด็กน้อยมีแม่ที่ไหนในโลกจะฆ่าลูกได้ลงคอล่ะ ตั้งแต่ฉันเกิดมาแม่ฉันยังเลี้ยงดูฉันมาอย่างดีฉันคง จะดูแลเด็กคนนี้ให้เติบโตขึ้นมาเป็นลูกที่ดีแค่นี้ก็พอแล้ว"
คีร่าพรางลูปท้องอย่างเบาด้วยความทะนุทนอม ถึงเด็กในท้องจะเป็นลูกที่เกิดจากการกระทำชำเราแต่เธอก็สัญญาวาจะดูแลลูกให้ถึงที่สุด
"อืมจริงสิและแถวนี้ยังมีหมู่บ้านอีกมากมายเลยใช้ไหม" มินาโตะถามจริงอยู่ที่เข้าถามชาวบ้านในหมู่บ้านเดรอนมาพวกเขาพูดว่ายังมีหมู่บ้านแบบพวกเขามากมายแถบติ่งแหลมมิโตะอีกเยอะ
"ก็ยังมีอีกเยอะ หมู่บ้านของฉันเป็นหมู่บ้านเผ่าจิ้งจอก ฉันมาจากที่นั้นแหละ" คีร่าตอบพลางยกถ้วยน้ำชาดื่ม "จริงสิพวกนายจะมาเอาสมุนไพรไปรักษาลูกสาวของนายใช้ไหม "
"อ่อใช้แล้ว"
"งั้นตามมานี้เลย มาที่สวนฉันเลย"
ทั้งสองลุกออกจากโต๊ะและเดินออกจากบ้านมาที่สวน ซึ่งภายในสวนต่างปลูกพืชผลไว้ตั้งมากมาย รวมทั้งสมุนไพร คีร่าเดินนำมาที่แปลงสมุนไพรแปลงหนึ่ง สมุนไพรชนิดนี้มีลักษณะเป็นดอกสีเงินส่งกลิ่มหอมอบอวนไปทั่ว
"นี้ไงล่ะเอทิส " คีร่าพลางดึงสมุนไพรออกมาและส่งให้กับมินาโตะ
"ขอบคุณมากเลยน่ะที่มอบสมุนไพรให้เรา" มินาโตะขอบคุณน้ำใจของคีร่า
"ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณนาย นายช่วยชีวิตฉันไว้นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่แล้ว อ้านี้เมล็ดพันธ์ต้นเอทิส" คีร่าหยิบถุงเล็กถุงหนึ่งให้ "สมุนไพรชนิดนี้ต้องเติบโดตในที่ที่มีน้ำมากและมีอากาศที่ถ่ายเทสะดวก "
"ขอบคุณมากเลยครับผมจะเอากลับไปช่วยน้องสาวของผมให้หายป่วยให้ได้เลย" นารูโตะโค้งคำนับ
"เอาไว้ถ้าพวกนายมีเวลาว่าง ค่อยมาเยี่ยมบ้านของฉันน่ะ"
"ได้ไว้วันไหนว่างพวกเราจะมาเยี่ยมนะ ลาก่อนน่ะคีร่า"
มินาโตะจับไหล่ของนารูโตะก่อนที่พวกเขาจะใช้วิชา เทพสายฟ้าเหินวาร์ปออกจากบ้านคีร่าและมาปรากฎตัวอยู่หน้าบ้านของครอบครัวอุซึมากิ-นามิคาเซะ นารโูตะและมินาโตะรีบวิ้งเข้าไปในบ้านก็พบว่ากับคุชินะกำลังเตรียมซุปอยู่
"กลับมาแล้วท่านแม่"
"กลับมาแล้วหรือลูก ตายแล้วนารูโตะทำไมเสื้อลูกถึงเต็มไปด้วยเลือดขนาดนี้" คุชินะรีบเข้ามาหานารูโตะด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรหรอกคุชินะ ลูกเราแค่ตอสู่กับหมาป่ามาเท่านั้นเอง" มินาโตะพูด
"จริงหรือนารูโตะลูกต่อสู้กับพวกมันหรือ บาดเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปร่าลูกขอแม่ดูหน่อยสิ" คุชินะถามด้วยความเป็นห่วง พลางจับไปทั่วตัวลูกชาย
"ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกฮะแม่ ตอนนี้พวกเราได้สมุนไพรที่ว่านั้นมาแล้ว"
"งั้นหรือรับเอามาให้แม่เร็วเดียวแม่จะตำยาให้" คุชินะรีบเอาสมุนไพรจากมือนารูโตะ และนำเข้าห้องครัว จากนั้นก็ตำจนระเอียดและนำไปต้มจนเป็นยา ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้อง ตอนนี้ซากรุะยังคงนอนหลับอยู่
"ซากรุะจ่ะ ตื่นได้แล้วลูกมากินยาก่อนมา"
คุชินะปลุกซากุระให้ตื่นเด็กสาวตื่นขึ้นมาแล้วคุชินะค่อย ๆ กระดกถ้วยยาเข้าไปในปากซากุระ รสชาติของมันทั้งคมและฟาดคอไม่หน้ากินจนอยากจะอ้วกออกมา แต่เด็กสาวจำต้องกินมันเพื่อสุขภาพของเธอดังสุภาษิตที่ว่า หวานเป็นลม ขมเป็นยา เด็กสาวกินยาเข้าไปเรียบร้อยแล้วก่อนที่เธอจะเอนนอนลงไปบนเตียงอย่างช้า ๆ และหลับไป โดยที่ผู้เป็นแม่และพี่ชาย พ่อต่างจับตาดูอยู่อย่างไม่หาง
"ผลของมันจะเป็นยังไงบ้าง" คุชินะถามมินาโตะ
"แค่คืนเดียว เดียวลูกเราก็หายขาดแล้วไม้ต้องเป็นห่วงหรอกยาชนิดนี้ทำให้หายได้ภายในไม่เกินคืนนี้" มินาโตะพูดให้ผู้เป็นภรรยาหายกังวล
"ดีจริงที่นายกลับมาทัน ไปอาบน้ำก่อนเถอะเดียวฉันจะเตรียมกับข้าวให้กิน"
คุชินะลุกเดินออกไป สองพ่อลูก ต่างเข้าไปอาบน้ำก่อนที่จะออกมากินข้าวที่เตรียมไว้ ทั้งสามพ่อแม่ลูกต่างมานั้งลงกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันพลางถามเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ไปพานพบมากันอย่างสนุกสนาน แต่คุชินะก้เข้าใจว่านารูโตะเจออะไรร้ายมาเยอะ ทำให้เะอทำได้เพียงแค่พูดให้กำลังใจเด็กน้อยเท่านั้น
******
หนึ่งวันต่อมาซากรุะก็หายจากอาการเจ็บป่วยเธอกลับมาร่าเริงและมีความสุขอีกครั้ง เด็กสาวขยันขันแข็งช่วยพ่อ แม่และ พี่ชายทำงานในไร่อย่างสนุกสนาน ครอบครัวของมินษโตะกลับมามีความสนุกสนานอีกครั้ง จนกระทั้งคื่นหนึ่ง
แสงจันทรั์สาดส่องเข้ามาในหน้าต่างของห้องนอนครอบครัวอุซึมากิ-นามิคาเซะ พ่อและแม่ของเด็กทั้งสองต่างนอนหลับอย่างสบายหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานทั้งวัน แต่ซากุระเธอนอนตื่นลืมตาสีเขียวมรกตขึ้นมา และนอนหันไป ยังตรงเตียงพี่ชายกลับพบว่าพี่ชายของเธอนั้นยังไม่ได้หลับ เขากำลังนั้งหันหลังอยู่บนเตียงนอน เด้กสาวไม่รอช้ารุกจากเตียงนอนและเดินมาหาพี่ชายอย่างเบา ๆ
"พี่นารูโตะพี่เป็นอะไรหรือเปร่า" เด็กสาวถามอย่างเบาโดยที่ตัวของเธอพยายามเข้ามาใกล้พี่ชายของเธอ
"ซากุระ ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะนี้มันดึกมากแล้วนะ" เด็กชายถามอย่างไม่อยากจะถาม
"หนูเห็นพี่นั่งอยู่บนเตียงก็เลยสงสัยน่ะว่าพี่เป็นอะไรหรือเปร่า หน้าตาพี่ราวกับมีความทุกข์ใจอะไรบ้างอย่าง" เด็กสาวพูดเสียงใสและยืนหน้าเข้ามาใกล้
"เปล่าหรอกพี่ไม่มีอะไรมากหรอกพี่แค่คิดถึงเรื่องหนึ่งอยู่นะไปนอนได้แล้วซากุนะ" นารูโตะพูด และพยายามไล่น้องตัวเองให้ไปนอน
"นาน่ะบอกหนู่หน่อยเหอะพี่ทุกข์ใจอะไรหรือ หนูอาจช่วยได้"
"..........."
เด็กชายนั้นไม่อาจทนกับใบหน้าอันอ่อนว้อนและดวงตาสีเขียมมรกตของน้องสาวของตนที่พยายามจะสอดรู้สอดเห็นอากัปกริยาของตนเองได้ จึงตัดสินใจเล่าเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
"คือพี่.....นั้นได้ฆ่าพวกหมาป่าโลกันต์ พ่อกับพี่นั้นพยายามออกเดินทางไปหาสมุนไพรและพี่กับพ่อถูกพวกมันทั้ง 5 รุมล้อมไว้และพี่กับพ่อได้ต่อสู่กับพวกมัน ใช้พี่และพ่อฆ่าพวกมันได้ แต่....จิตใจของพี่นั้นกับรู้สึกหวาดกลัว พี่นั้นไม่เคยเข้นฆ่าใครมาก่อนเลย พี่รู้สึกในตอนนั้นพี่เป็นปีศาจ พี่กลายเป็นปีศาจไปแล้ว ซากุระพี่ถามอะไรอย่างหนึ่งสิถ้าเธอเจอแบบเดียวกับพี่เธอจะทำอย่างไรเล่า"
เด็กชายแน่นิ้งทำหน้าเศร้าโดยไม่สบตาน้องสาวแม้แต่นิดเดียว เด็กสาวเองเธอก็เข้าใจความรู้สึกของพี่ชายเธอเป็นอย่างดีว่าพี่นั้นเจ็บปวดมากขนาดไหน
"หนูรู้ดีว่าพี่เจออะไรมาเยอะพ่อเคยพูดกับหนูไว้ว่าวันหนึ่งหนูจะต้องต่อสู่ เพราะการต่อสู่จะเข้ามาในชีวิตเรา สิ่งเดียวที่ทำได้คือป้องกันตัวเอาไว้ และทำในสิ่งที่ดี หนูไม่อาจช่วยอะไรพี่ได้มากแต่หนูเป็นกำลังใจให้พี่ " ซากุระเขยิบเข้ามาใกล้นารูโตะมากจนใบหน้าเกือบใกล้ชิดกัน
"พี่ต้องเข้มแข็งให้ได้หนูอยู่ข้างพี่เสมอ"
"ซากรุะ.."
นารูโตะและซากุระค่อย ๆ ประกบจูบกันอย่างแผวเบาก่อนที่เด็กทั้งสองจะเอนตัวนอนลงไปบนเตียงเดียวกัน
"พี่รักเจ้าเสมอน่ะ"
"หนูก็รักพี่เหมือนกัน"
มานตาของเด็กทั้งสองค่อย ๆ หลับลงไปในที่สุด เด็กทั้งสองนอนกอดกันอยู่บนเตียงสองพี่น้องได้หลับลงในนินทราอย่างสงบสุข ฝันร้ายภายในใจของเด็กชายบัดนี้ได้รับการปลดปล่อยแล้ว โดยเทพธิดาตัวน้อยซากุระ ฝันร้ายภายในใจของนารูโตะคงจะไม่มีวันได้เกิดขึ้นอีกแล้ว
******
แต่ทว่า ไกลออกไปนอกชายฝั่งทะเล ในยามรัตติกาลนั้นแสงจันทร์สาดส่องลงบนผิวน้ำทะเล มีร่างสามร่างนอนรอคอยอยู่กลางทะเลอย่างไม่ได้สติ น้ำทะเลยังคงซัดร่างสามร่างนั้นไปมาโดยที่ทั้งสามคนนั้นไม่ได้รู้สึกตัวเลยด้วยซ่ำ ร่างนั้นยังคงลอยต่อไปอย่างไร้จุดมุ่งหมายและการช่วยเหลือใดๆ
โดยที่ภายในใต้ท้องทะเลนั้นมีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่บ้างอย่างกำลังว่ายแหวกอยู่ใต้น้ำไปมา ราวกับกำลังล่าหาเหยื่อ แต่ยังโชคดีที่มันไม่ได้เห็นร่างสามร่างที่นอนลอยคออยู่บนน้ำ ชะตาของทั้งสามคนจะเป็นอย่างไรต่อไป จะสามารถรอดพ้นจากการติดอยู่กลางทะเลได้หรือไม่
********
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น