ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Naruto ) Naruto The paradise of Atlantis ผจนภัยดินแดนแอตเลนติส

    ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่ 16 มาเป็นเกษตรกรกัน

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 63













         หลังจากวันที่ได้ไปเที่ยวหมู่บ้านเดรอนมา ตอนนี้สองพี่น้องอุซึมากิก็ต้องไปฝึกฝนวิชา กับผู้เป็นบิดาคราวนี้มินาโตะจะสอนวิชากระสุนวงจักร ซึ่งเป็นวิชาที่นารโุตะและซากุระอยากเรียนมาก ๆ พ่อของเราได้ทำการปลดฝนึกสัตว์หางเพียงบางส่วนเพื่อให้พวกเราสามารถควบคุมจักระได้ง่ายขึ้น

    ณ ลานฝึกซ่อมแถวสวนหลังบ้าน ริมทะเลสาป

    "เอาล่ะ ใช้คาถาแยกร่างก่อนเลย" 

    มินาโตะพูด ทำให้เด็กทั้งสองใช้คาถาแยกร่างของตัวเองออกมา 

    "ทำไมเราถึงต้องแยกร่างออกมาด้วยล่ะพ่อ" นารูโตะถามด้วยความสงสัย

    "ที่พ่อให้พวกลูกใช้คาถาแยกร่างก็เพราะ ลูกรู้หรือเปร่าว่า ร่างแยกของเราสามารถทำอะไรได้บ้างเดียวพ่อจะสาธิตให้ดู"

    มินาโตะไม่รอช้าประสานอินและแยกร่างออกมา

    "เริ่มแรก เราสามารถใช้ให้ร่างแยกของเราไปทำสิ่งต่างได้ ยกตัวอย่างเช่น ไปอ่านหนังสือ ซัก 1 หน้า" มินาโตะส่งหนังสือให้ร่างแยกไปอ่านหนังสือใต้ต้นไม้ เมื่ออ่านเสร็จแล้วก็เดินกลับมาส่งหนังสือในมือและหายไป " อย่างร่างแยกที่พ่อให้มันไปอ่านหันงสือ เมื่ออ่านเสร็จความรู้ต่างที่ร่างแยกได้มานั้นก็จะไหล่เข้ามาในสมองของเราไง "

    เด็กทั้งสองถึงกับคิดได้ทันที่ว่าร่างแยกสามารถทำประโยคอย่างอื่นได้อีก รวมทั้งงานสารพัด

    "งั้นเราสามารถใช้ร่างแยก อ่านหนังสือ ฝึกวิชา และทำงานบ้านได้ด้วยใช้ไหมค่ะ" ซากุระเริ่มถึงกับทึ่งในความสามารถประเภทนี้

    "ใช้แล้วลูก งั้นจงใช้ร่างแยกมาฝึกฝนและทำสิ่งต่างกันเถอะ " 

         มินาโตะพูดเสร็จแล้วก็จัดแจ้งสอนวิชากระสุนวงจักรให้ลูก ๆ ซึ่งเริ่มแรกนั้นก็ทำได้ไม่คอยดีเท่าไหล่รวมทั้งการมีสมาธิในการฝึกอีกด้วย

    "เห้ย " นารโตะและซากุระถึงกับถอนหายใจเมื่อพบว่ากระสุนวงจักรที่ปั้นขึ้นมานั้นมันกลายเป็นเพีลงกระสุนลมที่ไม่พลังอะไรเลย

    "ดูท่างานดีจะเละไม่เป็นท่า" นารูโตะถอดใจและนั้งลงกับพื้น

    "เอาน่าลูกรัก ผิดพลาดครั้งแรกก็ไม่เห็นเป็นไรนี้ พ่อเองกว่าจะทำได้ก็ใช้เวลาอีกเหมือนกันนะ" มินาโตะเดินมาดูลูกทั้งสอง

    "พวกเรารู้สึกว่าเราไม่อาจจะทำได้เลย" ซากุระพูดด้วยความสินหวังก่อนจะนั้งลงกับพื้น "ดูแล้วมันคงใช้เวลาเป็นปีแน่นอน"

    "พ่อเข้าใจดี " มินาโตะมาจับบ่าลูกทั้งสอง " ความผิดพลาดนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เราเข็มแข็งถึงครั้งนี้อาจไม่สำเร็จแต่ต้องสำเร็จได้แน่ในวันข้างหน้า งั้นพักก่อนนะ เดียวเราค่อยลุกขึ้นมาฝึกซ่อมกันอีกรอบ "

    หลังจากที่พักเสร็จแล้วเด็กทั้งสองก็กลับมาฝึกซ่อมกันอีกครั้งแต่ครั้งนี้พวกเขาซ่อมหนักกว่าแต่ก่อนมากด้วยหัวใจที่ไม่ลดละความพยายามถึงมันจะหนักหนาสาหัสอย่างไรก็ตาม แต่สำหรับสองพี่น้อง อุซึมากิ-นามิคาเซะ แล้วสายเลือดของพวกเขาคือความแข็งแกล่งและความอดทนจะมาย่อทอต่ออุปสรรคไม่ได้เด็กขาดต้องสู่ให้ถึงที่สุด 

    "ยาฮู ทำได้แล้ว"

    "หนูทำได้แล้ว"

    เด็กทั้งสองสามารุทำกระสุนวงจักรในมือได้เป็นผลสำเร็จเรียบร้อยแล้ว มินาโตะเองรู้สึกภูมิใจมากที่ลูกของพวกเขาได้เลื่อนขั้นไปอีกระดับ หลังจากที่ฝึกฝนกันเสร็จแล้วทั้งสามก็ได้เดินกลับบ้านพักผ่อนและกินข้าวเย็นแสนอร่อยของคุชินะ



    ********



    เช้าวันใหม่ได้สาดส่องเข้ามาภายในหน้าต่าง ทำให้ครอบครัวอุซึมากิ ตื่นขึ้นมาจากการหลับไหลหลังจากที่ตื่นทั้งสี่ก็อาบน้ำและกินข้าวเช่าตามปกติ แต่วันนี้คุณแม่อุซึมากิเตรี่ยมบอกข่าวให้ลูกได้ฟัง

    "วันนี้แม่จะสอนพวกลูกทำเกษตรกันนะ " หญิงสาวตอบเสียงใส่คณะดื่มน้ำ

    "ทำเกษตร ทำไมต้องทำหรือครับ" นารูโตะพูดขณะเขี่ยวขนมปัง อย่างอร่อย

    "นั้นก๋เพราะแม่ต้องการสอนลูก ให้รู้จักการเพราะปลูก อย่างไรล่ะ เพราะพวกเราสามารถสร้างอาหารภายในครัวเลื่อนโดยไม่ต้องออกไปล่าสัตว์มากินให้ลำบากอย่างไรล่ะ" คุชินะตอบเสียงเรียบ


    "แล้วเราจะเริ่มทำวันนี้เลยใช้ไหมค่ะ" ซากุระถามขึ้นมา

    "ใช้แล้วจ่ะ นายคิดอย่างไรมินาโตะคิดว่าลูก ๆ เราจะเริ่มเป็นเกษตรตอนนี้ไหม" คุชินะหันไปถามสามีที่กำลังตักซุปอยู่

    "มันก็ดีเหมือนกันนะลูก ๆ ของเราจะได้พึ่งพาตนเองได้ " มินษโตะเห็นด้วยอย่างที่ภรรยาว่า

    "แล้วถ้าหากพืชผลที่เรากินมีเหลือมีใช้ เราจะเอาไปขายให้หมู่บ้านเดรอนไหม ค่ะ  " ซากุระตอบโดยการเสนอความเห็นใช้แล้วที่หมู่บ้านเดรอนมีตลาดที่ใหญ่มากหน้าจะเอาไปขายทำเงินได้มาก

    "ถูกต้องแล้วซากุระ อีกอย่างพ่อผึ่งเจอเส้นทางใหม่ที่ไม่ต้องเดินข้ามเขาให้เหนื่อยแล้ว" มินาโตะพูดพลางยิ้ม

    "แล้วมันเป็นทางไหนหรือพ่อ" นารูโตะถามโดยฉะโงกหน้ามาที่พ่อ

    "ใจเย็นก่อนลูกช่วยเอาหน้าลูกกับไปก่อนได้ไหมนี้จะกินหน้าพ่อหรือไง" มินาโตะพูดทำให้นารูโตะฉะโงกหน้ากลับไปทันที่

    "เอาอย่างนี้นะคือ ดูนั้น" มินาโตะชี้ไปนอกหน้าตรงบริเวณทะเลสาป ทำให้ทั้ง 3 หันไปตามนิ้วที่ชี้ " ตรงนั้นพ่อเจอแม่น้ำแคบ ๆ ที่พอพายเรือออกไปมันจะไปเชื่อมกับแม่น้ำสายหนึ่งซึ่งอยู่ตรงบริเวณเดียวกับที่ตั้งหมู่บ้านเดรอน เราแค่พายเรือออกไปก็ถึงแล้วล่ะ"

    "อย่างนี้นี้เอง" นารูโตะเข้าใจในที่พ่อพูดทันที่

    หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว ครอบครัวอุซึมากิก็มาที่ไรนาของพวกเขา ซึ่งพืนผลต่าง ๆ กำลังสุกงอกงามพอดี ซึ่งสามารถเก็บมากินได้หรือเอาไปขาย

    "เอาและลูก เริ่มจากใช้คาถาแยกร่างก่อนเพราะพวกเราจะได้สามารถใช้แรงงานได้สะดวกขึ้น" คุชินะประสานอินจนเป็นร่างแยก 10 ตน มินาโตะและลูกทั้งสองก็ทำตาม หลังจากที่แยกร่างออกมาเสร็จแล้ว ทั้งหมดใช้เวทมนต์ใส่ลงไปในจอบขุดดิน และเริ่มทำการขุดและพร่วนดินโดนไม่ต้องใช้มือช่วย

    เมื่อพรวนดินเสร็จแล้วคุชินะก็เวทย์ฝน ซึ่งมันมีลักษณะเป็นฝนเทียม โดยได้ทำการร่ายเวทจนเกิดเมฆสีดำอยู่เหนือไร่ผักและมันก็สาดผนลงมายังไรเมื่อเห็นว่าเสร็จแล้วมันก็สลายไป

    "ว่าว แม่ได้เวทมนต์นี้มาอย่างไรกันผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย" นารูโตะทึ่งกับพลังเวทมนต์ของผู้เป็นมารดา 

    "แม่เรียนรู้มาน่ะเลยทำให้ใช้ได้ ที่โลกนินจาก็มีพลังแบบนี้เหมือนกันแต่ต่างกันตรงที่ไม่ต้องประสานอินกันนี้สิถือว่ามหัศจรรย์มาก" คุชินะพูดด้วยเสียงที่เรียบ

    "งั้นพวกเรามาช่วยกันเก็บเกี่ยวผลผลิตกันเถอะ" มินาโตะพูดขึ้น

    "ได้งั้น มินาโตะซากุระ ไปจัดการไร่สตอเบอรี่ สวนฉันกับนารูโตะจะจัดการที่ไร่ข้าวตกลงตามนั้นนะ"

    "อืม"

    เมื่อได้รับงานที่ได้มอบหมายแล้วทั้งสี่ก็แยกกันไปทำตามหน้าที่ ครอบครัวอุซึมากิ-นามิคาเซะช่วยกันเก็บเกี่ยวพืชผลที่เริ่มสุกได้ที่ ถึงแม้งานจะหนักหน้าสาหัสและเหนื่อยแต่ครอบครัวต้องช้วยกันอยู่เสมอโดยไม่ทิ้งกัน

    "เหนื่อยหรือเปร่าลูก" มินาโตะถามลูกสาวขณะเก็บสตอเบอรี่ที่สุกได้ที่แล้ว 

    "ไม่หรอกค่ะ หนูไม่เหนื่อยมากหรอกค่ะ" ซากุระปาดเหงื่อที่ไหลเยิมตรงหน้าฝากนึกไม่ถึงว่างานเกษตรจะเหนื่อยหนักหน้าสาหัสเพียงนี้ แต่โชคดีหน่อยที่ร่างแยกของเธอและพ่อคอยช่วยทำให้งานไม่ถึงกับหนักมาก

    "จริงสิแล้วที่โลกเก่าของพ่อนั้นเกษตรกร พวกเขาปลูกพืชเดียวกับเราไหม" ซากุระถามบิดาของตนขณะเอาลูกสตอเบอรี่ใส่ในตระก้า

    "คนที่นั้นนะหรือ คนที่นั้นก็เหมือนพวกเรานี้และทำงานทั่วไปแบบที่พวกเราทำอยู่นี้แหละ ตอนพ่อไปทำภารกิจที่แคว้นโอโตะนั้นพ่อเห็นชาวนาปลูกพืชต่าง ๆ มากมายรวมทั้งข้าวด้วยพ่อยังจำได้ถึงทุ่งข้าวสี่ทองอาหล่ามที่สุกได้ที่" มินาโตะพลางนึกถึงอดีตที่เคยได้เห็นทุ่งข้าวสีทองที่สง่างามและเหล่าชาวนาที่ออกมาเก็บเกี่ยวพืชผลเพื่อนำไปกินและขาย

    "แต่ว่า" มินาโตะหยุดนึกภาพต่าง ๆ ทันที่และถอนหายใจ

    "แต่ว่าอะไรหรือค่ะ"  ซากุระถามบิดาของตนด้วยความสงสัย

    "เกษตรก่อนบ้างคนโชคดีที่ผืชผลดีบ้างคนค้าขายได้ก็รำรวย มีกินมีใช้ แต่บ้างคนนี้สิช่างหน้าสงสารโดนภัยธรรมชาติเล่นงานจนพืชผลเสียหาย บ้างคนถูกขูดรีดจาดเจ้าที่ดินที่ชอบข่มเหงรังแกชาวบ้านจนๆ รวมทั้งการมีหนี้สินอีกเลยทำให้เกษตรกรบ้างคนถึงกับฆ่าตัวตาย แต่ลูกจงจำไว้น่ะ ข้าวที่ลูกกินรวมทั้งผลไม้ต่าง ๆ ที่ถูกปลูกขึ้นมาอย่างยากลำบากนั้นหากวันใดลูกไม่เห็นคุณค่าของมันหรือกินทิ้งกินขว้างนั้นถือว่าลูกดูถูกเกษตรกรอย่างมากเพราะ พวกเขาคือผู้ที่สร้างผลผลิตนี้ด้วยหยาดเหงือของพวกเขาเราควรให้เกียรติพวกเขาด้วยน่ะ" มินาโตะให้ข้อคิดแก่บุตรสาว

    "แต่ผลไม้พวกนี้เราปลูกเองไม่ใช้หรือ" ซากุระพูด

    "ถึงพวกเราจะปลูก เราก็ควรเห็นค่าของมัน" มินาโตะพูดพลางหยิบลูกสตอเบอรี่ที่สุกและยื่นมาให้บุตรสาวของตน "จำไว้น่ะลูก พืชผลพวกนี้นั้นมันเป็นอาหารที่เราควรแบ่งปันให้กับชาวโลกผู้หิวโหย ถึงเราจะมีมากมายกายกองกินได้ไม่จำกัดแต่เราควรมีใจที่แบ่งปันให้กับเพื่อนรวมโลก คนที่ไม่แบ่งปันหรือตระหนี่ถี่เหนี่ยว ขี้งกนั้นน่ะถือว่าต่ำยิ่งกว่าสวะหรือเป็นเศษเดนของโลกอีก ลูกอยากเป็นคนแบบไหนระหว่างผู้ให้กับขี้งก "

    ลูกสตอเบอรี่ที่ยืนมาให้ซากุระนั้นทำให้เด็กสาวนึกถึงคำสอนของแม่ที่มักสอนให้เธอรู้จักแบ่งปัน เธอยังคงนึกถึงภาพที่แม่เธอโยนข้าวเปลือกให้นกพิราบและนกป่าชนิดต่าง ๆ กิน หรือให้ผลไม้กับลิงป่าและหมีขอที่ชอบเข้ามากินของในไร่โดยที่เธอไม่ได้ไล่เลย

    "เป็นผู้ให้และแบ่งปัน แต่ต้องให้อย่างมีสติรวมทั้งดูกำลังของเราด้วยว่าจะแบ่งให้เท่าที่ไหวไหม" เด็กสาวตอบด้วยเสียงใสอย่างฉะฉาน

    "ถูกแล้วลูก การเป็นผู้ที่แบ่งปันและเสียสระนั้น ถึงแม้ผู้คนไม่จดจำเราแต่ฟ้าดินนั้นเป็นพยานให้คนดีมีคุณธรรมเสมอลูกถือได้ว่าเกิดมาในครอบครัวอุซึมากิ-นามิคาเซะไม่เสียชาติเกิดเลยที่เดียว " มินาโตะเอามือลูบหัวบุตรสาวของตนอย่างอ่อนโยนก่อนจะมาช้วยเก็บลูกสตอเบอรี่กันซึ่งก็เก็บมาได้เยอะพอควร

    **********

         ทางด้านนารูโตะเองก็ไม่น้อยหน้า ตอนนี้กำลังช่วยแม่ไถนาอยู่โดยสัตว์ที่เอามาใช้ไถนานั้นคือวัวป่า ออรอช สาเหตุที่ใช้ไถนานั้นเนื่องจากมันเป็นวัวที่แข็งแรง และทนทาน รวมทั้งเหนื่อยยากด้วย อุจจาระของมันเป็นปุ๋ยชั้นดีเลยยิ่งกว่าอุจจาระข้างคาวอีก

         วัวป่าในบ้านนั้นมีเลั้ยงไว้สองตัวเป็นเพศพูเพศเมีย พวกเราตั้งชื่อว่า เพศผู้ว่าโรนิน สวนเพสเมียชื่วว่าโรบิน พวกมันเป็นวัวป่าที่พัดหลงมาอยู่ในแถวบ้านเราพวกเราก็เลยนำมาเลี้ยงดู ซึ่งพวกมันมีนิสัยน่ารักมากและเชื้อฟังพวกเราอย่างมาก เจ้าโรบินนั้นเป็นวัวที่มีน้ำนมมากทำให้พวกเรามักจะรีดน้ำมาดืมกินเป็นประจำ

         ตอนนี้นารูโตะกำลังช่วยแม่ขับขันไถเพื่อไถหน้าโดยมีวัวออรอชที่ชื่อโรบินนั้น เดินนำหน้ารากขันไถ แสงแดดที่ร้อนระอุแต่ไม่ได้ร้อนมากได้สาดส่องลงมายังสองแม่ลูกที่มีหมวกสานสวมอยู่บนหัว เหงื่อจากการทำงานนั้นไหล่ลงอาบร่างทั้งสองจนเหนียวไปทั้งตัว

    "เหนื่อยไม่จ่ะ ลูก" คุชินะถามบตรชายซึ่งตอนนี้มีสภาพเปรอะไปด้วยดินโครนไม่แพ้แพ้ตัวเธอ

    "ก็เหนื่อยนิดหนึ่งครับ " นารโุตะทำเสียงอ่อน "ไม่อยากเชื้อเลยว่าการทำงานนั้นจะหนักถึงปานนี้"

    "ลูกก็นี้และชีวิตการทำงานไม่มีสิ่งใดได้มาฟรี ๆ หรอกมันต้องได้มาด้วยหยาดเหงือของเราอย่างสุดจริต" คุชินะพูดให้ข้อคิดแก่ลูก

    "แล้วแม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อนไหม" นารูโตะหันมาถามแม่

    "เคยสิลูกในสมัยที่แม่เป็นนินจาใหม่นั้น พวกเราได้ภารกิจไปช่วยทำนาของชาวนาคนหนึ่งบอกไว้ก่อนงานนั้นหนักมากเลยจ่ะแม่เองก็ได้สัมผัสชีวิต การทำงานครั้งแรกจึงรู่ว่ามันเป็นอย่างไร" คุชินะบอกลูกชายพรางนึกถึงอดีตอันเก่า ๆ ที่เคยทำนามาก่อน

    "นึกไม่ถึงจริง ๆเลยน่ะว่าแม่จะได้ทำนาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก " รนารูโตะคิดอย่างไม่เชื้อสายตา

    "ใช้แล้วล่ะ ง้นเรารีบทำนาให้เสร็จแล้วหว่านเมล็ดต่อกันนะ"

         หลังจากที่ไถน่าเสร็จ คุชินะนารูโตะก็หว่านเมล็ดข้าวลงไปตามบริเวณนาที่มีการไถไว้ และค่อยปล่อยน้พเข้ามาหล่อเลี้ยง

         นารูโตะได้เข้าใจแล้วว่าชีวิตการทำงานนั้นมันหนักหน้าขนาดไหนแต่ก็น่ะงานหนักในชีวิตมันก็หนักเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ก็น่ะเราต้องมีความอดทนนั้นและคือตัวเรา การทำงานครั้งนี้ได้สอนนารูโตะอะไรอีกเยอะ


    ********

         หลังจากที่ทั้งสี่ได้ทำเกษตรเสร็จแล้วก็ได้เก็บผลผลิตบ้างส่วนไว้ในห้องใต้ดิน บ้างส่วนเอาขึ้นเรือที่จอดอยู่กับท่าในทะเลสาป โดยมีการใช้ร่างแยกแบกขนผลผลิตต่าง ๆ ขึ้นเรือ หลังจากที่ขนขึ้นเสร็จแล้ว คุชินะก็ส่งลูกทั้งสองขึ้นเรือโดยมีมินาโตะใช้เวทน้ำในการขับเคลื่อนเรือแทนการใช้ฝีฟาย

         เรือได้แล่นไปตามทางน้ำ แคบ ๆ แต่ก็ยังพอให้เรือผ่านไปได้ จนกระทั้งมันได้แล้นออกมาถึงแม่น้ำสายใหญ่ ก่อนที่มินาโตะจะทำเรือเหลี่ยวขวาและแล่นไปจอดที่ท่าเรือของหมู่บ้านเดรอน

    "อ้าวมาแล้วหรือ วันนี้ดูท่ามาขายของน่ะสิ" มนุษย์หมาป่าตนหนึ่งถาม

    "อ่อ ใช้แล้ว พอดีเรากำลังจะนำของไปขายที่ตลาด ที่นั้นพอมีที่ว่างไหม" มินาโตะถามขณะผูกเชือกเรือเข้ากับเสา

    "อ่อมีที่ตลาดยังมีที่ว่างอีกเยอะ  อ่อจริงสิรู้หรือเปร่าที่นี้นะใช้ได้ทั้งเงิน ทอง เพชร และสิ่งของมากมายในการแลกเปลี่ยนน่ะสินค้านะ ขอให้โชคดีนะ ล่าก่อน" มนุษย์หมาป่ากล่าวลาและเดินไปตรวจตราเรือลำอื่น

         สามพ่อลูกใช้ร่างแยกช้วยกันขนของลงจากเรือและมุ่งหน้าไปที่ตลาดของหมู่บ้าน  ตลาดที่นี้นั้นเป็นตลาดขนาดใหญ่มีของขายมากมาย เช่น เนื้อสัตว์ ผลไม้ ผัก อาวุธ เสื้อผ้า ยาสมุนไพร ของเล่น อุปกรณ์ทำสวนและทำครัว ฯลฯ แผงขายต่าง ๆ มีการจัดกันเป็นอย่างระเบียบเรียบร้อย ทางเดินสะอาด ถูกปูด้วยอิฐสีแดง เหล่าชาวบ้านต่างออกมาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างสนุกสนาน

         ตอนนี้มินาโตะและ ลูกทั้งสองได้ตั้งแผงขายของเรียบร้อย เมื่อจัดเสร็จก่อเริ่มมีลูกค้าเข้ามาซื้อพืชผักผลไม้ต่าง
    ๆ มากมาย  สิ่งที่จ่ายมานั้นมีตั้งแต่เหลียญ เงินและเหรียญทอง หนังสัตว์อย่างวัวป่าออรอชกับหนังจระเข้อาจรวมถึงหินเพขรและคริสตัล และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่มินาโตะสอนให้ลูกทั้งสองแลกเปลี่ยนแต่ข้าวของที่จำเป็นเท่านั้นสำหรับในการใช้ชีวิตสินค้าฟุ่มเฟื้อยอย่าพึ่งสยใจ

         หลังจากที่ขายของจนหมดแล้วพวกเราก็เก็บข้าวของและลงเรือกลับบ้าน ซึ่งก็เป็นเวลาเย็นพอดีเลยที่คุชินะได้ทำอาหารเตรียมรอเอาไว้แล้ว บนโต๊ะอาหารสี่พ่อแม่ลูกต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง

    "ขายของเป็นอย่างไรบ้างลูก" คุชินะพรางถามลูกทั้งสอง

    "ก็ดีครับเราขายได้หมดเลยครับ และของที่ลูกค้านำมาจ่ายนั้นก็มีของมากมายซึ่งบ้างอย่างก็เป็นของจำเป็นด้วยครับ" นารูโตะพูด

    "หนูขายสตอเบอรี่ไปจนหมดแบบเป็นกรัมเลยค่ะแล้วลูกค้าก็จ่ายเป็นเหรียญทองและเหรียญเงิน โดยมีท่านพ่อคอยสอนพวกเราในการใช้เงินด้วยเช่น สตอเบอรี่กับองุ่นขายโลล่ะ 10 เหรียญ แต่เพื่อจะให้ไก้กำไรต้องขายในราคา 15 เหรียญ ซึ่งเราจะได้กำไรเท่ากับ 5 เหรียญอย่างไรล่ะ" ซากุระตอบอย่างฉะฉาน

    "เยี่ยมมากเลยลูก ที่นี้ลูกเข้าจะหรือยังว่าเงินทองไม่ได้หามาโดยง่าย น่ะ" คุชินะพูด

    "พวกเราเข้าใจแล้วครับ" เด็กทั้งสองตอบพร้อมกัน

    "นี้และลูกการเป็นพ่อค้าแม่ค้า วันพรุ่งนี้เดียวพ่อจะสอนวิชาการค้าขายให้อีกนะที่นี้ลูกจะได้เป็นพ่อค้าแม่ค้าอย่างเต็มตัวได้ยังไงล่ะ " มินาโตะพูดขณะตักซุป

    "ขอบคุณมากเลยค่ะท่านพ่อ" ซากุระกล่าวขอบคุณบิดา

    หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้วทั้งสีก็จัดการล้างถ่วยชามและอาบน้ำเข้านอนตามปกติ เด็กทั้งสองอดใจไม่ได้กับวันพรุ่งนี้ที่กำลังจะมาถึงแล้ว วันที่พวกเขาจะได้เป็นพ่อค้าแม่ค้า





    ***********
















































    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×